การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 593 ช่วยด้วย (1)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 593 ช่วยด้วย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 593 ช่วยด้วย (1)

บทที่ 593 ช่วยด้วย (1)

ได้ยินต้วนเฟิ่งหยิงพูดออกมาอย่างนั้น เหยาหงก็นิ่งเงียบไป

ใช่ เธอไม่ควรกลับไปเรียนตอนนี้ แต่เมื่อนึกถึงว่าเธอเรียนได้ล่าช้า และมีหลายอย่างที่เรียนไม่ทันเพราะอาการป่วยของลูกชาย เหยาหงก็เริ่มกลับมากังวลอีกครั้ง

ส่วนถังซวงเห็นอีกฝ่ายกังวล จึงเอ่ยปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ฉันได้ยินว่าลูกชายของเธอป่วย ตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหนหรือ? ให้ฉันดูอาการเขาหน่อยได้ไหม”

เหยาหงเหลือบมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ

ต้วนเฟิ่งหยิงบอกว่าก่อนหน้านี้ถังซวงตรวจสอบชีพจรของเหยาหง “เหยาหง ถังซวงน่ะเก่งมากเลยนะ แค่จับชีพจรของเธอก็ทราบอาการแล้ว ให้ถังซวงลองตรวจลูกชายของเธอเถอะ”

เหยาหงยิ่งได้ยินยิ่งนึกประหลาดใจ

“ถังซวง เธอ… รักษาได้หรือ?” สาขาเภสัชกรรม แม้จะเกี่ยวข้องกับยา แต่ก็แตกต่างจากสาขาการแพทย์มาก หล่อนไม่คิดว่าถังซวงจะสามารถรักษาผู้คนได้

ถังซวงตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันเคยเรียนกับอาจารย์มาก่อนน่ะ เลยพอจะมีทักษะติดตัวมาบ้าง เดี๋ยวเธอพักสักหน่อยแล้วเราไปลาอาจารย์ด้วยกัน จากนั้นค่อยไปดูอาการของลูกชายเธอ”

เหยาหงรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “งั้นเรารีบไปกันเถอะ เสี่ยวซีของฉัน เขา…”

เหยาหงกล่าวได้เท่านี้ก็หลั่งน้ำตาออกมา

“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันและพ่อของเขาที่ไร้ประโยชน์ เสี่ยวซีป่วยมานาน ไม่หายสักที เราอยากซื้ออาหารดี ๆ ให้เขา แต่เราก็มีเงินไม่มาก เสี่ยวซีเป็นเด็กฉลาด ถึงจะป่วย แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกว่าอยากกินอาหารอร่อย ๆ เลย”

ต้วนเฟิ่งหยิงพูดขึ้นว่า “เหยาหง แล้วตอนที่หว่านหว่านและฉันให้เงินกับเธอ ทำไมเธอถึงไม่รับมันไว้ล่ะ? ทำไมถึงยอมทนมองลูกชายทุกข์ทรมาน ปล่อยวางความเย่อหยิ่งในตัวลงสักหน่อยเถอะ รับเงินพวกเราเอาไว้ แล้วถ้าในอนาคตเธอมีเงินพอก็ค่อยนำมาคืนพวกเราก็ยังไม่สาย”

“ฉัน…”

เหยาหงพูดไม่ออก

ตอนที่ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านมอบเงินให้กับเธอ เวลานั้นเธออับอายมากจนปฏิเสธไปอย่างไม่ทันคิด

แต่หลังจากที่ปฏิเสธไปอย่างนั้น เธอนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน

เพราะไม่มีเงิน จึงต้องกังวลมากเมื่อต้องพาลูกชายไปโรงพยาบาล เธอกลัวว่าเงินจะไม่พอ ไหนจะตอนที่อยากซื้ออาหารดี ๆ ให้ลูกชาย แต่กลับไม่มีเงิน ถ้าหากเธอรับเงินเหล่านั้นไว้ เธอจะสามารถจัดการทุกอย่างได้

มีหลายครั้งที่เธออยากจะพูดคุยกับต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่าน แต่เธอก็ไม่กล้าปริปาก

เวลานี้ถังซวงกล่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากจะรับความเห็นใจจากคนอื่นฟรี ๆ แต่ในขณะที่เธอกำลังคิดว่านี่เป็นความสงสารจากคนอื่น เธอคิดถึงลูกชายของตัวเองบ้างไหม? ถ้าเธอมีเงิน เธออาจจะพาเขาไปตรวจที่ดี ๆ ได้ และบางทีเขาอาจจะหายป่วยไปนานแล้วก็ได้ เธอไม่ควรปฏิเสธเงินเพียงเพราะอายนะ”

“ฉัน… ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ”

เหยาหงหลั่งน้ำตา

“ความจริงแล้วฉันก็เสียใจที่ปฏิเสธเฟิ่งหยิงกับหวานหว่าน ฉันอยากจะอ้าปากร้องขอหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเวลาที่จะได้กล่าว ฉันทรมานมากจริง ๆ และฉันยิ่งเหนื่อยมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ที่ฉันเป็นลมไป… ฮือ ฉันผิดไปแล้ว”

เห็นเหยาหงร้องไห้อย่างนั้น ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา

“พอแล้วเหยาหง หยุดร้องไห้เถอะ เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้ถังซวงช่วยดูแลลูกชายเธอไหม”

เหยาหงรีบเช็ดน้ำตา เธอพยักหน้าด้วยความเร่งรีบก่อนจะพูดว่า “อื้ม เราไปขอลาอาจารย์กันเถอะ”

หวังอี้ทราบเรื่องการเป็นลมของเหยาหงแล้ว พอถังซวงและคนอื่น ๆ มาขอลาเรียนวันนี้ เขาจึงตอบตกลงทันที

“อย่างนั้นพวกคุณพาเหยาหงไปโรงพยาบาลเถอะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้เลย”

ต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่านรีบพยักหน้ารับ “ค่ะอาจารย์ ถ้ามีอะไรพวกเราจะรีบบอกคุณทันที”

หวังอี้พยักหน้าตอบกลับ “อื้ม รีบไปได้แล้ว”

ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านรีบกลับมาที่หอพัก ก่อนจะพาเหยาหงและถังซวงออกไปยังห้องเช่าของเหยาหง

พวกเธอเข้ามาในซอยแคบ ซึ่งสภาพแวดล้อมก็ค่อนข้างเลวร้าย

เหยาหงหันมองถังซวงและคนอื่น ๆ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเคอะเขิน “ค่าเช่าที่นี่ถูกมาก พวกเราเลยเลือกที่นี่น่ะ”

ถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ได้พูดอะไร

เหยาหงถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นอย่างนั้น ถังซวงกับอีกสองคนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย เธอกังวลว่าพวกเธอจะเหยียดหยามตน แต่สุดท้ายกลับเป็นเธอที่คิดไปเอง

หลังจากเดินเข้ามาในบ้านหลังน้อย พวกเธอก็เห็นชายร่างสูงวิ่งออกมาพร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน

เหยาหงตื่นตระหนกทันที “อาเสียน เสี่ยวซีเป็นอะไร?”

ฉีเสียนตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเหยาหงกลับมาแล้ว รีบบอกกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เสี่ยวซีปวดท้อง แล้วก็มีเหงื่อออกมากด้วย”

“นี่…”

ถังซวงก้าวไปด้านหน้าก่อนจะพูดว่า “ให้ฉันดูอาการเขาหน่อย”

ฉีเสียนมองถังซวงอย่างระมัดระวัง พร้อมกอดเด็กชายในอ้อมแขนไว้แน่น

แต่เหยาหงได้สติก่อน จึงรีบพูดว่า “อาเสียน ให้ถังซวงดูลูก เธอมีทักษะการแพทย์น่ะ”

ฉีเสียนคลายความระมัดระวังลง แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อถืออีกฝ่ายนัก ถังซวงยังเด็กมาก เขาไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีทักษะการแพทย์

เหยาหงเห็นสามีไม่ยอมเคลื่อนไหวก็รีบกระตุ้น “อาเสียน พาเสี่ยวซีเข้าไปข้างใน”

ถังซวงเห็นความไม่ไว้ใจของฉีเสียนแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอคว้าข้อมือของเสี่ยวซีแล้วสัมผัสชีพจรของเขาสักครู่ จากนั้นขมวดคิ้ว พูดขึ้นว่า “เข้าไปด้านในเถอะ”

ถังซวงเหลือบมองเหยาหงและฉีเสียนบอกกล่าวให้พวกเขาพาเด็กเข้าไปด้านใน

เหยาหงเห็นท่าทีของถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะกังวล “ถังซวง เสี่ยวซีเป็นอะไรหรือ มีอะไรหรือเปล่า?” ขณะพูด เธอก็ให้สามีเข้าไปด้านในด้วย

ตอนนี้ฉีเสียนเริ่มกังวลแล้ว เขาเดินเข้าไปด้านในพร้อมอุ้มลูกไว้แน่น

หลังจากวางเด็กลงแล้ว ถังซวงหันมองเหยาหง “เหยาหง เปิดเสื้อของเสี่ยวซีขึ้นสิ”

เหยาหงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายให้ทำทำไม แต่เธอก็ยังทำตามอย่างว่าง่าย

ถังซวงเริ่มฝังเข็มบนร่างกายของเด็กโดยไม่พูดไม่จา

พอเห็นว่าท้องของลูกชายเต็มไปด้วยเข็มสีทอง เหยาหงอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ เธออยากรู้ว่าลูกชายเป็นอะไร แต่กลัวว่าคำถามจะไปรบกวนถังซวง

ฉีเสียนที่อยู่ข้าง ๆ กังวลมาก พอถังซวงหยุดมือ เขาก็รีบถาม “เสี่ยวซีเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้ แล้วพวกเธอรีบไปหายามา” ถังซวงหยิบปากกาพร้อมกระดาษออกมาเขียนใบสั่งยา

เดิมทีเหยาหงคิดจะไปซื้อยาทันที แต่ต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่านรับใบสั่งยาไปแล้วพูดว่า “เหยาหง เดี๋ยวพวกเราไปเองดีกว่า หลังจากได้ของครบเราจะรีบกลับมา” พวกเธอสองคนรีบออกไปทันที

ดวงตาของเหยาหงแดงก่ำอีกครั้ง มองทั้งสองที่ออกไปอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด