การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 90 มุ่งหน้าสู่การแข่งขันระดับอำเภอ(รีไรท์)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 90 มุ่งหน้าสู่การแข่งขันระดับอำเภอ(รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 90 มุ่งหน้าสู่การแข่งขันระดับอำเภอ(รีไรท์)

บทที่ 90 มุ่งหน้าสู่การแข่งขันระดับอำเภอ(รีไรท์)

เมื่อเห็นทั้งสามคนกลับมา หลี่จงอี้ก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “รีบไปล้างมือเร็ว จะได้กินข้าวตอนร้อน ๆ”

หลังจากนั่งทานอาหารกัน โม่เจ๋อหยวนก็บอกหลี่จงอี้ว่าเขาและถังซวงกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ “คุณปู่หลี่ครับ ถังซวงกับผมจะไปแข่งที่อำเภอนะครับ เวลาน่าจะใกล้กันพอสมควร เราน่าจะไปกลับได้ภายในวันเดียวครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็พูดว่า “เป็นเรื่องที่ดีนะ เธอกับหนูซวงแค่ทำคะแนนให้ดีก็พอ ฉันจะดูแลเสี่ยวเซวี่ยเอง ดังนั้นไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”

“คุณปู่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันรบกวนเรื่องเสี่ยวเซวี่ยด้วยนะคะ”

เพราะยังไงตอนนี้เฮ่อหลานเองก็ไม่อยู่ ดังนั้นถังซวงจึงเป็นห่วงถังเซวี่ยมากที่สุด

เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอเป็นกังวล ถังเซวี่ยจึงรีบพูดว่า “พี่สาว พี่ชายโม่อย่าพูดอย่างนั้นสิ พวกพี่ก็ไปแค่วันเดียว เพราะงั้นไม่ต้องกังวลจริง ๆ นะ พวกพี่สองคนสนใจเรื่องการแข่งดีกว่า แล้วต้องเอาที่หนึ่งกลับมาให้ได้นะ”

“ได้สิ พวกเราจะตั้งใจเพื่อเอาที่หนึ่งมาให้ได้”

เมื่อเห็นถังเซวี่ยให้กำลังใจพวกเขา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

และเมื่อถึงเวลาแข่งขัน ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็ไปโรงเรียนแต่เช้า

เมื่อเห็นทั้งสองคน ฮั่วไห่เหล่ยโบกมือให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ถังซวง โม่เจ๋อหยวน พวกเธอมาแล้ว รีบมาเร็ว ถ้าคนมาครบเราจะออกเดินทางกันแล้ว”

ผู้ดูแลในการเดินทางครั้งนี้คือฮั่วไห่เหล่ย เขารับผิดชอบในการพานักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดไปสนามการแข่งขันและพาพวกเขาทั้งหมดกลับมาที่โรงเรียน “ถังซวง ทุกคนขึ้นไปรอบนรถก่อน”

ครั้งนี้ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นทางโรงเรียนจึงเหมารถมินิแวนสำหรับคนที่ไปแข่งขันโดยเฉพาะ อันที่จริง ต้องขอบคุณโม่เจ๋อหยวนที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ไม่เช่นนั้นทางโรงเรียนคงจะไม่เต็มใจที่จะแบ่งเงินมาให้เช่นนี้ ด้วยเพราะโม่เจ๋อหยวนได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ อย่างรถเก็บเกี่ยวแบบครบวงจร เด็กคนนี้จึงถือเป็นคนพิเศษของโรงเรียน ดังนั้นการออกไปแข่งขันจะต้องไม่ทำให้เสียหน้า

เมื่อคนสุดท้ายมาถึง ทุกคนก็ออกเดินทางทันที

ครั้งนี้มีนักเรียนสามคนเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้น นอกจากถังซวงแล้ว ยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเฉิงหยวนหยวน และเด็กผู้ชายอีกคนชื่อเหว่ยชวน ทั้งสองคนเป็นนักเรียนมัธยมต้น ส่วนกลุ่มมัธยมปลาย มีนักเรียนสามคน รวมโม่เจ๋อหยวนด้วย ล้วนแต่เป็นรุ่นพี่ของพวกเธอ

เฉิงหยวนหยวนที่เป็นคนสุดท้ายที่มาถึง เธอมองไปที่ถังซวงอย่างสงสัยและถามว่า “ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย เธอเป็นนักเรียนชั้นปีที่สองหรือ?”

“ไม่ ฉันอยู่มัธยมต้นปีหนึ่ง”

“อะไรนะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง ใบหน้าของเฉิงหยวนหยวนก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “นี่… ทำไมโรงเรียนถึงปล่อยให้เด็กที่เพิ่งเข้ามัธยมต้นเข้าร่วมการแข่งขันล่ะ? เธอเข้าใจการแข่งขันครั้งนี้หรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮั่วไห่เหล่ยก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถังซวงเป็นนักเรียนของฉันเอง เธอทำได้ดีในวิชาคณิตศาสตร์ แถมเธอยังได้คะแนนเต็มในการสอบของชั้นเรียนก่อนหน้านี้ด้วย หลังจากนั้น ฉันก็ถามคำถามข้ออื่น ๆ กับเธอ ซึ่งเธอก็สามารถทำได้ทั้งหมด”

อันที่จริงครั้งนี้ก็เป็นความตั้งใจของโรงเรียนเช่นกัน โดยหวังว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งบางคนจะได้เข้าร่วมการแข่งขันด้วย จะได้มีประสบการณ์ในการแข่งขันมากขึ้น เพราะพวกเขาได้ยินมาว่าการแข่งขันประเภทนี้จะมีเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต

เมื่อเห็นว่าฮั่วไห่เหล่ยพูดแบบนั้น เฉิงหยวนหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เธอรู้สึกว่าพวกเขาแค่พาถังซวงมาด้วยเฉย ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร และคงคิดว่าเด็กสาวคงไม่ได้รับการจัดอันดับอะไรในการแข่งขันแน่นอน เธอจึงเลิกสนใจถังซวงไป จากนั้นก็มองที่โม่เจ๋อหยวนด้วยความกระตือรือร้น “สวัสดีค่ะ คุณคือโม่เจ๋อหยวน รุ่นพี่ในโรงเรียนมัธยมหรือเปล่าคะ? ฉันเห็นรูปของคุณในหนังสือพิมพ์ก่อนหน้านี้ คุณดูดีกว่าในรูปอีกค่ะ”

โม่เจ๋อหยวนเหลือบมองอย่างเย็นชาและไม่ตอบรับใด ๆ เด็กหนุ่มนั่งถัดจากถังซวงจึงหันไปถามเธอด้วยความเป็นห่วงว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอหิวไหม ฉันเอาซาลาเปากับแป้งทอดที่คุณปู่หลี่ซื้อให้มาด้วย เธออยากกินก่อนไหม?” พวกเขาออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ เลยไม่มีเวลากินข้าวเช้า

และตอนนี้ถังซวงก็หิวมาก เธอจึงพยักหน้า

โม่เจ๋อหยวนจึงรีบหยิบซาลาเปาและแป้งทอดออกมา และเทน้ำลงในแก้วอย่างระมัดระวังให้ถังซวง “ดื่มน้ำพร้อมกับซาลาเปานะ เดี๋ยวมันจะติดคอ”

“ค่ะ”

เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนส่งอาหารเช้าให้ถังซวงอย่างเป็นห่วงและอ่อนโยน อีกทั้งยังถามเธอว่าเธอต้องการอะไรอีกไหมด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ต่างพากันอึ้ง

เมื่อมองไปที่ภาพตรงหน้า เฉิงหยวนหยวนรู้สึกราวกับว่าเธอถูกตบเข้าที่หน้า และใบหน้าของเธอร้อนผ่าว โม่เจ๋อหยวนไม่สนใจเธอเลยสักนิด แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยถังซวงมาก ต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว

และสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลายอีกสองคน จ้านเฉียนเฉียนและสือเฉียนเซิงก็ตกตะลึง เพราะโม่เจ๋อหยวนที่อยู่ตรงหน้าอย่างกับคนละคนที่พวกเขารู้จัก

พวกเขาอยู่ชั้นเดียวกับโม่เจ๋อหยวน ซึ่งโม่เจ๋อหยวนที่พวกเขาเห็นมักจะเย็นชาและสันโดษเสมอ ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มดูสนใจใครเท่านี้มาก่อน พวกเขาประหลาดใจมากจริง ๆ และมองไปที่ถังซวงด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวคนนี้กับโม่เจ๋อหยวนคืออะไร?

ด้านฮั่วไห่เหล่ยไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขารู้ว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนเป็นเพื่อนบ้านกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองจะสนิทกัน…

รถมาถึงที่โรงเรียนมัธยมต้นประจำอำเภอที่ใช้เป็นสถานที่จัดสอบอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง

“เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว การสอบเริ่มเก้าโมงเช้ายิงยาวไปถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง พวกเธอตั้งใจให้ดีนะ”

“ครับ/ค่ะ”

ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเข้าห้องสอบทีละคน

หลังจากที่ถังซวงนั่งลง เธอนั่งรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่การสอบจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

หลังจากได้ข้อสอบแล้ว ถังซวงก็ไม่ได้รีบทำ แต่อ่านคำถามทั้งหมดก่อนจึงจะเริ่มเขียน

ข้อสอบนี้ถือว่ายากสำหรับนักเรียนมัธยมต้นทั่วไป และหลายคนอาจสอบไม่ผ่านด้วยซ้ำ แต่มันกลับเป็นเรื่องง่ายสำหรับถังซวง เธอเริ่มเขียนตั้งแต่ข้อแรกถึงข้อสุดท้ายอย่างง่ายดาย

ส่วนเฉิงหยวนหยวนและเหว่ยชวนก็กำลังคิดอย่างหนัก

พวกเขาไม่รู้วิธีทำข้อสอบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้มันว่างเปล่าได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สมองอย่างเต็มที่ในการคิดหาคำตอบ เวลาได้ล่วงเลยมาเรื่อย ๆ และกว่าจะถึงคำถามข้อสุดท้ายมันคงสายเกินไป

สิ่งนี้ทำให้สภาพจิตใจของเฉิงหยวนหยวนแย่ลงเล็กน้อย แต่เธอบังเอิญหันไปเห็นว่าถังซวงวางปากกาลงแล้ว และกำลังตรวจสอบกระดาษข้อสอบอย่างสบาย ๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเฉิงหยวนหยวนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ได้แต่บอกตัวเองว่าใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เธอต้องทำข้อสอบต่อไป บางทีถังซวงคงทำแบบไม่ตั้งใจและเดาคำตอบ ยังไงเธอก็เป็นเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าเรียนจะรู้อะไรมากล่ะ?

เมื่อระฆังบอกเวลาสิ้นสุดการสอบดังขึ้น ถังซวงเป็นคนแรกที่ยื่นกระดาษข้อสอบ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

“ถังซวง…”

เฉิงหยวนหยวนวิ่งเหยาะ ๆ มาจากด้านหลังและเรียกถังซวงให้หยุดรอ “เธอทำข้อสอบเสร็จทั้งหมดเลยหรือ?”

ถังซวงชำเลืองมองอย่างเฉยเมย แต่ก็ยังพูดว่า “เสร็จแล้ว ว่ากันตามตรง มันค่อนข้างง่ายน่ะ”

“เธอ…”

แม้ว่าถังซวงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เฉิงหยวนหยวนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังสื่อความหมายอย่างมีความนัยบางอย่าง…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *