ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 14 บทที่ 402 ความลับยามวิกาล

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 14 บทที่ 402 ความลับยามวิกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามขอรับเถ้าแก่ตงฟาง ข้าคิดว่าท่านรู้จักอาซิ่วดี แม้ข้าจะไม่รู้ว่าท่านกับพวกป๋ายหลงเจรจากันเช่นไร แต่พวกเขาจะต้องเพิ่มการป้องกันมากขึ้นอย่างแน่นอน บางทีอาจเคลื่อนย้ายอาซิ่วออกไปแล้วก็ได้ หากท่านบุ่มบ่ามออกไปตอนนี้ นอกจากจะไม่อาจช่วยเหลืออาซิ่วได้แล้ว ท่านอาจถูกพวกเขาจับได้ก็เป็นได้ เช่นนั้นใครจะคอยช่วยอาซิ่วเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นนางจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย”

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ตงฟางสวีเริ่มสงบสติอารมณ์

ตงฟางสวีมิใช่คนประมาทในการใช้ชีวิตบนถนนสายนี้

แต่เพราะความกังวลจึงทำให้จิตใจว้าวุ่น ยิ่งไปกว่านั้นตงฟางสวียังรู้ดีว่าพวกป๋ายหลงหาใช่คนจิตใจดีอะไร ดังนั้นเขาจึงวิตกกังวลเช่นนี้

ครุ่นคิด หลินเมิ้งหยาเข้าใจจิตใจของตงฟางสวีดี

ทรุดตัวลงนั่ง ตอนนี้จิตใจของเขาคงร้อนรนเกินบรรยาย

ทั้งสามนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลินเมิ้งหยาจึงลุกขึ้นแล้วหยิบธนบัตรร้อยตำลึงหนึ่งใบออกมา

การออกเดินทางคราวนี้นางนำเงินติดตัวมาเพียงไม่กี่พันตำลึงเท่านั้น แต่เพราะมีหลงเทียนอวี้อยู่ ฉะนั้นนางจึงกล้าแสดงน้ำใจออกมา

“เถ้าแก่ตงฟาง แม้เงินจำนวนนี้จะไม่มาก แต่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าดูแลอาฝูให้ดี เขาเป็นสหายของข้า เขาอาจสร้างปัญหาให้ท่านมากมาย รอข้ากลับมาจากการเดินทาง ข้าจะมารับตัวเขาไป”

ตงฟางสวีจะกล้ารับได้อย่างไร เพียงแค่หลินเมิ้งหยานำข่าวของอาซิ่วมาแจ้ง นางก็กลายเป็นผู้มีพระคุณของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขารับอาฝูมาเพราะความใจอ่อน

“ไม่ได้ น้องชายมีบุญคุณต่อข้า ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเจ้าเลยแม้แต่น้อย อาฝูคือลูกน้องของข้า หากข้ายังอยู่จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน!”

หลินเมิ้งหยาวางเงินลงตรงหน้าตงฟางสวีก่อนจะเอ่ย

“แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่พวกเราเพิ่งพูดว่าจะทำการซื้อขายกันที่ด้านล่างนั่น เช่นนั้นได้โปรดรับไว้เพื่อปิดหูปิดตาผู้อื่นเถิด ผู้น้อยขอบังอาจเอ่ยอะไรสักเล็กน้อย อาซิ่วเปรียบเสมือนอัญมณีล้ำค่าของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมียาพิษร้ายแรงของเมืองเลี่ยหยุนติดตัวอยู่”

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของตงฟางสวีเคร่งขรึมลงไป

เงาดำใต้แสงไฟเองก็มีเหตุผลเช่นนี้ แม้จะเป็นการยากที่จะต่อกรกับสี่มือด้วยสองหมัด แต่ถ้าหากคนเมืองเลี่ยหยุนถูกบีบเค้นมากจนเกินไป เช่นนั้นยาพิษและแมลงมีพิษทั้งหมดจะแผ่กระจายภายในรัศมีครึ่งลี้

ต่อให้อีกฝ่ายมีวิทยายุทธ์เก่งกล้ามากมายสักเพียงไหน แต่พวกเขาก็สามารถรับมือได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มีวิทยายุทธ์เล็กน้อยไม่มีทางทำการค้ามนุษย์อย่างแน่นอน

พูดตามหลักความเป็นจริง แม้แต่หลงเทียนอวี้หรือชิงหูยังต้องรู้สึกกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชาวเมืองเลี่ยหยุนที่ร่างกายเต็มไปด้วยยาพิษ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดซินหลีจึงกล้าวิ่งโร่เข้ามาปะทะกับนางซึ่งหน้า

เหตุเพราะความโกรธของเขาต้องการแผดเผาทุกสิ่ง

ทว่าคนเมืองเลี่ยหยุนเหล่านี้รู้คุณค่าของพิษในร่างกายของตัวเองดี ทันทีที่พิษถูกแพร่กระจาย นั่นเท่ากับชีวิตหนึ่งต้องจบลง

ฉะนั้น คนเมืองเลี่ยหยุนจึงไม่ยอมคบค้าสมาคมกับคนนอกง่ายๆ

น้อยนักที่จะได้เจอเด็กน่ารักอย่างเสี่ยวอวี้

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพูดถูก หากไม่มีคนสอดแนม เช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านได้เช่นไร อีกเดี๋ยวข้าจะลองส่งคนออกตรวจสอบดู ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมากที่ช่วยเหลือ จากนี้ไปหากได้พบเจอกันบนถนนสายนี้หรือไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ขอเพียงพวกเจ้าต้องการ ข้าพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”

ตงฟางสวีเอ่ยคำมั่นด้วยความหนักแน่น หลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้ก้มหน้าลงน้อมรับ

เวลาไม่คอยท่าแล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับ

เซียวยี่รออยู่นานแล้ว หลังจากช่วยพวกเขาเปิดประตู เขาทำเพียงเอ่ยให้ทั้งสองระมัดระวังตัว

ท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆ ลาลับไป แสงประกายของอรุณรุ่งเผยขึ้นมาแทนที่

หลินเมิ้งหยาหรี่ตา ก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อย

หลังจากยุ่งวุ่นวายตลอดคืน อย่างน้อยก็เกิดผลลัพธ์ที่ดี

ชำเลืองมองหลงเทียนอวี้ หลังจากออกจากโรงเตี๊ยมจิ่นฝู สีหน้าของเขาดูไม่แช่มชื่นนัก

ตอนนี้บริเวณรอบๆ ไม่มีใคร หลินเมิ้งหยาจึงนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนมีความผิดติดตัว

ทำอย่างไรดี? หากหลงเทียนอวี้รู้เป้าหมายที่แท้จริงของนาง เขาจะจับนางกลับจวนหรือไม่?

ดวงตากลมโตกลิ้งกลอกไปมา สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก

ยื่นมือเข้าไปกอดแขนของเขาแน่น ก่อนจะเบะปากท่าทางรู้สึกผิด

“หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ แต่พระองค์ก็ไม่ควรขังหม่อมฉันเอาไว้ในจวนนี่ อีกอย่างหม่อมฉันไปเมืองหลินเทียนเพื่อนำยามาถวายการรักษาเสด็จพ่อของพระองค์”

ส่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวานราวกับแมวก็มิปาน

ในที่สุดหลงเทียนอวี้ก็ดึงสติกลับมามองหญิงสาวข้างกาย ความโกรธในหัวใจจางหายไปแล้ว

ใครจะทนเห็นหญิงสาวน่ารักคนนี้ผิดหวังได้?

แอบถอนหายใจในใจ นับวันเขายิ่งไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไร อันที่จริงเขาอยากจะขังนางเอาไว้แต่ในจวน ไม่ยอมให้อันตรายใดๆ เข้ามาย่างกราย

แต่สุดท้ายก็ขังนางเอาไว้ไม่ได้ อีกอย่าง…หากเขาเห็นนางเสียใจ หัวใจของเขาก็จะเจ็บปวดตามไปด้วย

นี่เขาป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่?

“ข้ารู้ ข้าไม่ได้ว่าเจ้า เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้เถิด จริงสิ ตกลงเจ้ากับเซียวยี่เป็นอะไรกัน? ดูเหมือนเขารู้สึกผิดต่อเจ้ามาก”

เอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาเคยได้ยินชื่อเซียวยี่มาก่อน

ตอนนั้นนอกจากพวกองค์ชายแล้ว คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ล้วนสนใจคุณชายจากตระกูลใหญ่บางตระกูลมากเป็นพิเศษ

กล่าวขานกันว่าคุณชายยอดนักบู๊คือหลินหนานเซิงแห่งสกุลหลิน เขาคือผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ฝีมือไร้เทียมทาน ผ่านทะเลเลือดและเปลวเพลิงมานับไม่ถ้วน

ส่วนอีกชื่อหนึ่งคือคุณชายยอดนักบุ๋นเซียวยี่

ได้ยินมาว่าเขารู้จักตัวอักษรตั้งแต่ตอนหนึ่งขวบปี ครั้นสามขวบก็สามารถท่องตำราได้ เมื่ออายุครบแปดปีเขากลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกขนานนามว่าเป็นสุภาพบุรุษหาตัวจับยาก

เขาปฏิบัติกับคนทุกผู้ด้วยความนอบน้อมถ่อมตน กอปรกับใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตร เขาจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกของพวกคุณหนูในเมือง

สกุลหลินและสกุลเซียวเป็นมิตรสหายกันมาแต่ช้านาน แม้เซียวยี่จะมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ แค่ถึงกระนั้นหลงเทียนอวี้ก็ยังอดหวาดระแวงไม่ได้

“อันที่จริงหม่อมฉันก็มิได้ใจดีขนาดนั้น”

หลังจากทำภารกิจเสร็จ หลินเมิ้งหยารู้สึกปลอดโปร่งกว่าเดิมมาก

สาวเท้าเร็วๆ ภายในตำบลเล็กๆ แห่งนี้ ก่อนจะตอบสิ่งที่หลงเทียนอวี้กำลังสงสัย

“พระองค์เองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของสกุลหลินและเซียวสนิทแนบแน่นเป็นอย่างมาก ตอนนั้นท่านพ่อขอร้องท่านลุงเซียวให้เซียวยี่แต่งงานกับหม่อมฉันเพื่อที่หม่อมฉันจะได้มีชีวิตสงบสุข พระองค์รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกผิดกับหม่อมฉันถึงเพียงนี้? นั่นก็เพราะตอนนั้นหม่อมฉันเป็นเพียงเด็กสาวสติฟั่นเฟือน เขาจึงหนีการแต่งงานไป”

มองดูท่าทางไม่ใส่ใจของนาง หลงเทียนอวี้รู้สึกปวดใจเล็กน้อย

ตอนแรกเขาเองก็เป็นเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เห็นกับตาว่านางกินยาพิษเข้าไป

อยู่ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจตกลงไปในหุบเหว มือหนายื่นเข้าไปกุมมือมือเล็กของนางแน่นอย่างไม่รู้ตัว หากตอนนั้นนางไม่รอดชีวิตกลับมา นางทีวันนี้เขาอาจจะยังเป็นอ๋องอวี้ผู้เย็นชาคนนั้น

รู้สึกหวาดกลัวกับความคิดเช่นนั้นเล็กน้อย เขากลัวเหลือเกินว่านางจะไปจากเขา

“แต่วันนี้หม่อมฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้นหม่อมฉันจึงอยากทำให้เขาเสียดาย!”

หลินเมิ้งหยาเงยหน้าฉีกยิ้มซุกซนให้กับเขา

ตอนนี้นางมองเด็กสาวสติฟั่นเฟือนคนนั้นเป็นเสมือนน้องสาวของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น นางที่ได้เห็นความทรงจำที่ผ่านมาของเด็กคนนี้ นางยิ่งรู้สึกว่าพวกคนที่เคยกลั่นแกล้งรังแกนางมาก่อนช่างโหดร้ายยิ่งนัก

หลินเมิ้งหยาคนก่อนอาจไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ แต่นางในตอนนี้จะโจมตีคนที่เคยทำร้ายนางให้หมด

แม้เซียวยี่จะทุกข์ทรมาน แต่คนที่หนีการแต่งงานโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็มิต่างอันใดจากคนไร้ความรับผิดชอบ

บางทีเซียวยี่อาจคิดว่าเด็กคนนั้นไม่เข้าใจกระทั่งคำว่าหนีการแต่งงาน แต่เขาไม่รู้เลยว่าความเห็นแก่ตัวคือบ่อเกิดของความรู้สึกอยากทำลายของหลินเมิ้งหยา

หากเซียวยี่ไม่หนีการแต่งงาน นางก็คงไม่ถูกจับยัดเข้าไปในเกี้ยวเจ้าสาว

อย่างน้อยเซียวยี่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ทำได้ดีมาก”

มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน หลงเทียนอวี้รู้สึกว่าการแก้แค้นของนางช่างน่ารักเหลือเกิน

สบตากันพลางส่งยิ้มน้อยๆ หลินเมิ้งหยาที่ได้รับคำชมฉีกยิ้มกว้าง

หันหน้าไปก่อนจะพบว่าโรงเตี๊ยมอยู่ด้านหน้า อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หยุดฝีเท้า เงยหน้ามองหลงเทียนอวี้ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ความรู้สึกลำบากใจฉายชัดอยู่ในแววตา

“เป็นอะไรไป?”

หลงเทียนอวี้มองนาง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“หม่อมฉันออกมาข้างนอกเพียงลำพัง หากหม่อมฉันพาพระองค์เข้าไปในตอนนี้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะอธิบายให้ท่านกัวฟังว่าอย่างไร?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกถึงกระดาษแผ่นเล็กๆ นั้นได้

เบิกตากว้างจ้องหลงเทียนอวี้ ก่อนจะถามหยั่งเชิง

“พระองค์ตีหัวหม่อมฉันใช่ไหม! เหตุใดพระองค์จึงใช้ก้อนหินเขวี้ยงใส่หัวหม่อมฉันเล่า!”

หลินเมิ้งหยาหยิกแขนหลงเทียนอวี้หนึ่งที แต่กลับไร้ผลใดๆ

ใครบอกให้เขาไม่มีแม้แต่ไขมันกัน? ทว่าหลงเทียนอวี้กลับมองนางด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย

“ตีเจ้า? ข้าตีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ตีที่ไหนกัน? เจ็บหรือไม่?”

หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยสายตางุนงง หรือคนคนนั้นจะมิใช่หลงเทียนอวี้?

ครุ่นคิด อาจจะไม่ใช่หลงเทียนอวี้จริงๆ หากเป็นเขา เขาอาจจะจับตัวตงฟางสวีมาวางลงตรงหน้านางก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้น ลายมือบนแผ่นกระดาษก็ไม่ใช่ลายมือของหลงเทียนอวี้

ดังนั้นจึงเล่าเรื่องกระดาษใบนั้นให้หลงเทียนอวี้ฟัง ทั้งสองจึงเริ่มครุ่นคิดเรื่องนี้

หรือในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีคนสอดแนมหลินเมิ้งหยา?

นานกว่าหลงเทียนอวี้จะลูบท้ายทอยของนาง จากนั้นเอ่ยปลอบโยน

“หากข้ายังอยู่ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อย่างแน่นอน เข้าไปเถิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด