ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 13 บทที่ 374 วิญญาณใต้น้ำ
เก็บห่อผ้าเอาไว้ในวงแขน ใบหน้าของหลินเมิ้งหยาเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย
แม้วิธีการจะลำบากไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า
หากตำราเล่มนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ท่านแม่คงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเก็บซ่อนมันเอาไว้ใต้น้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น ตราประทับในชุดของท่านแม่ยังเป็นกุญแจไขหีบบนตัวเต่าอีกด้วย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าของที่อยู่ในห่อผ้าล้ำค่ามากขนาดไหน
บางทีนอกจากวิธีใช้ต้นจิ้งซินเหลียนแล้ว อาจจะยังมีงานที่ท่านแม่ยังทำไม่สำเร็จบันทึกไว้ก็เป็นได้
“ชู่ รีบซ่อนตัวเร็วเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะมีคนมาที่นี่”
ขณะที่หลินเมิ้งหยากำลังดีใจอยู่นั้น นางคิดไม่ถึงเลยว่าป๋ายจื่อจะยื่นมือเข้ามาปิดปากของตนเอง
ทั้งสองรีบเข้าไปหลบด้านหลังภูเขาจำลอง โชคดีที่ท้องฟ้ามีเพียงความมืด ฉะนั้นพวกนางจึงสามารถซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด
หลินเมิ้งหยาที่กำลังดีอกดีใจพลั้งเผลอสติไปชั่วคราว โชคดีที่ป๋ายจื่อมีสัญชาตญาณว่องไว
หันไปมองป๋ายจื่อที่กำลังคุกเข่าลอบมองทางด้านนอก หลินเมิ้งหยารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
การเติบโตของป๋ายจื่อเปรียบเสมือนการเติบโตของตัวนางเองเช่นเดียวกัน
หวังว่าในอนาคตพวกนางจะยังสามารถอยู่ข้างกายของนางและกลายเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง
ทั้งคู่สามารถมองเหตุการณ์ด้านหลังภูเขาปลอมได้จากมุมนี้ ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น ณ บริเวณขอบสระจุดที่นางลงน้ำ
หรือจะมีคนรู้เรื่องนี้?
หัวใจของหลินเมิ้งหยาบีบรัดแน่น แต่ไม่นานความคิดของนางก็ถูกปฏิเสธ เหตุเพราะหากถูกคนจับได้ เช่นนั้นพวกเขาควรจะลงมือตั้งแต่เมื่อครู่จึงจะถูก
หากพวกเขาโผล่ออกมาตอนนี้แล้วล่ะก็ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาบังเอิญเห็นนางตอนลงไปในน้ำ
เหตุเพราะความมืด หลินเมิ้งหยาจึงมองไม่เห็นใบหน้าของคนเหล่านั้น เฉกเช่นเดียวกับพวกเขา หากพวกเขาคิดจะกวาดสายตามองหาหลินเมิ้งหยา เช่นนั้นพวกเขาคงเห็นเพียงภาพเลือนรางไม่ชัดเจน
แสงจันทร์มิอาจส่องถึงหลังภูเขาจำลอง หลินเมิ้งหยาและป๋ายจื่อจึงทำได้เพียงพยายามเพ่งมองเพื่อจับตาการเคลื่อนไหวของพวกเขา
“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าของชิ้นนั้นอยู่ในสระแห่งนี้?”
หนึ่งในคนเหล่านั้นกระซิบถามเสียงเบา
“ฮูหยินพูดเอาไว้ขอรับ นางบอกว่าฮูหยินคนก่อนเคยกำชับนังคนรับใช้แพศยาว่าห้ามถมดินลงสระน้ำเป็นอันขาด ฉะนั้นข้าน้อยจึงคิดว่าสระน้ำแห่งนี้จะต้องมีของบางอย่างซ่อนอยู่”
ที่แท้ซ่างกวนชิงก็เกิดสงสัยเพราะการกลับมาของเถียนมามาและพี่เถียนหนิง
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็สบายใจ มุมปากจึงหยักยิ้มเล็กน้อย
เมื่อครู่นางไม่ได้ปิดผนึกโซ่ตรวนอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเต่าตัวนั้นจึงแสดงท่าทางเป็นมิตรกับนาง แต่มันจะต้องเป็นปัญหาของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
สมัยเด็กได้ยินเรื่องเล่าลือมาว่าเต่าโตเต็มวัยสามารถกัดคอคนจนขาดได้ เต่ามังกรตัวนั้นมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ซ้ำกระดองยังแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง คาดว่าจะต้องเป็นเต่าที่โตแล้วอย่างแน่นอน
ผลปรากฏว่าคนเหล่านั้นรีบร้อนกระโดดลงน้ำอย่างไม่รีรอ
ทว่ายังมีอีกสองคนยืนอยู่ริมขอบสระ คาดว่าตอนนี้ทั้งสองคงกำลังร้อนใจรอผลการค้นหาอยู่เป็นแน่
“เป็นยังไงบ้าง? หาสิ่งของมีค่าเจอหรือไม่?”
คนบนฝั่งส่งเสียงเร่งเร้าอย่างร้อนใจ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง
หลินเมิ้งหยารอดูช่วงเวลาแห่งความโชคร้ายมาเยือนพวกเขาด้วยความอดทน เต่ามังกรตัวนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่นางเองยังตกใจจนเข่าอ่อน
“ยังไม่…โอ้ย…นี่มันอะไรกัน! มีบางอย่างกำลังกัดขาข้า! ช่วยด้วย!”
จู่ๆ เสียงแผดร้องก็ดังขึ้นจากสระน้ำ
ป๋ายจื่อตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ โชคดีที่สถานการณ์บริเวณสระน้ำกำลังวุ่นวาย ฉะนั้นพวกเขาจึงมองไม่เห็นพวกนาง
“ร้องเอะอะมะเทิ่งทำไมกัน! ถ้าหาไม่เจอก็รีบขึ้นมา!”
คาดว่าอีกฝ่ายคงกลัวว่าจะทำให้คนในจวนตื่นตระหนก จึงรีบส่งเสียงเร่ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าขณะที่คนผู้นั้นพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากสระ อยู่ๆ ร่างของเขาก็จมดิ่งลงในน้ำและหายลับไป
คนในสระน้ำต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าเสมือนคนโง่ ก่อนที่พวกเขาจะรีบตะเกียกตะกายขึ้นจากสระน้ำเพราะกลัวว่าตนเองจะถูกดึงจมหายไปด้วย
“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
สายลมหวีดหวิว ร่างกายของพวกเขาสั่นเทิ้ม
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าสระน้ำชมทิวทัศน์ธรรมดาจะเกือบทำให้ตนเองเอาชีวิตไม่รอด
ป๋ายจื่อเองก็ถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้รู้สึกตื่นตระหนก นางยื่นมือไปคว้าแขนของหลินเมิ้งหยาแน่นเพราะนึกเสียใจภายหลัง
หากเมื่อครู่นายหญิงของนางโชคไม่ดีและกลายเป็นเหมือนคนคนนั้นแล้วล่ะก็…
ภาพเหล่านั้นน่ากลัวเกินไป นางไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการต่อ
“เกิดอะไรขึ้น? เขาหายไปไหน?”
คนที่ยืนอยู่ริมสระได้ยินเพียงเสียงร้องของคน แต่พวกเขามองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คนที่เหลืออ้าปากพะงาบๆ ทั้งยังอ้ำอึ้ง พวกเขายืนอยู่บนก้อนหินยักษ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าลงไปในสระน้ำอีกแล้ว
“ในน้ำ…ในน้ำมีผี!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะร้องตะโกนเช่นนี้ออกมา
ขณะเดียวกัน แสงจันทร์ถูกเมฆก้อนใหญ่กำบัง ผิวน้ำกลับมาสงบนิ่ง บรรยากาศวังเวงจับใจ
แม้หลินเมิ้งหยาจะมองเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัด แต่นางได้ยินเสียงกลืนน้ำลายลงคอของพวกเขาได้ชัดเจน
“มัน…เป็นไปได้อย่างไร? บนโลกนี้มีผีเสียที่ไหน! จะต้องเป็นเพราะพวกเจ้าไม่ทันระวังก็เลยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น!”
คนคนนั้นยังคงไม่ยอมตัดใจ เสียงแหบพร่าดังขึ้นจากลำคอ
ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมา พวกเขาพลันได้ยินเสียงร้องด้วยความหวาดผวา
“สวรรค์โปรด! ผี!”
กลางสระน้ำ อะไรบางอย่างรูปร่างคล้ายคนลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
หลินเมิ้งหยาได้กลิ่นคาวเลือดผสมปนเปกับกลิ่นของน้ำ
เอื้อมมือออกไปปิดตาของป๋ายจื่อเพื่อมิให้นางส่งเสียงร้อง อีกทั้งยังไม่อยากให้นางเห็นภาพต่อจากนี้
นั่นคือภาพของศพที่ถูกกัดแขนขาทั้งสี่จนเกือบขาดวิ่น
ขณะเดียวกัน ศพนั้นก็ลอยขึ้นกระเพื่อมอยู่เหนือน้ำมิจมลงไป คนที่มองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าล้วนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ข้า…ข้าได้ยินมาว่า…เมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณหนูใหญ่เองก็ถูกผีหลอกที่นี่!”
ไม่รู้ว่าเสียงสั่นเทิ้มของใครเป็นผู้บอกเล่าความลับของจวนแห่งนี้
เมฆสีดำเคลื่อนผ่านดวงจันทร์อย่างแช่มช้า แสงนวลพลันส่องกระทบลงบนศพที่อยู่บนผิวน้ำ หัวใจของพวกเขายิ่งสั่นระรัวเพราะความหวาดผวา
“หนี…หนีเร็วเข้า!”
เสียงแหบแห้งฟังยากดังขึ้น ก่อนที่คนเหล่านั้นจะรีบวิ่งโกยอ้าวหนีไป ราวกับว่าหากช้าอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาจะถูกผีเล่นงานให้ตายอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขารีบวิ่งจนลืมทิศลืมทาง บางคนเกือบจะล้มตรงหน้าสถานที่ซึ่งพวกนางกำลังซ่อนตัว
หลินเมิ้งหยาและป๋ายจื่อสบตากัน
โชคดีที่พวกเขากำลังหวาดผวา ฉะนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่ายังมีคนแอบแฝงตัวที่ด้านหลังภูเขาจำลอง
กระทั่งร่างของพวกเขาหายไปจนหมด หลินเมิ้งหยาและป๋ายจื่อจึงออกจากที่ซ่อนตัว
“นาย…นายหญิง บนโลกนี้มีผีจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
ป๋ายจื่อรู้สึกหวาดกลัว นางกระตุกแขนเสื้อของหลินเมิ้งหยาแรงๆ แม้นางจะไม่ได้เห็นภาพศพนั้น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาซึ่งเป็นชายร่างกำยำวิ่งหนีอุตลุดขนาดนั้นได้ ไม่ต้องคิดนางก็รู้ว่ามันคืออะไร
“มีที่ไหนกันเล่า? หากมีจริง ก็อาจจะเป็นผีในจิตใจของพวกเขาก็ได้ วางใจเถิด หากมีข้าอยู่ เจ้าจะไม่เป็นอะไร”
หลินเมิ้งหยากลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย นางหมุนตัวแล้วเดินไปที่สระน้ำ
เมื่อครู่นางลองไตร่ตรองดูแล้วว่าเพราะเหตุใดเต่าตัวนั้นจึงไม่กัดนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มันกลับมามีนิสัยดุร้ายดังเดิมแล้ว บางทีเหตุผลอาจมาจากตราประทับอันนั้น
บางทีท่านแม่หรือไม่ก็ปรมาจารย์สักท่านคงเป็นคนเลี้ยงเต่าตัวนี้ หากไม่ถือตราประทับกุญแจมาด้วย มันก็อาจจะกัดเอาได้
ตอนนี้นางยิ่งรู้สึกได้ว่าสิ่งของที่ท่านแม่ซ่อนเอาไว้จะต้องเป็นของมีค่าอย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ให้ดีที่สุด
แต่คนที่มาในวันนี้มาเพียงเพื่อหาสิ่งของมีค่าจริงๆ หรือ?
มองดูน้ำในสระ หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าสระน้ำแห่งนี้จะไร้ซึ่งความสงบสุขอีกต่อไป
นางซ่อนห่อผ้าเอาไว้ในวงแขนอย่างมิดชิด แม้คนรับใช้ในจวนจะเก่งกาจ แต่พวกเขามิกล้าเข้ามาค้นตัวนางอย่างแน่นอน
เท่านี้หลินเมิ้งหยาก็ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลแล้ว
กลับไปยังเรือนกับป๋ายจื่อ เหตุการณ์อันตรายในค่ำคืนนี้กินแรงของนางไปค่อนข้างมาก
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงหลับไปจนพระอาทิตย์แขวนอยู่บนท้องฟ้า
ป๋ายจื่อประคองนางลุกขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ยินข่าวที่ว่ามีคนรับใช้หลายคนไม่สบายและตายไปอย่างกะทันหัน
หมอประจำจวนบอกว่าการตายของพวกเขาแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เหตุเพราะมิใช่โรคระบาด ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ
ก็แค่ฆ่าคนปิดปากเท่านั้น คนพวกนี้ใจดำอำมหิตยิ่งนัก
“หรือพวกเขาจะเป็นพวกคนที่ลงไปในน้ำเมื่อคืนเจ้าคะ?”
ป๋ายจื่อจัดแต่งทรงผมให้หลินเมิ้งหยาใหม่ ก่อนจะกระซิบถามเสียงเบา
หลินเมิ้งหยาทำเพียงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูเหมือนพวกเขาจะมิได้มาเพียงเพื่อหาของมีค่า มิเช่นนั้น เหตุใดจะต้องกำจัดพวกเขาในคราวเดียวด้วยเล่า?
หากมิใช่เพราะพวกเขาโง่จนเกินไป นั่นก็หมายความว่ามิอาจปล่อยให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้ มิเช่นนั้น พวกเขาคงรอโอกาสให้หลินเมิ้งหยาและหลินหนานเซิงออกจากจวนแล้วค่อยกำจัดพวกเขา
“น้องสาว เจ้าได้ยินเรื่องในจวนแล้วหรือไม่?”
หลินหนานเซิงที่เพิ่งฝึกวิทยายุทธเสร็จสวมชุดสีขาว เส้นผมบนศีรษะถูกรวบขึ้นและประดับด้วยปิ่นไม้
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งอาการอ่อนล้า ดวงตาที่จ้องมองหลินเมิ้งหยาของเขาเปล่งประกาย
“เจ้าค่ะ ข้าต้องได้ยินอย่างแน่นอน พวกเขาเอะอะโวยวายกันทั้งเช้า สงสัยกลัวจะไม่มีใครได้ยิน”
Comments