ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 11 บทที่ 329 แบ่งกำลังพล

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 11 บทที่ 329 แบ่งกำลังพล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกครั้งที่หมอประจำเวรยามกลับมายังสำนักหมอหลวง พวกเขาต้องจดบันทึกอย่างละเอียด

โดยรายละเอียดส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีพจร ลักษณะอาการ ยาที่ใช้ รวมถึงพระกระยาหารของฮ่องเต้

ท่านอาอวี้เล่าว่าฮ่องเต้หายใจรวยริน ทว่าชีพจรกลับเป็นปกติ

หากพวกหมอหลวงรู้อยู่เต็มอกแต่มิเปิดเผย เช่นนั้นความคงแตกในคราวนี้

ซูถงชำเลืองมองหลินเมิ้งหยา อันที่จริงเขาเองก็อยากทดสอบหลินเมิ้งหยาเช่นเดียวกัน เหตุเพราะเขายังไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยารู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด

“หากทำเช่นนี้คงไม่เหมาะสม แม้กระหม่อมจะมิได้ข้องใจเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของพระชายา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้นจะทำอะไรผิดพลาดมิได้”

หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อย

ช่างเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อบ้านเมืองเหลือเกิน!

เขาเป็นเจ้าสำนักหมอหลวงที่มีหน้าที่ดูแลพระพลานามัยของฮ่องเต้ ทว่าตอนนี้ ฮึ แม้แต่รักษาพระอาการยังทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจของฮ่องเต้เองก็กำลังจะหมดลง

“ข้ากลับไม่รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ใต้เท้าซูโปรดวางใจ ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร ข้าจะขอเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ซูถงพูดไม่ออก หากจะโทษก็โทษเขาที่โยนอำนาจในการตัดสินใจให้แก่นางเถิด

คราวนี้ซูถงพลาดเอง เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาหาใช่คนปกติธรรมดาไม่

“คือ…เช่นนั้นข้าน้อยไปกับพระชายาดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

ยังไม่ยอมจำนนง่ายๆ อีกหรือ?

หลินเมิ้งหยาสั่งป๋ายซูให้จัดเตรียมกล่องยาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและสง่างาม

“เมื่อครู่ใต้เท้าซูเอ่ยเองว่าอาการบาดเจ็บของพวกคนในวังค่อนข้างสาหัสจึงมิอาจปลีกตัวไปได้ ฝีมือในการรักษาของท่านล้ำลึกยิ่งนัก เช่นนั้นท่านอยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาเถิด จริงสิ ข้าเห็นรายงานชีพจรมีชื่อหมอหลวงนามว่าชิวอวี้ ตอนนี้เขาอยู่ในวังหลวงหรือไม่?”

หลินเมิ้งหยาแสร้งเอ่ยถึงชิวอวี้อย่างมิได้ตั้งใจ สีหน้าของซูถงเผยให้เห็นอาการตกตะลึง เหตุเพราะนับตั้งแต่วันที่หลินเมิ้งหยาเข้าวังมา หลินเมิ้งหยาไม่ได้ทักทายหรือพูดคุยกับชิวอวี้มาก่อน

หรือว่า…

“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร! ชายาอวี้ ใต้เท้าซู แม้ชิวอวี้จะเป็นหมอที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นก็คงมิอาจปล่อยให้เขารับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หรอก”

เหอเทียนรีบร้องขัด นับตั้งแต่วันที่ลูกศิษย์ของเขาจากไป หัวใจของเขายังคงเกลียดชังหลินเมิ้งหยาอยู่ไม่น้อย

ไม่ว่าหลิวอีจะตายด้วยน้ำมือของนางหรือไม่ แต่ถ้าหากนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนี้ไม่มาปรากฏตัวที่สำนักหมอหลวง เรื่องเช่นนั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นกับหลิวอี

“เหตุที่ข้าเลือกหมอชิวก็เพราะข้าเห็นชื่อของเขาในบันทึกการตรวจชีพจรของฮ่องเต้มากที่สุด หากนำเรื่องนี้มาตัดสิน ข้าคิดว่าเขาจะต้องรู้เรื่องพระอาการประชวรของฮ่องเต้ที่สุด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าใต้เท้าซูและหมอเหอที่มีความสามารถทางการแพทย์ควรอยู่รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บที่นี่จะดีกว่า”

หลินเมิ้งหยาหาได้ข่มขู่หรือบีบบังคับพวกเขาแต่อย่างใด กลับกัน นางใช้ไม้อ่อนในการต่อรอง

ขณะเดียวกัน ซูถงกำลังสงสัย

เหตุที่เขาคัดค้าน หนึ่งเพราะชิวอวี้มีคุณสมบัติค่อนข้างต่ำ สองเพราะเขากลัวว่าชิวอวี้จะเป็นคนของหลินเมิ้งหยา

แต่หากดูจากท่าทีประนีประนอมของหลินเมิ้งหยาแล้ว ดูเหมือนนางจะเลือกคนตามสถานการณ์เสียมากกว่า

ดวงตาสุขุมพลันเปล่งประกาย

แสร้งทำท่าทางหนักใจ ก่อนจะเอ่ย

“เอาเช่นนี้แล้วกัน กระหม่อมส่งลูกศิษย์ของกระหม่อมไปตรวจชีพจรฮ่องเต้กับพระชายาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงโดยไม่คิด ซูถงจึงมั่นใจว่าชิวอวี้และหญิงสาวตรงหน้าหาได้มีความเกี่ยวข้องกันไม่

ความสงสัยค่อยๆ จางหายไป อยู่ๆ ซูถงพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงแสดงสีหน้าเชิงขอโทษ

“ไอหยา ไอหยา ดูคนแก่อย่างข้าเถิด ช่างไร้ประโยชน์เหลือเกินเชียว ลูกศิษย์ของกระหม่อมถูกสั่งให้ออกไปซื้อยานอกวังตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้ว เช่นนั้นให้ชิวอวี้ตามเสด็จพระชายาเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระชายารับสั่งถูกแล้ว แม้ชิวอวี้จะเข้าวังมาได้ไม่นาน แต่เขารับใช้ฮ่องเต้นานที่สุด ฉะนั้นเขาจึงรู้เรื่องพระอาการของฮ่องเต้ที่สุด ชิวอวี้ เจ้าจงตามเสด็จพระชายาไปเถิด”

ชิวอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจที่จะต้องติดตามหลินเมิ้งหยาไป แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของซูถง เขาจึงต้องปฏิบัติตาม

พยักหน้าลงอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาของตัวเอง เขาแสดงท่าทางเคารพหลินเมิ้งหยา แต่ถึงกระนั้นก็เว้นระยะห่างจากนางเอาไว้พอสมควร

หลินเมิ้งหยายังคงแสดงสีหน้าท่าทางสงบนิ่งดังเดิม ไม่มีใครดูออกว่านางกำลังคิดอะไร

สั่งให้ป๋ายซูถือกล่องยาตามชิวอวี้ออกจากสำนักหมอหลวง

เดินออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม หลินเมิ้งหยาไม่ต้องหันกลับไปดูก็รู้ว่ามีคนกำลังจับจ้องนางมากมาย

ฉะนั้นแม้ทั้งสามจะเดินไปด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นก็รักษาระยะห่างมากพอสมควร หลินเมิ้งหยาและป๋ายซูเดินนำหน้า ส่วนชิวอวี้เดินตามหลัง

ทั้งสามเดินตรงไปยังตำหนักชิงกงของฮ่องเต้

อย่าว่าแต่พูดคุยเลย แม้แต่สบตายังไม่ทำ

หลินเมิ้งหยาสวมชุดผ้าไหมสีแดงทับทิม ท่อนล่างคือกระโปรงร้อยจีบสีขาว รองเท้าขนกระต่ายสีขาว เมื่ออยู่ภายในวังหลวงที่มีแต่สีม่วงแล้ว หลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนหญิงสาวอ่อนหวานนุ่มนวล

ภายในวังหลวง นอกจากฮองเฮาและสนมทั้งสี่ คนอื่นๆ ห้ามสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส

ฉะนั้นชุดผ้าไหมสีแดงของหลินเมิ้งหยาจึงโดดเด่นยิ่งนัก

สายตาที่กำลังจับจ้องนางเริ่มอยู่ในระยะไกลมากขึ้น พวกเขาจึงเห็นเพียงชุดสีฉูดฉาดที่กำลังพลิ้วไหว

“เจ้ากล้าเกินไปแล้ว หรือเจ้าไม่กลัวว่าซูถงจะไม่ยอมให้ข้ามากับเจ้า?”

ชิวอวี้ที่เดินขึ้นมานำหน้าหยักยิ้มเล็กน้อย แม้จะเอ่ยถามเสียงเบา แต่หลินเมิ้งหยากลับได้ยินอย่างชัดเจน

สีหน้ายังคงเรียบนิ่งดังเดิม หลินเมิ้งหยาเอ่ยตอบด้วยท่าทางเย็นชาเฉกเช่นเดียวกับเขา

“เขากลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้ว หากเขาสามารถใช้เจ้ากำจัดข้าได้ เช่นนั้นจะไม่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรอกหรือ? เขารู้ดีว่ามีคนมากมายคิดจะทำลายข้า หากเขาส่งลูกศิษย์ของตัวเองมา เช่นนั้นเขาจะพลอยซวยไปด้วย เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นรอบคอบกว่าที่คิด”

หลินเมิ้งหยาพบความผิดปกติในบันทึกชีพจรของฮ่องเต้หลายจุด

หลินเมิ้งหยารู้เรื่องที่ปกติชิวอวี้เป็นผู้อยู่รับใช้ข้างกายของฮ่องเต้ดี

ทว่าทุกครั้งที่เขากลับมา เขามักรายงานเพียงแค่ว่าชีพจรของฮ่องเต้ปกติ ยาที่ใช้ก็มีเพียงไม่กี่อย่าง

ช่วงครึ่งเดือนหลังนี้แทบจะไม่มีชื่อคนอื่นปรากฏในบันทึกชีพจรเลย

ส่วนใหญ่เป็นเพียงชื่อของชิวอวี้คนเดียงเท่านั้น

ต่อให้นางโง่ นางก็ดูออกว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ

“เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลอย่างนั้นหรือ? แต่ก็ไม่แปลกหรอก ในสายตาของพวกเขาข้าเป็นเพียงหมอหลวงไร้อำนาจคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้สกุลของข้ามีฐานะร่ำรวย พวกเขาก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา”

เสียงของชิวอวี้แข็งทื่อประหนึ่งเครื่องจักร

ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกประหลาดใจ

ชิวอวี้ผู้สวมใส่ชุดขาว คิ้วกำลังขมวดเข้าหากันแน่น ท่าทางของเขาเหมือนพวกหมอคลั่ง

แต่ถ้าหากเขาเป็นพวกหมอคลั่งจริง เขาก็คงไม่ปีนกำแพงบ้านคนอื่นกลางดึกกลางดื่นหรอกกระมัง

เท่าที่ฟังจากคำพูดของชิวอวี้ ครอบครัวของเขาน่าจะร่ำรวยจนไม่ต้องออกมาหางานทำเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับมาลำบากตรากตรำทำงานในสำนักหมอหลวงและปล่อยให้คนอื่นดูแคลน

หากชิวอวี้มิใช่คนโง่เขลา เช่นนั้นเขาจะต้องมีแรงจูงใจที่น่าสนใจบางอย่างอย่างแน่นอน

“ไร้อำนาจอย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกซูถงจะมองพลาดเสียแล้ว บางทีอาจมีคนกำลังแสร้งเป็นหมูที่ถูกเสือจับกินก็เป็นได้”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยเบาๆ ก่อนจะปิดปากสนิท

ชิวอวี้เหลือบมองนาง บางทีนางอาจพูดถูก

พวกเขาเดินมาจนถึงตำหนักของฮ่องเต้อย่างคุ้นทาง

แต่ถ้าหากอยากเข้าไปข้างใน เช่นนั้นทหารองครักษ์จะต้องตรวจสอบสิ่งของทั้งหมดก่อน

แม้หลินเมิ้งหยาจะมีฐานะเป็นชายาอวี้ แต่ทหารองครักษ์กลับไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย แม้พวกเขาจะมิอาจแตะต้องตัวหลินเมิ้งหยาได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ตามนางในที่คอยรับใช้อยู่ภายในออกมาตรวจร่างกายของหลินเมิ้งหยาและป๋ายซู ก่อนจะอนุญาตให้ผ่านประตู

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาได้เข้ามายังตำหนักชิงกง

หากเอ่ยว่าตำหนักของฮองเฮาอึมครึมเข้มงวด ตำหนักของพระสนมเสียนเฟยงดงามหรูหรา เช่นนั้นคำว่าเรียบง่ายแต่น่าเกรงขามคงเป็นคำพรรณนาของตำหนักแห่งนี้

เพียงเดินเข้าไปภายในตำหนัก เตากำยานสามขาสีทองพลันปรากฏต่อหน้าหลินเมิ้งหยา

กลิ่นหอมสบายเตะเข้ามาในจมูกของหลินเมิ้งหยา

ระบบเซินหนงวิเคราะห์กลิ่นกำยานให้อัตโนมัติ แม้จะประกอบไปด้วยเครื่องหอมล้ำค่าหลากชนิด แต่อย่างไรก็ไร้ยาพิษ

เพียงนางในที่คอยอยู่ปรนนิบัติเห็นทั้งสาม พวกนางก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที

เห็นได้ชัดว่าพวกนางรู้จักมักคุ้นกับชิวอวี้เป็นอย่างดี

“ใต้เท้าชิวมาแล้วหรือเจ้าคะ กำยานที่ใช้ใกล้จะหมดเต็มที สมุนไพรสำหรับสรงน้ำเองก็เช่นเดียวกัน หากใต้เท้ายังไม่มา พวกหนู่ปี้ก็มิรู้ว่าต้องทำเช่นไรต่อไปเจ้าค่ะ”

คนที่อยู่ที่นี่ล้วนถูกกักบริเวณให้อยู่แต่เพียงภายในตำหนักแห่งนี้เพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้ฮ่องเต้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน

ฉะนั้นพวกนางจึงไม่รู้จักหลินเมิ้งหยา

พวกนางมองกล่องยาในมือของหลินเมิ้งหยาอย่างสงสัย ชิวอวี้จึงรีบเข้ามายืนข้างหน้า

พวกเขาใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัว

“นี่คือชายาอวี้ พระองค์จะมาถวายการตรวจชีพจรของฮ่องเต้ ทักษะทางการแพทย์ของพระชายาเก่งกาจยอดเยี่ยม วันนี้พระชายาจะร่วมกันวินิจฉัยพระอาการของฮ่องเต้ด้วยกันกับข้า ในเมื่อพวกเจ้ารู้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามารับใช้ใกล้ๆ หรอก”

ภายในตำหนัก ไม่ว่าขันทีหรือนางในล้วนเชื่อฟังชิวอวี้

ทั้งที่ยังแสดงสีหน้าท่าทางสงสัยอยู่เมื่อครู่ แต่ทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของชิวอวี้ พวกนางรีบเปลี่ยนท่าทางเป็นเคารพนับถือในทันที

หลินเมิ้งหยายิ่งรู้สึกประหลาดใจ ตกลงเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่?

ไม่นานก็มีคนยกเก้าอี้เข้ามาให้

หลินเมิ้งหยานั่งลงด้วยท่วงท่าสง่างามโดยไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย นางทำเพียงมองชิ้วอวี้ออกคำสั่งกับขันทีและนางใน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด