ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 216-2 รุมสกรัมหัวโจกหมู่บ้าน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 216-2 รุมสกรัมหัวโจกหมู่บ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหวินเปียวและเหวินหู่เคยเป็นผู้คุ้มภัย แม้ตอนนี้จะเป็นบ่าว จิตวิญญาณภายในก็มิได้เปลี่ยน ยังคงจัดการเรื่องได้อย่างแน่วแน่เด็ดขาด พวกอู๋ต้าห้าคนก็เช่นกัน เดิมทีเป็นผู้ช่วยเศรษฐีอู๋ร้องเอ็ดตะโร หาเรื่องรังแกคน ดังนั้นพอได้ยินเมิ่งเชียนโยวบอกว่ามีเรื่องจะให้พวกเขาทำ ดวงตาก็เปล่งประกายวาววับ

 

 

พอมาถึงหน้าประตูบ้านหลี่ตุน ไม่รอให้เหวินเปียวจอดรถม้าสนิท คนทั้งหมดก็กระโดดลงมาจากรถม้า ก้าวฉับๆ เข้ามาในลานบ้าน

 

 

กลุ่มคนที่มารอดูเรื่องสนุกในลานบ้านเห็นท่าทีดุดันของพวกเขา ต่างก็หลบลี้แยกออกเป็นทางให้พวกเขาเดิน ทั้งห้าคนเดินมาหน้าประตู ไม่ได้เข้าไปในบ้าน กล่าวด้วยความอ่อนน้อมอย่างพร้อมเพรียงหน้าประตู “นายหญิง พวกเรามาแล้ว”

 

 

เมิ่งเชียนโยวลุกขึ้น ออกคำสั่งหลี่ตุน “เจ้าตามข้าออกมา”

 

 

หลี่ตุนลุกพรวด เดินตามหลังนางออกไป

 

 

เหวินหู่ก็มาถึงหน้าประตูแล้ว เมิ่งเชียนโยวสั่งการเขา “เจ้าพาพวกอู๋ต้า ตามหลี่ตุนไปจับตัวเอ้อซุ่นมา หากมีคนกล้าขวางพวกเจ้า ก็ให้จับมาพร้อมกัน”

 

 

เหวินหู่ไม่ถามความอื่น พาคนทั้งหมดตามหลี่ตุนไปบ้านเอ้อซุ่นอย่างอุกอาจดุดัน

 

 

เมื่อคืนหลังจากเอ้อซุ่นขโมยโสมคนกลับมาบ้าน ถือโสมคนนั่งเพ่งพินิจอยู่ใต้แสงตะเกียงเป็นนาน คิดว่าพรุ่งนี้พอฟ้าสาง ตนเองจะได้นำมันไปร้านยาแลกเป็นเงินได้หลายร้อยตำลึง ตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับ กระทั่งฟ้าใกล้สาง ถึงงัวเงียหลับไป กระทั่งเหวินหู่พาคนมาถึงหน้าประตูบ้านเขาก็ยังไม่ตื่น

 

 

พวกเหวินหู่มาถึงบ้านเอ้อซุ่นแล้ว สะใภ้เอ้อซุ่นกำลังเลี้ยงไก่อยู่ในลานบ้าน เห็นพวกเขาเดินเข้ามาอย่างอุกอาจดุดัน ถามอย่างหวาดผวา “พวกเจ้ามาหาใคร?”

 

 

หลี่ตุนเดินขึ้นหน้า ถามขึ้น “อาซ้อ พี่เอ้อซุ่นอยู่บ้านหรือไม่?”

 

 

เมื่อวานเอ้อซุ่นออกไปขโมยโสมคนกลับมา สะใภ้เอ้อซุ่นรู้เรื่องดี เห็นหลี่ตุนโพกผ้าพันศีรษะมา แววตาล่อกแล่ก พูดโกหก “พี่เอ้อซุ่นเจ้าหลังจากออกไปตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา ข้ากำลังจะไปตามหาเขาพอดี”

 

 

ตอนอยู่ในเมืองพวกอู๋ต้ามิได้ใช้ชีวิตไปวันๆ เห็นปฏิกิริยาของสะใภ้เอ้อซุ่นก็รู้ทันทีว่านางโกหก ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกเท้าก้าวล้ำเข้าไปในบ้านพลัน

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นตกใจร้องลั่น “พวกเจ้าจะทำอะไร? เอ้อซุ่นไม่อยู่ในบ้านจริงๆ”

 

 

เสียงร้องลั่นทำเอาเอ้อซุ่นตกใจตื่น มองจากหน้าต่างเห็นชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งกำลังบุกเข้ามาในบ้าน ภายใต้ความลนลาน หมายจะซุกตัวมุดเข้าไปซ่อนในตู้ แต่พวกอู๋ต้าเร็วกว่า เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินเข้ามาถึงในห้อง เห็นคนกำลังมุดเข้าไปในตู้ อู๋ต้าก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว คว้าตัวเขาได้ก็ลากออกมา ถามหลี่ตุน “ใช่เขาหรือไม่?”

 

 

หลี่ตุนพยักหน้า “ใช่เขา”

 

 

อู๋ต้ากระชากเอ้อซุ่นออกไปข้างนอก

 

 

ปกติเอ้อซุ่นเป็นคนยโสโอหัง กับใครก็กล้าลงมือ เมื่อครู่เพิ่งจะตื่น ยังไม่ทันได้สติ ลืมตัวจึงเข้าไปหลบในตู้ ตอนนี้ถูกอู๋ต้าฉุดกระชากลากถู สติสัมปชัญญะครบถ้วนแล้ว โทสะประทุ ก้มศีรษะสะบัดตัวหลุดจากมืออู๋ต้า แล้วชกเข้าที่ท้องอู๋ต้าเต็มแรง

 

 

อู๋ต้าไม่คาดคิดว่าเอ้อซุ่นจะขัดขืน พลังเผลอประมาท ถูกกำปั้นของเอ้อซุ่นซัดเข้าที่ท้อง เจ็บจนร้อง “ซี้ด” กุมท้องตัวงองุด

 

 

เอ้อซุ่นฉวยโอกาสนี้ยืนอย่างมั่นคง มองคนทั้งหมดอย่างดูแคลน พูดด้วยความอหังการ “บุกรุกบ้านคนอื่นกลางวันแสกๆ ไม่สืบถามก่อนว่าข้าเป็นใคร ดูพวกเจ้าคงเบื่อจะมีชีวิตแล้ว”

 

 

ซุนเอ้อเห็นอู๋ต้าถูกอัด รีบเข้าไปพยุงเขา

 

 

หลี่ลิ่วได้ยินวาจาสามหาวของเขา สบถหนึ่งคำ แล้วพูดอย่างดูแคลนเช่นกัน “เจ้าหนู ตอนที่ปู่หากินในเมือง ไม่รู้ว่าเจ้ายังเป็นวุ้นอยู่ที่ไหนเลย ตอนนี้เจ้ากล้าอัดพี่ใหญ่ข้า เจ้านะสิที่เบื่อจะมีชีวิตแล้ว”

 

 

พูดจบก็ถีบเอ้อซุ่นเต็มรัก

 

 

ช่วงเวลานี้พวกหลี่ลิ่วเข้าฝึกซ้อมกับเหวินหู่ทุกวัน แรงเท้าย่อมเต็มล้น พอเตะออกไป เอ้อซุ่นไม่ทันหลบหลีก ถูกถีบจนก้าวถอยไปหลายก้าว ชนโต๊ะในบ้านส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่น ไม่รอให้เขายืนนิ่ง หลี่ลิ่วเร่งฝีเท้าเข้าไปหวดกำปั้นใส่ใบหน้าเขา เลือดสดๆ ไหลออกจากจมูกเอ้อซุ่นพลัน

 

 

เอ้อซุ่นรู้สึกภาพตรงหน้ามืดดำ สะบัดศีรษะ ไม่รอให้เขาได้สติกลับมา หลี่ลิ่วกระชากเสื้อเขา ลากออกมานอกบ้าน

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นเห็นเอ้อซุ่นมีเลือดไหลเต็มหน้า กรีดร้องเสียงหลง “ใครก็ได้ เอ้อซุ่นถูกคนซ้อมแย่แล้ว”

 

 

บ้านของพวกพี่น้องเอ้อซุ่นปลูกอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ได้ยินเสียงหวีดร้องปานจะขาดใจของสะใภ้เอ้อซุ่น พี่น้องทั้งหมดของเอ้อซุ่นต่างพรวดพราดวิ่งออกมา เห็นเอ้อซุ่นใบหน้าเกรอะกรังไปด้วยเลือดถูกชายคนหนึ่งฉุดกระชากออกมาก็ให้เดือดดาล ต้าซุ่นร้องคำรามเสียงลั่น “ใครหน้าไหนมันบังอาจ กล้าทำเช่นนี้กับน้องชายข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?”

 

 

เหวินหู่เป็นผู้คุ้มภัยมาหลายปี ติดนิสัยเจรจาก่อนถึงใช้กำลัง ได้ฟังเช่นนั้นก็กำมือประสานพูดว่า “นายหญิงของพวกเรามีธุระต้องการเจรจากับเขา เขาไม่ให้ความร่วมมือ พวกเราจำเป็นต้องลงมือ ขอทุกท่านอย่าได้กีดขวาง”

 

 

ต้าซุ่นสบถ “ถุย” พูดว่า “นายหญิงของพวกเจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหน ต้องการจะเจรจากับน้องชายข้า น้องชายข้าก็ต้องไป? ข้าขอบอกพวกเจ้า ให้ปล่อยน้องชายข้าก่อน แล้วชดใช้เงินมาจนพวกเราพอใจ เรื่องนี้จะถือว่าแล้วกันไป ไม่เช่นนั้น วันนี้พวกเจ้าได้ถูกหามออกไปทั้งหมดแน่”

 

 

หลี่ตุนเดินขึ้นหน้า ก้มหน้าโค้งคำนับพูดกับต้าซุ่นด้วยความเคยชิน “พี่ต้าซุ่น เมื่อคืนวานพี่เอ้อซุ่นเข้าไปขโมยโสมคนที่นายหญิงของพวกเราให้มารักษาแม่ข้า นายหญิงของพวกเราโกรธมาก ให้คนมาจับเขาไปเค้นถาม พวกท่านอย่าได้ขัดขวางเลย”

 

 

ต้าซุ่นเห็นเป็นหลี่ตุน ก็ทำหน้าดูแคลน “เลิกเอานายหญิงของพวกเจ้ามาข่มข้าได้แล้ว แค่นางรับคนเยี่ยงเจ้าไปเลี้ยงดู นางก็คงไม่ได้ดีเด่สักเท่าใด”

 

 

พวกอู๋ต้าเลื่อมใสนับถือเมิ่งเชียนโยวจากหัวใจแล้ว ได้ยินวาจาดูแคลนของต้าซุ่น โมโหเกรี้ยวกราด พูดว่า “หากยังกล้าพูดไม่ดีกับนายหญิงของพวกเรา พวกเราจะอัดให้เจ้าฟันร่วงหมดปากเดี๋ยวนี้”

 

 

ต้าซุ่นก็โกรธเกรี้ยวแข็งกร้าว “พวกเจ้าเข้ามาทำร้ายน้องชายข้าถึงบ้าน พวกเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเจ้า พวกเจ้ายังกล้าโอหังอวดดี หากไม่จัดการพวกเจ้าบ้าง พวกเจ้าคงไม่รู้เป็นแน่แท้ว่าพวกเราพี่น้องโหดร้ายเพียงใด” พูดจบหันไปพูดกับน้องชายทั้งสองของตัวเอง “ไปเอาอาวุธมา อัดพวกมันจนกว่าจะร้องขอชีวิต”

 

 

ดูท่าปกติพวกเขาพี่น้องจะทำเรื่องเช่นนี้อยู่เป็นนิจ สิ้นเสียงต้าซุ่น พี่น้องอีกสองคนก็วิ่งไปหยิบไม้หน้าสามสามอันจากมุมหนึ่งในลานบ้านออกมา เดินมายืนข้างต้าซุ่น ส่งให้เขาหนึ่งอัน

 

 

พอมีไม้หน้าสาม ต้าซุ่นยิ่งทวีความเหิมเกริมโอหัง “ตอนนี้พวกเจ้าจะร้องขอชีวิตก็ยังทัน ขอเพียงชดใช้เงินให้พวกเรา เรื่องนี้จะถือว่าเจ๊ากันไป”

 

 

ตอนนี้พวกอู๋ต้าพอจะมีวรยุทธ์ติดตัว ยิ่งไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ได้ฟังก็พูดว่า “อยากให้พวกเราร้องขอชีวิต ฝันไปเถอะ”

 

 

ต้าซุ่นร้องคำรามลั่น “ลุย!” แล้วกวัดแกว่งไม้หน้าสามพุ่งเข้าหาพวกเขา

 

 

หลี่ลิ่วคว้าคอเสื้อเอ้อซุ่นมายืนเบื้องหน้าคนทั้งหมด เห็นต้าซุ่นเข้ามาก็ไม่หลบหลีก รอกระทั่งเขาเข้ามาใกล้ ถึงดึงเอ้อซุ่นมาบังหน้าตัวเอง

 

 

ต้าซุ่นเก็บมือไม่ทัน ไม้หน้าสามฟาดเข้าใส่หน้าผากเอ้อซุ่น เลือดแดงสดไหลออกมาจากหน้าผากเอ้อซุ่นทันควัน

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นตกใจกรีดร้องลั่น

 

 

ต้าซุ่นเห็นตัวเองตีพลาดไปโดนเอ้อซุ่น โมโหเดือดดาล ยกไม้หน้าสามขึ้นอีกครั้งฟาดเข้าใส่หลี่ลิ่วเต็มเหนี่ยว

 

 

หลี่ลิ่วกลัวเอ้อซุ่นจะถูกตีตายเสียก่อน ไม่กล้าใช้เขาเป็นโล่กำบังอีก ปล่อยมือทิ้งเขากองกับพื้น วิ่งหนีหลบไม้หน้าสามที่เหวี่ยงเข้ามา

 

 

ซานซุ่นและซื่อซุ่นก็เลือดขึ้นหน้า แกว่งกวัดไม้หน้าสามในมือไม่หยุด

 

 

พวกอู๋ต้าหลบซ้ายหลบขวาอุตลุด น่าทุเรศทุรังนัก เหวินหู่เบี่ยงตัวหลบไม้หน้าสามที่เหวี่ยงเข้ามาของต้าซุ่นได้ ใช้มือตัวเองคว้าหมับแล้วกระชากเต็มแรง ต้าซุ่นถูกกระชากโซเซมาอยู่ตรงหน้าเขา เหวินหู่ฉวยโอกาสนี้ถีบเขาลอยกระเด็นไปไกล แล้วร่วงตกลงพื้น

 

 

ซานซุ่นซื่อซุ่นเห็นต้าซุ่นถูกถีบไปกองกับพื้น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อู๋ต้าและซุนเอ้อใช้โอกาสที่พวกเขาสองคนวอกแวก ถีบพวกเขาลอยกระเด็นออกไป

 

 

สามพี่น้องฟุบลงไปกองบนพื้นอย่างน่าสังเวชพร้อมกัน

 

 

หลี่ลิ่วปัดๆ มือ เข้าไปคว้าเอ้อซุ่นที่เลือดไหลนองจะเต็มหน้าแล้ว พูดกับสามพี่น้องซุน “วันนี้พวกเรามีธุระต้องทำ ต้องรีบไปรายงานนายหญิง ไม่มีเวลาว่างมาสนใจพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดได้อัดพวกเจ้าให้ครึ่งปีก็ลุกจากเตียงไม่ไหวแน่”

 

 

เหวินหู่เห็นว่าหมดเรื่องแล้ว นำคนทั้งหมดออกไปข้างนอก

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นกรีดร้องกางแขนออกขวางหน้าพวกเขา “พวกเจ้าห้ามเอาตัวเอ้อซุ่นไป”

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นเป็นผู้หญิง เหวินหู่ไม่สะดวกลงมือ อู๋ต้ากลับไม่มีข้อห้ามนั้น โบกมือใหญ่หนา ลากสะใภ้เอ้อซุ่นไปอีกด้าน “ข้าขอเตือนเจ้าอย่าแส่หาเรื่อง ไม่เช่นนั้นแม้แต่เจ้าก็จะถูกอัดด้วย”

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นเห็นว่าขวางไว้ไม่อยู่ นั่งลงกับพื้นโวยวายคร่ำครวญเหมือนคนเสียสติ “ทุกคนมาดูพวกเขารังแกคนเร็ว เข้ามาจับคนไปอย่างไร้สาเหตุ ยังมาทำร้ายพวกเราทั้งครอบครัวอีก”

 

 

คนในหมู่บ้านได้ยินเสียงโวยวายก็ล้อมวงเข้ามาชี้มือชี้ไม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วชี้พวกเหวินหู่กระซิบกระซาบเซ็งแซ่

 

 

หลี่ลิ่วหัวไว พอได้ยินสะใภ้เอ้อซุ่นพูดเช่นนี้ก็นึกได้ว่าต้องเอาโสมคนกลับไปด้วย หันไปพูดกับโจวอู่ “นางไม่พูดข้าเกือบลืมไปแล้ว พวกเราควรจะนำโสมคนกลับไปด้วยใช่หรือไม่”

 

 

โจวอู่ก็คิดได้เช่นกัน พยักหน้ารับคำ เข้าไปในบ้านพร้อมจางซาน

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นรีบลุกพรวด วิ่งกระวีกระวานเข้าไปในบ้าน ปากร้องลนลาน “พวกเจ้าห้ามรื้อค้นบ้านข้านะ”

 

 

โจวอู่หันหลังยืนขวางหน้าประตู กั้นไม่ให้สะใภ้เอ้อซุ่นเข้าไป จางซานเดินเข้าไปควานหาทุกซอกทุกมุม

 

 

อาจเพราะเอ้อซุ่นดีใจมากเกินไป หรือเพราะง่วงผลอยหลับไป โสมคนกล่องนั้นจึงวางอยู่บนเตียง

 

 

จางซานเห็นในแวบแรกทันที หยิบได้ก็เดินออกมา

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นเห็นดังนั้นก็คว้าขาของโจวอู่ไว้แน่น ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อย พูดว่า “นั่นเป็นของของครอบครัวเรา พวกเจ้าห้ามเอาไป”

 

 

โจวอู่สะบัดออกหลายครั้ง ก็สลัดไม่หลุด มองไปที่พวกอู๋ต้าอย่างจนใจ

 

 

อู๋ต้าหันไปสบตากับซุนเอ้อ เข้าไปแกะมือสะใภ้เอ้อซุ่นที่กอดขาโจวอู่ไม่ปล่อยออก

 

 

โจวอู่ได้รับอิสระ ถอนใจโล่งอก

 

 

สะใภ้เอ้อซุ่นมองคนทั้งหมดอย่างเคืองแค้น ดิ้นรนไม่ยอม ทำท่าทางหากเขาสองคนปล่อยมือนางก็จะเข้าสู้อย่างสุดชีวิต

 

 

เหวินหู่ตัดบทพูดกับทั้งสองคน “พาไปทั้งหมด”

 

 

อู๋ต้าและซุนเอ้อพยักหน้า แบกสะใภ้เอ้อซุ่นเดินออกไป หลี่ลิ่วฉุดกระชากเอ้อซุ่นตามไล่หลัง

 

 

สามพี่น้องซุนกองพับไปกับพื้นอย่างน่าสังเวช หันหน้ามองกันและกัน ต้าซุ่นสั่งซานซุ่น “เจ้าไปเรียกท่านพ่อท่านแม่ไปบ้านหลี่ตุน ข้ากับน้องสี่จะตามไปดูก่อน”

 

 

ซานซุ่นพยักหน้า ลุกขึ้นอย่างยากเค็ญ ออกไปตามบิดามารดาตัวเอง

 

 

ต้าซุ่นและซื่อซุ่นช่วยกันประคองกันและกันลุกขึ้น เดินกระโผลกกระเผลกไปบ้านหลี่ตุน

 

 

คนทั้งหมดออกไปนานแล้วกลับยังไม่กลับมา กลุ่มคนที่รอดูเรื่องสนุกในลานบ้านต่างสุ่มหัวซุบซิบ พูดไปต่างๆ นานา แต่ล้วนเป็นการคาดเดาว่าพวกเหวินหู่คงเจอเข้ากับเรื่องยุ่งยาก คงจะถูกพวกพี่น้องเอ้อซุ่นซ้อมจนกลับมาไม่ไหว

 

 

หมอมักจะมาตรวจโรคในหมู่บ้านละแวกนี้ รู้กิตติศัพท์ความเ**้ยมโหดของพี่น้องเอ้อซุ่นเป็นอย่างดี ได้ยินเสียงวิพากษ์ของกลุ่มคน อดเป็นห่วงแทนพวกเหวินหู่ไม่ได้ แม่เฒ่าหลี่ตุนยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่คนทั้งหมดจากไปก็เอาแต่กระสับกระส่าย มีแต่เมิ่งเชียนโยวที่นั่งบนเก้าอี้เตี้ยผุพังด้วยอารมณ์สงบนิ่ง

 

 

หมอเห็นนางไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย หยั่งเชิงถามขึ้น “พี่น้องเอ้อซุ่นขึ้นชื่อเรื่องเป็นอันธพาลชอบชกต่อย แม่นางไม่กลัวคนของเจ้าไปถึงจะรับมือพวกเขาไม่ไหวหรือ?”

 

 

เมิ่งเชียนโยวยิ้มอ่อน “หากเรื่องเพียงเท่านี้พวกเขายังจัดการไม่ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องติดตามข้าอีก”

 

 

ตอนที่กลุ่มคนกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานานั้น เหวินหู่ก็นำพวกอู๋ต้าพาตัวสองสามีเอ้อซุ่นเข้ามา

 

 

กลุ่มคนเห็นเอ้อซุ่นใบหน้าโชกเลือด เกือบจะไม่เหลือเค้าเดิม ต่างสูดลมหายใจเข้าปากพร้อมกัน ให้รู้สึกครามครันเมิ่งเชียนโยวเพิ่มขึ้นหลายส่วน

 

 

พวกเขาทั้งหมดยืนนิ่งกลางลานบ้าน เหวินหู่เปล่งเสียงดังพูดอย่างนอบน้อม “นายหญิง พวกเราพาตัวคนมาแล้ว โสมคนก็หาเจอแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด