ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 12 บทที่ 355 ปัญหาของกองกำลังทหาร

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 12 บทที่ 355 ปัญหาของกองกำลังทหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อครู่หลินเมิ้งหยาและชิวอวี้กำลังปรึกษากันเรื่องส่วนประกอบยาชนิดหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองสุมหัวเข้าหากัน ร่างของหลงเทียนอวี้พลันปรากฏตัวด้านหน้าประตู

“ข้าก็แค่อยากมาดูว่าพวกเจ้ามีความคืบหน้าเช่นไรบ้าง”

สายตาของหลงเทียนอวี้ลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังเหลือบไปเห็นระยะห่างที่ดูใกล้ชิดของทั้งคู่ ความโกรธเกรี้ยวจึงพลุ่งพล่านขึ้นมา

หลินเมิ้งหยาหาใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เรื่องนี้ดูได้จากการวางตัวอย่างใกล้ชิดสนิทสนมของชิงหูและหลินจงอวี้เวลาอยู่ข้างกายนาง แต่ชิวอวี้เป็นถึงขุนนางในสำนักหมอหลวง เหตุใดเขาจะไม่รู้กฎระเบียบข้อนี้?

“งานของพวกเราราบรื่นดีเพคะ คาดว่าอีกไม่นานคงจะสามารถศึกษายาออกมาสำเร็จ ท่านอ๋องอย่าได้กังวลไปเลย หากเกิดสิ่งใดขึ้น หม่อมฉันจะกราบทูลพระองค์ก่อนเป็นคนแรก”

หลินเมิ้งหยาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเฉยชาประหนึ่งเครื่องจักร

นางเคยชินกับการแสดงออกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ขอเพียงนางเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ นางจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

ความรู้สึกเจ็บแปลบพลันแล่นพล่านที่หน้าอกของหลงเทียนอวี้

หวนนึกถึงภาพความอ่อนหวานน่ารักของนางสมัยก่อน หลังจากสร้างปฏิสัมพันธ์กับชิวอวี้เพียงไม่นาน นางแสดงท่าทีเย็นชากับเขาถึงเพียงนี้

ความโกรธที่มีต่อชิวอวี้จึงยิ่งทวีคูณ

แต่เพราะพวกเขากำลังปรุงยาของเสด็จพ่อ ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องอดทน

“อืม เช่นนั้นพวกเจ้าทำงานเถิด เปิ่นหวังไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”

น้ำเสียงของหลงเทียนอวี้เจือด้วยโทสะ แม้แต่ชิวอวี้ที่เป็นคนนอกยังอดที่จะเหลือบมองเขาไม่ได้

ทว่าหลินเมิ้งหยากลับก้มหน้าทำงานต่อราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

ชิวอวี้ทำได้เพียงแค่นหัวเราะขมขื่นในใจ คาดว่าอ๋องอวี้ที่เป็นคนรักแรงหึงแรงจะต้องเกลียดเขาเข้าไส้แล้วอย่างแน่นอน

เฮ้อ เหตุใดเขาจึงต้องเข้ามาอยู่ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ด้วยนะ?

เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองเอาไว้ ชิวอวี้จึงตัดสินใจรับภารกิจในการตักเตือนทั้งสอง

“เฮ้อ คือว่า…พระชายา เมื่อครู่เจ้าเย็นชาไปหน่อยหรือไม่?”

มองสายตาฉงนงงงวยของหลินเมิ้งหยา ชิวอวี้หัวเราะก่อนจะเอ่ยต่อ

“ข้าหมายถึง แม้พวกเราจะต้องทำงานแข่งกับเวลา แต่ถึงกระนั้นก็ควรมีเวลาคุยกันดีๆ ฉะนั้นข้าคิดว่าเจ้าลองไปอธิบายให้ท่านอ๋องเข้าใจดีหรือไม่ เขาจะได้ไม่เข้าใจผิด”

หลังจากได้ฟังคำพูดของชิวอวี้ หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดราวหนึ่งนาที ก่อนจะสลัดทิ้งไป

“มีอะไรต้องอธิบายหรือ? ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรุงยา”

เมื่อเห็นว่าการโน้มน้าวของตนเองไม่ได้ผล ชิวอวี้จึงส่ายหน้า

เขารู้แต่แรกแล้วว่าแม้หลงเทียนอวี้จะโดดเด่น แต่ถ้าหากเขาคิดจะใช้ชีวิตกับหลินเมิ้งหยาไปตลอดรอดฝั่งแล้วล่ะก็ เช่นนั้นพวกเขาทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากัน

หวังว่าการปรุงยาในคราวนี้จะทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งนี้

นับตั้งแต่วันที่หลินเมิ้งหยาปิดประตูตำหนักเพื่อศึกษายารักษาฮ่องเต้ บรรยากาศในจวนอ๋องพลันเริ่มอึมครึมอย่างน่าประหลาด

เรื่องประหลาดอย่างแรกคือท่านอ๋องมักจะทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา

หลังจากออกจากตำหนักหลิวซินด้วยความขุ่นเคืองคราวก่อน หลงเทียนอวี้มิได้เหยียบเข้าไปยังตำหนักหลิวซินอีก ทว่าทุกครั้งที่เข้าออกจวน ดวงตาคมกริบมักจะจ้องไปทางประตูตำหนักหลิวซินเขม็ง

อย่าว่าแต่คนในตำหนักหลิวซินเลย แม้แต่พวกบ่าวรับใช้ด้านนอกตำหนักเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“ท่านอ๋อง ตอนนี้ของทั้งหมดตระเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์จะไปตรวจสอบเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ภายในห้องอ่านหนังสือ หลินขุยเอ่ยถามหลงเทียนอวี้ซึ่งกำลังอ่านรายงานทางการทหาร

เขาเลิกคิ้วสูง ปกติงานตระเตรียมสิ่งของเป็นหน้าที่ของผู้หญิง แต่ตอนนี้ชายาของเขากำลังยุ่งอยู่กับงานที่ผู้ชายควรจะทำ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นงานที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอีกด้วย

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาพลันเคร่งขรึมลง

ไม่รู้ว่ากำลังไม่พอใจหลินเมิ้งหยาหรือตัวเองที่ไร้ความสามารถกันแน่

“เข้าใจแล้ว”

วางเอกสารลง หลงเทียนอวี้รู้ดีว่าตนมิอาจจมปลักกับเรื่องชายหญิงเช่นนี้ได้ทุกวัน

การเป็นผู้นำของกรมกลาโหมคือหน้าที่ที่เสด็จพ่อมอบหมายให้ก่อนพระองค์จะประชวร

แม้หลงชิงหานจะมีอุปนิสัยดื้อรั้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีพรสวรรค์ในการนำทัพ

ฉะนั้นเสด็จพ่อจึงวางพระทัย

หลังจากคนของไท่จื่อถูกกำจัดไปไม่น้อยในคราวที่แล้ว แม้ฉากหน้าไท่จื่อจะสงบเสงี่ยมขึ้นมาก แต่ฉากหลังเขากำลังรวบรวมกำลังพลโดยการร่วมมือกับพวกขุนนางชั้นสูงเพื่อโจมตีกลับ

การออกไปสำรวจพื้นที่เพาะปลูกในคราวนี้ดูเหมือนไท่จื่อต้องการมอบหมายงานสำคัญให้แก่เขา แต่ในความเป็นจริงไท่จื่อกำลังสร้างความยุ่งยากให้ต่างหาก

หากเขาไม่ไป ไท่จื่อจะใช้โอกาสนี้ในการทำลายชื่อเสียงโดยการกล่าวโทษว่าเขาไม่สนใจราษฎรและบางทีอาจสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีได้

หากเขาไป แม้ชิงหานจะมีความสามารถ แต่เพราะเขาปกปิดความสามารถของตนเอาไว้มาตลอดหลายปี ดังนั้นไท่จื่อจึงไม่คิดหวาดระแวงชิงหานเลยแม้แต่น้อย ทว่าหากเขาใช้งานชิงหาน เช่นนั้นสิ่งที่ชิงหานทำมาตลอดหลายปีก็จะสูญเปล่า

แต่เขาอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดหนึ่งถึงสองเดือนหรือมากที่สุดสามถึงห้าเดือนในการเดินทาง เช่นนั้นจะต้องมีหัวหน้าคนใหม่เข้ามาดูแลกรมกลาโหมแทนเขาอย่างแน่นอน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นคนของไท่จื่อ

แต่ต่อให้ไม่ใช่ เขาก็มั่นใจว่าคนคนนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับไท่จื่ออย่างแน่นอน

ผู้ช่วยของเขาถูกส่งตัวออกไปปฏิบัติงานนอกเมือง กว่าจะกลับมาอีกครั้งก็อีกครึ่งปี

กรมกลาโหมคือกองกำลังที่ดูแลกำลังทหารของต้าจิ้น

หากถูกไท่จื่อกุมอำนาจเอาไว้ได้แล้วล่ะก็ เขาไม่อยากจะนึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมา

อีกทั้งเรื่องนี้พวกขุนนางฝ่างกลางยังมิอาจยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้อีกด้วย

หากวันใดเสด็จพ่อสวรรคต ไท่จื่อก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ตามขนบธรรมเนียมประเพณี เมื่อถึงเวลานั้น พวกขุนนางก็จะหันไปสวามิภักดิ์กับฮ่องเต้พระองค์ใหม่

ฉะนั้นเขาต้องอาศัยช่วงเวลาที่มีจำกัดในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

“ท่านอ๋อง องค์ชายเจ็ดมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านนอกห้องอ่านหนังสือ เสียงพ่อบ้านเติ้งพลันดังขึ้นขัดความคิดหลงเทียนอวี้

จากนั้นร่างสูงโปร่งของหลงชิงหานในชุดสีฟ้าน้ำทะเลก็ปรากฏตัว มือของเขาถือพัดโบกไปมา ริมฝีปากหยักยิ้มกว้าง

หลงเทียนอวี้ครุ่นคิด เมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาและชิงหานยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น เด็กหนุ่มที่เคยเป็นคนขี้ขลาดในวันนั้นกลายเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งต้าจิ้น บางทีหมู่เฟยของเขาที่อยู่บนฟ้าอาจได้รับการปลอบโยน

นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้ว เห็นจะมีแต่น้องเจ็ดที่เขาสนิทสนมด้วยที่สุด

ขณะเดียวกัน ดวงตาของหลงเทียนอวี้ก็ปรากฏความอ่อนโยน

“มาแล้วหรือ นั่งเถิด”

หลงชิงหานตกตะลึงเล็กน้อย เขาจ้องพี่ชายตัวเองเขม็ง

สวรรค์โปรด เขาฟังผิดไปหรือไม่?

พี่สามที่มักขับไล่ไสส่งและขู่เข็ญเขาเสมอกลับกลายเป็นคนอ่อนโยนไปแล้ว

ความตื่นตะลึงเกิดเพียงชั่วครู่เท่านั้น

หากพระชายาของพี่สามคือคุณหนูใหญ่สกุลหลินคนนั้นก็มิใช่เรื่องแปลก บางทีพี่สามอาจเปลี่ยนไปทีละน้อยเพราะนาง

มองหาที่นั่งก่อนจะนั่งลง วันนี้หลงชิงหานมาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องกรมกลาโหม

เขาสัมผัสได้ว่าพี่สามกำลังเจอปัญหา ฉะนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อถามความเห็นจากเขา

“พี่สามเตรียมตัวออกเดินทางไปสำรวจพื้นที่เพาะปลูกเรียบร้อยแล้วหรือ?”

หลงชิงหานเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง แต่ก่อนเสด็จพ่อสอนพวกเขาว่าการเพาะปลูกเปรียบเสมือนหัวใจของแว่นแคว้น

ไท่จื่อจึงใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการส่งพี่สามออกไป

ยิ่งไปกว่านั้นยังวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้วว่าพี่สามไม่มีวันปฏิเสธได้

แต่เรื่องในกรมกลาโหม….

แอบกำมือแน่น เมื่อถึงเวลานั้น เขาเองก็ต้องเปิดเผยความสามารถของตัวเอง

“ข้าเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องกรมกลาโหมเอง”

คำพูดของหลงเทียนอวี้หยุดความคิดฟุ้งซ่านของหลงชิงหาน

“ท่านเองก็รู้ว่าไท่จื่อกำลังจ้องกรมกลาโหมตาเป็นมัน หากมิใช่เพราะเสด็จพ่อรู้เช่นเห็นชาติว่าเขาเป็นคนเช่นไร พระองค์ก็คงไม่มอบกรมกลาโหมให้ท่านเป็นผู้ดูแลหรอก”

หลงชิงหานกล่าวเสียงแข็งกร้าวบันดาลโทสะ กฎของราชสำนักระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้มีสิทธิในการดูแลส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรคือผู้ที่มีสายเลือดมังกร

การคานอำนาจของทั้งสองฝ่ายเปรียบเหมือนการแสดงความสามารถของทั้งสองฝ่ายออกมาอย่างเต็มที่

ฉะนั้นแม้เงินทองและอำนาจจะอยู่ในมือของไท่จื่อ แต่กำลังทหารอยู่ที่พี่สาม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสด็จพ่อจะประชวรกะทันหันเช่นนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่พระองค์ยังมอบหมายไม่เรียบร้อย

ดังนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันจึงวุ่นวายยิ่งนัก

“ข้าคัดเลือกคนที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะมาถึงเมืองหลวง ช่วงนี้เจ้าอย่าเพิ่งทำสิ่งใด แต่จงจับตามองพวกไท่จื่อให้ดีว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

คำพูดของหลงเทียนอวี้ทำให้สมองของหลงชิงหานปลอดโปร่งขึ้น

โบกสะบัดพัดกระดาษด้วยท่วงท่าคุณชายเจ้าสำราญอีกครั้ง

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สามจะต้องมีวิธีรับมือ แต่ช่วงนี้ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องไท่จื่อ เขาน่ะ…ช่วงนี้ชอบไปขลุกตัวอยู่ที่โรงเตี๊ยมจันทรา”

โรงเตี๊ยมจันทรา? หลงเทียนอวี้ครุ่นคิดก่อนจะจำได้ว่าหลงชิงหานเคยเอ่ยถึงที่นี่มาก่อน

เมื่อเทียบกับการนำทัพแล้ว ดูท่าหลงชิงหานจะเก่งเรื่องดื่มเหล้าเคล้านารีเสียมากกว่า

ส่วนโรงเตี๊ยมจันทราแห่งนั้น ได้ยินมาว่าหญิงสาวที่นั่นล้วนถนัดเรื่องดนตรี หมากรุกและวาดภาพ

แต่ที่น่าพิศวงยิ่งกว่าก็คือแม้แต่พวกแม่เล้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านคือใคร ชิงหานเคยเข้าไปเที่ยวเล่นสังเกตการณ์อยู่นานหลายเดือน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าของร้านลึกลับผู้นั้นคือใครกันแน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด