ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 236-4 การมาของแม่ทัพฉู่
สำนักคุ้มภัยเวยหย่วนตั้งอยู่ฝั่งใต้ของเมืองหลวง จวนท่านแม่ทัพตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง อยู่บริเวณเดียวกับขุนนางส่วนใหญ่
หลังจากขี่ม้าเร็วมาถึงฝั่งตะวันออก เหวินเปียวลงจากหลังม้า จูงม้าเดินมาหน้าจวนท่านแม่ทัพ พูดกับบ่าวด้วยความอ่อนน้อม “รบกวนท่านไปเรียนท่านแม่ทัพ บอกว่าเกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินตำบลชิงซี ข้าตรงเข้ามาเพื่อแจ้งข่าว”
บ่าวรับใช้จวนทหารล้วนเป็นทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสนามรบ ไม่เหมือนบ่าวเฝ้าประตูจวนทั่วไปที่ถือตัวมองคนอื่นต่ำต้อย ได้ยินวาจาเหวินเปียว ก็มองประเมินเขาขึ้นลงอย่างละเอียด เห็นเขาดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล มองออกว่าจะต้องรีบเดินทางหามรุ่งหามค่ำ พูดว่า “ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้” พูดจบเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในจวน
เหวินเปียวจูงม้ายืนนิ่งไม่วอกแวก
อึดใจหนึ่ง บ่าวถึงเดินกลับมา พูดกับเหวินเปียว “ท่านแม่ทัพให้ท่านเข้าไปได้”
เหวินเปียวผูกม้าไว้กับหลักผูกม้าหน้าประตู เดินตามบ่าวเข้าไปในจวนท่านแม่ทัพ
จวนท่านแม่ทัพกว้างใหญ่ บ่าวพาเขาเดินผ่านทางระเบียงยาวหลายตอน ลัดเลี้ยวหลายโค้ง ถึงมาถึงหน้าห้องหนังสือฉู่เหวินเจี๋ย
บ่าวยืนด้านนอกห้องหนังสือกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านแม่ทัพ คนมาถึงแล้วขอรับ”
เสียงฉู่เหวินเจี๋ยดังลอยออกมาจากด้านใน “ให้เขาเข้ามา”
บ่าวขานรับคำ “ขอรับ”
บ่าวที่เฝ้าหน้าประตูห้องหนังสือเปิดประตูห้องหนังสือออก ส่งสายตาให้เหวินเปียวเข้าไป
เหวินเปียวก้าวเท้าเข้ามาในห้อง หลังจากบ่าวปิดประตูสนิท ก็ยืนเฝ้าด้านนอกห้องหนังสือต่อ
บ่าวที่เฝ้าประตูก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับไปหน้าประตูใหญ่
หลังจากเข้ามาแล้ว เหวินเปียวไม่กล้าเงยหน้า ล้วงจดหมายในอกเสื้อออกมา สองมือประคองยื่นส่งให้ฉู่เหวินเจี๋ยอย่างนอบน้อม “นี่คือจดหมายที่นายท่านเหวินเขียนให้ท่านด้วยตัวเอง ให้ข้าขี่ม้าเร็วนำส่งมาให้ท่านขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยไม่ขยับ กวาดตามองเหวินเปียวด้วยแววตาขึงขัง “เจ้ามิใช่พนักงานร้านยาเต๋อเหริน เหตุใดเหวินซื่อถึงให้เจ้าเป็นส่งมาส่งข่าว”
เหวินเปียวยังคงก้มหน้า สองมือประคองจดหมาย “ข้าเป็นบ่าวของบ้านแม่นางเมิ่ง ร้านยาเต๋อเหรินถูกคนล้อมสังหาร พนักงานทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวกเดินทาง แม่นางของพวกเราจึงสั่งให้ข้านำส่งจดหมายมาให้ท่านขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกพรวด ถามความ “เหวินซื่อเป็นอะไรหรือไม่?”
“นายท่านเหวินไม่เป็นอะไร แต่หมอชราโชคไม่ดีสิ้นใจแล้วขอรับ” เหวินเปียวตอบ
ฉู่เหวินเจี๋ยคว้าจดหมายในมือเขามา เปิดออกกวาดสายตาอ่านโดยไว พูดอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเขากล้าโอหังเหิมเกริมถึงเพียงนี้ ข้าใจอ่อนมีเมตตากับพวกเขาเกินไป”
เหวินเปียวชักมือกลับ ก้มหน้ายืนต่อหน้าเขา ไม่กล้าพูดอะไร
ฉู่เหวินเจี๋ยตวาดเสียงเข้มออกไปด้านนอก “มีใครอยู่บ้าง!”
บ่าวเฝ้าหน้าประตูห้องหนังสือเดินเข้ามา พินอบพิเทาขานรับคำ “ท่านแม่ทัพ”
ฉู่เหวินเจี๋ยสั่งการ “รีบไปเตรียมม้า ข้าจะไปตำบลชิงซี ทั้งส่งคนไปแจ้งที่จวนอ๋องฉี บอกว่าสองสามวันนี้ข้ามีธุระ ยังเข้าไปสวัสดีปีใหม่ไม่ได้ รอให้จัดการเรื่องเสร็จแล้วจะเข้าไป”
บ่าวขานรับคำ “ขอรับ” แล้วหันหลังออกไปเตรียมการ
ฉู่เหวินเจี๋ยเห็นสภาพเหวินเปียว รู้ว่าเขาจะต้องไม่ได้พักผ่อน เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน พูดว่า “ลำบากเจ้าแล้วที่ต้องเร่งควบม้ามาตลอดทาง ข้าจะให้บ่าวพาเจ้าไปพักผ่อนเสียสองสามวัน เมื่อเจ้าหายเหนื่อยแล้วค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”
เหวินเปียวประสานมือคำนับ “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา ไม่ต้องพักแล้วขอรับ ข้าขอตามกลับไปพร้อมท่าน แม่นางบอกว่าคนร้ายพวกนั้นไม่เพียงจับตาดูร้านยาเต๋อเหริน ยังจับตาดูครอบครัวแม่นางของพวกเราด้วย ข้าจะรีบกลับไปคุ้มครองพวกเขาขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยมองเขาด้วยความชื่นชม พูดว่า “แม้เจ้าจะไม่ต้องพักผ่อน แต่ม้าก็ต้องพัก เจ้าวางใจ ขอเพียงข้าเข้าไป รับประกันว่าทุกคนในครอบครัวแม่นางพวกเจ้าจะต้องปลอดภัย”
เหวินเปียวยืนหยัด “ขอท่านแม่ทัพโปรดเปลี่ยนม้าให้ข้าด้วยเถิด ข้าจะต้องกลับไปพร้อมท่าน”
“ต่อให้พวกเราเร่งรีบเดินทาง ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน เจ้าไม่ได้พักมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ร่างกายจะทนรับได้หรือ?” ฉู่เหวินเจี๋ยถามด้วยความห่วงใย
“ท่านแม่ทัพวางใจเถิด เมื่อก่อนตอนที่พวกเราเร่งเดินทางคุ้มภัย หลายวันหลายคืนมิได้หลับก็เป็นเรื่องปกติ เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ข้ายังพอทนไหว” เหวินเปียวตอบกลับ
ได้ฟังเขาพูดจบ ฉู่เหวินเจี๋ยคิดบางสิ่งได้ ตวาดเสียงลั่น “เจ้าจงเงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เหวินเปียวเงยหน้า
ฉู่เหวินเจี๋ยพินิจมองเขาครู่หนึ่ง พูดว่า “เป็นเจ้าสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนจริงๆ ท่านมิได้ถูกตัดสินไปเป็นทาสหลวงหรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นบ่าวครอบครัวเมิ่งได้”
เหวินเปียวยังไม่ทันได้ตอบ เสียงบ่าวก็ดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านแม่ทัพ เตรียมม้าพร้อมแล้วขอรับ ท่านจะออกเดินทางตอนนี้เลยไหมขอรับ?”
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกมานอกห้อง สั่งการบ่าว “ไปนำม้าหนึ่งตัวมาให้เขาด้วย พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ แล้วไปตามพ่อบ้านมา ข้ามีเรื่องจะกำชับเขา”
บ่าวขานรับคำอีกครั้ง หันหลังออกไปเตรียมการ
ชั่วอึดใจเดียว ชายชราอายุราวห้าสิบหกสิบปี ไร้แขนหนึ่งข้างก็รีบเดินเข้ามา ร้องเรียกฉู่เหวินเจี๋ยด้วยความอ่อนน้อม “ท่านแม่ทัพ”
ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า “ลุงฝู เกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินตำบลชิงซี ข้ากำลังจะเร่งเดินทางไป ช่วงสองสามวันนี้ท่านจงปิดเรือนไม่ต้อนรับแขก ให้บอกไปว่าข้าติดเชื้อเป็นไข้ลมเย็น เกรงจะแพร่เชื้อให้คนอื่น ไม่พบหน้าทุกคนที่มาสวัสดีปีใหม่”
ลุงฝูน้อมรับคำ “ทราบแล้วท่านแม่ทัพ ท่านไปตำบลชิงซีครั้งนี้จะอยู่ประมาณกี่วันขอรับ? หากคุณหนูถาม ข้าควรจะตอบอย่างไร?”
“ข้าส่งคนไปบอกท่านพี่แล้ว ท่านไม่ต้องตอบความอื่นอีก สำหรับข้า อย่างน้อยห้าวันอย่างมากเจ็ดวันถึงจะกลับมา”
ลุงฝูน้อมรับคำ ถอยหลังไปอีกด้าน
ฉู่เหวินเจี๋ยก้าวเดินนำหน้า เหวินเปียวเดินตามหลังออกมานอกจวนท่านแม่ทัพ
บ่าวจูงม้ารออยู่ด้านนอก
ทั้งสองรับบังเ**ยนมา แล้วกระโดดขึ้นหลังม้าพร้อมกัน ตวัดบังเ**ยนควบทะยานออกไป
ลุงฝูเดินตามหลังพวกเขาออกมา มองดูทั้งสองจากไปไกล กำชับบ่าวให้จูงม้าของเหวินเปียวไปยังโรงม้า ปิดประตูใหญ่บานใหญ่หนา แล้วกล่าวถ้อยคำที่ฉู่เหวินเจี๋ยกำชับกับบ่าวรับใช้อีกรอบ
บ่าวน้อมรับคำ “ทราบแล้วขอรับลุงฝู ก่อนท่านแม่ทัพกลับมา ข้าจะไม่ให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
ลุงฝูพยักหน้าพอใจ หันหลังกลับเข้าไปในเรือน
ฉู่เหวินเจี๋ยและเหวินเปียวไม่หยุดพักแม้สักเค่อเดียว ในที่สุดช่วงพลบค่ำของวันที่สามก็มาถึงร้านยาเต๋อเหริน
หลายวันนี้สองพ่อลูกเปาชิงเหอและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างไม่ได้กลับไป พักอาศัยอยู่ที่ร้านยาเต๋อเหริน ช่วงเวลานี้ผู้ว่าการตำบลเข้ามาเชิญสองพ่อลูกเปาชิงเหอไปอาศัยที่ศาลาว่าการตำบลหลายครั้ง เปาชิงเหอได้แต่ปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่ประจำตำบลนอกจากมีเจ้าหน้าที่สี่นายเฝ้าหน้าประตูเมือง คอยตรวจสอบคนเข้าออก คนที่เหลือล้วนถูกส่งไปสืบเรื่องน้ำมันดิบ เป็นสัญญาณว่าเส้นทางหน้าร้านยาเต๋อเหรินถูกยกเลิกการปิดกั้นโดยอัตโนมัติ
ฉู่เหวินเจี๋ยและเหวินเปียวขี่ม้าตรงมาถึงหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน จึงหยุดม้า
เจ้าหน้าที่สองนายที่เปาชิงเหอให้มายืนเฝ้าหน้าประตู เห็นคนขี่ม้าตะบึงฮ้อตรงมาร้านยาเต๋อเหริน ชักดาบข้างเอวออกมากวัดแกว่งเข้าหาคนทั้งสอง
ฉู่เหวินเจี๋ยลงจากหลังม้า กวาดตามองเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายแวบหนึ่ง
เจ้าหน้าที่พลันรู้สึกถึงพลังบารมีบางอย่างกดทับลงมาจนพวกเขาหายใจไม่ออก
ฉู่เหวินเจี๋ยยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน
เจ้าหน้าที่สองนายกวัดแกว่งดาบในมืออย่างกล้าๆ กลัวๆ ขวางหน้าเขาไว้ ถามด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “พะ พวกเจ้าเป็นใคร? หะ? เหตุใดถึงมาที่ร้านยาเต๋อเหริน?”
ฉู่เหวินเจี๋ยหยุดชะงัก ขมวดคิ้วเกร็ง ตวาดทั้งสองคนลั่น “ไปบอกให้เปาชิงเหอไสหัวออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเขาเอ่ยนามท่านนายอำเภอโดยตรง เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายหันหน้ามองกัน นายหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปรายงาน อีกนายยังคงถือดาบยืนตัวสั่นเผชิญหน้ากับฉู่เหวินเจี๋ย
เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาหลังเรือนร้องเสียงลั่น “นาย นายท่านขอรับ!”
เปาชิงเหอและใต้เท้าเปารวมถึงเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังนั่งวิเคราะห์ข่าวที่เจ้าหน้าที่สืบกลับมาได้ช่วงสองวันนี้ ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจ้าหน้าที่ จึงร้องเอ็ดเขา “มีอะไรค่อยพูดค่อยจา ร้องโวยวายเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน”
เจ้าหน้าที่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นรัว “ไม่ ไม่ใช่ขอรับ นายท่าน ด้าน ด้านนอกมีคนบอกให้ท่านออกไปพบเขาขอรับ”
“ใครกัน?” เปาชิงเหอถามผ่านประตู
เจ้าหน้าที่ลนลานส่ายหน้า “ไม่ ไม่ทราบขอรับ พวกเขาขี่ม้าเข้ามาด้วยกันสองคนขอรับ”
ทั้งสี่คนหันสบตากัน ลุกขึ้นพรวด เดินไล่หลังกันออกมา แล้วรีบเดินออกไป
เปาชิงเหอเดินนำหน้า เข้ามาในห้องโถงร้านยา เห็นเจ้าหน้าที่ถือดาบจ่อฉู่เหวินเจี๋ย ตกใจจนเกือบหมดสติ ร้องคำรามลั่น “บัดซบสิ้นดี ยังไม่รีบวางดาบลงอีก”
เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นรีบลดดาบลง เปาชิงเหอรีบเดินมาเบื้องหน้าฉู่เหวินเจี๋ย แสดงการคำนับอย่างขุนนาง “เปาชิงเหอนายอำเภอแห่งอำเภอชิงเหอ คารวะท่านแม่ทัพใหญ่”
ดาบในมือเจ้าหน้าที่ตกลงพื้นเสียงดัง “เพล้ง”
ฉู่เหวินเจี๋ยแค่นเสียงหึ เดินเข้าไปหลังร้านร้านยาเต๋อเหริน
เปาชิงเหอถลึงตาดุดันใส่เจ้าหน้าที่แวบหนึ่ง จากนั้นรีบเดินตามเข้าไป
ผู้ว่าการตำบลและเหวินซื่อก็เดินตามเข้าไป
เจ้าหน้าที่ตกใจนั่งตัวแข็งทื่อบนพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าเหวินเปียว เห็นเขายืนแทนไม่ไหวแล้ว รู้ว่าหลายวันมานี้เขาไม่ได้พักเลย รับบังเ**ยนในมือเขามา พูดว่า “เจ้าเข้าไปพักผ่อนในห้องพักของพวกพนักงานก่อนเถอะ”
เหวินเปียวกล่าวขอบคุณ เดินสะโหลสะเหลเข้าไปหลังร้าน ถามห้องพักของพวกพนักงาน พอเข้าไปถึง ก็ปักหัวทิ่มลงบนเตียง ไม่แม้แต่จะถอดรองเท้า เข้าสู่ห้วงนิทราทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเจ้าหน้าที่สองนาย “พวกเจ้าจูงม้าไปผูกไว้ที่เรือนด้านหลัง”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายดิ้นรนลุกขึ้น แต่ร่างกายอ่อนปวกเปียก ลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น ถามอย่างสั่นกลัว “แม่นางเมิ่ง ท่านว่าท่านแม่ทัพฉู่จะฆ่าพวกเราหรือไม่?”
“พวกเจ้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ มิได้กระทำผิด ท่านแม่ทัพฉู่ไม่ตำหนิพวกเจ้าหรอก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
นับแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวปิดคดีชิวผิงได้อย่างง่ายดายในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ประจำอำเภอต่างเคารพเชื่อถือนางเป็นอย่างมาก ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ความหวาดผวาในใจก็ให้ลดลง น้ำเสียงสั่นระริกถามขึ้น “ที่แม่นางพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าขอรับรองกับพวกเจ้า ท่านแม่ทัพฉู่จะไม่ทำอะไรพวกเจ้า พวกเจ้ารีบพาม้าไปดูแลให้อาหารที่หลังเรือนให้ดีเถอะ”
มีเมิ่งเชี่ยนโยวรับประกัน เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายถึงมีเรี่ยวแรงกลับคืน ฝืนลุกขึ้น จูงม้าคนละตัวเข้าไปด้านหลังเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องเหวินซื่อ เหวินซื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ฉู่เหวินเจี๋ยด้วยดวงตาแดงกล่ำแล้ว
ฉู่เหวินเจี๋ยได้ฟังแผ่รัศมีสังหารออกมา บรรยากาศหนักอึ้งจนพวกเปาชิงเหอหายใจติดขัด รู้แก่ใจดีว่าครั้งนี้ท่านแม่ทัพฉู่เดือดดาลถึงขีดสุดแล้ว
ไม่ผิดจากที่คาดไว้ หลังจากฉู่เหวินเจี๋ยฟังเบาะแสที่พวกเขาวิเคราะห์ออกมาได้ในช่วงหลายวันนี้จากเปาชิงเหอ ก็ออกปากสั่งการอย่างเกรี้ยวกราด “ถ่ายทอดคำสั่ง วันพรุ่งก่อนช่วงเวลานี้ พวกเขาจักต้องนำตัวคนมาไว้ตรงหน้าข้า”
Comments