ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 147.1
ใกล้เที่ยงแล้ว ผู้ใหญ่บ้านกลัวจะพลาดโมงยามนี้ ต้องรอยามบ่ายถึงจะดำเนินการเปลี่ยนตำแหน่งได้ พอรถม้าจอดสนิท ก็รีบลงจากรถม้าเข้าไปในศาลาว่าการ
เมิ่งต้าจินคิดจะเดินตามเข้าไป เมิ่งเอ้ออิ๋นร้องเรียกเขา ล้วงเงินสดจำนวนหนึ่งและตั๋วแลกเงินจากอกออกมามอบให้เขา กล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านรับเงินนี้ไป โยวเอ๋อร์บอกว่าท่านต้องมีอามิสสินจ้างให้ผู้ว่าการตำบลและกุนซือ อย่าให้พวกเขากลั่นแกล้งท่านได้เด็ดขาด”
เมิ่งต้าจินรับมาอย่างซาบซึ้งใจ ยัดใส่อกเสื้อตัวเอง สาวเท้าเข้าไปในศาลาว่าการ
ผู้ว่าการตำบลกำลังจะไปกินข้าวหลังเรือน เห็นผู้ใหญ่บ้านเข้ามา ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ใกล้เที่ยงแล้ว เจ้ารีบร้อนเข้ามา ในหมู่บ้านเกิดเรื่องคอขาดบาดตายอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
ผู้ใหญ่บ้านโค้งคำนับ บอกจุดประสงค์ของการมา ให้ผู้ว่าการตำบลรีบดำเนินขั้นตอนการเปลี่ยนตำแหน่งให้พวกเขาโดยไว
กฎหมายประเทศอู่มีกำหนดไว้ หากหมู่บ้านใดต้องการเปลี่ยนผู้ใหญ่บ้าน ขอแค่มีจดหมายแนะนำจากผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าสกุลก็จัดการได้ ทว่าจากที่รู้จักผู้ใหญ่บ้านมานานหลายปี ผู้ว่าการตำบลรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนหวงอำนาจในมืออย่างที่สุด เห็นเขาเร่งเร้าอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งให้ได้ ดวงตาหลุบหรี่ ถามขึ้น “เจ้าเลือกมาแล้วว่าจะให้ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านคนต่อไป?”
เมิ่งต้าจินก็เดินเข้ามา โค้งคำนับให้ผู้ว่าการตำบลตามปกติ
ผู้ใหญ่บ้านชี้เขาแล้วพูด “ก็คือเขา เมิ่งต้าจิน บุตรชายคนโตของเมิ่งซิ่วไฉ เมิ่งจงจวี่”
ทั้งตำบลชิงซีมีซิ่วไฉไม่กี่คน ผู้ว่าการตำบลรู้จักหมดทุกคน ได้ยินผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเป็นบุตรชายของเมิ่งซิ่วไฉ อดมองประเมินเมิ่งต้าจินขึ้นลงหลายครั้งไม่ได้ ถามขึ้น “เขาก็คือเมิ่งต้าจินที่อายุได้สิบสามปีก็สอบถงเซิงได้?”
ผู้ใหญ่บ้านตอบอย่างนบนอบ “ถูกต้อง”
ผู้ว่าการตำบลมองประเมินเมิ่งต้าจินอีกหลายครั้ง ถึงหันไปถามผู้ใหญ่บ้าน “ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ดีๆ เหตุใดถึงรีบร้อนถอนตัวจากตำแหน่งให้เขา”
ผู้ใหญ่บ้านนำถ้อยคำที่คิดเตรียมไว้แล้วพูดออกมา “ข้าอายุมากแล้ว เริ่มจัดการเรื่องต่างๆ ในหมู่บ้านไม่ไหว ข้าอยากให้คนหนุ่มมาทำแทน เลือกมาเลือกไป ก็เลือกได้เขามา เมื่อก่อนเขาเป็นบัณฑิต รู้หนังสือมีการศึกษา ฐานะครอบครัวก็ดีมาก หากเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน จะต้องช่วยเหลือคนในหมู่บ้านได้มาก”
ผู้ว่าการตำบลหรี่ตาลง ถามขึ้น “ฐานะครอบครัวเมิ่งจงจวี่ดีมาก?”
ผู้ใหญ่บ้านโบกมือ พูดอธิบาย “มิใช่ฐานะครอบครัวเมิ่งจงจวี่ที่ดี แต่เป็นฐานะบุตรชายคนรองของเขาที่ดีมาก ใต้เท้าคงได้ยินแล้วว่าปีนี้หมู่บ้านของพวกเรามีโรงงานเปิดใหม่สองแห่ง เป็นบุตรชายคนรองของเขาที่เปิด ครั้งก่อนที่ใต้เท้ามาจัดการเรื่องหลี่โก่วเซิ่งในหมู่บ้านพวกเรา เด็กสาวที่ทำของหายก็คือหลานสาวของเขา”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้าพูด “เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ใหญ่บ้านจริงๆ ทว่า นี่ก็เที่ยงแล้ว ข้าและกุนซือกำลังจะไปกินข้าว พวกเจ้ากลับไปก่อน ไว้ค่อยมาอีกทียามบ่ายเถอะ”
ผู้ใหญ่บ้านรู้ว่าผู้ว่าการตำบลตั้งใจกลั่นแกล้งพวกเขา นึกกระวนกระวายใจ หันไปส่งสายตาให้เมิ่งต้าจินไม่หยุด
เมิ่งต้าจินเข้าใจพลัน ล้วงตั๋วแลกเงินแผ่นหนึ่งวางไว้เบื้องหน้าเขาอย่างนบนอบ พูดประจบเอาใจ “ทำให้ท่านเสียเวลากินข้าว พวกเราเองก็รู้สึกไม่ดี ตั๋วเงินเล็กๆ น้อยๆ นี้ หวังว่าท่านใต้เท้าจะรับไว้”
ผู้ว่าการตำบลแสร้งมองอย่างไม่แยแสแวบหนึ่ง พอเห็นว่าเป็นตั๋วแลกเงินหนึ่งร้อยตำลึง ก็ให้ปิติยินดี ยื่นมือออกไปช้าๆ เก็บตั๋วแลกเงินใส่ปลายแขนเสื้อ จากนั้นสั่งการกุนซือ “ท่านกุนซือ ไปจัดการเอกสารเปลี่ยนตำแหน่งให้พวกเขา”
ความจริงเอกสารการเปลี่ยนตำแหน่งเรียบง่ายมาก ก็แค่ลบชื่อผู้ใหญ่บ้านในสมุดลงทะเบียนออก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชื่อเมิ่งต้าจิน แล้วนำจดหมายแนะนำของผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าสกุลต่างๆ ใส่ไว้ด้านใน นำเอกสารชุดเดิมของผู้ใหญ่บ้านออกก็เป็นอันเสร็จสิ้น
กุนซือรับคำอย่างนอบน้อม นำสมุดลงทะเบียนของผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านต่างๆ ออกมา ลบชื่อหลิวกุ้ยของผู้ใหญ่บ้านออก เปลี่ยนมาใส่ชื่อเมิ่งต้าจิน ทั้งขอจดหมายแนะนำทั้งหมดจากทั้งสองคน ตรวจดูอย่างละเอียด ถึงนำจดหมายแนะนำเดิมของผู้ใหญ่บ้านออกมาฉีกทิ้ง นำของเมิ่งต้าจินใส่เข้าไปแทน
หลิวกุ้ยที่เห็นชื่อของตนเองถูกลบออกกับตา รู้ว่าต่อไปตนเองไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านที่ใครเห็นก็ต้องประจบเอาใจอีก เกิดอาการพูดไม่ออกเอ่อล้นในใจ
กุนซือจัดการเสร็จเรียบร้อย พูดกับผู้ว่าการตำบลอย่างพินอบพิเทา “ผู้ว่าการตำบล เปลี่ยนเอกสารเสร็จแล้วขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า วางท่าวางทางให้คำสอนเมิ่งต้าจิน “นับจากนี้ไป เจ้าก็คือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหวง ไม่ว่าเรื่องใดจักต้องคิดแทนคนในหมู่บ้าน นำพาคนในหมู่บ้านให้มีชีวิตที่ผาสุกโดยไว”
เมิ่งต้าจินขานรับด้วยความเคารพหลายครั้ง
ผู้ว่าการตำบลโบกมือ “หากพวกเจ้าหมดธุระ ก็ไปได้แล้ว”
หลิวกุ้ยที่หัวใจว่างโหวงและเมิ่งต้าจินที่สมความปรารถนาเดินออกไปจากประตูใหญ่ศาลาว่าการ
เมิ่งเอ้ออิ๋นจูงรถม้าเฝ้าคอยอยู่หน้าประตูศาลาว่าการ เห็นพวกเขาออกมา ถามอย่างยินดี “พี่ใหญ่ จัดการเรียบร้อยแล้ว?”
เมิ่งต้าจินพยักหน้า กำลังจะพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋น กุนซือก็เดินตามหลังออกมา ประสานมือพูด “ยินดีกับน้องต้าจินที่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหวงแล้ว ภายหน้าหากมีอะไรที่ข้าพอช่วยเหลือได้ขอให้รีบเอ่ยปาก”
เมิ่งต้าจินย่อมเข้าใจความหมายของเขา ล้วงเงินหนึ่งก้อนจากอกเสื้อวางใส่มือเขา พูดว่า “ขอบคุณท่านกุนซือ ภายหน้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
กุนซือแอบชั่งน้ำหนักเงินในมือ คิดว่าน่าจะมีสิบตำลึงได้ ดีอกดีใจ นำเงินใส่ชายเสื้อแล้วพูดว่า “น้องต้าจินเกรงใจแล้ว ภายหน้ามีเรื่องอันใดมาหาข้าได้ทันที”
เมิ่งต้าจินก็พูดตามมารยาทอีกเล็กน้อย กุนซือถึงหันหลังเดินอิ่มเอมจากไป
เมิ่งต้าจินถอนใจโล่งอก หันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋น “น้องรอง พวกเรากลับไปเถอะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า ร้องเรียกหลิวกุ้ย “อาผู้ใหญ่บ้าน พวกเรากลับกันเถอะ”
หลิวกุ้ยโบกมือ “ข้ามิใช่ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ต่อไปไม่ต้องเรียกข้าเช่นนี้อีก เรียกข้าว่าอาหลิวกุ้ยเถอะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นขยี้ศีรษะ พูดว่า “เรียกจนชินมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนคำเรียกไม่ทันจริงๆ”
หลิวกุ้ยยื่นมือหาเมิ่งเอ้ออิ๋น “นำของมา”
เมิ่งเอ้ออิ๋นรีบนำสัญญาทาสของหลิวต้าเป่าและเงินสดห้าร้อยตำลึงมอบให้หลิวกุ้ย
หลิวกุ้ยกลับขึ้นรถม้าตั้งใจดูสัญญาทาสของหลิวต้าเป่า พบว่าไม่มีปัญหา ทั้งนับเงินที่ได้มา พบว่าไม่ขาดไม่เกินห้าร้อยตำลึงพอดี ถึงรู้สึกสบายใจขึ้น
จัดการเรื่องเสร็จ ขากลับเมิ่งเอ้ออิ๋นรู้สึกอารมณ์ดีมีความสุขยิ่งนัก บังคับรถม้าเร็วขึ้น ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มาถึงบ้านหลิวกุ้ย
คนในบ้านหลิวกุ้ยกำลังรอคอยอย่างร้อนรุ่มใจ โดยเฉพาะหลิวต้าเป่า กลัวหลิวกุ้ยจะเปลี่ยนใจกลางคัน ไม่ยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ตนเองยังต้องตามเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปทำงานที่ทั้งสกปรกและเหนื่อยนั้นอีก พอเห็นหลิวกุ้ยกลับมา รีบออกมาต้อนรับ รบเร้าถามเขา “ท่านพ่อ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
หลิวกุ้ยพยักหน้าอย่างซึมกระทื่อ หลิวต้าเป่ายินดีปรีดา อดใจไม่ไหวยื่นมือออกไป “สัญญาทาสของข้าเล่า?”
หลิวกุ้ยส่งสัญญาทาสให้เขา
หลิวต้าเป่ารับมา เพ่งพินิจดูอย่างละเอียด เห็นว่าเป็นสัญญาทาสของตนเองจริงๆ ดีใจเป็นล้นพ้น ฉีกสัญญาขาดเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ปราณีปราศัย แหงนหน้าตะโกนขึ้นฟ้า “ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระแล้ว ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระแล้ว!”
ภรรยาหลิวต้าเป่าก็ดีใจน้ำตานองหน้า พูดว่า “ท่านพี่ ต่อไปครอบครัวของเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขเสียที”
หลิวต้าเป่าพยักหน้าเต็มแรง กอดบุตรชายสองคนดีใจน้ำตาหลั่งริน
ภรรยาหลิวกุ้ยเดินมายืนข้างหลิวกุ้ย แอบกระซิบถาม “ให้เงินห้าร้อยตำลึงมาด้วยหรือไม่?”
หลิวกุ้ยเอาให้นางดู
ภรรยาหลิวกุ้ยดีใจเบิกตาโพลง ยื่นมือออกไปคิดจะรับมา หลิวกุ้ยรีบเก็บกลับคืน พูดว่า “เงินห้าร้อยตำลึงนี้ต่อไปข้าจะเก็บรักษาไว้เอง ถ้าข้าไม่อนุญาต พวกเจ้าใครก็ห้ามแตะต้องเงินนี้”
ปกติหลิวกุ้ยไม่ตัดสินใจเรื่องในบ้าน แต่หากเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ใครก็ไม่กล้าคัดค้าน ภรรยาหลิวกุ้ยได้ยินเขาพูดเช่นนี้ มองเงินพวกนั้นอย่างกระหายอยากแวบหนึ่ง ถึงเก็บคืนสายตาอย่างอาวรณ์
เมิ่งเชี่ยนโยวถือสูตรเนื้อรมควันที่เขียนเสร็จแล้วอยู่บ้านผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมจากไป
หลิวกุ้ยเดินมาตรงหน้านาง ยื่นมือแล้วพูดว่า “เอาสูตรมา!”
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบสูตรที่เขียนเสร็จแล้วให้เขา
ภรรยาหลิวกุ้ยเห็นว่าสูตรก็ได้มาแล้ว วางท่าหยิ่งผยองพูดกับทุกคน “ตอนนี้พวกเจ้ากลับไปปิดโรงงานรมควันได้ ต่อไปไม่ต้องเปิดอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางแล้วพูด “วันนี้เกรงจะไม่ได้ เนื้อหมูและเครื่องในวัวที่ซื้อมาวันนี้ยังทำไม่เสร็จ ทั้งยังไม่ได้แจ้งข่าวบอกลูกค้า เอาอย่างนี้ พวกท่านให้เวลาข้าสามวัน ข้าจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย จะรีบปิดทันที”
ภรรยาหลิวกุ้ยพูดอย่างแข็งกร้าว “ข้าไม่สนเรื่องพวกนั้นของเจ้า พวกเราตกลงกันแล้ว เมื่อพวกเราได้สูตรมา พวกเจ้าจะเปิดโรงงานอีกไม่ได้ ตอนนี้สูตรอยู่ในมือพวกเราแล้ว พวกเจ้าจักต้องปิดโรงงานเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวอ่านความคิดนางออก หัวเราะสรวล “ท่านจงใจจะกลั่นแกล้งข้าสินะ?”
ตอนนี้ภรรยาหลิวกุ้ยได้บุตรชายกลับมาแล้ว เงินและสูตรก็ได้แล้ว ย่อมไม่กลัวเกรงเมิ่งเชี่ยนโยวอีก แอ่นเอวพูดอย่างเหิมเกริม “ข้าจงใจกลั่นแกล้งเจ้าแล้วอย่างไร ช่วงเวลาที่พวกเราขายต้าเป่าให้เจ้า เจ้ากลับทารุณเขาอย่างโหดเ**้ยม วันนี้ข้าจักระบายแค้นนี้อย่างสาสม โรงงานนี้พวกเจ้าจะปิดวันนี้ก็ต้องปิด ไม่ปิดก็ต้องปิด ไม่เช่นนั้น ข้าจะไปอาละวาดให้ราบเป็นหน้ากลอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบ พูดเหยียดหยัน “เช่นนั้นก็ลองดู”
ภรรยาหลิวกุ้ยถูกกิริยาของนางกระตุ้นเร้า เลือดขึ้นหน้า ด้านหนึ่งยื่นมือกระโจนเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว อีกด้านร้องก่นด่า “นังตัวดี จนถึงตอนนี้ยังกล้าเหิมเกริมกับข้า ข้าจะข่วนหน้าเจ้าให้ลายพร้อย”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นไม่คิดว่าภรรยาหลิวกุ้ยจะหุนหันกระโจนเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว ตกใจร้องเรียก “โยวเอ๋อร์ ระวัง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หลบไม่หลีก รอภรรยาหลิวกุ้ยเข้ามาใกล้ ถีบออกไปเต็มรัก
ภรรยาหลิวกุ้ยถูกถีบล้มไถลออกไปไกล กระอักเลือดฟุบไปกับพื้นอย่างสะบักสะบอม
หลิวต้าเป่าและภรรยาร้องโหวกเหวกวิ่งไปข้างกายนาง
หลิวกุ้ยขมวดคิ้วมุ่น พูดอย่างฉุนเฉียว “นังตัวดี เจ้าทำเช่นนี้เกินไปหน่อยแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขาอย่างเย็นชา “ต้องทำเช่นไรจึงจะไม่เกินไปเล่า ให้นางข่วนหน้าข้าหรือให้ข้ากลับไปปิดโรงงานเสียตอนนี้เลย”
หลิวกุ้ยสะอึกกึก
น้ำเสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังก้องไปทั้งลานบ้าน “ผู้ใดไม่รุกรานข้า ข้าก็ไม่รุกรานผู้ใด ลูกถีบในวันนี้เป็นเพียงบทเรียนให้พวกเจ้า อย่าคิดว่าพวกเจ้ามีสูตรมีเงินแล้วก็จะทำอะไรได้ตามใจ อีกอย่าง เดิมข้าคาดการณ์ไว้ว่าจะปิดโรงงานรมควันเนื้อในอีกสามวันให้หลัง ในเมื่อพวกเจ้าอดใจรอไม่ไหวเช่นนี้ ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าได้สมหวัง ทำตามแผนการเดิมของข้า รอให้ถึงเดือนหน้าค่อยปิดโรงงาน”
หลิวกุ้ยเดือดดาล “เจ้ารับปากเองว่าเมื่อมอบสูตรให้พวกเราแล้ว พวกเจ้าจะผลิตเนื้อรมควันอีกไม่ได้ เหตุใดเจ้าถึงพูดจาเชื่อถือไม่ได้เช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ข้ารับปากแล้ว แต่ตอนนี้พวกท่านยั่วโทสะจนข้าไม่พอใจ ข้าย่อมต้องกลับคำพูด”
หลิวกุ้ยพูดไม่ออก
สัญญาทาสของหลิวต้าเป่าได้คืนมาแล้ว ย่อมไม่มีอะไรต้องห่วงอีก ความกล้าก็เพิ่มขึ้น ซักถามเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าพูดจาเชื่อไม่ได้ เรื่องที่รับปากพวกเราไว้ตอนนี้กลับผิดคำพูด เจ้าไม่กลัวเรื่องแพร่ออกไปคนในหมู่บ้านจะหัวเราะเยาะเจ้าเรอะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ข้ารับปากอะไรพวกเจ้า? มีลายลักษณ์อักษรหรือไม่?”
หลิวต้าเป่าสะอึกกึก
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจพวกเขาอีก หันหลังเดินออกมา
ภรรยาหลิวกุ้ยที่พอเริ่มจะฟื้นคืนเรี่ยวแรง ตะโกนร้องไล่หลัง “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าทำเช่นนี้ กรรมจะต้องตามสนอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า ตอบกลับเสียงดัง “เช่นนั้นพวกเจ้าก็รอดูว่าใครกันแน่ที่จะถูกกรรมตามสนอง”
คนทั้งหมดกลับมาข้างรถม้า เมิ่งต้าจินล้วงเงินที่เหลือในอกเสื้อออกมา ส่งให้นาง “นี่คือเงินสินจ้างที่เหลือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รับมา “ท่านนำเงินนี้ไปซื้อของกำนัลจำนวนหนึ่งให้หัวหน้าสกุลต่างๆ เถอะ เริ่มสานสัมพันธ์กับพวกเขาก่อน จากนั้นหาเวลารวมพลพวกเขาและคนในหมู่บ้านให้เร็วที่สุด ประกาศเรื่องที่ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน ยิ่งเร็วยิ่งดี”
เมิ่งต้าจินพยักหน้า นำเงินเก็บกลับเข้าอกเสื้อตัวเอง สาวเท้าเดินกลับบ้าน
Comments