ข้าคือหงส์พันปี 518 อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 518 อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูเจ๋อเลิกคิ้วราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น กล่าวว่า “หากมิได้ เช่นนั้นแม่ทัพโฮ้วยกธงตั้งขึ้น เหตุใดถึงได้รับเสียงขานรับสนับสนุนจากเหล่าอาณาประชาราษฎร์นับไม่ถ้วนเลยเล่า ? สำหรับเหล่าอาณาประชาราษฎร์ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ผู้ใดจะมาใส่ใจว่าองค์จักรพรรดิเป็นชายหรือหญิง เพียงแค่สามารถทำให้พวกเขาสงบสุข และผู้คนเหล่านั้นที่ตำหนิว่าอาเสียนเป็นหญิง เป็นเพราะว่าไร้ความสามารถมิได้ทำผลงานอันใด แต่ทว่าคิดหวังเพ้อเจ้ออยู่เหนืออำนาจของหญิง เวลานี้ท่านจำเป็นต้องใช้อำนาจที่เด็ดขาดบดพวกเขาให้แตกละเอียด ”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างสง่าว่า “เพราะฉะนั้น องค์จักรพรรดิเป็นชายหรือหญิง ไม่ได้สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตอนเริ่มต้นองค์จักรพรรดิต้องนำตัวเองวางไว้บนที่สูง บนตำแหน่งที่สูงที่สุด และเหล่าขุนนางในราชสำนัก กับอาณาประชาราษฎร์จะไม่แยกจากไป”

เฉินเสียนแสยะริมฝีปากขึ้น“ข้าพบว่า‘ฟังคำที่ท่านพูดแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์ กว่าที่ตัวเองร่ำเรียนมา’ประโยคนี้ วางอยู่ที่ตัวของท่าน ไม่เกินไปเลยสักนิดหนึ่ง ความคิดของท่าน นำผู้คนที่อยู่ยุคสมัยนี้อย่างน้อยที่สุดร้อยกว่าปีเลยนะ ”

ซูเจ๋อยิ้ม กล่าวว่า “เพียงเปิดใจคุยกันกับท่านสองประโยค ดีเช่นนั้นเชียวหรือ?”

เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวตอบว่า “จนถึงเพลานี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าท่านมีสิ่งอันใดที่ไม่ดี ”เธอเอียงศีรษะกล่าวกับเขาอย่างแผ่วเบาว่า“ซูเจ๋อ เห็นชัดเจนว่าท่านสามารถแทนที่ข้าได้ ท่านทำได้ดีกว่าข้าอย่างแน่นอน หากว่าเป็นท่าน ข้าจะยินยอมพร้อมใจที่จะเสริมให้โดดเด่นขึ้น”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ต้าฉู่แซ่เฉิน มิใช่แซ่ซู หากข้าแทนที่ท่าน ทั้งหมดผู้ชนะพูดสิ่งใดก็นับว่าถูกต้องเพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นคนเลวหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รุ่นหลังก็จะรู้ว่าท่านเป็นผู้ที่เข้มแข็งและมีอำนาจ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ราชบัลลังก์อำนาจเปลี่ยนเจ้าของเปลี่ยนแซ่ นั่นไม่ใช่เรื่องปกติหรือ ประวัติศาสตร์มีผู้เขียนไว้ ไม่ว่าจะขุนนางทรยศที่คิดก่อกบฏ ยังคงเป็นจักรพรรดิที่เฉลียวฉลาดสถาปนาบ้านเมือง เพราะฉะนั้นทั้งหมดผู้ชนะพูดสิ่งใดก็นับว่าถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคนเลวหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รุ่นหลังก็จะรู้ว่าเป็นผู้ที่เข้มแข็งแข็งแกร่งและมีอำนาจที่ไหนกัน ตั้งแต่สมัยโบราณแต่ไหนแต่ไรมามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนการยั่วยวนของอำนาจนี้ได้ ซูเจ๋อ ท่านไม่ตื่นเต้นหรือ?ท่านไม่ชอบอำนาจหรือ ไม่ชอบอำนาจงามตระการตาหรือ?”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น แล้วชำเลืองมองเธอ ยิ้มอย่างบางเบาแล้วกล่าวว่า “อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ”

เฉินเสียนชะงักงัน เธอยอมรับว่าเธอตื้นตันใจกับคำพูดของซูเจ๋อ เบ้าตาร้อนผ่าวเล็กน้อย แต่ทว่ากลับหัวเราะเยาะ กล่าวว่า “หรือว่าหยอกให้ข้ามีความสุข ? ข้ามีอะไรดีหรือ”

ซูเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่เกี่ยวกับว่ามีอะไรดีหรอก การเกิดการตายหมุนเป็นวงล้อข่มกันอยู่ เพิ่มพูนมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เพราะท่านข่มข้าไว้ได้”

เพราะว่าเขาถูกเธอข่มไว้แล้ว ในสมองแม้ว่ามีความโหดเหี้ยม ความปารรถนามากมายหลากหลาย ก็มีเพียงไว้ผลักดันเธอ

เป็นเวลานาน เฉินเสียนเลยกล่าวอย่างจริงจังว่า“ข้าไม่อยากข่มท่าน อยากให้ท่านมีชีวิตยาวนานร้อยปี ซูเจ๋อ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะพยามอย่างสุดความสามารถ ปกป้องท่านให้มีชีวิตสุขสันต์ร่มเย็น ไร้ความกังวล”

เธอสามารถใช้ความพยายามทั้งหมดของตัวเองมาปกป้องต้าฉู่บ้านเมืองนี้ เพราะว่าในบ้านเมืองนี้ มีเขา

ซูเจ๋อเบิกตาจ้องมองเล็กน้อย ระหว่างคิ้วและตาฉายแววความอบอุ่น เขายิ้มและกล่าวว่า “ใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอนะ”

ไม่นานองค์จักรพรรดิก็พบว่า ฉินหรูเหลียงก็หายไป ข้ารับใช้บ่าวในจวนฉินทุกระดับชั้นได้กระจัดกระจายพอประมาณหนึ่งแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ห้องกว้างที่ว่างเปล่า

ตั้งแต่วันนั้นที่เฉินเสียนกับเฮ่อโยวแต่งงานกันหลังจากที่ฉินหรูเหลียงไปที่สุสาน ก็เหมือนกับว่าไม่พบร่องรอยเขาอีกเลย

เขาสาบสูญไร้ร่องรอย กับเฉินเสียนที่ถูกบังคับขู่เข็ญ มันเกิดขึ้นประจวบเหมาะเช่นนี้ หรือว่าฉินหรูเหลียงเตรียมการเรื่องนี้อย่างลับๆ?

ไม่ใช่ว่าเขาถูกทำให้มือสองข้างพิการแล้วหรือ จะยังมีศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไรกัน? องค์จักรพรรดินึกได้ ราวกับว่ามีช่วงหนึ่งที่เฉินเสียนหมกมุ่นกับการดูดวงชะตา เธอกับฉินหรูเหลียงเคยไปที่เรือลำนั้น พอคิดมาอย่างนี้ ฉินหรูเหลียงก็น่าสงสัยมาก แต่ตอนนี้เฉินเสียนถูกเผาวอดวายไปแล้ว หากผู้ที่บังคับขู่เข็ญเธอไปเป็นฉินหรูเหลียงจริง เช่นนั้นทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว ตายแล้วไร้การตรวจสอบ

เรือลำใหญ่บนแม่น้ำหยางชุนไหม้แล้ว ผู้คนตายโหงมากมาย ตักซากศพซากกระดูกและซากปรักหักพังที่ไฟไม่สามารถเผาไหม้ได้ขึ้นมาจากน้ำ หน้าตาไม่สามารถดูได้แล้ว เลยไม่สามารถจำแนกวินิจฉัยได้

ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำหยางชุน มีเสียร้องไห้เศร้าโศกของญาติพี่น้องดังมา กระดาษเงินกระดาษทองลอยเต็มท้องฟ้า เดิมที่ที่เป็นแม่น้ำเงียบสงบ ชั่วพริบตาเดียวได้กลายเป็นสถานที่อ้างว้างหนาวยะเยือก

และข่าวคราวกองกำลังทหารในเขตใต้ที่จะสู้รบได้แพร่ในเมืองหลวงแล้ว ทำให้อาณาประชาราษฎร์ตื่นตระหนกมาก

องค์จักรพรรดิยังไม่ได้ประกาศเรื่องที่องค์หญิงจิ้งเสียนชิ้นพระชนม์ แต่ทว่าในเมืองหลวงได้มีข่าวลือเกิดขึ้น

มีคนเผยแพร่ข่าวบอกว่า ตอนที่เรือนั่นเกิดเรื่อง เหมือนว่าองค์หญิงก็อยู่ด้านบนนั้นด้วย

ส่วนที่องค์หญิงจิ้งเสียนมีชีวิตหรือสิ้นแล้วนั้น ไม่มีคนพบเห็น และไม่มีคนรู้ด้วย

แต่หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงจิ้งเสียน เช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่บังเอิญแน่แท้

วันนี้ความวุ่นวายอันเกิดจากภัยสงครามกำลังจะถึงที่สุด บนถนนมักจะมีทหารองครักษ์ออกลาดตระเวน พบเจอผู้ที่กระทำความผิดเผยแพร่ข่าวลือจะไม่ให้อภัยเลย อาณาประชาราษฎร์ก็ไม่กล้าที่จะพูดเหลวไหลบนท้องถนน แต่ผลสุดท้ายผู้ใดที่อยากจะจัดการองค์หญิงจิ้งเสียน โดยประมาณแล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กัน

หากเป็นราชสำนักทำจริง ไม่คำนึกถึงชีวิตผู้คนมากมายล่ะก็นะ เป็นการทำให้เหล่าอาณาประชาราษฎร์ในเมืองหลวงผิดหวังมากจริงๆ

ผู้ที่ตายมากมายอยู่ในนั้น มีส่วนหนึ่งค่อนข้างเป็นครอบครัวที่ฐานะดีเป็นเหล่าลูกหลานขุนนาง หากเป็นครอบครัวสองครอบครัวก็ไม่ได้มีผลกระทบมาก แต่หากว่าภายในใจของครอบครัวที่มีฐานะดีที่ได้รับความทุกข์เจ็บปวดจากการสูญเสียเหล่านั้นกับครอบครัวขุนนางมีความแค้นเคือง ร่วมมือกันขึ้นมาควบคุมหนทางหาเลี้ยงชีพของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ ผลกระทบไม่สามารถดูแคลนได้เลย

หนทางการหาเลี้ยงชีพใช้ชีวิตของอาณาประชาราษฎร์วุ่นวาย ไฟแห่งสงครามยังไม่ไหม้มาถึงเมืองหลวง เมืองหลวงก็วุ่นวายกันเองก่อนแล้ว

ราคาสิ้นของในเมืองหลวงในเวลาสั้นๆไม่กี่วันมานี้ ก็ขึ้นราคาหลายเท่าตัว เหล่าอาณาประชาราษฎร์ทุกข์จนไม่สามารถที่จะพูดได้

ตามด้วย ทางตอนใต้ก็มีข่าวคราวทยอยมาไม่ขาดสาย

ได้รวบรวมแม่ทัพใหญ่ของเมืองใหญ่ดึงมาเป็นพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาประชาราษฎร์ที่ไม่ได้รับความลำบากแสนเข็ญของไฟสงคราม กลับได้ไปช่วยชีวิตอาณาประชาราษฎร์ที่ลำบากออกมา

พวกเขามอบธัญพืชให้อาณาประชาราษฎร์เขตพื้นที่ที่มีความอดอยาก ให้ได้ปลูกเพาะปลูกได้ทันเวลา จนกระทั่งมีทหารร่วมลงดินกับอาณาประชาราษฎร์ด้วย ในเมืองใหญ่ที่มีความอดอยากอย่างหนัก ทุกวันจะกำหนดเวลานำโจ๊กไปแจกจ่ายช่วยเหลือ ได้รับแรงสนับสนุนเคารพเทิดทูนจากเหล่าอาณาประชาราษฎร์จำนวนนับไม่ถ้วน

แบบอย่างขององค์หญิงจิ้งเสียนนี้ ดังทะลุทั้งต้าฉู่ ได้รับใจของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ที่ได้รับความลำบาก

สำหรับอาณาประชาราษฎร์ที่เมืองหลวง พวกเขาเหมือนผู้ที่ถูกปิดล้อมไว้ในเมืองหลวง ข่าวคราวเหล่านั้นไม่ต้องสงสัยเลยเป็นอาวุธที่ทำให้ความอาณาประชาราษฎร์วุ่นวายใจมาก

ตอนนี้ซูเจ๋อพาเฉินเสียนเดินอยู่ที่สถานที่เงียบสงบในตรอกเล็กๆ และยังได้ยินถนนด้านข้างมีเสียงกระทบกันของชุดเกาะ ทั้งสองคนสวมใส่หน้ากากงิ้วจีน ตอนที่สถานการณ์คับขันกลับมีแฝงไปด้วยความสบายอกสบายใจ

เฉินเสียนก็เพิ่งจะได้ยินข่าวคราว กล่าวว่า “นำธัญพืชให้อาณาประชาราษฎร์ แจกจ่ายโจ๊กช่วยเหลือ เสบียงอาหารและหญ้าเลี้ยงม้าไม่มากแล้ว หากไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย จะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “มีประสบการณ์มามากแล้ว รออย่างมั่นใจหนึ่งวัน หากสามารถซื้อใจคนได้ นั่นก็คุ้มค่า”

ทั้งสองคนไปถึงเรือนหลังเล็กนั้นที่อยู่ในตรอกซอยลึก แล้วเคาะประตู

หญิงเจ้าของบ้านเปิดประตูมองเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋อยืนจับมือกันอยู่หน้าประตู ในมือถือหน้ากากงิ้วจีนด้วย

หญิงเจ้าของบ้านยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกท่านนี่เอง รีบเข้ามาเร็ว ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “หลายครั้งที่มารบกวน นายหญิงได้โปรดอย่าตำหนิ”

หญิงเจ้าของบ้านนำทั้งสองเข้ามาในเรือน เอาชามาสองแก้ว เด็กเล็กที่เรือนของนางยื่นศีรษะมาครึ่งหนึ่งจากประตูด้านหลัง แอบชำเลืองมองซูเจ๋อ

หญิงเจ้าของบ้านเห็นเลยกล่าวขึ้นว่า “กลับเข้าห้องไปทำการบ้าน หากเจ้าทำเสร็จเร็ว ไม่แน่อีกสักครู่ยังสามารถให้นายท่านช่วยตรวจดูได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าคือหงส์พันปี 518 อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 518 อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูเจ๋อเลิกคิ้วราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น กล่าวว่า “หากมิได้ เช่นนั้นแม่ทัพโฮ้วยกธงตั้งขึ้น เหตุใดถึงได้รับเสียงขานรับสนับสนุนจากเหล่าอาณาประชาราษฎร์นับไม่ถ้วนเลยเล่า ? สำหรับเหล่าอาณาประชาราษฎร์ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ผู้ใดจะมาใส่ใจว่าองค์จักรพรรดิเป็นชายหรือหญิง เพียงแค่สามารถทำให้พวกเขาสงบสุข และผู้คนเหล่านั้นที่ตำหนิว่าอาเสียนเป็นหญิง เป็นเพราะว่าไร้ความสามารถมิได้ทำผลงานอันใด แต่ทว่าคิดหวังเพ้อเจ้ออยู่เหนืออำนาจของหญิง เวลานี้ท่านจำเป็นต้องใช้อำนาจที่เด็ดขาดบดพวกเขาให้แตกละเอียด ”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างสง่าว่า “เพราะฉะนั้น องค์จักรพรรดิเป็นชายหรือหญิง ไม่ได้สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตอนเริ่มต้นองค์จักรพรรดิต้องนำตัวเองวางไว้บนที่สูง บนตำแหน่งที่สูงที่สุด และเหล่าขุนนางในราชสำนัก กับอาณาประชาราษฎร์จะไม่แยกจากไป”

เฉินเสียนแสยะริมฝีปากขึ้น“ข้าพบว่า‘ฟังคำที่ท่านพูดแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์ กว่าที่ตัวเองร่ำเรียนมา’ประโยคนี้ วางอยู่ที่ตัวของท่าน ไม่เกินไปเลยสักนิดหนึ่ง ความคิดของท่าน นำผู้คนที่อยู่ยุคสมัยนี้อย่างน้อยที่สุดร้อยกว่าปีเลยนะ ”

ซูเจ๋อยิ้ม กล่าวว่า “เพียงเปิดใจคุยกันกับท่านสองประโยค ดีเช่นนั้นเชียวหรือ?”

เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวตอบว่า “จนถึงเพลานี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าท่านมีสิ่งอันใดที่ไม่ดี ”เธอเอียงศีรษะกล่าวกับเขาอย่างแผ่วเบาว่า“ซูเจ๋อ เห็นชัดเจนว่าท่านสามารถแทนที่ข้าได้ ท่านทำได้ดีกว่าข้าอย่างแน่นอน หากว่าเป็นท่าน ข้าจะยินยอมพร้อมใจที่จะเสริมให้โดดเด่นขึ้น”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ต้าฉู่แซ่เฉิน มิใช่แซ่ซู หากข้าแทนที่ท่าน ทั้งหมดผู้ชนะพูดสิ่งใดก็นับว่าถูกต้องเพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นคนเลวหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รุ่นหลังก็จะรู้ว่าท่านเป็นผู้ที่เข้มแข็งและมีอำนาจ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ราชบัลลังก์อำนาจเปลี่ยนเจ้าของเปลี่ยนแซ่ นั่นไม่ใช่เรื่องปกติหรือ ประวัติศาสตร์มีผู้เขียนไว้ ไม่ว่าจะขุนนางทรยศที่คิดก่อกบฏ ยังคงเป็นจักรพรรดิที่เฉลียวฉลาดสถาปนาบ้านเมือง เพราะฉะนั้นทั้งหมดผู้ชนะพูดสิ่งใดก็นับว่าถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคนเลวหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รุ่นหลังก็จะรู้ว่าเป็นผู้ที่เข้มแข็งแข็งแกร่งและมีอำนาจที่ไหนกัน ตั้งแต่สมัยโบราณแต่ไหนแต่ไรมามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนการยั่วยวนของอำนาจนี้ได้ ซูเจ๋อ ท่านไม่ตื่นเต้นหรือ?ท่านไม่ชอบอำนาจหรือ ไม่ชอบอำนาจงามตระการตาหรือ?”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น แล้วชำเลืองมองเธอ ยิ้มอย่างบางเบาแล้วกล่าวว่า “อำนาจ บ้านเมือง จะดีกว่าท่านที่ไหนกันล่ะ”

เฉินเสียนชะงักงัน เธอยอมรับว่าเธอตื้นตันใจกับคำพูดของซูเจ๋อ เบ้าตาร้อนผ่าวเล็กน้อย แต่ทว่ากลับหัวเราะเยาะ กล่าวว่า “หรือว่าหยอกให้ข้ามีความสุข ? ข้ามีอะไรดีหรือ”

ซูเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่เกี่ยวกับว่ามีอะไรดีหรอก การเกิดการตายหมุนเป็นวงล้อข่มกันอยู่ เพิ่มพูนมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เพราะท่านข่มข้าไว้ได้”

เพราะว่าเขาถูกเธอข่มไว้แล้ว ในสมองแม้ว่ามีความโหดเหี้ยม ความปารรถนามากมายหลากหลาย ก็มีเพียงไว้ผลักดันเธอ

เป็นเวลานาน เฉินเสียนเลยกล่าวอย่างจริงจังว่า“ข้าไม่อยากข่มท่าน อยากให้ท่านมีชีวิตยาวนานร้อยปี ซูเจ๋อ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะพยามอย่างสุดความสามารถ ปกป้องท่านให้มีชีวิตสุขสันต์ร่มเย็น ไร้ความกังวล”

เธอสามารถใช้ความพยายามทั้งหมดของตัวเองมาปกป้องต้าฉู่บ้านเมืองนี้ เพราะว่าในบ้านเมืองนี้ มีเขา

ซูเจ๋อเบิกตาจ้องมองเล็กน้อย ระหว่างคิ้วและตาฉายแววความอบอุ่น เขายิ้มและกล่าวว่า “ใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอนะ”

ไม่นานองค์จักรพรรดิก็พบว่า ฉินหรูเหลียงก็หายไป ข้ารับใช้บ่าวในจวนฉินทุกระดับชั้นได้กระจัดกระจายพอประมาณหนึ่งแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ห้องกว้างที่ว่างเปล่า

ตั้งแต่วันนั้นที่เฉินเสียนกับเฮ่อโยวแต่งงานกันหลังจากที่ฉินหรูเหลียงไปที่สุสาน ก็เหมือนกับว่าไม่พบร่องรอยเขาอีกเลย

เขาสาบสูญไร้ร่องรอย กับเฉินเสียนที่ถูกบังคับขู่เข็ญ มันเกิดขึ้นประจวบเหมาะเช่นนี้ หรือว่าฉินหรูเหลียงเตรียมการเรื่องนี้อย่างลับๆ?

ไม่ใช่ว่าเขาถูกทำให้มือสองข้างพิการแล้วหรือ จะยังมีศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไรกัน? องค์จักรพรรดินึกได้ ราวกับว่ามีช่วงหนึ่งที่เฉินเสียนหมกมุ่นกับการดูดวงชะตา เธอกับฉินหรูเหลียงเคยไปที่เรือลำนั้น พอคิดมาอย่างนี้ ฉินหรูเหลียงก็น่าสงสัยมาก แต่ตอนนี้เฉินเสียนถูกเผาวอดวายไปแล้ว หากผู้ที่บังคับขู่เข็ญเธอไปเป็นฉินหรูเหลียงจริง เช่นนั้นทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว ตายแล้วไร้การตรวจสอบ

เรือลำใหญ่บนแม่น้ำหยางชุนไหม้แล้ว ผู้คนตายโหงมากมาย ตักซากศพซากกระดูกและซากปรักหักพังที่ไฟไม่สามารถเผาไหม้ได้ขึ้นมาจากน้ำ หน้าตาไม่สามารถดูได้แล้ว เลยไม่สามารถจำแนกวินิจฉัยได้

ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำหยางชุน มีเสียร้องไห้เศร้าโศกของญาติพี่น้องดังมา กระดาษเงินกระดาษทองลอยเต็มท้องฟ้า เดิมที่ที่เป็นแม่น้ำเงียบสงบ ชั่วพริบตาเดียวได้กลายเป็นสถานที่อ้างว้างหนาวยะเยือก

และข่าวคราวกองกำลังทหารในเขตใต้ที่จะสู้รบได้แพร่ในเมืองหลวงแล้ว ทำให้อาณาประชาราษฎร์ตื่นตระหนกมาก

องค์จักรพรรดิยังไม่ได้ประกาศเรื่องที่องค์หญิงจิ้งเสียนชิ้นพระชนม์ แต่ทว่าในเมืองหลวงได้มีข่าวลือเกิดขึ้น

มีคนเผยแพร่ข่าวบอกว่า ตอนที่เรือนั่นเกิดเรื่อง เหมือนว่าองค์หญิงก็อยู่ด้านบนนั้นด้วย

ส่วนที่องค์หญิงจิ้งเสียนมีชีวิตหรือสิ้นแล้วนั้น ไม่มีคนพบเห็น และไม่มีคนรู้ด้วย

แต่หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงจิ้งเสียน เช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่บังเอิญแน่แท้

วันนี้ความวุ่นวายอันเกิดจากภัยสงครามกำลังจะถึงที่สุด บนถนนมักจะมีทหารองครักษ์ออกลาดตระเวน พบเจอผู้ที่กระทำความผิดเผยแพร่ข่าวลือจะไม่ให้อภัยเลย อาณาประชาราษฎร์ก็ไม่กล้าที่จะพูดเหลวไหลบนท้องถนน แต่ผลสุดท้ายผู้ใดที่อยากจะจัดการองค์หญิงจิ้งเสียน โดยประมาณแล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กัน

หากเป็นราชสำนักทำจริง ไม่คำนึกถึงชีวิตผู้คนมากมายล่ะก็นะ เป็นการทำให้เหล่าอาณาประชาราษฎร์ในเมืองหลวงผิดหวังมากจริงๆ

ผู้ที่ตายมากมายอยู่ในนั้น มีส่วนหนึ่งค่อนข้างเป็นครอบครัวที่ฐานะดีเป็นเหล่าลูกหลานขุนนาง หากเป็นครอบครัวสองครอบครัวก็ไม่ได้มีผลกระทบมาก แต่หากว่าภายในใจของครอบครัวที่มีฐานะดีที่ได้รับความทุกข์เจ็บปวดจากการสูญเสียเหล่านั้นกับครอบครัวขุนนางมีความแค้นเคือง ร่วมมือกันขึ้นมาควบคุมหนทางหาเลี้ยงชีพของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ ผลกระทบไม่สามารถดูแคลนได้เลย

หนทางการหาเลี้ยงชีพใช้ชีวิตของอาณาประชาราษฎร์วุ่นวาย ไฟแห่งสงครามยังไม่ไหม้มาถึงเมืองหลวง เมืองหลวงก็วุ่นวายกันเองก่อนแล้ว

ราคาสิ้นของในเมืองหลวงในเวลาสั้นๆไม่กี่วันมานี้ ก็ขึ้นราคาหลายเท่าตัว เหล่าอาณาประชาราษฎร์ทุกข์จนไม่สามารถที่จะพูดได้

ตามด้วย ทางตอนใต้ก็มีข่าวคราวทยอยมาไม่ขาดสาย

ได้รวบรวมแม่ทัพใหญ่ของเมืองใหญ่ดึงมาเป็นพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาประชาราษฎร์ที่ไม่ได้รับความลำบากแสนเข็ญของไฟสงคราม กลับได้ไปช่วยชีวิตอาณาประชาราษฎร์ที่ลำบากออกมา

พวกเขามอบธัญพืชให้อาณาประชาราษฎร์เขตพื้นที่ที่มีความอดอยาก ให้ได้ปลูกเพาะปลูกได้ทันเวลา จนกระทั่งมีทหารร่วมลงดินกับอาณาประชาราษฎร์ด้วย ในเมืองใหญ่ที่มีความอดอยากอย่างหนัก ทุกวันจะกำหนดเวลานำโจ๊กไปแจกจ่ายช่วยเหลือ ได้รับแรงสนับสนุนเคารพเทิดทูนจากเหล่าอาณาประชาราษฎร์จำนวนนับไม่ถ้วน

แบบอย่างขององค์หญิงจิ้งเสียนนี้ ดังทะลุทั้งต้าฉู่ ได้รับใจของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ที่ได้รับความลำบาก

สำหรับอาณาประชาราษฎร์ที่เมืองหลวง พวกเขาเหมือนผู้ที่ถูกปิดล้อมไว้ในเมืองหลวง ข่าวคราวเหล่านั้นไม่ต้องสงสัยเลยเป็นอาวุธที่ทำให้ความอาณาประชาราษฎร์วุ่นวายใจมาก

ตอนนี้ซูเจ๋อพาเฉินเสียนเดินอยู่ที่สถานที่เงียบสงบในตรอกเล็กๆ และยังได้ยินถนนด้านข้างมีเสียงกระทบกันของชุดเกาะ ทั้งสองคนสวมใส่หน้ากากงิ้วจีน ตอนที่สถานการณ์คับขันกลับมีแฝงไปด้วยความสบายอกสบายใจ

เฉินเสียนก็เพิ่งจะได้ยินข่าวคราว กล่าวว่า “นำธัญพืชให้อาณาประชาราษฎร์ แจกจ่ายโจ๊กช่วยเหลือ เสบียงอาหารและหญ้าเลี้ยงม้าไม่มากแล้ว หากไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย จะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “มีประสบการณ์มามากแล้ว รออย่างมั่นใจหนึ่งวัน หากสามารถซื้อใจคนได้ นั่นก็คุ้มค่า”

ทั้งสองคนไปถึงเรือนหลังเล็กนั้นที่อยู่ในตรอกซอยลึก แล้วเคาะประตู

หญิงเจ้าของบ้านเปิดประตูมองเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋อยืนจับมือกันอยู่หน้าประตู ในมือถือหน้ากากงิ้วจีนด้วย

หญิงเจ้าของบ้านยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกท่านนี่เอง รีบเข้ามาเร็ว ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “หลายครั้งที่มารบกวน นายหญิงได้โปรดอย่าตำหนิ”

หญิงเจ้าของบ้านนำทั้งสองเข้ามาในเรือน เอาชามาสองแก้ว เด็กเล็กที่เรือนของนางยื่นศีรษะมาครึ่งหนึ่งจากประตูด้านหลัง แอบชำเลืองมองซูเจ๋อ

หญิงเจ้าของบ้านเห็นเลยกล่าวขึ้นว่า “กลับเข้าห้องไปทำการบ้าน หากเจ้าทำเสร็จเร็ว ไม่แน่อีกสักครู่ยังสามารถให้นายท่านช่วยตรวจดูได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+