ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 134.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 134.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เมิ่งอี้เซวียนเดือดดาล

 

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินเสียงสรวลเสเฮฮาของเด็กๆ รีบเดินออกมาดู เห็นเด็กๆ กำลังเล่นของเล่นแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ให้รู้สึกประหลาดใจ เอาแต่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ มองดูเด็กเล่นแมลงปอไม้ไผ่อย่างสนุกสนาน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเมิ่งชื่อหลังจากได้เจอพี่ชายและพี่สะใภ้สีหน้าท่าทางดีขึ้นมาก กลิ้งกลอกนัยน์ตา เดินไปตรงหน้าเมิ่งชื่อพูดขึ้น “ท่านแม่ ข้าเพิ่งได้ยินลุงใหญ่บอกว่า พี่ใหญ่ไม่ยินดีให้สะใภ้ซุนกลับบ้านแม่ไปถามพี่ชายและพี่สะใภ้นางเรื่องที่จะให้อิงจื่อแต่งงานในอีกสองเดือนให้หลัง”

 

 

เมิ่งชื่อถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ถามขึ้น “เพราะอะไร หลายวันก่อนพวกเราตกลงกันแล้ว หลังจากที่สร้างบ้านให้ท่านปู่ท่านย่าเจ้าเสร็จ จะให้พวกเขาแต่งงาน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพูด “ลุงใหญ่ไม่ได้พูดชัดเจน ข้าเองก็ไม่รู้ ไม่เช่นนั้นเราไปถามป้าใหญ่กันเถอะ”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “ดี พวกเราไปเดี๋ยวนี้”

 

 

พูดจบก็พากันเดินออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามออกมาพลางพูดว่า “พี่ใหญ่ ข้ากับท่านแม่จะไปบ้านท่านปู่ ท่านดูแลน้องๆ ด้วย”

 

 

เมิ่งเสียนรับคำ เมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินพ้นประตูออกไป

 

 

ทั้งสองมาถึงบ้านใหญ่ ภรรยาเมิ่งต้าจินเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา รีบเข้าไปต้อนรับ พูดอย่างเป็นกันเอง “น้องสะใภ้ โยวเอ๋อร์ พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อน”

 

 

เมิ่งชื่อเดินเข้ามา ไม่สนเรื่องพิธีรีตรอง ดึงภรรยาเมิ่งต้าจินมาถามตามตรง “พี่สะใภ้ ข้าได้ยินว่าเหรินเอ๋อร์ไม่ยินดีให้สะใภ้ซุนกลับบ้านแม่ไปถามพี่ชายและพี่สะใภ้ว่ายินดีจะให้อิงจื่อแต่งงานในอีกสองเดือนให้หลังหรือไม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินก็คิดไม่ถึงว่าเมิ่งชื่อมาถึงก็จะซักถามเรื่องนี้อย่างอดใจรอไม่ไหว รีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่เหรินเอ๋อร์ไม่ยินดีให้สะใภ้ซุนกลับไปถาม แต่แค่อยากรอให้สร้างบ้านเสร็จก่อนค่อยให้สะใภ้ซุนไป”

 

 

เมิ่งชื่อมุ่นหัวคิ้วพูด “พวกเราเพียงให้สะใภ้ซุนกลับไปไถ่ถาม มิได้จะให้พวกเขาแต่งงานทันที อีกอย่าง เรื่องที่พวกเราวางแผนนี้ ยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ของอิงจื่อจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ ถามความไว้ก่อนพวกเราเองก็จะได้มั่นใจ”

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบกลับ “ข้าก็พูดเช่นนี้กับเหรินเอ๋อร์แล้ว แต่ให้ตายเหรินเอ๋อร์ก็ไม่เห็นด้วยให้สะใภ้ซุนไปตอนนี้ พวกเรามาคิดดูที่เขาพูดก็มีเหตุผล จึงได้พักเอาไว้ก่อน”

 

 

เมิ่งชื่อคลางแคลงใจพูดขึ้น “หรือเหรินเอ๋อร์ไม่อยากแต่งงาน”

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินยิ้มพูด “ที่ไหนกัน เหรินเอ๋อร์เห็นชอบมาตลอด ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่จัดการหมั้นหมายให้เขาเร็วเช่นนี้”

 

 

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งชื่อถึงวางใจลง รีบเข้าบ้านไปทักทายเมิ่งจงจวี่และภรรยา

 

 

สุขภาพของเมิ่งจงจวี่หายดีแล้ว สดชื่นกระปรี้กระเปร่า กำลังใช้เครื่องเขียนที่เมิ่งเชี่ยนโยวซื้อให้เขียนอักษรพู่กัน

 

 

หญิงชราเมิ่งยิ้มแย้มพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ปู่เจ้านะ เห็นเครื่องเขียนที่เจ้าซื้อให้เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า วันๆ นอกจากเขียนอักษรก็เขียนอักษร ใกล้จะล้นห้องแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านปู่ชอบก็ดีแล้ว”

 

 

เมิ่งจงจวี่วางพู่กันในมือลงอย่างระวัง หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ ปู่ถามให้แล้ว โรงเรียนในเมืองเปิดเรียนวันที่ยี่สิบสอง เรื่องที่จะให้อี้เซวียนไปโรงเรียนเตรียมการไปถึงไหนแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดว่า “ท่านปู่ไม่พูด ข้าเกือบลืมเรื่องที่จะส่งอี้เซวียนไปเข้าเรียนในเมืองไปแล้ว เดี๋ยวพอข้ากับท่านแม่กลับไป จะไปช่วยเตรียมการให้เขา”

 

 

เมิ่งชื่อถามขึ้น “ท่านพ่อ ไปโรงเรียนต้องเตรียมการสิ่งใดบ้าง”

 

 

เมิ่งจงจวี่ตอบกลับ “เพียงตระเตรียมเครื่องเขียนพู่กันน้ำหมึกที่ฝนหมึกกระดาษก็พอแล้ว สิ่งอื่นในโรงเรียนคงมีเตรียมไว้แล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า

 

 

พูดคุยกับสองผู้เฒ่าเมิ่งอีกครู่หนึ่ง เมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับบ้านไปพร้อมกัน

 

 

เมิ่งเสียนยังเล่นแมลงปอไม้ไผ่กับน้องๆ อย่างมีความสุข

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งเสียนและเมิ่งฉี “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”

 

 

ทั้งสองมาตรงหน้านาง ถามขึ้น “เรื่องอันใด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “วันมะรืนโรงเรียนในเมืองจะเปิดการศึกษาแล้ว ข้าคิดจะส่งอี้เซวียนไปเข้าเรียนในเมือง พี่ใหญ่พี่รองอยากไปด้วยหรือไม่ หากว่าอยากไป พวกท่านก็ไปพร้อมกัน จะได้ดูแลกันและกันด้วย”

 

 

เมิ่งเสียนถามอย่างตื่นตระหนก “เหตุใดอยู่ๆ น้องสาวถึงถามพวกเราว่ายินดีไปโรงเรียนหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “พี่ใหญ่พี่รองศึกษาความรู้กับท่านปู่มาหลายปี หากไม่เพราะเมื่อก่อนครอบครัวเรามีความเป็นอยู่แร้นแค้น ไม่มีเงินส่งพวกท่านเรียน ตอนนี้พวกท่านคงเป็นเหมือนพี่ใหญ่บ้านลุงใหญ่ เตรียมตัวไปสอบซิ่วไฉแล้ว ตอนนี้บ้านเรามีเงินแล้ว พวกท่านสามารถไปร่ำเรียนได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลอีก หากพวกท่านอยากไป ข้ากับท่านแม่จะได้เตรียมสิ่งของสำหรับเล่าเรียนให้พวกท่าน”

 

 

เมิ่งเสียนส่ายหน้า “ข้าไม่ไป!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างข้องใจ “พี่ใหญ่ ไม่คิดอยากเป็นขุนนางหรือ”

 

 

เมิ่งเสียนพูด “เมื่อก่อนคิด แม้ในฝันก็คิด ทุกครั้งที่เห็นพี่ใหญ่เข้าไปร่ำเรียนในอำเภอ ข้าก็อิจฉาแทบทนไม่ได้…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ไปเรียนในอำเภอก็ได้ ถึงเวลาท่านก็ไปพร้อมกับพี่ใหญ่ เพียงแค่ไกลจากบ้านเสียหน่อย ไม่สะดวกกลับบ้านได้บ่อยๆ”

 

 

เมิ่งเสียนโบกมือพูด “ตอนนี้ข้าไม่คิดอยากไปแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เพราะอะไร”

 

 

เมิ่งเสียนตอบ “เมื่อก่อนที่อยากเรียนหนังสือ เพราะอยากสอบเป็นขุนนาง สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล ให้ครอบครัวเราได้มีชีวิตที่ดี แต่ตอนนี้ครอบครัวเรามีชีวิตที่ดีแล้ว ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องปากท้องอีก ความคิดที่อยากสอบเป็นขุนนางจึงเลือนรางไป ที่สำคัญคือข้าเป็นพี่ใหญ่ ควรจะเป็นเสาหลักของบ้าน ไม่ควรทิ้งทุกอย่างไว้ที่เจ้าคนเดียว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้มน้าว “พี่ใหญ่ เรื่องในบ้านข้าพอรับมือไหว ท่านไม่ต้องรู้สึกเป็นภาระ หากท่านอยากไปก็ไปเถิด”

 

 

เมิ่งเสียนยืนหยัดพูด “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่เรียนหนังสือแล้ว ต่อไปจะคอยควบคุมดูแลโรงงานของครอบครัวกับเจ้า ให้น้องรองและอี้เซวียนไปเรียนด้วยกันเถอะ”

 

 

เมิ่งฉีผลุนผลันโบกมือ “ข้าไม่ไป!”

 

 

เห็นทั้งสองคนมองมา เมิ่งฉีรีบพูดเป็นพรวน “เดิมข้าก็ไม่ชอบเรียนหนังสือ หากไม่เพราะท่านปู่เป็นคนสอน ข้าคงจะไม่ไปเรียนนานแล้ว ตอนนี้อุตส่าห์มีข้ออ้างไม่ต้องเรียนหนังสือ ให้ตายข้าก็ไม่เข้าไปเรียนในเมืองเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ พูดว่า “พี่รอง เด็กบ้านอื่นอยากไปเรียนหนังสือใจจะขาด เหตุใดมาถึงบ้าน กลับทำเหมือนจะมาเอาชีวิตท่านเช่นนั้นเล่า”

 

 

เมิ่งฉีพูดใหญ่โต “พอข้าเห็นหนังสือสี่ตำราห้าคัมภีร์ก็ปวดหัวตึ๊บ ไม่ต่างกับจะมาเอาชีวิตข้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนหัวเราะร่วน

 

 

เมิ่งฉีลูบหัว หัวเราะตามไปด้วย

 

 

ตอนกินข้าวเย็น เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเรื่องที่จะส่งเมิ่งอี้เซวียนไปเข้าเรียนในเมืองวันมะรืนออกมา

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นดีใจมาก กำชับเมิ่งอี้เซวียนไปอยู่ที่โรงเรียนจะต้องเชื่อฟังอาจารย์ ตั้งใจเล่าเรียน ภายหน้าจักได้สอบขุนนาง นำพาชื่อเสียงมาให้วงศ์ตระกูล

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่คิดว่าจะต้องเข้าไปเรียนหนังสือในเมืองเร็วเช่นนี้ เริ่มไม่อยากไป แต่นี่เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้แล้ว จึงไม่กล้าพูดว่าไม่ไป

 

 

เมิ่งชื่อเห็นเขานั่งหงอย ลองหยั่งเชิงถาม “ทำไมอี้เซวียนดูไม่ยินดี เจ้าไม่อยากไปหรือ”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง เห็นนางกำลังจ้องมาที่ตนเอง ตกใจพูดขึ้น “หาไม่ ข้าเพียงคิดว่าจะไม่ได้กลับบ้านทุกวัน ก็รู้สึกเศร้าใจไปบ้างเท่านั้น”

 

 

เมิ่งชื่อพูด “อยากกลับบ้านไม่ยากเลย บ้านเรามีรถม้า ให้เสียนเอ๋อร์ไปรับเจ้าทุกวันก็ได้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนถามอย่างดีใจ “ได้หรือ ข้ากลับบ้านทุกวันได้อย่างนั้นหรือ”

 

 

เมิ่งชื่อตอบเขา “แน่นอน เพียงแต่ต้องตื่นเช้าทุกวัน คงลำบากแย่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรีบพูด “ข้าไม่กลัวลำบาก”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ ต่อไปให้เสียนเอ๋อร์คอยไปรับไปส่งเจ้าทุกวัน”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ ไม่ได้พูดอะไร ถือว่าเห็นชอบด้วย

 

 

เมิ่งอี้เซวียนดีใจโพล่งหัวเราะ

 

 

เช้าตรู่วันถัดมา คนงานของจูหลานและคนงานของเซี่ยเจียงเฟิงเข้ามารับเนื้อรมควันและเครื่องในรมควันแต่เช้า

 

 

เมิ่งชื่อไม่มีอะไรทำ คิดจะไปเตรียมสิ่งของให้เมิ่งอี้เซวียนไปเล่าเรียน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ท่านแม่ อี้เซวียนไม่ต้องไปกินนอนที่โรงเรียน มีอะไรต้องเตรียมอีก ตอนบ่ายไปลงทะเบียนเรียนให้เขาเสร็จ ซื้อเครื่องเขียนชุดใหม่ให้เขาก็พอแล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อคิดแล้วก็เห็นพ้อง จึงไม่เก็บของอีก

 

 

ตอนบ่าย เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งต้าจินบังคับรถม้า มาถึงโรงเรียนในเมือง

 

 

มาถึงหน้าประตูโรงเรียน เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้าให้เงินเมิ่งอี้เซวียนสิบตำลึง ให้เขาไปลงทะเบียนเรียนที่หน้าประตูโรงเรียนเอง ตนเองรออยู่ข้างรถม้า

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมาถึงสถานที่รับลงทะเบียน

 

 

อาจารย์ที่รับผิดชอบการลงเบียนเห็นเด็กน้อยมาลำพัง รู้สึกฉงนสงสัย

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินมาตรงหน้าอาจารย์ พูดด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ท่านอาจารย์ ข้าต้องการมาเล่าเรียนที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องทำเช่นไร”

 

 

อาจารย์ไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายใบหน้างดงามหมดจดเช่นนี้มาก่อน พลันมองตะลึงค้าง ครั้นได้ยินคำถามของเมิ่งอี้เซวียน ถึงได้สติกลับมา รีบร้อนตอบ “พวกเราต้องสอบวัดระดับความรู้เจ้า ดูว่าเจ้าเหมาะกับโรงเรียนของพวกเราหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

อาจารย์ที่รับผิดชอบการลงทะเบียนเรียกอาจารย์อีกคนเข้ามาสอบวัดระดับความรู้เมิ่งอี้เซวียน

 

 

อาจารย์ท่านนี้ถามเมิ่งอี้เซวียนว่าเคยเรียนตำราอะไรมาบ้าง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตอบ “ข้าเคยอ่านหนังสือสี่ตำราห้าคัมภีร์ คัมภีร์หลุนอวี่และคัมภีร์ซือจิง”

 

 

อาจารย์ที่สอบวัดระดับความรู้ได้ยินว่าเขาอายุเพียงเท่านี้ก็เคยอ่านหนังสือเหล่านี้แล้ว รู้สึกฉงนสนเท่ห์ ถามเขาสองสามคำถามอย่างไม่เชื่อ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตอบได้อย่างคล่องแคล่ว

 

 

อาจารย์ดีใจเป็นล้นพ้น พูดขึ้น “เจ้าถูกรับเลือก เมื่อลงทะเบียนเสร็จให้ตามข้าเข้าไป ข้าจะเตรียมที่พักให้เจ้า พรุ่งนี้ให้มาเข้าเรียนได้ทันที”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนถามขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้าไม่กินนอนที่โรงเรียน กลับบ้านทุกวันได้หรือไม่”

 

 

บุตรหลานเศรษฐีในโรงเรียนมีไม่น้อย ที่คิดถึงลูกไม่ให้กินนอนที่โรงเรียนก็มีมาก อาจารย์ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ถามมากความ เพียงแค่พูดด้วยเจตนาดี “บ้านเจ้าอยู่ใกล้หรือไม่ หากไม่ใกล้จะลำบากมาก และโรงเรียนของเราก็มีกฎที่เคร่งครัด หากมาสายบ่อยๆ จะถูกไล่ออกจากโรงเรียน”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดรับประกัน “ท่านอาจารย์วางใจ ข้าจักไม่มาสาย”

 

 

อาจารย์พยักหน้าพูด “เช่นนั้นก็ดี เจ้าเป็นคนมีสติปัญญา หากถูกไล่ออก คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูด “ข้าทราบแล้ว ขอบคุณท่านอาจารย์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด