ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 10 บทที่ 282 สาวงามเข้าพบ

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 10 บทที่ 282 สาวงามเข้าพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่เขาจะคิด หากเขาหาตัวแทนข้าได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องเข้าวังหลวงมิใช่หรือ?”

หลินเมิ้งหยามิได้โกรธ แต่กลับเหยียดยิ้มกว้างราวกับว่ามิได้ใส่ใจแต่อย่างใด

“ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว พวกเรากลับกันเถิด หยุนจู๋ ข้าคงต้องฝากเจ้าดูแลที่นี่ หากต้องการให้ข้ามา เช่นนั้นจงสั่งให้คนงานคนนั้นไปตามข้าเถิด เจ้าทำงานได้ไม่เลว คนงานคนนั้นมีไหวพริบและฉลาดเฉลียวยิ่งนัก”

หยุนจู๋ก้มหน้าลงโค้งคำนับ นางเป็นผู้คัดสรรคนงานใหม่คนนั้นเองกับมือ

แม้พ่อของป๋ายจีจะมีความฉลาดเฉลียว แต่เขาไม่รู้เรื่องของเจียงหู หากประสบพบเจอเข้ากับคนพาล เช่นนั้นเขาจะเดือดร้อน

คนงานใหม่คนนั้นมีวิทยายุทธค่อนข้างสูง ซ้ำยังเป็นคนฉลาดเฉลียว เขาจะต้องมีประโยชน์มากในอนาคต

เดินออกจากสวนด้านหลัง หลินเมิ้งหยานั่งขดตัวภายในรถม้า หัวใจว้าวุ่น

ตกลงหลงเทียนอวี้คิดอะไรอยู่กันแน่? หรือเขาไม่เชื่อใจทักษะการรักษาของนางกัน?

หรือเรื่องที่จะส่งนางเข้าวังเป็นเพียงมุกตลกแต่เพียงเท่านั้น คนที่จะเข้าไปดูแลพระอาการประชวรของฮ่องเต้จริงๆ จะต้องเป็นหมอเทวดา ?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด หัวใจของหลินเมิ้งหยาเผยร่องรอยความรู้สึกเหมือนถูกลดทอนความเชื่อใจ

ช่างเถิด หลงเทียนอวี้คงทำไปเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อผิดพลาด

ยิ่งไปกว่านั้น แม้นางจะเชี่ยวชาญด้านยาพิษ แต่สำหรับโรคอื่นๆ ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอาการ

ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังร้านสามสหายเพื่อไปรับสาวใช้ทั้งสี่ ในที่สุดทุกคนก็เดินทางกลับมาถึงยังสวนด้านหลังจวนอวี้

ราวกับเป็นหัวขโมย พวกเขารีบวิ่งกลับไปยังตำหนักหลิวซินและเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวอวี้ยังคงอาศัยอยู่ในเรือนเล็ก หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาจะต้องส่งเสี่ยวจินมาหาพวกนางอย่างแน่นอน

ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ โรงครัวก็ส่งสำรับอาหารมื้อเย็นมาให้ทันที

ข้าวโพดหวานผัดไก่ ขิงต้มน้ำแกงอุ่นๆ และผักสดอีกสองสามอย่าง

สาวใช้ทั้งสี่ที่มิรู้เรื่องรู้ราวใดๆ ล้วนกินขนมและอาหารว่างที่ท่านป้าป๋ายทำจนอิ่มหมดแล้ว เมื่อเห็นอาหารมากมายตรงหน้า พวกนางจึงแสดงสีหน้าท่าทางอยากอาเจียน

“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องคอยรับใช้อยู่ที่นี่หรอก ออกไปพักผ่อนที่ห้องเถิด หากมีเรื่องอะไร ข้าจะเรียกพวกเจ้าเอง”

สาวใช้ทั้งสี่รีบขอตัวออกไปด้วยความดีใจ โชคดีที่ชิงหูยังอยู่รับประทานอาหารกับนางที่นี่

หลินเมิ้งหยากินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพราะยังมีเรื่องให้คิดอีกมาก เพียงกินเข้าไปไม่กี่คำ นางก็วางตะเกียบลง

“เป็นอะไรไป? ยังกังวลเรื่องหลงเทียนอวี้หรือ?”

ชิงหูรู้ใจหลินเมิ้งหยาที่สุด นอกจากหลงเทียนอวี้แล้ว ยังจะมีใครทำให้เจ้าเด็กน้อยกินข้าวไม่ลงอีก?

“ไม่หรอก ข้าเพียงแค่ลดน้ำหนักน่ะ เจ้ากินเยอะๆ หน่อย ข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน”

ดันถ้วยข้าวออกห่างจากตัว หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นและคิดจะกลับเข้าไปในห้องของตนเอง

จู่ๆ ประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักออกจนหลินเมิ้งหยาและชิงหูตื่นตระหนก

ร่างสูงโปร่งปรากฏตรงหน้าของหลินเมิ้งหยา

ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ ในดวงตาราวกับมีเปลวไฟลุกโชน

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเหมือนคนถูกขัดใจ

“เสี่ยวอวี้เป็นอะไรไป? ใครรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คาดว่าจะต้องมีคนทำเรื่องไม่ดีกับเขาอย่างแน่นอน เขาจึงโกรธเกรี้ยวเช่นนี้

“พี่สาว ข้าไม่ไปแล้ว ! ช่างหัวเมืองเลี่ยหยุน ! ช่างหัวราชวงศ์ ! ข้าไม่ไปเด็ดขาด ข้าไม่เอาหรอก !”

เสียงก่นด่าดังออกจากปากของหลินจงอวี้

หลินเมิ้งหยาและชิงหูสบตากัน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง

ตกลงหวานเหยียนเลี่ยเป็นคนเช่นไรกันแน่ ทั้งที่เขาอุตส่าห์มาขอร้องนางเพื่อให้ปล่อยเสี่ยวอวี้ไป แต่ตอนนี้กลับทำเสียเรื่องเองอย่างนั้นหรือ?

“เกิดอะไรขึ้น ? บอกข้ามาเถิด หวานเหยียนเลี่ยรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”

หลินเมิ้งหยาเอื้อมมือไปจับเสี่ยวอวี้ให้นั่งลงข้างตนเอง

ใบหน้าของเขายังคงแสดงความโกรธเกรี้ยว แก้มป่องขึ้นมาเล็กน้อยน่ารักน่าชัง

“หวานเหยียนเลี่ยอยากให้ข้าไปสู่ขอองค์หญิงแห่งต้าจิ้น เขาบอกว่าหากมีองค์หญิงแห่งต้าจิ้นกลับไปด้วย เช่นนั้นตำแหน่งของข้าจะมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ข้าหาได้ชอบพอพวกองค์หญิงเหล่านั้น ข้าไม่ต้องการ”

หลังจากหลินเมิ้งหยาได้ฟัง นางถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

ถึงอย่างไรเสี่ยวอวี้ยังคงมีนิสัยเหมือนเด็ก เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจะยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป

หากอ้างอิงจากยุคปัจจุบัน เขายังไม่ถึงวัยมีความรัก เช่นนั้นจะให้เขาแต่งงานได้อย่างไร?

ดูเหมือนหวานเหยียนเลี่ยจะใจร้อนเกินไปแล้ว

“เจ้าจงฟังคำพูดพี่สาวดูก่อนเถิด เรื่องการแต่งงานควรจะวางแผนให้ดี พี่สาวเองก็อยากให้เจ้าเจอคู่ครองที่เหมาะสมเพื่อมีชีวิตที่ผาสุก เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าจงตามหวานเหยียนเลี่ยมาหาข้าเถิด ข้าจะโน้มน้าวเขาด้วยตัวเอง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

การเชื่อมความสัมพันธ์กับต้าจิ้นอาจเป็นไพ่ตายของเสี่ยวอวี้

เหตุเพราะซินหลียังคงจับตามองเขาอยู่ ชายคนนั้นจะต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ อย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะกำลังวางแผนร้ายอยู่

การที่เสี่ยวอวี้กลับไปที่เมืองเลี่ยหยุนก็มิต่างอันใดจากการเข้าถ้ำเสือ

หลินเมิ้งหยาเข้าใจว่าหวานเหยียนเลี่ยไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่แต่ง”

หลินจงอวี้ยังคงตกอยู่ในอาการเดือดดาล หลินเมิ้งหยาทำเพียงหัวเราะแล้วลูบศีรษะของเขา

อารมณ์ของเด็กคนนี้รุนแรงมากขึ้นทุกที เขาในเวลานี้ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่นางเพิ่งจะเก็บมาเลี้ยงไม่มีผิด

“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าอย่าได้โกรธเกรี้ยวไปเลย พี่สาวตกใจจนกลัวหมดแล้ว จริงสิ เจ้าอยู่ที่จวนทั้งวัน วันนี้มีใครมาตามหาข้าหรือไม่ ?”

หลินเมิ้งหยารีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เสี่ยวอวี้ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า

ตอนนี้ตำหนักหลิวซินหาใช่สถานที่ซึ่งใครจะสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ ขอเพียงผอจื่อเฝ้าประตูไม่อนุญาต ต่อให้เกิดไฟไหม้ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้

“ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับตำหนักเราหรอกขอรับ แต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เกี้ยวเล็กหลังหนึ่งถูกยกเข้าไปในตำหนักฉินหวู่ ข้าลอบมองดู ไม่เหมือนเกี้ยวของจวนเรา”

หนึ่งชั่วโมงก่อน ? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากกลับมาจากกลุ่มสามสหายนี่นา

แต่ว่า…ใครกันนะที่สามารถสั่งให้คนยกเกี้ยวเข้าไปในตำหนักฉินหวู่ได้?

ขนาดนางที่เป็นชายายังต้องลงจากเกี้ยวที่ประตูสองเลย

“ดูท่าจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นพอสมควรเลยนี่ แต่จะต้องไม่ใช่ผู้ชายอย่างแน่นอน เจ้าเคยเห็นผู้ชายคนไหนนั่งเกี้ยวเล็กๆ ของผู้หญิงด้วยหรือ ?”

ชิงหูส่งเสียงเย็นชาราวกับกลัวว่าโลกจะไม่ถล่มทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

“แน่นหรือไม่แน่นก็ช่างมันเถิด เจ้ากินข้าวของเจ้าไปให้อิ่มก็พอ”

หลินเมิ้งหยาถลึงตาโตใส่เขา ทว่าหัวใจกลับครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา ใครมาเยี่ยมเยียนในเวลานี้กันนะ ?

ภายในห้องอ่านหนังสือ แสงเทียนสว่างไสว คนทั้งสองสบตากันนิ่ง

ฝ่ายชายมีใบหน้าหล่อเหลา สายตาเย็นชาเจือโทสะ ฝ่ายหญิงงดงามเย้ายวน ทว่ากลับมีท่าทางเย็นชาเสมือนถูกแช่แข็งนานนับหมื่นปี นางมิต่างอันใดจากเจ้าหญิงหิมะเลยแม้แต่น้อย

หลงเทียนอวี้มองขึ้นๆ ลงๆ เพื่อสำรวจหญิงสาวตรงหน้า สายตาเจือความรังเกียจ

ฝ่ายหญิงเองก็หาได้ปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทางอ่อนโยน สายตาคมกริบดั่งใบมีดจับจ้องหลงเทียนอวี้เขม็ง

“เจ้ากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วนี่ ? ไม่ได้เจอหน้ากันเพียงสามปี แต่กลับตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?”

เอ่ยปากถามเสียงเย็นชาอย่างไม่ไว้หน้า ยกมือขึ้นกอดอก ราวกับว่าได้เห็นถังขยะอยู่ตรงหน้า

“ข้าเปลี่ยนไปเช่นไรหาใช่กงการอันใดของเจ้าไม่ หากมิใช่เพราะเจ้า ลั่วปิงคงไม่บังคับให้ข้าแต่งกายเช่นนี้ออกมา เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ตายอีกเล่า หากเจ้าตาย พวกเราจะได้เป็นอิสระเสียที”

‘สาวงาม’ ส่งเสียงเย็นชา แต่เสียงนั้นกลับเป็นเสียงของผู้ชาย ท่าทางการนั่งอ้าขากว้างของนางมิใช่อากัปกิริยาที่หญิงสาวควรกระทำเลยแม้แต่น้อย

ราวกับทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาอย่างเนิ่นนาน เพียงได้เจอกันก็เริ่มสงครามน้ำลายทันที

“หาใช่กงการอะไรของเจ้าไม่ คนที่ข้าตามตัวมาคือลั่วปิง มิใช่เจ้า”

สีหน้าของหลงเทียนอวี้ไม่น่ามอง หากเป็นเวลาปกติเขาคงเหวี่ยงดาบฟันคนตรงหน้าแล้ว

“ลั่วปิงติดธุระ ดังนั้นจึงมีเพียงข้าที่มารักษาอาการของเจ้าได้ เจ้าจะรักษาหรือไม่ ?”

ใบหน้าของสาวงามเองก็ไม่มองเช่นเดียวกัน แม้ใบหน้าจะตบแต่งไว้อย่างดี แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจปิดบังความโกรธเกรี้ยวไปได้

“ไสหัวไป ข้ายอมตาย แต่ไม่มีวันยอมให้เหรินเยา [1] เช่นเจ้ามารักษา หลินขุยส่งแขก !”

อีกฝ่ายที่ถูกเรียกว่าเหรินเยาพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา ก่อนจะลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล

“ดี ข้าจะไปเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง หากเจ้าตาย พวกข้าจะได้เฉลิมฉลองกัน”

หลินขุยแสดงสีหน้าขมขื่น คุณชายทั้งสองไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่น้อย

ขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่มีใครยอมก้มหัวให้ใคร ดูเหมือนคนที่ต้องลำบากจะกลายเป็นเขาคนนี้

ตอนนี้ทำได้เพียงรั้งสาวงามตรงหน้าเอาไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณชายลู่อย่าได้ขุ่นเคืองท่านอ๋องไปเลย ก่อนลั่วปิงจะไปได้กำชับกับท่านแล้วมิใช่หรือว่าจะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอ๋อง หากแม่นางกลับมาและรู้ว่าท่านกลับไปเช่นนี้ นางจะไม่โกรธเคืองท่านอย่างนั้นหรือ ?”

เพียงได้ยินชื่อลั่วปิง ฝีเท้าของลู่หนิงพลันหยุดลง

เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่น สุดท้ายเลือกที่จะหมุนตัวแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนจะถลึงตาใส่หลงเทียนอวี้

“อย่าคิดว่าข้าสนใจความเป็นความตายของเจ้า ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ลั่วปิงโกรธ”

ส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะยื่นมือหนาออกไปเตรียมถอดเสื้อของหลงเทียนอวี้เพื่อรักษาบาดแผล

“อย่าแตะต้องตัวข้า ! ข้ารังเกียจท่าทางของเจ้าในเวลานี้ยิ่งนัก หลินขุยโยนเขาออกไปเดี๋ยวนี้”

หลงเทียนอวี้เอี้ยวตัวหลบ ส่งเสียงไร้เยื่อใย

ลู่หนิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ที่เขาแต่งกายเช่นนี้ก็เพราะจะได้เดินทางมารักษาอาการของหลงเทียนอวี้อย่างสะดวกโยธินมิใช่หรือ ?

เกี้ยวบ้านั่นทั้งเตี้ยทั้งแคบ เขาต้องขดตัวปวดเมื่อยขนาดไหนรู้หรือไม่

“ข้าจะไม่เสียเวลาพูดมากอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้ารักษาหรือไม่ ข้าก็จะรักษา !”

พูดจบเขาก็กระโจนเข้าไปในทันที

———————————

หมายเหตุ

[1] เหรินเยา หมายถึงกระเทย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 10 บทที่ 282 สาวงามเข้าพบ

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 10 บทที่ 282 สาวงามเข้าพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่เขาจะคิด หากเขาหาตัวแทนข้าได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องเข้าวังหลวงมิใช่หรือ?”

หลินเมิ้งหยามิได้โกรธ แต่กลับเหยียดยิ้มกว้างราวกับว่ามิได้ใส่ใจแต่อย่างใด

“ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว พวกเรากลับกันเถิด หยุนจู๋ ข้าคงต้องฝากเจ้าดูแลที่นี่ หากต้องการให้ข้ามา เช่นนั้นจงสั่งให้คนงานคนนั้นไปตามข้าเถิด เจ้าทำงานได้ไม่เลว คนงานคนนั้นมีไหวพริบและฉลาดเฉลียวยิ่งนัก”

หยุนจู๋ก้มหน้าลงโค้งคำนับ นางเป็นผู้คัดสรรคนงานใหม่คนนั้นเองกับมือ

แม้พ่อของป๋ายจีจะมีความฉลาดเฉลียว แต่เขาไม่รู้เรื่องของเจียงหู หากประสบพบเจอเข้ากับคนพาล เช่นนั้นเขาจะเดือดร้อน

คนงานใหม่คนนั้นมีวิทยายุทธค่อนข้างสูง ซ้ำยังเป็นคนฉลาดเฉลียว เขาจะต้องมีประโยชน์มากในอนาคต

เดินออกจากสวนด้านหลัง หลินเมิ้งหยานั่งขดตัวภายในรถม้า หัวใจว้าวุ่น

ตกลงหลงเทียนอวี้คิดอะไรอยู่กันแน่? หรือเขาไม่เชื่อใจทักษะการรักษาของนางกัน?

หรือเรื่องที่จะส่งนางเข้าวังเป็นเพียงมุกตลกแต่เพียงเท่านั้น คนที่จะเข้าไปดูแลพระอาการประชวรของฮ่องเต้จริงๆ จะต้องเป็นหมอเทวดา ?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด หัวใจของหลินเมิ้งหยาเผยร่องรอยความรู้สึกเหมือนถูกลดทอนความเชื่อใจ

ช่างเถิด หลงเทียนอวี้คงทำไปเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อผิดพลาด

ยิ่งไปกว่านั้น แม้นางจะเชี่ยวชาญด้านยาพิษ แต่สำหรับโรคอื่นๆ ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอาการ

ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังร้านสามสหายเพื่อไปรับสาวใช้ทั้งสี่ ในที่สุดทุกคนก็เดินทางกลับมาถึงยังสวนด้านหลังจวนอวี้

ราวกับเป็นหัวขโมย พวกเขารีบวิ่งกลับไปยังตำหนักหลิวซินและเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวอวี้ยังคงอาศัยอยู่ในเรือนเล็ก หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาจะต้องส่งเสี่ยวจินมาหาพวกนางอย่างแน่นอน

ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ โรงครัวก็ส่งสำรับอาหารมื้อเย็นมาให้ทันที

ข้าวโพดหวานผัดไก่ ขิงต้มน้ำแกงอุ่นๆ และผักสดอีกสองสามอย่าง

สาวใช้ทั้งสี่ที่มิรู้เรื่องรู้ราวใดๆ ล้วนกินขนมและอาหารว่างที่ท่านป้าป๋ายทำจนอิ่มหมดแล้ว เมื่อเห็นอาหารมากมายตรงหน้า พวกนางจึงแสดงสีหน้าท่าทางอยากอาเจียน

“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องคอยรับใช้อยู่ที่นี่หรอก ออกไปพักผ่อนที่ห้องเถิด หากมีเรื่องอะไร ข้าจะเรียกพวกเจ้าเอง”

สาวใช้ทั้งสี่รีบขอตัวออกไปด้วยความดีใจ โชคดีที่ชิงหูยังอยู่รับประทานอาหารกับนางที่นี่

หลินเมิ้งหยากินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพราะยังมีเรื่องให้คิดอีกมาก เพียงกินเข้าไปไม่กี่คำ นางก็วางตะเกียบลง

“เป็นอะไรไป? ยังกังวลเรื่องหลงเทียนอวี้หรือ?”

ชิงหูรู้ใจหลินเมิ้งหยาที่สุด นอกจากหลงเทียนอวี้แล้ว ยังจะมีใครทำให้เจ้าเด็กน้อยกินข้าวไม่ลงอีก?

“ไม่หรอก ข้าเพียงแค่ลดน้ำหนักน่ะ เจ้ากินเยอะๆ หน่อย ข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน”

ดันถ้วยข้าวออกห่างจากตัว หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นและคิดจะกลับเข้าไปในห้องของตนเอง

จู่ๆ ประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักออกจนหลินเมิ้งหยาและชิงหูตื่นตระหนก

ร่างสูงโปร่งปรากฏตรงหน้าของหลินเมิ้งหยา

ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ ในดวงตาราวกับมีเปลวไฟลุกโชน

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเหมือนคนถูกขัดใจ

“เสี่ยวอวี้เป็นอะไรไป? ใครรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คาดว่าจะต้องมีคนทำเรื่องไม่ดีกับเขาอย่างแน่นอน เขาจึงโกรธเกรี้ยวเช่นนี้

“พี่สาว ข้าไม่ไปแล้ว ! ช่างหัวเมืองเลี่ยหยุน ! ช่างหัวราชวงศ์ ! ข้าไม่ไปเด็ดขาด ข้าไม่เอาหรอก !”

เสียงก่นด่าดังออกจากปากของหลินจงอวี้

หลินเมิ้งหยาและชิงหูสบตากัน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง

ตกลงหวานเหยียนเลี่ยเป็นคนเช่นไรกันแน่ ทั้งที่เขาอุตส่าห์มาขอร้องนางเพื่อให้ปล่อยเสี่ยวอวี้ไป แต่ตอนนี้กลับทำเสียเรื่องเองอย่างนั้นหรือ?

“เกิดอะไรขึ้น ? บอกข้ามาเถิด หวานเหยียนเลี่ยรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”

หลินเมิ้งหยาเอื้อมมือไปจับเสี่ยวอวี้ให้นั่งลงข้างตนเอง

ใบหน้าของเขายังคงแสดงความโกรธเกรี้ยว แก้มป่องขึ้นมาเล็กน้อยน่ารักน่าชัง

“หวานเหยียนเลี่ยอยากให้ข้าไปสู่ขอองค์หญิงแห่งต้าจิ้น เขาบอกว่าหากมีองค์หญิงแห่งต้าจิ้นกลับไปด้วย เช่นนั้นตำแหน่งของข้าจะมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ข้าหาได้ชอบพอพวกองค์หญิงเหล่านั้น ข้าไม่ต้องการ”

หลังจากหลินเมิ้งหยาได้ฟัง นางถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

ถึงอย่างไรเสี่ยวอวี้ยังคงมีนิสัยเหมือนเด็ก เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจะยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป

หากอ้างอิงจากยุคปัจจุบัน เขายังไม่ถึงวัยมีความรัก เช่นนั้นจะให้เขาแต่งงานได้อย่างไร?

ดูเหมือนหวานเหยียนเลี่ยจะใจร้อนเกินไปแล้ว

“เจ้าจงฟังคำพูดพี่สาวดูก่อนเถิด เรื่องการแต่งงานควรจะวางแผนให้ดี พี่สาวเองก็อยากให้เจ้าเจอคู่ครองที่เหมาะสมเพื่อมีชีวิตที่ผาสุก เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าจงตามหวานเหยียนเลี่ยมาหาข้าเถิด ข้าจะโน้มน้าวเขาด้วยตัวเอง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

การเชื่อมความสัมพันธ์กับต้าจิ้นอาจเป็นไพ่ตายของเสี่ยวอวี้

เหตุเพราะซินหลียังคงจับตามองเขาอยู่ ชายคนนั้นจะต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ อย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะกำลังวางแผนร้ายอยู่

การที่เสี่ยวอวี้กลับไปที่เมืองเลี่ยหยุนก็มิต่างอันใดจากการเข้าถ้ำเสือ

หลินเมิ้งหยาเข้าใจว่าหวานเหยียนเลี่ยไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่แต่ง”

หลินจงอวี้ยังคงตกอยู่ในอาการเดือดดาล หลินเมิ้งหยาทำเพียงหัวเราะแล้วลูบศีรษะของเขา

อารมณ์ของเด็กคนนี้รุนแรงมากขึ้นทุกที เขาในเวลานี้ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่นางเพิ่งจะเก็บมาเลี้ยงไม่มีผิด

“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าอย่าได้โกรธเกรี้ยวไปเลย พี่สาวตกใจจนกลัวหมดแล้ว จริงสิ เจ้าอยู่ที่จวนทั้งวัน วันนี้มีใครมาตามหาข้าหรือไม่ ?”

หลินเมิ้งหยารีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เสี่ยวอวี้ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า

ตอนนี้ตำหนักหลิวซินหาใช่สถานที่ซึ่งใครจะสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ ขอเพียงผอจื่อเฝ้าประตูไม่อนุญาต ต่อให้เกิดไฟไหม้ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้

“ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับตำหนักเราหรอกขอรับ แต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เกี้ยวเล็กหลังหนึ่งถูกยกเข้าไปในตำหนักฉินหวู่ ข้าลอบมองดู ไม่เหมือนเกี้ยวของจวนเรา”

หนึ่งชั่วโมงก่อน ? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากกลับมาจากกลุ่มสามสหายนี่นา

แต่ว่า…ใครกันนะที่สามารถสั่งให้คนยกเกี้ยวเข้าไปในตำหนักฉินหวู่ได้?

ขนาดนางที่เป็นชายายังต้องลงจากเกี้ยวที่ประตูสองเลย

“ดูท่าจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นพอสมควรเลยนี่ แต่จะต้องไม่ใช่ผู้ชายอย่างแน่นอน เจ้าเคยเห็นผู้ชายคนไหนนั่งเกี้ยวเล็กๆ ของผู้หญิงด้วยหรือ ?”

ชิงหูส่งเสียงเย็นชาราวกับกลัวว่าโลกจะไม่ถล่มทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

“แน่นหรือไม่แน่นก็ช่างมันเถิด เจ้ากินข้าวของเจ้าไปให้อิ่มก็พอ”

หลินเมิ้งหยาถลึงตาโตใส่เขา ทว่าหัวใจกลับครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา ใครมาเยี่ยมเยียนในเวลานี้กันนะ ?

ภายในห้องอ่านหนังสือ แสงเทียนสว่างไสว คนทั้งสองสบตากันนิ่ง

ฝ่ายชายมีใบหน้าหล่อเหลา สายตาเย็นชาเจือโทสะ ฝ่ายหญิงงดงามเย้ายวน ทว่ากลับมีท่าทางเย็นชาเสมือนถูกแช่แข็งนานนับหมื่นปี นางมิต่างอันใดจากเจ้าหญิงหิมะเลยแม้แต่น้อย

หลงเทียนอวี้มองขึ้นๆ ลงๆ เพื่อสำรวจหญิงสาวตรงหน้า สายตาเจือความรังเกียจ

ฝ่ายหญิงเองก็หาได้ปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทางอ่อนโยน สายตาคมกริบดั่งใบมีดจับจ้องหลงเทียนอวี้เขม็ง

“เจ้ากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วนี่ ? ไม่ได้เจอหน้ากันเพียงสามปี แต่กลับตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?”

เอ่ยปากถามเสียงเย็นชาอย่างไม่ไว้หน้า ยกมือขึ้นกอดอก ราวกับว่าได้เห็นถังขยะอยู่ตรงหน้า

“ข้าเปลี่ยนไปเช่นไรหาใช่กงการอันใดของเจ้าไม่ หากมิใช่เพราะเจ้า ลั่วปิงคงไม่บังคับให้ข้าแต่งกายเช่นนี้ออกมา เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ตายอีกเล่า หากเจ้าตาย พวกเราจะได้เป็นอิสระเสียที”

‘สาวงาม’ ส่งเสียงเย็นชา แต่เสียงนั้นกลับเป็นเสียงของผู้ชาย ท่าทางการนั่งอ้าขากว้างของนางมิใช่อากัปกิริยาที่หญิงสาวควรกระทำเลยแม้แต่น้อย

ราวกับทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาอย่างเนิ่นนาน เพียงได้เจอกันก็เริ่มสงครามน้ำลายทันที

“หาใช่กงการอะไรของเจ้าไม่ คนที่ข้าตามตัวมาคือลั่วปิง มิใช่เจ้า”

สีหน้าของหลงเทียนอวี้ไม่น่ามอง หากเป็นเวลาปกติเขาคงเหวี่ยงดาบฟันคนตรงหน้าแล้ว

“ลั่วปิงติดธุระ ดังนั้นจึงมีเพียงข้าที่มารักษาอาการของเจ้าได้ เจ้าจะรักษาหรือไม่ ?”

ใบหน้าของสาวงามเองก็ไม่มองเช่นเดียวกัน แม้ใบหน้าจะตบแต่งไว้อย่างดี แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจปิดบังความโกรธเกรี้ยวไปได้

“ไสหัวไป ข้ายอมตาย แต่ไม่มีวันยอมให้เหรินเยา [1] เช่นเจ้ามารักษา หลินขุยส่งแขก !”

อีกฝ่ายที่ถูกเรียกว่าเหรินเยาพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา ก่อนจะลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล

“ดี ข้าจะไปเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง หากเจ้าตาย พวกข้าจะได้เฉลิมฉลองกัน”

หลินขุยแสดงสีหน้าขมขื่น คุณชายทั้งสองไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่น้อย

ขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่มีใครยอมก้มหัวให้ใคร ดูเหมือนคนที่ต้องลำบากจะกลายเป็นเขาคนนี้

ตอนนี้ทำได้เพียงรั้งสาวงามตรงหน้าเอาไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณชายลู่อย่าได้ขุ่นเคืองท่านอ๋องไปเลย ก่อนลั่วปิงจะไปได้กำชับกับท่านแล้วมิใช่หรือว่าจะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอ๋อง หากแม่นางกลับมาและรู้ว่าท่านกลับไปเช่นนี้ นางจะไม่โกรธเคืองท่านอย่างนั้นหรือ ?”

เพียงได้ยินชื่อลั่วปิง ฝีเท้าของลู่หนิงพลันหยุดลง

เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่น สุดท้ายเลือกที่จะหมุนตัวแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนจะถลึงตาใส่หลงเทียนอวี้

“อย่าคิดว่าข้าสนใจความเป็นความตายของเจ้า ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ลั่วปิงโกรธ”

ส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะยื่นมือหนาออกไปเตรียมถอดเสื้อของหลงเทียนอวี้เพื่อรักษาบาดแผล

“อย่าแตะต้องตัวข้า ! ข้ารังเกียจท่าทางของเจ้าในเวลานี้ยิ่งนัก หลินขุยโยนเขาออกไปเดี๋ยวนี้”

หลงเทียนอวี้เอี้ยวตัวหลบ ส่งเสียงไร้เยื่อใย

ลู่หนิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ที่เขาแต่งกายเช่นนี้ก็เพราะจะได้เดินทางมารักษาอาการของหลงเทียนอวี้อย่างสะดวกโยธินมิใช่หรือ ?

เกี้ยวบ้านั่นทั้งเตี้ยทั้งแคบ เขาต้องขดตัวปวดเมื่อยขนาดไหนรู้หรือไม่

“ข้าจะไม่เสียเวลาพูดมากอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้ารักษาหรือไม่ ข้าก็จะรักษา !”

พูดจบเขาก็กระโจนเข้าไปในทันที

———————————

หมายเหตุ

[1] เหรินเยา หมายถึงกระเทย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+