การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (1)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (1)

บทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (1)

ถังซวงได้ยินพานลี่ฮวากล่าวดวงตาก็เป็นประกายแวววับ

“จริงหรือคะป้าสะใภ้ ได้ที่งานแสดงสินค้าด้วย ป้าเก่งจริง ๆ”

พานลี่ฮวถึงกับรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย “ความจริงแล้วทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณพ่อของเธอนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา ป้าก็คงไม่ได้ที่จัดแสดงงานสินค้าได้ง่ายขนาดนี้หรอก”

ถังซวงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะได้ความช่วยเหลือจากจิงเจ้อหรง “หนูไม่เคยได้ยินคุณพ่อพูดถึงเรื่องนี้เลย”

“ป้าดูออกแล้วว่าพ่อของเธอเป็นคนประเภทไม่พูด แต่จะคอยช่วยแบบแอบ ๆ”

ถังชุนหยานได้ยินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงจิงเป็นคนแบบนี้จริง ๆ ค่ะ วันนี้พวกเราก็กลับไปขอบคุณเขากันเถอะค่ะ”

พานลี่ฮวาตั้งใจเอาไว้แบบนี้เหมือนกัน ขณะเดียวกันก็หันไปมองถังชุนหยานและพูดว่า “ชุนหยานก็ไปด้วยกันกับพวกเรานะ”

ถังชุนหยานเองอยากไปอยู่แล้ว แต่พอนึกถึงร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ เธอก็ลังเล “แล้วร้านทางนี้จะทำอย่างไรล่ะคะ ถ้ามีลูกค้าเข้ามาดูร้านล่ะ”

“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หาคนที่ไว้ใจได้มาดูร้านให้ก็ได้แล้ว”

ถังซวงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เรื่องร้านทางนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

เมื่อถังชุนหยานได้ยินก็วางใจ “ถ้างั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะได้ไปหาความรู้เพิ่มด้วย แต่ว่าที่งานฤดูใบไม้ผลิเขาใช้ภาษาต่างประเทศกันหมดหรือเปล่า ฉันไม่ค่อยเก่งซะด้วย”

พานลี่ฮวาก็เคยคิดเรื่องนี้เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ใช้เวลาช่วงนี้เรียนรู้มัน แค่พูดแนะนำสินค้าของพวกเราได้ก็พอแล้ว นอกนั้นก็ฝึกพูดแบบง่าย ๆ เอาไว้สื่อสาร ถ้าตั้งใจที่จะเรียนจริง ๆ ก็ใช้เวลาไม่นานหรอกจ้ะ”

ถังชุนหยานกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ค่ะ ฉันจะพยายามเรียนรู้มันให้ได้ค่ะ”

หลังจากที่ปิดร้านแล้วกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง จิงเจ้อหรงเองก็เพิ่งเลิกงานพอดี

ถังซวงเห็นจิงเจ้อหรงก็รีบเดินไปหาด้วยรอยยิ้ม “พ่อช่วยเราเอาไว้ตั้งขนาด ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่บอกอะไรพวกเราเลยล่ะคะ”

ตอนแรกจิงเจ้อหรงยังไม่ทันได้รู้ตัว แต่หลังจากรู้เรื่องงานฤดูใบไม้ผลิเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของพวกลูกจะทำให้เงินต่างชาติเข้ามาได้ ดังนั้นพ่อไม่ได้กำลังช่วยลูก แต่ทำเพื่อให้เงินต่างชาติเข้ามาต่างหาก”

เมื่อถังซวงได้ยินก็กล่าวด้วยใบหน้าแน่วแน่ “พ่อไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะพยายามเต็มที่แน่นอนค่ะ”

“ดีมาก”

จิงเจ้อหรงมองลูกสาวคนโตด้วยความภาคภูมิใจ ทุกวันนี้มีแต่คนมาพูดกับเขาเรื่องถังซวงกันทั้งนั้น ความจริงแล้วเขารู้ดีว่าตอนเขาแต่งงานกับอาหลาน และยังมีลูกสาวไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีกสองคน ก็มีคนไม่น้อยพากันหัวเราะเยาะใส่ แต่สุดท้ายพอเห็นว่าถังซวงได้รับความชื่นชมจากผู้อาวุโสจู และยิ่งเห็นความเก่งกาจของซวงเอ๋อร์ คนพวกนั้นก็ต่างพากันอิจฉา

หลังจากที่เดินเข้าบ้านไปแล้ว ถังหลานเห็นว่าพวกเขากลับมาพร้อมกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ไปเจอกันระหว่างทางหรือคะ”

“ใช่ ตรงหน้าประตูใหญ่นะ”

พานลี่ฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็พาถังหลานเดินไปที่ห้องครัว “อาหลาน วันนี้ฉันจะแสดงฝีมือการทำอาหารกวางตุ้งให้ พวกเธอคอยชิมนะ”

ถังหลานได้ยินก็รีบดึงตัวพานลี่ฮวาและบอกว่า “พี่สะใภ้ ฉันจะให้แขกทำได้อย่างไรคะ ในครัวก็มีพวกป้าพานอยู่ ไม่พอยังมีฉันด้วย พี่รีบออกไปข้างนอกเถอะค่ะ เดี๋ยวแป๊บเดียวก็ได้ทานอาหารแล้ว”

แต่พานลี่ฮวากลับยืนกราน

“ไม่เป็นอะไร ฉันจะทำแค่สองอย่างเอง”

ถังซวงรู้ว่าป้าสะใภ้อยากจะแสดงความขอบคุณคุณพ่อของเธอ ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปหาและกล่าวว่า “ป้าสะใภ้ เดี๋ยวหนูช่วยเองค่ะ”

“หนูด้วยค่ะ”

ถังชุนหยานก็เข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม

ถังหลานมองถังซวงและถังชุนหยานเชิงตำหนิ และกล่าวว่า “สองคนจะเข้ามาป่วนอะไรเนี่ย”

แต่ว่าในท้ายที่สุดพานลี่ฮวาก็พาถังซวงและถังชุนหยานมาทำอาหารกวางตุ้งทั้งสองจานด้วยกันจนได้ และเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนทานอาหารเย็น ทุกคนก็พากันเอ่ยชมพานลี่ฮวาไม่ขาดปาก “หมูอบน้ำผึ้งกับหมูกรอบนี้อร่อยจริง ๆ”

พานลี่ฮวาที่ถูกชมจนทำตัวไม่ถูก

“อันที่จริงฉันทำเป็นแค่สองอย่างนี้แหละค่ะ อย่างอื่นทำไม่เป็นเท่าไหร่หรอก เดี๋ยวรอฉันฝึกฝีมือเพิ่มอีกนิดจะทำอาหารจานอื่นให้ทานนะคะ”

คุณนายจิงได้ยินก็รีบพูดว่า “ลี่ฮวา ครั้งหน้าไม่ต้องลำบากทำอะไรพวกนี้หรอก แต่ถ้าอยากทำจริง ๆ ก็มาทำติ่มซำกันดีกว่า ฉันได้ยินมาว่าก่างเฉิงมีติ่มซำอร่อย ๆ เยอะเลยนี่”

พานลี่ฮวาได้ยินก็พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้เลยค่ะ เดี๋ยวครั้งหน้าเรามาทำติ่มซำด้วยกัน”

หลังจากทานอาหารเสร็จ ถังซวงก็พูดเรื่องที่เดือนหน้าจะไปที่เมืองกวางโจว “คุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ เดือนหน้าฉันกับชุนหยานจะไปเมืองกวางโจวด้วยกันกับป้าสะใภ้ ประมาณครึ่งเดือนถึงจะกลับค่ะ”

ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงยังไม่รู้เรื่องงานฤดูใบไม้ผลิ หลังจากที่จิงเจ้อหรงเล่าให้ฟัง ผู้อาวุโสทั้งสองก็สนับสนุนกันอย่างแข็งขัน “เอาล่ะ พวกเธอก็ไปด้วยกันนั่นแหละ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้บอกพวกเราทันที ที่พวกเธอทำก็เพื่อให้เงินต่างชาติเข้ามานี่ มันเป็นเรื่องที่ดีมากนะ”

เมื่อกล่าวจบ ผู้เฒ่าจิงอดไม่ได้ที่จะตบไหล่ถังซวงและกล่าวว่า “ซวงเอ๋อร์ ปู่เชื่อในตัวหลาน หลานจะต้องนำเงินต่างชาติเข้ามาได้อย่างแน่นอน แต่ต่อให้ไม่สามารถทำได้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่พวกหลานไป แน่นอนว่ามันก็ต้องมีเรื่องที่ไม่รู้อีกเยอะ ถ้ายังไม่สามารถดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้ก็ถือว่าปกติ พอผ่าน ๆ ไปเดี๋ยวก็จะมีเอง”

ถังซวงได้ยินก็มองไปที่ผู้เฒ่าจิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างไรพวกเราก็จะพยายามค่ะ”

“ดี”

เรื่องที่ถังซวงและถังชุนหยานจะไปทางใต้ก็ได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่ถังเซวี่ยทราบ เธอเองก็อยากจะตามไปด้วยเช่นกัน แต่เพราะช่วงนี้เธอเรียนค่อนข้างหนัก และยังรับงานออกแบบจากซูซานด้วย เพราะฉะนั้นเธอจึงยุ่งจนไม่มีเวลา

“เสี่ยวเซวี่ย เธอก็อยู่ที่นี่แหละ หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสพวกเราค่อยไปกันด้วยกันใหม่ พี่ได้ยินมาว่าครึ่งปีหลังเดี๋ยวก็จะจัดขึ้นอีก”

ถังเซวี่ยทำได้เพียงตอบรับอย่างอาลัยอาวรณ์ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด