กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ 140 ขุนนางหญิงคนแรกแห่งแคว้นเฉิง (1)

Now you are reading กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ Chapter 140 ขุนนางหญิงคนแรกแห่งแคว้นเฉิง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางหันไปมองตงฟางจั๋วด้วยสายตาเรียบเฉย สายตานั้นเย็นชาและแฝงไว้ด้วยแววเย้ยหยันรางๆ เห็นชัดว่านางต้องการสื่อว่า ‘คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องยังมอบความเชื่อใจให้นางได้ แต่ท่านที่มีศักดิ์เป็นพระสวามี ผู้ซึ่งเคยมอบคำสาบานสามภพสามชาติแก่นาง กลับผลักนางตกนรกในช่วงเวลาสำคัญ แล้วยังมีสิทธิ์อะไรมาตั้งข้อสงสัยหรือเจ็บปวดอีก? ช่างน่าขบขันยิ่งนัก!’

ตงฟางจั๋วนัยน์ตาหดตัว หัวใจเจ็บปวดยากทานทน

ตงฟางเจ๋อแย้มยิ้มให้นางเบาๆ ไม่เอ่ยคำใดอีก

หลีเฟิ่งเซียนขมวดคิ้วแน่น สายตากวาดมองกลับไปกลับมาระหว่างซูหลีและตงฟางเจ๋อ คล้ายไม่อยากเชื่อ

ฮ่องเต้ถามเสียงเข้ม “ในเมื่อพวกเจ้าล้วนคิดว่าสมควรสืบสวน เช่นนั้นพวกเจ้าเห็นว่าคดีนี้ควรมอบหมายให้ผู้ใดรับผิดชอบ?” สายตาอันลึกล้ำกวาดมองผ่านใบหน้าพวกเขาไปทีละคน

ฮ่องเฮารีบก้มหน้า ตงฟางเจ๋อเองก็เงียบงันไม่เอ่ยวาจา

เรื่องราวเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของราชวงศ์ และยังลามไปถึงจวนเซ่อเจิ้งอ๋องกับจวนจิ้งอันอ๋อง ไม่ว่าสำหรับผู้ใดก็ถือเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากทั้งนั้น ท่ามกลางข้าราชบริพาร ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าผู้ใดมีความกล้ารับคดีนี้ไปทำ แค่ความซับซ้อน ความน่าเหลือเชื่อ และความเป็นไปได้ที่จะไขคดีสำเร็จมีมากแค่ไหน ก็ยังไม่มีใครกล้ารับประกันเลย

ตงฟางจั๋วพลันเงยหน้า กล่าวว่า “เสด็จพ่อโปรดมอบคดีนี้ให้ลูกทำเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮองเฮาตกใจ หมายจะอ้าปากต่อว่า ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วพูดขึ้นก่อน “เจ้างั้นหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ!” ตงฟางจั๋วสายตามาดมั่น “ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ค้นหาและคลี่คลายความจริงของเรื่องนี้ไปมากกว่าลูกอีกแล้ว!”

“แต่ความจริงที่เจ้าสืบได้ เจ้าคิดว่าจะมีคนเชื่ออย่างนั้นหรือ? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าจงใจสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อรักษาหน้าตนเอง?” ฮ่องเต้สีหน้าเย็นชา น้ำเสียงแฝงแววตำหนิเล็กน้อย

ตงฟางจั๋วก้มหน้าไม่พูดจา เรื่องที่ฮ่องเต้กล่าวมาไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด เพียงแต่ยามนี้ ในใจของเขา เรื่องพวกนั้นคล้ายไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว! สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงความจริง ความจริงที่จะทำให้เขาเจ็บแค้นตนเองไปทั้งชีวิต!

“ฝ่าบาทเพคะ! ซูหลีขอบังอาจแนะนำคนผู้หนึ่งเพคะ!” หลังจากความเงียบงันผ่านไปชั่วอึดใจ ซูหลีพลันเปิดปาก

ฮ่องเต้ถาม “ผู้ใด?”

ซูหลีเงยหน้าสบตากับฮ่องเต้ สีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงมั่นคง “เป็นตัวซูหลีเองเพคะ!”

“เจ้างั้นหรือ?” คิ้วเข้มกระดกขึ้นเล็กน้อย ฮ่องเต้ถามคำถามเดียวกับเมื่อครู่

ซูหลีตอบ “เพคะ ฝ่าบาท ชะตาชีวิตของซูหลีได้ถูกผูกติดกับท่านหญิงหมิงอวี้มานานแล้ว หากคดีนี้สามารถมอบหมายให้ซูหลีเป็นผู้รับผิดชอบได้ ซูหลีจะทุ่มเทแรงกายแรงใจสุดชีวิตแน่นอนเพคะ!”

“เช่นนั้นหากเจ้าสืบหาความจริงไม่สำเร็จเล่า?”

“ซูหลียอมตายเพื่อชดใช้ความผิดเพคะ!” สีหน้านางเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ยามนี้ราวกับมีรัศมีแปลกประหลาดส่องประกายออกมาจากตัวนาง พาให้ผู้คนมิอาจมองข้าม

ฮ่องเต้สายตาไหวระริก จ้องหน้านางอยู่เนิ่นนาน พลันหันไปทางตงฟางเจ๋อ ถามว่า “เจ๋อเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเช่นไร?”

ตงฟางเจ๋อครุ่นคิดเล็กน้อย “ลูกคิดว่า ในเมื่อคดีนี้เกี่ยวข้องกับท่านหญิงหมิงซีอย่างมิอาจแยกจาก ท่านหญิงหมิงซียังได้ท่านหญิงหมิงอวี้มาเข้าฝันเพื่อช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ยามนั้นอย่างชัดเจน ราวกับได้ประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง ลูกคิดว่าหากมอบหมายคดีนี้ให้นางรับผิดชอบ เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแต่…” เสียงสะดุดไปเล็กน้อย

ฮ่องเต้ถาม “เพียงแต่อะไร?”

“เพียงแต่เรื่องราวเกี่ยวโยงถึงจวนเซ่อเจิ้งอ๋องและจวนจิ้งอันอ๋อง หากจะสืบคดี ท่านหญิงเป็นสตรีที่ไร้ขั้นไร้ยศ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม! สืบคดีจำต้องมียศราชการ มิเช่นนั้นนางซึ่งเป็นเพียงท่านหญิง ตำแหน่งยังไม่สูงพอที่จะใช้อำนาจในราชสำนักได้พ่ะย่ะค่ะ” ตงฟางเจ๋อเอ่ยอย่างแช่มช้าจนจบ ก่อนหันไปมองซูหลีแวบหนึ่ง

ฮ่องเต้ครุ่นคิด เลื่อนสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูกมองไปยังหลีเฟิ่งเซียน ซูเซียงหรู ตงฟางเจ๋อ และตงฟางจั๋วทีละคนๆ สุดท้ายก็หยุดมองที่ซูหลี กล่าวอย่างครุ่นคิด “ตำแหน่ง…ไม่ใช่ปัญหา คดีนี้จะมอบหมายให้เจ้าไปสืบสวนก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า…”

ฮ่องเต้หยุดกล่าว ส่งผลให้ซูหลีหวั่นใจไปด้วย นางเงยหน้ามองฮ่องเต้ เห็นเพียงฮ่องเต้เลื่อนสายตาไปมองหลางฉ่างและหยางเซียว “พิธีคัดเลือกพระสวามีในครานี้อย่างไรก็ต้องมีบทสรุปเสียก่อน ไม่อาจปล่อยให้องค์รัชทายาทแห่งแคว้นติ้งและองค์ชายสี่แห่งแคว้นเปี้ยนรั้งอยู่ที่นี่อีกสามเดือน!”

ซูหลีเข้าใจความหมายของฮ่องเต้ทันที นางรีบหันไปกล่าวกับหลางฉ่างและหยางเซียวอย่างอ่อนน้อม “องค์รัชทายาทอ่อนโยนสง่างาม รูปงามไม่เป็นสองรองใคร องค์ชายสี่มีอารมณ์ขบขันร่าเริง หาได้ยากยิ่ง ในฐานะสวามี ทั้งสองท่านล้วนเป็นตัวเลือกหนึ่งในหมื่น! ซูหลีได้รับความโปรดปรานจากทั้งสองท่าน รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทว่า…” นางหันกลับไปมองตงฟางเจ๋อและตงฟางจั๋ว สายตาเต็มไปด้วยความเสน่หาคล้ายกำลังขวยเขิน ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง กล่าวต่อว่า “เรื่องของพรหมลิขิต เป็นเรื่องที่ยากคาดเดาจริงๆ ซูหลีมิกล้าปิดบัง ในใจมิได้คิดเสน่หาทั้งสองท่าน จึงไม่กล้าทำให้การเดินทางของทั้งสองท่านยืดเยื้อออกไป หวังว่าทั้งสองท่านจะอภัยให้ซูหลีนะเพคะ!”

โค้งคำนับอย่างงดงาม นางปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ไม่เลือกผู้เข้าคัดเลือกที่ต้องใจ กลับตัดองค์รัชทายาทและองค์ชายสี่ออกก่อน พาให้ผู้คนในที่นี้ต่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย

เดิมทีตงฟางจั๋วควรเป็นคนที่ดีใจที่สุด แต่ยามนี้เขากลับดีใจไม่ออก คดีของหลีซู หากเป็นเรื่องอยุติธรรมจริง เขาก็ไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับตนเอง และควรเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณของหลีซูเช่นไรดี ยังมีซูหลีผู้ที่เป็นดั่งคนคนเดียวกับหลีซูคนนี้อีก…ในภายภาคหน้า เขาจะยังคิดว่าสตรีนางนี้คือสิ่งที่สวรรค์ส่งมาชดเชยให้เขาได้อย่างสง่าผ่าเผยอีกหรือ? เขาหลับตาแน่น จู่ๆ ก็ไม่กล้าคิดหรือจินตนาการอะไรอีก ทุกสิ่งที่เขาอยากครอบครองในอนาคต ล้วนกลายเป็นฟองสบู่ไปในพริบตา

ราวกับคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ หลางฉ่างไม่ได้แปลกใจมากนัก เพียงประคองนางให้ลุกขึ้นช้าๆ มองนางด้วยสายตาเสียดาย ทอดถอนใจกล่าวว่า “ท่านหญิงไม่จำเป็นต้องขอโทษ! หลางฉ่างเดินทางมาครานี้ได้พบท่านหญิง ก็นับว่าพอใจมากแล้ว ขอเพียงท่านหญิงมีความสุขดี หลางฉ่างก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก!”

น้ำเสียงของเขาจริงใจและอบอุ่น สายตาอ่อนโยน แต่ซูหลีก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความผิดหวังรางๆ จากใจเขา เฝ้ารอมาสามเดือน สุดท้ายต้องกลับไปมือเปล่าเพียงลำพัง ไม่มีท่าทีคับแค้นใจ ระหว่างพิธีคัดเลือกก็ไม่เคยใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้นางไปครอบครอง บุรุษเช่นนี้ ซูหลีอดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชม จึงแย้มยิ้มให้เขาอย่างซาบซึ้งใจ

“น่าเสียดายจริงๆ!” หยางเซียวกล่าวเสียงดัง ยกมือกุมหน้าอก ทำท่าคอตกด้วยท่าทางเกินจริง คล้ายเป็นทุกข์เพราะความผิดหวัง

ซูหลีเห็นเช่นนั้นก็นึกขัน นางไม่มีทางเชื่อว่าองค์ชายสี่ผู้นี้จะเสียใจจริงๆ กลับรู้สึกว่าคนผู้นี้ภายนอกแสดงออกเหมือนไม่เอาจริงเอาจัง คล้ายไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่เมื่อใดตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ก็จะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ

ซูหลียคลี่ยิ้ม “องค์ชายสี่ไม่ต้องเสียใจไปเพคะ ได้ยินว่าแคว้นเปี้ยนมีสตรีรูปงามมากมาย แต่ละคนล้วนมีสง่าราศีไม่แพ้บุรุษเพศ น่าจะเหมาะเป็นพระชายาขององค์ชายสี่มากกว่าซูหลีนะเพคะ! ซูหลีขออวยพรให้องค์ชายสี่หาสตรีในดวงใจเจอ และได้แต่งงานครองคู่กันในเร็ววัน” นางหยิบถ้วยสุราขึ้นมาสองถ้วย ก่อนส่งถ้วยหนึ่งให้เขาด้วยรอยยิ้ม

หยางเซียวรับไปอย่างจนใจ แหงนหน้ากระดกรวดเดียว ถอนหายใจเสียงดัง กล่าวว่า “สตรีงามมีอีกมากมายเพียงใด ก็มิอาจเทียบอาหลีน้อยได้หรอกหนา! เฮ้อ! ช่างเถิดๆ ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงมิอาจฝืนใจ เช่นนั้น…ก็ขอให้อาหลีน้อยมีความสุขสำราญ ขอเพียงเจ้ามีความสุข ข้าก็มีความสุขเช่นกัน!”

เขาพูดเสียจนเหมือนคิดอย่างนั้นจริงๆ!

ซูหลีดื่มสุราจนหมดถ้วย คลี่ยิ้มบางๆ ค้อมกายให้เขาอย่างอ่อนน้อม จากนั้นก็หมุนกายเดินกลับไปยืนต่อหน้าฮ่องเต้ กล่าวว่า “ฝ่าบาท คดีของท่านหญิงหมิงอวี้มิอาจสืบหาความจริงได้ในเวลาสั้นๆ ชะตาชีวิตของซูหลียากคาดเดา ฝ่าบาทโปรดเมตตาให้ซูหลีสืบสวนคดีของท่านหญิงหมิงอวี้ก่อนเถิดเพคะ หลังจากที่วิญญาณอาฆาตสู่สุขคติแล้ว ซูหลีค่อยเลือกพระสวามีจากท่านอ๋องทั้งสองเพื่อแต่งงาน! ขอได้โปรดประทานอนุญาตด้วยเถิดเพคะ!”

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด