ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 12 บทที่ 354 กระสับกระส่าย

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 12 บทที่ 354 กระสับกระส่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานป๋ายจีและป๋ายซ่าวก็นำข่าวมาแจ้งหลินเมิ้งหยา

ชุดของพระสนมเต๋อเฟยเหล่านั้นมิเคยถูกนำออกมาใช้งานมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นฝั่งโรงครัวเองก็เป็นพยานได้ว่าพระสนมเต๋อเฟยไม่เคยเสวยรังนกเลือด เช่นนั้นรังนกเลือดที่หยุนลั่วกินได้มาจากที่ใด?

ทั้งชุดผ้าเนื้อละเอียด ทั้งรังนกเลือด ของเหล่านี้ไม่มีทางตกมาจากฟ้าหรอกกระมัง?

ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของหยุนลั่วเหมือนมิได้สนใจของเหล่านี้เท่าไรนัก

เหตุใดสาวใช้เล็กๆ เพียงคนเดียวจึงมีความคิดเช่นนี้?

นางปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ก่อนคำตอบหนึ่งจะปรากฏขึ้น

สมองของหลินเมิ้งหยาเริ่มปรากฏคำตอบลางๆ

เกรงว่าหยุนลั่วจะมิใช่เพียงสาวใช้ธรรมดาเสียแล้ว

ดูเหมือนสาเหตุที่พระสนมเต๋อเฟยตัวปลอมสร้างเรื่องราวต่างๆ มากมายคงเพราะได้รับการยุยงจากหยุนลั่ว

อีกทั้งฮองเฮายังอาศัยจังหวะที่นางเข้าวังกำจัดหยุนลั่วทิ้ง

ดูท่านางจะให้ความสำคัญกับหมากตัวนี้มาก

คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพลาดปลาตัวโตไปเสียแล้ว

“นายหญิง ท่านคิดว่าหยุนลั่วคนนี้มีสิ่งผิดปกติอันใดหรือเจ้าคะ?”

ป๋ายจีเป็นคนละเอียดรอบคอบ นายหญิงของนางไม่มีทางทำสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ตอนนี้นายหญิงกำลังสนใจสาวใช้คนนั้นมาก

หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้า

ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว สงสัยต่อไปแล้วจะได้อะไร?

ยิ่งไปกว่านั้น หากฮองเฮาคิดจะเก็บซ่อนนางเอาไว้ เช่นนั้นอย่าว่าแต่ตนเลย แม้แต่หลงเทียนอวี้เองก็คงหาไม่เจอ

“ไม่มีอะไร จริงสิ ป๋ายซูไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าได้ออกจากจวนโดยพลการ ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าตกอยู่ในอันตราย”

เมื่อพูดถึงป๋ายซู สาวใช้ทั้งสามพลันแสดงสีหน้าผิดหวัง

หลินเมิ้งหยากลับมีท่าทางเป็นปกติ ราวกับว่าป๋ายซูจากพวกนางไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น

อันที่จริงพวกสาวใช้ต่างอยากถามเรื่องป๋ายซู แต่ถึงกระนั้นก็ทำเพียงกลืนความสงสัยลงคอ

แม้จะมีปัญหามากมายที่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่หลินเมิ้งหยากลับเพ่งสมาธิไปกับการปรุงยา

ภายในตำหนักหลิวซิน หลังจากหลินเมิ้งหยารับประทานอาหารเช้าเสร็จ นางมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องทดลองชั่วคราว

สวมผ้ากันเปื้อนที่สั่งตัดมาเป็นพิเศษเพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหว หลินเมิ้งหยาในเวลานี้กลายเป็นพวกบ้าวิจัยอีกครั้ง

นับจำนวนยาร้อยกว่าชนิด แล้วเคลื่อนย้ายเข้าไปภายในห้อง

“วางลงเบาๆ อย่ารบกวนนายหญิงเป็นอันขาด”

ป๋ายจีเข้าไปเป็นผู้ช่วยหลินเมิ้งหยา ส่วนป๋ายซ่าวยืนอยู่หน้าประตูพลางออกคำสั่งขนย้ายยา

หลินเมิ้งหยาเขียนใบกำกับยาให้ป๋ายซ่าวเอาไว้แล้ว รายชื่อยาเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่นางต้องการใช้

งานยุ่งตลอดทั้งช่วงเช้า ขาของป๋ายซ่าวแทบไม่ได้แตะพื้น

เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แต่เมื่อนึกได้ว่านายหญิงต้องศึกษายาอย่างยากลำบากด้วยตนเอง นางจึงมิอาจปฏิเสธงานหนักตรงหน้าได้

แต่ถ้าหากนางรู้ว่าหลินเมิ้งหยามิได้ใช้ยาทั้งหมดที่ขนมา นางจะคิดว่าถูกนายหญิงกลั่นแกล้งหรือไม่

ตอนแรกป๋ายจีเองก็ไม่เข้าใจ เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาไม่แม้แต่จะแตะต้องยาบางชนิด

ต่อมา นางทำเพียงอยู่ข้างกายและรับฟังคำสั่งของหลินเมิ้งหยา

แม้ตำหนักหลิวซินจะมีการตรวจตรามิให้ผู้อื่นเข้ามา

แต่ขั้นตอนการขนยามิอาจปกปิดสายตาจากคนทั้งหมดได้

หลินเมิ้งหยาจึงใช้วิธีสับขาหลอก นอกจากป๋ายจีแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าหลินเมิ้งหยาใช้ยาชนิดใดบ้าง

“ยังหาไม่เจอหรือ? น่าแปลกเหลือเกิน ทั้งๆ ทีต้นจิ้งซินเหลียนมิได้หายากแต่อย่างใด”

หลินเมิ้งหยาตรวจสอบรายชื่อยา ก่อนจะบ่นพึมพำ

ต้นจิ้งซินเหลียนหาใช่สมุนไพรราคาแพง แต่ก็เป็นสมุนไพรปลูกยากในระดับหนึ่งซึ่งต้าจิ้นมิอาจปลูกได้

แม้แคว้นอื่นจะมีการซื้อขาย แต่ถึงกระนั้นต้นสมุนไพรที่นางต้องการจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม

จำเป็นต้องใช้ต้นสมุนไพรจิ้งซินเหลียนที่มีอายุสามปี จะขาดหรือเกินไม่ได้

นี่เป็นเรื่องยากสำหรับหลินเมิ้งหยา เหตุเพราะวิธีการจัดเก็บต้นจิ้งซินเหลียนค่อนข้างยุ่งยาก เกรงว่ากว่าต้นจิ้งซินเหลียนมาถึงก็มิอาจนำมาปรุงยาได้อีก

ตอนนี้กลุ่มสามสหายมีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งอาณาจักรต้าจิ้นล้วนอยู่ในกำมือของนาง ทว่าหากเป็นต่างแคว้นก็มิต่างอันใดจากกระดาษเปล่า

หรือนางจะต้องปรับสูตรยา?

หลินเมิ้งหยาลังเลเล็กน้อย เหตุเพราะหากไม่รีบรักษาอาการแล้วล่ะก็ เกรงว่าพระอาการประชวรของฮ่องเต้จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

แต่ถ้าหากไม่เปลี่ยน เช่นนั้นเวลาก็จะคลาดเคลื่อนอยู่ดี

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ร่างในชุดขาวพลันปรากฏที่หน้าประตูห้อง

ชิวอวี้ถือกล่องยาประจำตัวยืนมองเรือนเล็กแห่งนี้ด้วยความตกตะลึง

เขา…มาถูกที่ใช่หรือไม่?

กวาดสายตามองผนังทั้งสี่ทิศซึ่งรายล้อมไปด้วยตู้ยา กลิ่นยาฉุนกึกโชยมาเตะจมูก

“เจ้าช่างร่ำรวยเสียจริง นี่เจ้าจะใช้ยาทั้งหมดนี้เลยหรือ?”

นอกจากสายตาจะเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึงแล้ว ยังเจือไว้ซึ่งความละโมบ

เหมือนกับป๋ายหลี่รุ่ยไม่มีผิด! ชิวอวี้มีท่าทางคลั่งไคล้มิต่างอันใดจากท่านอาจารย์ของนาง

โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นยาล้ำค่าหายาก ดวงตาของเขาเปล่งประกาย อีกทั้งยังก้มๆ เงยๆ มองสำรวจไม่หยุด

“ไม่มีอะไรเสียหน่อย ที่นี่เป็นเพียงคลังยาส่วนตัวของข้าเท่านั้น”

แสร้งทำท่าทางมิใส่ใจ หลังจากหลินเมิ้งหยาอธิบายจบ ปากของชิวอวี้พลันอ้ากว้างใหญ่โตเสียยิ่งกว่ามหาสมุทร

สวรรค์โปรด หลงเทียนอวี้ร่ำรวยมากขนาดไหนกันนะ หลินเมิ้งหยาจึงมีคลังยาหายากเช่นนี้ได้

ทั่วทั้งเมืองหลวงเองก็พบเห็นได้ไม่มาก

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า น่าโมโหจริงเชียว”

ชิวอวี้ส่ายหน้า เขาวางกล่องยาลง ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นและเริ่มตรวจสอบยาตรงหน้า

“นี่เป็นเพียงยาส่วนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ข้าแบ่งยาออกเป็นสามส่วน หากเจ้าตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหา เช่นนั้นพวกเราจะเริ่มลงมือทันที”

หลินเมิ้งหยาไม่คิดปกปิดรายชื่อยาที่เขียนเอาไว้เต็มโต๊ะ

สิ่งเหล่านี้มิได้เขียนเพียงรายชื่อและปริมาณยา แต่ยังระบุคุณสมบัติของยาอีกด้วย

“ละเอียดยิ่งนัก ข้ารู้พระอาการของฮ่องเต้ดี เจ้าวางใจเถิด เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทดลองยาด้วยตัวเอง”

สายตาของชิวอวี้เคร่งขรึม การร่วมมือของพวกเขาหาใช่เพียงทำให้คนไข้คนหนึ่งหายดี

แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประโยชน์สุขของประชาราษฎร

“ท่านอ๋อง ใต้เท้าชิวมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้อยู่ในตำหนักของพระชายาหลายชั่วโมงแล้ว”

ด้านนอกตำหนักหลิวซิน พ่อบ้านเติ้งมองหลงเทียนอวี้ด้วยสายตาเคารพนับถือ

แม้จะรู้ว่าชิวอวี้มาที่นี่เพื่อรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ ทว่าสีหน้าของหลงเทียนอวี้กลับถมึงทึง พวกคนที่เดินเข้าออกตำหนักล้วนหวาดผวาเมื่อได้เห็นสีหน้าของเขา

“อืม ข้ารู้แล้ว”

หลงเทียนอวี้ซึ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีพยายามควบคุมตัวเอง

หัวใจพยายามร้องตะโกนเตือนตัวเอง…พวกเขาทำเพื่อรักษาอาการประชวรของเสด็จพ่อ ฉะนั้นจึงเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกัน

หากเขาเข้าไปในตำหนักหลิวซิน เช่นนั้นจะทำให้หลินเมิ้งหยาและชิวอวี้ทำงานลำบาก

แต่…เขาบังคับตัวเองให้ออกจากทางเข้าตำหนักหลิวซินไม่ได้

พวกคนรับใช้ที่เดินผ่านไปผ่านมาล้วนรู้สึกหวาดกลัวท่านอ๋องจนตัวสั่น

หลายครั้งที่พวกเขาเกือบทำยาที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้น

“เหตุใดประตูตำหนักหลิวซินจึงต้องปิดสนิทถึงเพียงนี้?”

คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน ราวกับว่าประตูบานนี้คืออุปสรรคที่เขาต้องการทำลาย

หลุดพึมพำออกมาโดยมิได้ตั้งใจ

“ทูลท่านอ๋อง พระชายากำชับเอาไว้เป็นพิเศษว่ายาที่ใช้ในการรักษาพระอาการประชวรของฮ่องเต้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นจะรั่วไหลออกไปมิได้พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านเติ้งอยากจะหัวเราะ แต่ทำได้เพียงกลั้นเอาไว้

นับตั้งแต่วันที่ท่านอ๋องก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และกลายเป็นเจ้านายที่เขาต้องรับใช้ พ่อบ้านแห่งจวนอ๋องแห่งนี้มิเคยเห็นท่านอ๋องกระสับกระส่ายเช่นนี้มาก่อน

เพราะเหตุนี้หลินขุยจึงอ้างว่าจะออกไปเตรียมของให้ท่านอ๋อง ฉะนั้นจึงไม่อยู่รับใช้ที่นี่ในวันนี้

ถกเถียงกันค่อนวัน เพิ่งจะรู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง

หากรู้แต่แรก เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หลินขุยหรอก

“โอ้? เหรอ? เจ้าพูดถูก ยาของเสด็จพ่อย่อมมีความสำคัญมาก เช่นนั้นข้าที่เป็นลูกควรจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเอง…เจ้าว่าใช่หรือไม่?”

ราวกับหาข้ออ้างให้ตัวเองเจอแล้วอย่างไรอย่างนั้น

คิ้วที่ขมวดเป็นปมของหลงเทียนอวี้คลายออก

สาวเท้าว่องไวราวกับกำลังวิ่ง ผลักประตูตำหนักหลิวซินเปิดออก

เพียงเดินเข้าไปภายใน คนที่กำลังทำงานพลันหยุดชะงักลง

หลุบตาต่ำ ไม่มีใครกล้าสบตาหลงเทียนอวี้ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองที่ยืนถลึงตาอยู่ด้านนอกสร้างภาพจำน่าหวาดกลัวต่อคนเหล่านี้มากขนาดไหน

“เฮ้อ พวกเจ้าทำต่อเถิด อย่าทำให้พระชายาต้องเสียเรื่อง”

ถอนหายใจเบาๆ หลงเทียนอวี้เก็บสายตาขึงขังของตนเอง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย

เขาเองก็ไม่ชินกับการถูกจ้องเช่นนี้

เหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักพยักหน้าลง แล้วรีบลงมือทำงานอย่างว่องไว

แม้ปกติท่านอ๋องจะมิใช่คนที่สามารถรับใช้ให้ถูกใจได้ง่ายๆ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากถึงขนาดนี้

พยายามรักษาฝีเท้าให้เบาที่สุด หลงเทียนอวี้เดินไปที่ห้องปรุงยาชั่วคราวของหลินเมิ้งหยา

ยังไม่ทันจะผ่านเข้าประตู กลิ่นยาฉุนกึกพลันลอยเข้ามาเตะจมูก

“ฮัดชิ่ว…”

อยู่ๆ ห้องที่เงียบงันพลันปรากฏเสียงจามของหลงเทียนอวี้

หลินเมิ้งหยาชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังชิวอวี้พลางมองหลงเทียนอวี้ด้วยสายตาตกตะลึง

“ท่านอ๋องเสด็จมาทำไมหรือเพคะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด