ข้าคือหงส์พันปี 312 ข้าสามารถกอดท่านได้หรือไม่

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 312 ข้าสามารถกอดท่านได้หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“รอข้าหาว่าอะไรกันแน่ที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ก็สามารถให้ยารักษาตรงจุดได้แล้ว” เฉินเสียนมองไปที่เขา “ซูเจ๋อ ท่านรอหน่อยนะ”

“ได้ ข้าจะรอท่าน” ซูเจ๋อพูดเสียงเบา “อาเสียน รีบไปเถอะ ไปทำเรื่องที่ท่านควรจะทำ”

เฉินเสียนเม้มปาก นัยน์ตาที่แยกสีขาวดำชัดเจนนั้นมองไปยังเงาของเขา เธอถาม:“ซูเจ๋อ ข้าสามารถเข้าไปกอดท่านได้หรือไม่”

คิดถึงเขามาก ทั้งๆที่เขาอยู่ตรงหน้า แต่ก็ได้เพียงแค่คิดถึง

มุมปากของซูเจ๋อเหมือนว่าจะยกขึ้นแต่ก็ไม่:“ได้ แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ รอให้โรคระบาดนี้หายไปเสียก่อน ข้าจะให้ท่านกอด ได้หรือไม่?”

เฉินเสียนกัดฟัน หลังหันกลับแล้วเดินจากไป

เธอมาถึงหน้าประตูที่ทำการปกครองเมืองแล้วส่งยาพร้อมกับเฮ่อโยวตามปกติ จู่ๆทหารติดตามสองสามคนก็กลับมาอย่างรีบร้อน:“รายงานองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ตรวจสอบตามทางที่แม่น้ำเซียงไหล พบปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนขมวดคิ้ว:“ปัญหาอะไร?”

“กระหม่อมเห็นหนูตายอยู่ไม่กี่ตัวถูกน้ำซัดมาอยู่ริมแม่น้ำพ่ะย่ะค่ะ”

ฝนตกติดต่อกันหลายวัน รังหนูถูกฝนถล่ม ไม่แปลกใจที่มีหนูจมน้ำตาย แต่การเจอปัญหาครั้งนี้ใช่ว่าจะประมาทได้

เฉินเสียนขมวดคิ้ว:“แต่แม่น้ำเซียงไม่ใช่หนองน้ำเล็กๆเลยนะ มีปริมาณน้ำมาก ความสามารถในการชะล้างตัวเองก็มีมากเช่นกัน ถ้าหากเป็นเพียงแค่หนูตายไม่กี่ตัว คงไม่เกิดโรคระบาดที่รุนแรงเช่นนี้”

ทหารติดตาม:“กระหม่อมเพียงแค่คาดเดาพ่ะย่ะค่ะ มิกล้าตัดสินใจโดยพลการว่าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับหนูตายเป็นแน่ ดังนั้นกระหม่อมเลยพาคนไปหาสาเหตุตรงประตูระบายน้ำที่แม่น้ำเซียงไหลเข้าไปยังเมืองจิง”

เพื่อควบคุมน้ำจากแม่น้ำเซียง นอกเมืองจิงนั้นยังมีประตูระบายน้ำอีกหนึ่งประตู ประตูระบายน้ำที่นั่น ทางน้ำจะถูกขยายให้กว้างขึ้นและลึกขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำ

ในฤดูฝนที่ฝนตกหนักก็จะปิดประตูระบายน้ำ ในขณะเดียวกัน การกักเก็บน้ำก็ไม่ถึงกับท่วมเมืองจิงได้;และในฤดูฝนที่มีฝนตกเล็กน้อย ก็จะสามารถเปิดประตูระบายน้ำได้ ทำให้ราษฎรในเมืองมีน้ำใช้

แต่พอช่วงฤดูใบไม้ร่วงเกิดอุทกภัย ประตูระบายน้ำก็อยู่ในสภาพที่ปิดการใช้งาน มีแค่น้ำส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไหลเข้าไปในเมืองผ่านด้านล่างของประตูระบายน้ำ ที่สามารถกั้นตะกอนทรายและควบคุมระดับน้ำได้ดี

“เจออะไรบ้าง?”

ทหารติดตามนิ่งไปชั่วขณะ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย:“กระหม่อมพบว่า มีหนูตายเป็นกลุ่ม ถูกสกัดกั้นไว้นอกประตูระบายน้ำพ่ะย่ะค่ะ”

ภาพฉากนั้นคงทำให้คนสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก ถึงกับทำให้ทหารติดตามที่เห็นคนตายจนชินเผยสีหน้าแบบนั้นออกมา

เฉินเสียนรีบพูด:“รีบไปรายงานหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ พวกเราไปดูกัน”

ไม่นานหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ได้รับเรื่อง

ถ้าสามารถทำให้โรคระบาดครั้งนี้หายไปได้ หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก

เลยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งรีบไปยังประตูระบายน้ำแม่น้ำเซียงที่อยู่นอกเมืองจิง

ทางน้ำที่ทั้งกว้างทั้งลึกเกือบได้ก่อตัวเป็นทะเลสาบขนาดกลางไปแล้ว พอสำหรับที่จะให้ราษฎรได้ใช้น้ำ รวมถึงน้ำที่ต้องใช้ในการทดน้ำเข้านา

หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกล่าว ตั้งแต่ต้าฉู่แพ้สงครามต้องเสียเมืองและทางน้ำไป จู่ๆเมืองจิงก็มีราษฎรที่เพิ่มมาจากทางใต้เยอะมาก

บวกกับฝนตกในฤดูใบไม้ร่วง ทุกที่ที่อยู่ใกล้กับเมืองจิงก็เกิดดินถล่มอยู่บ่อยครั้ง ไร่นาพืชผลถูกทำลาย ในช่วงทุพภิกขภัยนั้นราษฎรต่างก็ไร้ที่อยู่อาศัย

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเมืองนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ไม่มีเวลาจัดการ พอแม่น้ำเซียงมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ออกคำสั่งให้ปิดประตูระบายน้ำ เหลือไว้เพียงแค่ช่องว่างรูปซี่ฟันที่อยู่ด้านล่างประตูระบายน้ำ ทำให้น้ำไหลไปทางช่องว่าง เพื่อที่จะควบคุมระดับของน้ำ

ต่อมาได้ยินว่าเมืองอวิ๋นที่อยู่แม่น้ำตอนบนกำลังขุดลอกทางน้ำ หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ยิ่งไม่ต้องกังวลใจ ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่มาจัดการนี่ที่อีกเลย

หลังจากที่โรคระบาดในเมืองเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ตกที่นั่งลำบาก ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าปัญหาจะอยู่ที่จุดสำคัญจุดนี้

เฉินเสียนยืนอยู่ริมทะเลสาบที่เกิดจากการสะสมของน้ำในแม่น้ำ พอเฉินเสียนเงยหน้าก็มองเห็นวัตถุกองหนึ่งอยู่บนผิวน้ำฝั่งประตูระบายน้ำ ลอยกองเป็นชั้นสีดำปี๋

เนื่องจากน้ำในแม่น้ำไหลเข้าไปในเมืองผ่านด้านล่างประตูระบายน้ำ ด้วยเหตุนี้วัตถุดำปี๋พวกนั้นเลยได้แค่ลอยบนผิวน้ำ ผ่านประตูระบายน้ำไปไม่ได้

ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งได้กลิ่นสะอิดสะเอียนผิดปกติที่อยู่ในอากาศ

เมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้ว หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำมองเห็นสิ่งที่ลอยอยู่บนน้ำชัดขึ้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ก็รีบปิดปากแล้ววิ่งไปอาเจียนที่ด้านข้าง

คนอื่นๆที่ตามมาด้วยต่างก็อดกลั้นกับความขยะแขยงที่เห็นแล้วคลื่นไส้อาเจียน

เฮ่อโยวเกิดอยากอาเจียน:“เฉินเสียน ท่านอย่าดูเลย มันน่าขยะแขยงเกินไป……”

สีหน้าเฉินเสียนเปลี่ยนไป ท่าทางเดาไม่ออก

เธอมองบนผิวน้ำอย่างเงียบๆ กลุ่มวัตถุดำปี๋พวกนั้น ทหารติดตามก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดปด เป็นหนูที่ตายแล้ว อีกทั้งเป็นตัวเล็กๆติดๆกัน น่าตกใจเสียจริง!

หนูที่ตายพวกนั้นพองอืดอยู่ในน้ำ ท้องป่อง ปล่อยกลิ่นที่เหม็นเน่าเกินคำบรรยายออกมา

แต่เพราะอากาศชื้นและเย็น อุณหภูมิในน้ำก็ไม่สูงมาก กลิ่นเหม็นเน่าก็เลยไม่ได้มากขนาดนั้น และไม่ได้กระจายไปไกล พอเจอกับฤดูฝนก็ไม่มีใครมาที่อันตรายแบบนี้ ดังนั้นก็เลยไม่มีใครเจอปัญหานี้

ต่อให้หนูที่ตายพวกนี้ไม่ได้ไหลเข้าไปในเมือง แต่น้ำที่ไหลเข้าเมืองด้านล่างก็เป็นน้ำที่ถูกหนูตายปล่อยสารปนเปื้อนไปแล้ว

ยากที่จะจินตนาการ ราษฎรในเมืองยังเอาน้ำจากแม่น้ำมาใช้มาดื่มกันอยู่เลย!

มิน่าล่ะโรคระบาดก่อนหน้านี้ถึงควบคุมไว้ไม่ได้ เพราะราษฎรต่างก็ต้องดื่มน้ำ แค่ดื่มน้ำจากในแม่น้ำนี้ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อขึ้นอีก

เฉินเสียนอดกลั้นกับอาการคลื่นไส้:“ทำไมถึงมีหนูตายมากมายขนาดนี้?”

ฤดูฝนมีหนูตายเธอสามารถเข้าใจได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีเยอะขนาดนี้

หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน ทำได้แค่พูด:“เข้าฤดูฝนพอดีพ่ะย่ะค่ะ ยากที่จะหลีกเลี่ยงสัตว์ที่จมน้ำตายแล้วถูกซัดเข้ามาในแม่น้ำ”

หลังจากนั้นเฉินเสียนก็ส่งคนไปพายเรือเก็บซากหนูตายทั้งหมดขึ้นมา

เฉินเสียนยืนอยู่ตรงริมแม่น้ำตั้งแต่ต้นจนจบ เม้มปากแล้วมองอย่างเงียบๆ จนกระทั่งบนผิวน้ำไม่เหลือหนูตายสักตัว

เฮ่อโยวโน้มน้าวเธอ:“ไม่ใช่ว่าท่านกลัวหนูหรือ อย่าดูเลยพ่ะย่ะค่ะ ที่นี่ให้พวกเขาจัดการก็พอแล้ว พวกเรากลับเมืองกันเถอะ”

เฉินเสียนส่ายหน้า

เห็นว่าเธอยืนหยัดเช่นนี้ เฮ่อโยวก็ไม่บังคับต่อ

เขากับเฉินเสียนรวมไปถึงหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำแค่ยืนดูริมแม่น้ำ ทหารติดตามเหล่านั้นที่ลงเรือไปต่างหากที่ทั้งลำบากทั้งกล้ำกลืนฝืนทน

หนูตายที่เก็บขึ้นมาถูกสาดน้ำมัน แล้วเผาในภายหลัง

กลิ่นเหม็นเน่าที่ตามมาจากควันไฟยิ่งทำให้ผู้คนคลื่นไส้เข้าไปใหญ่

ขณะที่กำลังกลับนั้น เฉินเสียนครุ่นคิด มองไปยังเฮ่อโยว:“ใครบอกเจ้าว่าข้ากลัวหนู?”

เธอจำไม่ได้ว่าเธอเคยกลัวสิ่งนี้ด้วย ยิ่งจำไม่ได้เข้าไปใหญ่ว่าเธอเคยแสดงออกต่อหน้าเฮ่อโยวว่าเธอกลัว

เฮ่อโยวตอบ:“ซูเจ๋อบอกน่ะสิ”

ไม่รู้ว่าอย่างไร เฉินเสียนใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมา เดาว่าจู่ๆครั้งนี้ก็เจอกับหนูตายมากมายขนาดนั้น ดังนั้นคงมีปฏิกิริยาเฉพาะกับหนูล่ะมั้ง

เวลาผ่านไปพอสมควร เฉินเสียนได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปอย่างเบาๆ:“เขาพูดว่าอย่างไร?”

เฮ่อโยว:“ตอนอยู่ที่เมืองอวิ๋นครั้งที่แล้ว ข้าเห็นเขากำลังจับหนูตอนกลางคืน เขาก็พูดว่าท่านกลัว หนูตัวนั้นดังเสียจนทำให้นอนไม่หลับ”

สีหน้าของเฉินเสียนซีดลงเล็กน้อย

เฮ่อโยวพูดถึงตรงนี้ ก็สังเกตว่ามีอะไรที่ผิดปกติ เลยหันหน้ามามองเฉินเสียน พูดอย่างช้าๆ:“หรือว่าท่าน……ไม่กลัวหนูหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด