ข้าคือหงส์พันปี 600 ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ?

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 600 ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูเจ๋อและเฉินเสียนจูงมือกันอยู่ด้านหลัง เธอเห็นภาพด้านหลังของซูเซี่ยนเล็กๆอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมา

ค่ำคืนนี้ถือเป็นอีกคืนที่ได้เที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะเจอกับเหล่าชายชรานั้น เฉินเสียนได้พาซูเซี่ยนไปเดินเที่ยวเล่นอย่างมีความสุข และยังมีซูเจ๋อร่วมเดินทางไปด้วย เธอก็รู้สึกเพียงพอกับสิ่งที่มีแล้ว

ซูเซี่ยนเดินไปถึงด้านหน้าประตูจวน จึงเขย่งเท้าขึ้นจับห่วงทองเหลืองแล้วเคาะประตู ไม่นานพ่อบ้านก็ได้มาเปิดประตูเชิญเขาเข้าไป

เฉินเสียนและซูเจ๋อเดินตามเข้ามาทีหลัง เธอพูดเสียงเบาว่า“เดือนหน้าเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ยังการกินบะหมี่ร่วมกันที่ริมแม่น้ำหยางชุนอยู่หรือไม่ ?”

ซูเจ๋อพูด“ก็น่าจะมีทุกๆปีนะ”

เฉินเสียนยิ้มแล้วเอ่ยว่า“ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าก็นำเหรียญทองแดงไปด้วย ขอให้ท่านพาข้าไปกินบะหมี่ร่วมกันอีก ”บางทีเธอควรจะชมเชยซูเซี่ยนที่ทำได้ดี เพราะว่าเธอนั้นก็ไม่อยากจะกลับวัง เธออยากจะอยู่ที่นี่

คืนนี้ซูเจ๋อทำหน้าที่ในฐานะพ่อคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปเที่ยวเล่นกับเธอทั้งสองแม่ลูก เขาเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมเดินทางและคนที่คอยเฝ้าปกป้อง เมื่อมีเขาอยู่ข้างกายไม่ว่าเฉินเสียนและซูเซี่ยนนั้นจะทำอะไรก็ไม่ที่ต้องหวาดหวั่น

อย่างที่เรื่องนั่งแทะมันเทศย่างอยู่ที่ราวสะพาน แม้ว่าจะไม่สอดสอดคล้องกับสถานะ ทั้งสองแม่ลูกนั้นก็ไม่แทะกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่กลัวที่จะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ

เมื่อแสงจากโคมไฟหรี่ลง เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่ซูเจ๋อได้พาเธอออกไปเที่ยวเล่นกลางคืนในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์

ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครรู้จักพวกเขา พวกเขาก็เหมือนกับหนุ่มสาวธรรมดาทั่วไปที่จูงมือกันดูการเชิดสิงโตบนท้องถนนท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย ที่ริมแม่น้ำหยางชุนได้ชมเหล่าผู้ที่มีสามารถประพันธ์เพลงกลอนกันอย่างสนุกสนาน แล้วยังได้นั่งกินบะหมี่ร่วมกันในร้านแผงลอยข้างทาง

ช่วงเวลานั้นพวกเขา ต่างคนก็ต่างเก็บซ่อนจิตใจกันเอาไว้ เมื่อมาคิดดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กหนุ่มสาวในครั้งนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวไม่เป็นจังหว่ะ

เฉินเสียนพูดกับเขาว่า“ข้าอยากขึ้นไปหอชมดาวชื่นชมดวงจันทร์”

ซูเจ๋อเดินเข้าประตูบ้าน ยกมือขึ้นถอดหน้ากากออก ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มภายใต้แสงจันทร์ แล้วตอบเธอว่า“ได้เลย”

ช่วงเวลาที่เขายิ้มทำให้เฉินเสียนหลงไหล เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว เขายังคงเหมือนปีนั้นที่เจอกันในครั้งแรก กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และตั้งแต่ที่เธอตกหลุมรักเขามาจนถึงวันนี้ ในช่วงเวลาไม่กี่ปีกลับดูเหมือนว่าเธอนั้นถูกครอบครองมาทั้งชีวิตแล้ว

เหล่าชายชรานั้นถูกเชิญไปที่ส่วนราชการเพื่อดื่มชา ในช่วงขณะนั้นพวกเขาก็ยังอธิบายออกมาได้ไม่ชัดเจน จึงไม่มีทางที่จะได้ออกจากส่วนราชการ จากนั้นก็ไม่มีทางเลือกที่จะใช้อำนาจในการเป็นขุนนาง เรียกให้ผู้บังคับบัญชาการฝ่ายการปกครองเมืองออกมา สุดท้ายผู้บังคับบัญชาการฝ่ายการปกครองก็เหมือนกับทำบุญปล่อยเหล่าชายชราออกไปจากส่วนราชการที่ทำการปกครองเมือง

เมื่อออกมาจากที่ทำการปกครองเมืองแล้ว เวลาก็ล่วงไปเที่ยวคืน เวลานี้ตลาดกลางคืนก็คงจะเลิกและแยกย้ายกันไปหมดแล้ว จะไปตามหาจักรพรรดินีและองค์ชายใหญ่ได้จากที่ไหนกัน แต่ก็น่าจะเป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ คืนนี้พวกเขาต้องอยู่ที่จวนของซูเจ๋ออย่างแน่นอน แต่เมื่อต้องการไปจวนคนอื่นแล้วขอเชิญให้กลับเข้าวังที่ ก็คงจะไม่มีใครมาเปิดประตูให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน

เหล่าชายชราได้เพียงแต่สบัดแขนเสื้อ ต่างพากันถอนหายใจแล้วจึงกลับบ้าน ในระหว่างทางก็พูดถึงเรื่องซูเจ๋อกัน เหล่าชายชรานั้นก็รู้สึกคันปาก จึงเอ่ยว่า

“ซูเจ๋อมีสถานะเป็นถึงราชครู เป็นบัณฑิต คงจะปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีจนทำให้องค์ชายใหญ่เคยชิน อายุยังน้อยเช่นนี้ จะไปรู้จักวิธีการเล่นงานคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นเขาที่สอนเรื่องไม่ดีให้แก่องค์ชายใหญ่เป็นแน่!”

“ก็จริง!ช่างเป็นคนที่รังเกียจจริงๆ วันนี้ทำให้ข้ากลายเป็นคนร้ายจนถูกจับกุมตัวไปที่ส่วนราชการ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าที่เกิดเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้!ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน! ”

“เปลือกนอกสวยใสบริสุทธิ์ แต่ความจริงข้างในนั้นเน่าเละ!”

“เฮ้อ!ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!”

วันนี้ซูเซี่ยนเดินเที่ยวเล่นจนเหน็ดเหนื่อย หลังจากกลับถึงก็ล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้านอนห้องด้านข้างอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดภายในห้องของซูเจ๋อนั้นก็มีถังอาบน้ำเตรียมไว้หนึ่งใบ และมีฉากบานพับเพิ่มมาหนึ่งอัน แม้ว่าพื้นที่ว่างนั้นจะถูกยึดครองแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างมาก

ซูเจ๋อไม่ได้ใช้ถังน้ำนี้อาบน้ำ เขาเตรียมไว้ให้กับเฉินเสียน ในถังน้ำนั้นมีน้ำร้อนอยู่เต็มถัง เมื่อเฉินเสียนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็ไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย

ซูเจ๋อกลับมาจากอาบน้ำอย่างสะอาดและสดชื่น เฉินเสียนจึงรีบร้อนใส่เสื้อผ้า เขาอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเอ่ยว่า“ท่านจะหวาดกลัวอะไร”

เฉินเสียนได้แขวนหน้ากากปีศาจสองอันนั้นไว้ที่ชั้น หน้ากากที่ถูกเคลือบไปด้วยสีสันที่แปลกประหลาด กลับดูเสน่ห์ขึ้นมาเฉพาะตัว

เฉินเสียนพูดอย่างหน้านิ่งว่า“ข้าไม่ได้หวาดกลัว ข้าเพียงแค่คุ้นชินแบบนี้”

“ข้ามองแล้ว น่าจะไม่คุ้นชินมากกว่า”

ก็ใช่นะสิ เธอจะคุ้นชินได้อย่างไรในเมื่อซูเจ๋อเข้ามาใกล้ เธอก็จะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เฉินเสียนรีบสวมใส่ชุดนอน ดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว แล้วหันหลังปีนขึ้นไปนอนบนเตียงโดยไม่หันไปมองซูเจ๋อ ใบหูของเธอเริ่มแดง แล้วเอ่ยว่า“วันนี้ท่านคงจะเหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถิด”

ซูเจ๋อเห็นน้ำที่ยังเหลืออยู่ครึ่งแก้วบนโต๊ะ จึงเลิกคิ้วแล้วยกน้ำแก้วนั้นขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เดินไปที่เตียงแล้วค่อยๆเปลื้องผ้าออก

เมื่อดับไฟลงแล้ว ซูเจ๋อก็โอบกอดเฉินเสียนเอาไว้จากทางด้านหลัง

เธอซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลมหายใจของเขาพัวพันอยู่ด้านหลังแล้วค่อยๆเลื่อนมาอยู่ลำคอของเธอ ทำให้เฉินเสียนนั้นใจสั่นเป็นระยะๆ

ซูเจ๋อรีบพูดขึ้นว่า “ข้าหิวแล้ว อยากกินอาหารมื้อดึก”

เฉินเสียนกล่าว“ทำไมท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้?ท่านอยากกินอะไร เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูในห้องครัวว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง”เฉินเสียนพูดแล้วเตรียมลุกขึ้น

ถึงอย่างไรถูกเขากอดอยู่อย่างนี้ก็คงจะนอนไม่หลับ

ซูเจ๋อกอดรัดเอวของเธอเอาไว้ แขนนั้นก็ถูกกุมเอาไว้ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ เมื่อร่างกายถูกเสียดสีไปมา เมื่อเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างจากทางด้านหลังสัมผัสโดนตัวเธอ วินาทีนั้นเธอก็สูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง เธอทั้งเขินอายทั้งกลัดกลุ้ม“ท่าน……”

ซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหู“ให้ข้ากินได้หรือไม่?”

เฉินเสียนหายใจไม่ทัน“ไม่ให้”

“ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ?”

เฉินเสียนไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร ได้แต่กลั้นคำพูดในลำคอเอาไว้“ ท่านเพิ่งจะหายจากอาการป่วยหนัก ไม่ควรทำเรื่องพวกนี้……”

ซูเจ๋อพูด“ เพิ่งหายจากการป่วยหนัก ไม่ใช่ต้องได้รับการรักษาที่ดีหรือ ท่านบอกข้าเองว่าอย่าท้อ ไม่ต้องกลัวลำบาก ข้าหิวแล้วก็ควรที่จะได้กินสักหน่อย?”

“ท่านปล่อยข้า ข้าจะไปทำให้ท่านกิน”

เฉินเสียนเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของซูเจ๋อมาก แต่ซูเจ๋อนั้นไม่เพียงไม่ปล่อยเธอออก มือของเขายังล้วงลึกเข้าไปในชุดนอนและลูบไล้เข้าไปที่เอวของเธอ

เฉินเสียนหายใจไม่ทัน ด้านหลังสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทำให้ร่างกายเธอนั้นอ่อนระทวย เธอเริ่มหายใจติดขัด แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะค่อยๆยกสะโพกขึ้นตอบรับ

ซูเจ๋อจับที่เอวของเธอเอาไว้ เฉินเสียนสั่นเทาเล็กน้อย เขาพรมจูบลงไปบนใบหูและลำคอ เขาพูดว่า“สัมผัสได้หรือยัง?มันแข็งจนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้อยากกินเพียงแค่ท่าน”

เสียงกระซิบอันอบอุ่นและแผ่วเบา ร่างกายสัมผัสลูบไล้อย่างแนบชิด หัวใจเต้นเร็วรัวสูบฉีดจากหัวใจไปทั่วร่างกาย

เฉินเสียนนั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าตัวเองนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบรับ ตราบใดที่ได้อยู่กับซูเจ๋อก็ห้ามการปลุกปั่นจากเขาไม่ได้

เฉินเสียนพูดออกมาแทบไม่เป็นคำ“ได้……ได้หรือ ร่างกายของท่าน……ข้าแค่คิดว่า……อืม น่าจะต้องรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง……”

พูดไปก็เท่านั้น เพราะกระโปรงชั้นในของเฉินเสียนนั้นได้ถูกซูเจ๋อถอดออกไปกองไว้ที่ข้อเท้าเรียบร้อยแล้ว เสื้อชุดนอนด้านบนก็ถูกถลกขึ้นมาถึงหน้าท้อง เมื่อความร้อนด้านด้านล่างนั้นเปียกแฉะและชุ่มชื้น เธอก็อดไม่ได้ถอนหายใจออกมา

ซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหูแล้วยิ้มหัวเราะ“อาเสียนท่านชุ่มชื้นมากแล้ว ยังไม่จะไม่ต้อนรับข้าอีกหรือ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าคือหงส์พันปี 600 ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ?

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 600 ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูเจ๋อและเฉินเสียนจูงมือกันอยู่ด้านหลัง เธอเห็นภาพด้านหลังของซูเซี่ยนเล็กๆอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมา

ค่ำคืนนี้ถือเป็นอีกคืนที่ได้เที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะเจอกับเหล่าชายชรานั้น เฉินเสียนได้พาซูเซี่ยนไปเดินเที่ยวเล่นอย่างมีความสุข และยังมีซูเจ๋อร่วมเดินทางไปด้วย เธอก็รู้สึกเพียงพอกับสิ่งที่มีแล้ว

ซูเซี่ยนเดินไปถึงด้านหน้าประตูจวน จึงเขย่งเท้าขึ้นจับห่วงทองเหลืองแล้วเคาะประตู ไม่นานพ่อบ้านก็ได้มาเปิดประตูเชิญเขาเข้าไป

เฉินเสียนและซูเจ๋อเดินตามเข้ามาทีหลัง เธอพูดเสียงเบาว่า“เดือนหน้าเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ยังการกินบะหมี่ร่วมกันที่ริมแม่น้ำหยางชุนอยู่หรือไม่ ?”

ซูเจ๋อพูด“ก็น่าจะมีทุกๆปีนะ”

เฉินเสียนยิ้มแล้วเอ่ยว่า“ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าก็นำเหรียญทองแดงไปด้วย ขอให้ท่านพาข้าไปกินบะหมี่ร่วมกันอีก ”บางทีเธอควรจะชมเชยซูเซี่ยนที่ทำได้ดี เพราะว่าเธอนั้นก็ไม่อยากจะกลับวัง เธออยากจะอยู่ที่นี่

คืนนี้ซูเจ๋อทำหน้าที่ในฐานะพ่อคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปเที่ยวเล่นกับเธอทั้งสองแม่ลูก เขาเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมเดินทางและคนที่คอยเฝ้าปกป้อง เมื่อมีเขาอยู่ข้างกายไม่ว่าเฉินเสียนและซูเซี่ยนนั้นจะทำอะไรก็ไม่ที่ต้องหวาดหวั่น

อย่างที่เรื่องนั่งแทะมันเทศย่างอยู่ที่ราวสะพาน แม้ว่าจะไม่สอดสอดคล้องกับสถานะ ทั้งสองแม่ลูกนั้นก็ไม่แทะกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่กลัวที่จะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ

เมื่อแสงจากโคมไฟหรี่ลง เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่ซูเจ๋อได้พาเธอออกไปเที่ยวเล่นกลางคืนในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์

ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครรู้จักพวกเขา พวกเขาก็เหมือนกับหนุ่มสาวธรรมดาทั่วไปที่จูงมือกันดูการเชิดสิงโตบนท้องถนนท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย ที่ริมแม่น้ำหยางชุนได้ชมเหล่าผู้ที่มีสามารถประพันธ์เพลงกลอนกันอย่างสนุกสนาน แล้วยังได้นั่งกินบะหมี่ร่วมกันในร้านแผงลอยข้างทาง

ช่วงเวลานั้นพวกเขา ต่างคนก็ต่างเก็บซ่อนจิตใจกันเอาไว้ เมื่อมาคิดดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กหนุ่มสาวในครั้งนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวไม่เป็นจังหว่ะ

เฉินเสียนพูดกับเขาว่า“ข้าอยากขึ้นไปหอชมดาวชื่นชมดวงจันทร์”

ซูเจ๋อเดินเข้าประตูบ้าน ยกมือขึ้นถอดหน้ากากออก ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มภายใต้แสงจันทร์ แล้วตอบเธอว่า“ได้เลย”

ช่วงเวลาที่เขายิ้มทำให้เฉินเสียนหลงไหล เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว เขายังคงเหมือนปีนั้นที่เจอกันในครั้งแรก กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และตั้งแต่ที่เธอตกหลุมรักเขามาจนถึงวันนี้ ในช่วงเวลาไม่กี่ปีกลับดูเหมือนว่าเธอนั้นถูกครอบครองมาทั้งชีวิตแล้ว

เหล่าชายชรานั้นถูกเชิญไปที่ส่วนราชการเพื่อดื่มชา ในช่วงขณะนั้นพวกเขาก็ยังอธิบายออกมาได้ไม่ชัดเจน จึงไม่มีทางที่จะได้ออกจากส่วนราชการ จากนั้นก็ไม่มีทางเลือกที่จะใช้อำนาจในการเป็นขุนนาง เรียกให้ผู้บังคับบัญชาการฝ่ายการปกครองเมืองออกมา สุดท้ายผู้บังคับบัญชาการฝ่ายการปกครองก็เหมือนกับทำบุญปล่อยเหล่าชายชราออกไปจากส่วนราชการที่ทำการปกครองเมือง

เมื่อออกมาจากที่ทำการปกครองเมืองแล้ว เวลาก็ล่วงไปเที่ยวคืน เวลานี้ตลาดกลางคืนก็คงจะเลิกและแยกย้ายกันไปหมดแล้ว จะไปตามหาจักรพรรดินีและองค์ชายใหญ่ได้จากที่ไหนกัน แต่ก็น่าจะเป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ คืนนี้พวกเขาต้องอยู่ที่จวนของซูเจ๋ออย่างแน่นอน แต่เมื่อต้องการไปจวนคนอื่นแล้วขอเชิญให้กลับเข้าวังที่ ก็คงจะไม่มีใครมาเปิดประตูให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน

เหล่าชายชราได้เพียงแต่สบัดแขนเสื้อ ต่างพากันถอนหายใจแล้วจึงกลับบ้าน ในระหว่างทางก็พูดถึงเรื่องซูเจ๋อกัน เหล่าชายชรานั้นก็รู้สึกคันปาก จึงเอ่ยว่า

“ซูเจ๋อมีสถานะเป็นถึงราชครู เป็นบัณฑิต คงจะปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีจนทำให้องค์ชายใหญ่เคยชิน อายุยังน้อยเช่นนี้ จะไปรู้จักวิธีการเล่นงานคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นเขาที่สอนเรื่องไม่ดีให้แก่องค์ชายใหญ่เป็นแน่!”

“ก็จริง!ช่างเป็นคนที่รังเกียจจริงๆ วันนี้ทำให้ข้ากลายเป็นคนร้ายจนถูกจับกุมตัวไปที่ส่วนราชการ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าที่เกิดเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้!ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน! ”

“เปลือกนอกสวยใสบริสุทธิ์ แต่ความจริงข้างในนั้นเน่าเละ!”

“เฮ้อ!ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!”

วันนี้ซูเซี่ยนเดินเที่ยวเล่นจนเหน็ดเหนื่อย หลังจากกลับถึงก็ล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้านอนห้องด้านข้างอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดภายในห้องของซูเจ๋อนั้นก็มีถังอาบน้ำเตรียมไว้หนึ่งใบ และมีฉากบานพับเพิ่มมาหนึ่งอัน แม้ว่าพื้นที่ว่างนั้นจะถูกยึดครองแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างมาก

ซูเจ๋อไม่ได้ใช้ถังน้ำนี้อาบน้ำ เขาเตรียมไว้ให้กับเฉินเสียน ในถังน้ำนั้นมีน้ำร้อนอยู่เต็มถัง เมื่อเฉินเสียนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็ไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย

ซูเจ๋อกลับมาจากอาบน้ำอย่างสะอาดและสดชื่น เฉินเสียนจึงรีบร้อนใส่เสื้อผ้า เขาอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเอ่ยว่า“ท่านจะหวาดกลัวอะไร”

เฉินเสียนได้แขวนหน้ากากปีศาจสองอันนั้นไว้ที่ชั้น หน้ากากที่ถูกเคลือบไปด้วยสีสันที่แปลกประหลาด กลับดูเสน่ห์ขึ้นมาเฉพาะตัว

เฉินเสียนพูดอย่างหน้านิ่งว่า“ข้าไม่ได้หวาดกลัว ข้าเพียงแค่คุ้นชินแบบนี้”

“ข้ามองแล้ว น่าจะไม่คุ้นชินมากกว่า”

ก็ใช่นะสิ เธอจะคุ้นชินได้อย่างไรในเมื่อซูเจ๋อเข้ามาใกล้ เธอก็จะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เฉินเสียนรีบสวมใส่ชุดนอน ดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว แล้วหันหลังปีนขึ้นไปนอนบนเตียงโดยไม่หันไปมองซูเจ๋อ ใบหูของเธอเริ่มแดง แล้วเอ่ยว่า“วันนี้ท่านคงจะเหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถิด”

ซูเจ๋อเห็นน้ำที่ยังเหลืออยู่ครึ่งแก้วบนโต๊ะ จึงเลิกคิ้วแล้วยกน้ำแก้วนั้นขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เดินไปที่เตียงแล้วค่อยๆเปลื้องผ้าออก

เมื่อดับไฟลงแล้ว ซูเจ๋อก็โอบกอดเฉินเสียนเอาไว้จากทางด้านหลัง

เธอซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลมหายใจของเขาพัวพันอยู่ด้านหลังแล้วค่อยๆเลื่อนมาอยู่ลำคอของเธอ ทำให้เฉินเสียนนั้นใจสั่นเป็นระยะๆ

ซูเจ๋อรีบพูดขึ้นว่า “ข้าหิวแล้ว อยากกินอาหารมื้อดึก”

เฉินเสียนกล่าว“ทำไมท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้?ท่านอยากกินอะไร เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูในห้องครัวว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง”เฉินเสียนพูดแล้วเตรียมลุกขึ้น

ถึงอย่างไรถูกเขากอดอยู่อย่างนี้ก็คงจะนอนไม่หลับ

ซูเจ๋อกอดรัดเอวของเธอเอาไว้ แขนนั้นก็ถูกกุมเอาไว้ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ เมื่อร่างกายถูกเสียดสีไปมา เมื่อเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างจากทางด้านหลังสัมผัสโดนตัวเธอ วินาทีนั้นเธอก็สูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง เธอทั้งเขินอายทั้งกลัดกลุ้ม“ท่าน……”

ซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหู“ให้ข้ากินได้หรือไม่?”

เฉินเสียนหายใจไม่ทัน“ไม่ให้”

“ท่านจะปล่อยให้ข้าหิวหรือ?”

เฉินเสียนไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร ได้แต่กลั้นคำพูดในลำคอเอาไว้“ ท่านเพิ่งจะหายจากอาการป่วยหนัก ไม่ควรทำเรื่องพวกนี้……”

ซูเจ๋อพูด“ เพิ่งหายจากการป่วยหนัก ไม่ใช่ต้องได้รับการรักษาที่ดีหรือ ท่านบอกข้าเองว่าอย่าท้อ ไม่ต้องกลัวลำบาก ข้าหิวแล้วก็ควรที่จะได้กินสักหน่อย?”

“ท่านปล่อยข้า ข้าจะไปทำให้ท่านกิน”

เฉินเสียนเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของซูเจ๋อมาก แต่ซูเจ๋อนั้นไม่เพียงไม่ปล่อยเธอออก มือของเขายังล้วงลึกเข้าไปในชุดนอนและลูบไล้เข้าไปที่เอวของเธอ

เฉินเสียนหายใจไม่ทัน ด้านหลังสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทำให้ร่างกายเธอนั้นอ่อนระทวย เธอเริ่มหายใจติดขัด แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะค่อยๆยกสะโพกขึ้นตอบรับ

ซูเจ๋อจับที่เอวของเธอเอาไว้ เฉินเสียนสั่นเทาเล็กน้อย เขาพรมจูบลงไปบนใบหูและลำคอ เขาพูดว่า“สัมผัสได้หรือยัง?มันแข็งจนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้อยากกินเพียงแค่ท่าน”

เสียงกระซิบอันอบอุ่นและแผ่วเบา ร่างกายสัมผัสลูบไล้อย่างแนบชิด หัวใจเต้นเร็วรัวสูบฉีดจากหัวใจไปทั่วร่างกาย

เฉินเสียนนั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าตัวเองนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบรับ ตราบใดที่ได้อยู่กับซูเจ๋อก็ห้ามการปลุกปั่นจากเขาไม่ได้

เฉินเสียนพูดออกมาแทบไม่เป็นคำ“ได้……ได้หรือ ร่างกายของท่าน……ข้าแค่คิดว่า……อืม น่าจะต้องรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง……”

พูดไปก็เท่านั้น เพราะกระโปรงชั้นในของเฉินเสียนนั้นได้ถูกซูเจ๋อถอดออกไปกองไว้ที่ข้อเท้าเรียบร้อยแล้ว เสื้อชุดนอนด้านบนก็ถูกถลกขึ้นมาถึงหน้าท้อง เมื่อความร้อนด้านด้านล่างนั้นเปียกแฉะและชุ่มชื้น เธอก็อดไม่ได้ถอนหายใจออกมา

ซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหูแล้วยิ้มหัวเราะ“อาเสียนท่านชุ่มชื้นมากแล้ว ยังไม่จะไม่ต้อนรับข้าอีกหรือ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+