การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 622-2 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (2)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 622-2 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (2)

บทที่ 622 ร่วมงานฤดูใบไม้ผลิ (2)

เดิมทีพานลี่ฮวาวางแผนว่าจะไปล่วงหน้าก่อน แต่ถังซวงและถังชุนหยานก็ออกจากปักกิ่ง และตามเธอไปพร้อมกันด้วย

“ซวงเอ๋อร์ ชุนหยาน ความจริงแล้วเดือนหน้าพวกเธอค่อยมาก็ได้ ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอก”

ถังซวงกลับมองไปที่พานลี่ฮวาและกล่าวว่า “ป้าสะใภ้คะ พวกเราไปเมืองเผิงก่อน จะได้ไปดูว่าโรงงานที่เพิ่งสร้างใหม่เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าตอนนั้นคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะ ที่โรงงานอาจจะงานล้นมือ เลยต้องเตรียมการล่วงหน้า แล้วก็ค่อยเชิญผู้อำนวยการโรงงานรื่อฮว่า ที่เมืองกวางโจวมาทานอาหารด้วยกัน”

ครั้งนี้บริษัทซวงฮวาของพวกเขาจะเข้าร่วมในงานฤดูใบไม้ผลิโดยอยู่ภายใต้โรงงานรื่อฮว่า เมืองกวางโจว ดังนั้นพวกเธอจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาเอาไว้

พานลี่ฮวาได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และกล่าวว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอคิดรอบคอบจริง ๆ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นโรงงานสร้างใหม่ในเมืองเผิง ก็อาจจะยุ่งวุ่นวายหน่อย แต่ก็มีคนงานเพียงพอแน่นอน” ความจริงแล้วเธอไม่คิดว่าจะมีคำสั่งซื้อมากนัก อีกทั้งคำสั่งซื้อจากต่างชาติก็ไม่ใช่ว่าจะมาได้ง่าย ๆ ด้วย

ถังซวงกลับรู้สึกว่าครั้งนี้เป็นโอกาสอันดี เพราะซูซานและโซเฟียเองก็มีความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่นนั้นชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ก็จะต้องสนใจเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน

หลังจากที่พานลี่ฮวาทราบ สุดท้ายก็กล่าวออกมา

“ซวงเอ๋อร์ แต่ว่านักลงทุนชาวต่างชาติที่มาไม่ได้ทำธุรกิจแถวนี้ การที่พวกเราจะได้รับคำสั่งซื้อสินค้าก็คงเป็นเรื่องยาก นักลงทุนต่างชาติที่มางานฤดูใบไม้ผลิ ล้วนมีสินค้าที่เป็นเป้าหมายของตัวเองอยู่แล้วด้วย หลัก ๆ เลยคือสินค้าเรามีสินค้าเพียงกลุ่มเดียว นั่นก็คือเครื่องสำอาง ไม่เหมือนโรงงานรื่อฮว่า เมืองกวางโจว ที่มีสินค้ามาจัดแสดงเยอะมาก”

ถังซวงเองก็ทราบถึงความกังวลใจของพานลี่ฮวา แต่การที่พวกเขาสามารถเข้าร่วมงานจัดแสดงได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว

“หนูเข้าใจค่ะป้าสะใภ้ แต่อย่างไรพวกเราก็เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ค่อยไปดูกันอีกทีเถอะค่ะ”

“อืม”

หลังจากที่ทั้งสามคนมาถึงเมืองเผิง ก็ไปที่พักของพานลี่ฮวา หลังจากที่วางของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกไปที่ร้านด้วยกัน

ซุนเฉียนซีเห็นเถ้าแก่ทั้งสองคนเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปหาและกล่าวว่า “ประธานถัง ประธานพาน มาถึงแล้วหรือคะ เชิญมานั่งข้างในก่อนค่ะ” พูดจบก็เรียกถังชุนหยานให้นั่งลงด้วยกัน หลังจากนั้นเธอก็เทน้ำชาและยกติ่มซำมาให้ด้วยความยินดี

พนักงานในร้านที่มาใหม่เห็นซุนเฉียนซี ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านตอนรับถังซวงอย่างขะมักเขม้น ก็รู้ได้ทันทีว่าบุคคลเบื้องหน้าต้องไม่ธรรมดา พวกเธออยากรู้มากว่าพวกถังซวงเป็นใคร แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปถาม

ถังซวงเองก็สังเกตมองพนักงานใหม่เหล่านั้น แม้ว่าหลายคนจะมองดูอย่างสงสัยแต่พวกเขาก็อยู่ประจำตำแหน่งของตน ไม่ได้ขยับไปไหน เธอจึงพยักหน้า เป็นเวลาพอดีกับที่ลูกค้าเข้ามาในร้าน พนักงานจำนวนหนึ่งก็รีบเข้าไปสอบถามและแนะนำลูกค้าทันที

ถังซวงเห็นดังนั้นก็พยักหน้าอย่างอดไม่ได้

หลังจากที่พานลี่ฮวาถามไถ่ถึงเรื่องกิจการทางฝั่งเมืองเผิงกับซุนเฉียนซีเสร็จแล้ว จึงได้รู้อย่างคร่าว ๆ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมมากเลย ดูท่าแล้วกิจการทางฝั่งเมืองเผิงนี้เองก็ดีมาก” ในขณะที่กล่าว เธอยื่นชุดเครื่องสำอางสองหมื่นหยวนที่นำมาที่นี่โดยเฉพาะให้ซุนเฉียนซี และกล่าวว่า “ต่อไปเครื่องสำอางชุดนี้จะเป็นสมบัติของร้านนะ ราคาสองหมื่นหยวน เธอต้องรักษาให้ดี อย่าทำตกแตกเด็ดขาด”

หลังจากที่ซุนเฉียนซีรู้ราคา มือของเธอก็สั่นอย่างอดไม่ได้

ไม่คิดเลยว่าบริษัทจะนำเสนอสินค้าชั้นสูงเช่นนี้ แม้แต่ในก่างเฉิงเองก็ไม่มีสินค้าที่แพงขนาดนี้เลย ดังนั้นหลังจากที่เธอรับมันมาอย่างระมัดระวัง จึงพยักหน้าและกล่าวอย่างจริงจัง “ประธานพาน ฉันจะรักษามันให้ดีแน่นอนค่ะ”

“ดี ลำบากเธอด้วยนะ พวกเรากลับกันก่อนล่ะ”

“ค่ะ”

หลังจากที่พวกถังซวงได้ออกไปแล้ว ซุนเฉียนซีก็รีบวางเครื่องสำอางชุดนั้นลงในจุดที่ดึงดูดสายตาผู้คน ขณะเดียวกันก็ติดป้ายแสดงราคา

หลังจากพนักงานในร้านเข้ามา พวกเธอต่างก็ร้องออกมาด้วยความไม่เชื่อ “ผู้จัดการร้านคะ อัน… อันนี้จะมีคนซื้อจริง ๆ หรือคะ ของแพงขนาดนี้ไม่มีใครกล้าซื้อหรอกค่ะ” พวกเธอวิจารณ์อยู่ในใจ ราคานี้แพงเกินไปแล้ว อย่างกับขูดเลือดขูดเนื้อ

ซุนเฉียนซีได้ยินก็เหลือบมองและกล่าวว่า “ที่ปักกิ่งก็มีคนซื้อชุดนี้ไป ดังนั้นที่เมืองเผิงก็ต้องมีคนมาซื้อเหมือนกัน พวกเธอต้องระวังหน่อย อย่าแตะต้องจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นจะชดใช้กันไม่ไหว”

พนักงานรีบพยักหน้าและกล่าว “พวกเราจะระวังค่ะผู้จัดการ”

คิดขำ ๆ ของแพงขนาดนี้ ต่อให้พวกเธอเอาไปขายก็ไม่รู้ว่าจะได้ราคาเท่านี้หรือเปล่า

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พวกถังซวงกลับไปยังที่พักก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อน เสร็จแล้วพานลี่ฮวาก็พาถังซวงและถังชุนหยานไปทานอาหารที่ร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “อาหารร้านนี้รสชาติดีมาก พวกเธอลองชิมดูเร็วเข้า”

เดี๋ยวนี้คนเริ่มทำธุรกิจขนาดเล็กแบบนี้กันมากขึ้น

แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กแต่ก็ทำเงินได้ไม่น้อยทีเดียว อย่างที่เมืองเผิง หลายคนก็เริ่มเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ กัน และแน่นอนว่าเกี่ยวกับความเป็นคนทางใต้ด้วย วัฒนธรรมการทำธุรกิจจึงค่อนข้างโดดเด่นกว่าคนทางเหนืออยู่บ้าง

ถังซวงและถังชุนหยานได้ยินพานลี่ฮวากล่าวก็รีบชิมรสชาติและพบว่ามันอร่อยจริง ๆ

“ป้าสะใภ้เคยทานอาหารที่นี่มาก่อนหรือคะ?”

พานลี่ฮวาพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ ป้าว่าในเมืองเผิงมีร้านอาหารเยอะอยู่แล้ว ครั้งหน้าจะลองไปชิมร้านของที่อื่นกันนะ”

ทั้งสามคนรีบกลับไปพักผ่อนหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ

พอถึงรุ่งขึ้นพานลี่ฮวาได้นัดหมายกับผู้อำนวยการโรงงานรื่อฮว่าในกวางโจวเอาไว้ และวางแผนว่าจะเชิญเขาทานอาหารด้วย

สุดท้ายผู้อำนวยการเถียนก็ไม่ยอม และเชิญพานลี่ฮวาไปทานอาหารในโรงอาหารที่ด้านในโรงงานแทน “ประธานพาน ทานอาหารในโรงอาหารง่ายและสะดวกดี อีกอย่างโรงอาหารในโรงงานของเราก็รสชาติเยี่ยมมากด้วยครับ”

พานลี่ฮวาได้ยินก็ตอบยิ้ม ๆ

ด้วยเหตุนี้ถังซวงและถังชุนหยานก็ตามไปที่โรงงานรื่อฮว่าด้วย

เมื่อผู้อำนวยการเถียนได้พบถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แม้ตนจะรู้มานานแล้วว่าเด็กสาวถังซวงคนนี้จะยังอายุน้อย แต่เมื่อมาเจอเธอตัวเป็น ๆ ในวันนี้ ก็ยังนึกประหลาดใจอยู่ดีว่าบริษัทที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้จะบริหารงานโดยเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ

ถังซวงเองก็ค่อนข้างประทับใจในตัวผู้อำนวยการเถียน เธอเอ่ยถามเขาเรื่องธุรกิจโรงงานรื่อฮว่า

ทว่าพอพูดถึงเรื่องนี้ผู้อำนวยการเถียนก็ไม่ได้กล่าวอะไรมาก ดังนั้นสุดท้ายถังซวงเองก็ไม่ได้ถามให้มากความ หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จก็แยกกันไป

หลังจากที่ออกจากโรงงานรื่อฮว่า พวกเธอก็ยังไม่รีบกลับที่พัก แต่กลับไปที่โรงงานอีกที่หนึ่ง

เมื่อเห็นอาคารของตัวโรงงานใหม่เอี่ยมและห้องทำงานที่สะอาดสะอ้าน ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและกล่าวว่า “ป้าสะใภ้ ที่นี่ดูดีเลยค่ะ”

“เสี่ยวซุนดูแลได้ดี กิจการทางฝั่งเมืองเผิงส่วนใหญ่ทั้งหมดนี้เป็นเสี่ยวซุนที่ดูแล”

ถังซวงรู้ถึงความสามารถของซุนเฉียนซีว่าเก่งกาจมาก สิ่งที่น่าชื่นชมในตัวเธออีกอย่างก็คือเธอทำงานอย่างหนักและพัฒนาการอยู่ตลอด หากมีซุนเฉียนซีอยู่ที่เมืองเผิง พวกเธอก็วางใจ

หลังจากที่ทั้งสองคนพูดเรื่องซุนเฉียนซีจบ พานลี่ฮวาก็ดึงตัวถังชุนหยานเอาไว้

“ชุนหยานไม่ได้มาที่โรงงานบ่อย ๆ เพราะงั้นเธอก็รีบไปสอนพวกเขาให้เป็นไว ๆ จะได้ทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนมากขึ้น” พานลี่ฮวายังคงจำเรื่องตอนเปิดตัวร้านใหม่ที่ปักกิ่งได้แม่น ดังนั้นจึงรีบมองไปที่ถังชุนหยานและเอ่ยถามว่า “ชุนหยาน แบบนั้นเธอทำเป็นไหม?”

ถังชุนหยานได้ยินก็กล่าวพลางพยักหน้า “ได้ค่ะ”

พานลี่ฮวาเห็นถังชุนหยานพยักหน้าว่าทำได้ เธอจึงเรียกให้คนมาดูเพื่อให้พวกเขาเริ่มเรียนรู้จากถังชุนหยาน

ถังชุนหยานเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวยิ้ม ๆ “คุณป้าพาน ก็จริงที่ฉันทำได้ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีอุปกรณ์ ฉันก็สอนไม่ได้หรอกค่ะ”

“เธออยากได้อุปกรณ์อะไรบอกมาเลยจ้ะ เดี๋ยวป้าจะให้คนไปเตรียมไว้ให้”

เมื่อเห็นว่าพานลี่ฮวากระตือรือร้นขนาดนี้ ถังชุนหยานก็มองไปที่ถังซวงอย่างอดไม่ได้

หลังจากที่ถังซวงพูดถึงเรื่องอุปกรณ์ เธอก็มองไปที่พานลี่ฮวาและกล่าวว่า “ป้าสะใภ้คะ วันนี้ยังสอนอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ งั้นเรามาเริ่มสอนจากอะไรง่าย ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา”

หลังจากที่อุปกรณ์มาถึง ถังชุนหยานก็เริ่มการสอน จากนั้นทั้งสามคนก็กลับไปในภายหลัง

หลังจากอยู่ที่เมืองเผิงได้สองสามวัน ถังซวงและพวกก็ตามคนจากโรงงานรื่อฮว่าไปที่เมืองกวางโจวเพื่อร่วมงานฤดูใบไม้ผลิด้วยกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด