ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 2 บทที่ 48 จิตใจชั่วร้าย

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 2 บทที่ 48 จิตใจชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    เด็กทั้งสองเอ่ยชมช่างแกะสลักไม่หยุดปาก

    กลับกันกับป๋ายจี หลังจากจ้องมองอย่างละเอียดแล้ว นางพบว่านายหญิงกำลังมีท่าทีไม่สบอารมณ์

    นางเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยกชาเต็มแก้วให้กับนายหญิง

    “นายหญิง ท่านไม่ชอบพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาส่งมาให้หรือเจ้าคะ?” หลินเมิ้งหยาเงยหน้ามองดูป๋ายจี ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้า

    “ไม่ชอบ? ของที่ฮองเฮาส่งมาให้จะมีใครไม่ชอบบ้างเล่า?”

    สาวใช้ทั้งสองยังมิใช่คนสนิทของนาง ดังนั้นเรื่องบางเรื่อง ยิ่งมีคนรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย

    “นั่นสิเจ้าคะ หนู่ปี้1เองก็เพิ่งจะเคยเห็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่สวยงามขนาดนี้เป็นครั้งแรก” สุดท้ายป๋ายจีก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น นางรู้สึกว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นเปรียบเสมือนของรักที่ส่งมาจากสวรรค์

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ นางยังคงเดาไม่ออกว่าตกลงแล้วเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่กันแน่

    หลังจากเอะอะอยู่ครึ่งคืน สุดท้ายหลินจงอวี้ก็เดินเข้ามาดูด้วยเช่นกัน เจ้าแม่กวนอิมถูกล็อกเอาไว้ในกล่องไม้ จากนั้นวางไว้ภายในห้องของหลินเมิ้งหยา

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดทั้งคืนแต่คิดไม่ออก เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางอยากมองดูเจ้าแม่กวนอิมอีกครั้ง

    “เอ๋?” เมื่อเปิดกล่องออก นางกลับพบว่าเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ภายในแหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้ว!

    แต่เมื่อคืนนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น!

    “พระชายา จิ่นเยว่ขอเข้าเฝ้า”

    อยู่ๆ เสียงของน้าจิ่นเยว่ก็ดังขึ้น หลินเมิ้งหยารีบเชิญนางเข้ามา

    “พระชายา หนู่ปี้เพิ่งนึกออกเรื่องหนึ่งเพคะ เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้!”

    เมื่อเข้ามาในห้อง จิ่นเยว่มองหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาร้อนรน ทว่ากลับได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแทน

    “หากท่านน้าพูดเร็วกว่านี้ ข้าคงไม่มีทางรับเอาไว้ ตอนนี้…”

    นางชี้ไปทางกล่องที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อย ยิ้มแหยๆ

    “ไอ้หยา! คือเจ้านี่จริงๆ ด้วย! หนู่ปี้ผิดเองเจ้าค่ะ หนู่ปี้ประมาทมากเกิน!”

    จิ่นเยว่เอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ

    “ท่านน้า ของสิ่งนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร? เมื่อคืนแม้แต่เสียงขยับเพียงเล็กน้อยข้าก็ไม่ได้ยิน”

    แปลกจริงเชียว ของชิ้นนี้แหลกละเอียดเป็นผุยผงถึงขนาดนี้ แต่เพราะเหตุใดนางจึงไม่รู้สึกอะไรเลยเล่า?

    “ของชิ้นนี้คือทรายชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับเผาขึ้นรูป แต่กลับคงรูปลักษณ์ได้ไม่นาน ปกติหลังจากที่เผาขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาไม่เกินเจ็ดวันของชิ้นนี้จะแหลกสลายไปเอง แต่ถึงกระนั้นมันกลับกลายเป็นอาวุธในการทำร้ายผู้อื่นได้เป็นอย่างดี”

    ยิ่งพูด ฟันก็ยิ่งขบเข้าหากันแน่น

    ตอนแรกเพ่ยเจี้ยที่ตามเข้าวังมีทั้งหมดสี่คน แต่เมื่อเข้ามาได้ไม่นานก็ถูกฮองเฮาวางแผนทำร้าย สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกส่งไปอยู่ในยมโลก

    ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังคงงงงวยว่าเหตุใดสิ่งของที่เคยปกติดีทุกอย่างจึงเปลี่ยนเป็นแหลกสลายเช่นนี้

    ต่อมาจึงได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าทรายหมิงซา

    มาวันนี้กลับกลายเป็นพระชายาที่ถูกปองร้าย

    “โลกใบนี้มีของพรรค์นี้ด้วยหรือ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดฮองเฮาจึงนำของชิ้นนี้มาทำร้ายข้ากัน?”

    จิ่นเยว่เหลือบมองหลินเมิ้งหยา นัยน์ตาสะท้อนความร้อนรนและเสียดาย

    “อีกครึ่งเดือนจะเป็นวันเกิดของพระสนมเต๋อเฟย หากอิงจากตามธรรมเนียม แม้เหนียงเหนียงจะอยู่อาศัยที่จวนแห่งนี้ ทว่าฮองเฮาอาจเสแสร้งให้ความสำคัญและเสด็จมายังจวนแห่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้น…”

    เมื่อถึงเวลานั้น หากรู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมแหลกละเอียดไปแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงการลบหลู่ฮองเฮา แต่ยังเป็นการดูหมิ่นพระโพธิสัตว์อีกด้วย

    บางทีอาจทำให้หลงเทียนอวี้และพระสนมเต๋อเฟยต้องลำบาก

    หลินเมิ้งหยาสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด กลอุบายอันแสนเลวทราม จิตใจหยาบช้าเกินคน!

    “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ หากท่านน้าไม่บอกข้า ข้าก็คงยังไม่เข้าใจ”

    หลินเมิ้งหยามิได้แสดงท่าทีกระวนกระวาย แต่นางกลับสงบนิ่งและพยายามครุ่นคิดหาทางออก

    เจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานมาให้จะต้องมีลักษณะพิเศษโดดเด่นอะไรบางอย่าง เพื่อป้องกันมิให้นางนำของสิ่งอื่นมาแอบอ้างได้

    โชคดีที่เมื่อคืนสาวใช้ทั้งสามของนางและหลินจงอวี้จ้องมองมันอยู่นาน บางทีพวกเขาอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้

    “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?”

    พาทั้งสี่เข้ามายังห้องชั้นในของหลินเมิ้งหยา นางปิดประตู คิ้วขมวดเข้าหากัน สายตาจับจ้องคนทั้งสี่

    “มีปัญหาเกิดขึ้นกับพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ข้าต้องการถามพวกเจ้าว่าพวกเจ้ายังจดจำกลักษณะของเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นได้หรือไม่?”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทั้งสี่คนชะงักงัน

    สวรรค์โปรด นั่นคือพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานให้!

    “หนู่ปี้จำได้เจ้าค่ะ พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นสวยงามมาก สีของลำตัวใหม่เอี่ยม มิเหมือนกับพระพุทธรูปของพระโพธิสัตว์ในวิหารเลยเจ้าค่ะ!”

    คำพูดของป๋ายจื่อยิ่งทำให้หลินเมิ้งหยาแทบทรุด

    นี่มัน…น่าจะไม่ใช่รายละเอียดมิใช่หรือ?

    ทั้งสี่เริ่มถกเถียงกันถึงลักษณะของพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม ทว่าคิ้วของหลินเมิ้งหยากลับขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้ายิ่งไม่น่ามอง

    เพราะเหตุนี้กงกงคนนั้นจึงพยายามให้นางตรวจสอบเจ้าแม่กวนอิมก่อนจะรับมา

    เมื่อวันนั้นมาถึง หากฮองเฮาเค้นถามขึ้นมา นางเองก็ยากที่ปฏิเสธ

    แล้วทีนี้จะทำเช่นไร?

    “นายหญิง ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?” ป๋ายจีเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง นับตั้งแต่ตอนที่ได้รับเจ้าแม่กวนอิมมาจนกระทั่งตอนนี้ คิ้วของนายหญิงยังมิคลายออกจากกันเลย

    ตอนนี้ยังเรียกพวกนางมาอีก แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องมิชอบมาพากลขึ้นอย่างแน่นอน

    เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หลินเมิ้งหยาจะส่งเสียงอ่อน

    “พวกเจ้าไปดูสิ ตอนนี้เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นแหลกละเอียดไปแล้ว”

    ทั้งสี่ตกตะลึง ก่อนจะรีบเปิดกล่องออกดู ผลปรากฏว่าเจ้าแม่กวนอิมที่เคยสวยงามกลับกลายเป็นผุยผงภายในกล่องที่ถูกวางอยู่นิ่งๆ

    แววตาของหลินเมิ้งหยาสะท้อนความมุ่งมั่นในการตามหาความจริง เรื่องในคราวนี้นับเป็นบททดสอบหนึ่งของนาง

    หากภายในตำหนักของตนเองมีคนของฮองเฮาแฝงตัวอยู่แล้วละก็ คราวนี้คงสามารถลากตัวออกมาได้อย่างแน่นอน

    “เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ พี่สาวพระชายา นี่เป็นฝีมือใครทำกันขอรับ?”

    หลินจงอวี้จ้องมองเศษผงเหล่านั้นอย่างละเอียด ใบหน้าเรียวเล็กชะงักค้าง

    แม้เขาจะเข้ามาอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้ไม่นาน แต่เขามักเห็นพี่สาวของตนเองทำอะไรด้วยความระมัดระวังเสมอ แต่ถึงกระนั้นก็ยังถูกทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน

    มาวันนี้ต้องเจอเข้ากับปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข ตกลงว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันแน่?

    “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่จากนี้อีกครึ่งเดือน ฮองเฮาเหนียงเหนียงอาจจะเสด็จมาที่นี่ ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคงไม่อาจเอาตัวรอดได้อีกแล้ว”

    หลินเมิ้งหยาตอบคำถามอย่างอ่อนแรง

    ทั้งสี่คนตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ

    หลินจงอวี้ครุ่นคิด อยู่ๆ ก็วิ่งไปตรงหน้าโต๊ะของหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาวาดภาพ

    “เสี่ยวอวี้ เจ้า…”

    “พี่สาวอย่าเพิ่งตื่นตระหนก แม้เสี่ยวอวี้จะไร้ความสามารถ แต่ข้าจดจำเจ้าของสิ่งนี้ได้มิมีทางลืม หากข้าวาดมันออกมาเสร็จแล้ว พี่สาวหาช่างมาแกะสลักมันก็พอ”

    คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวอวี้จะมีความสามารถเช่นนี้ หลินเมิ้งหยาอึ้งไปเล็กน้อย

    เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!

    “นายหญิง แม้หนู่ปี้จะไม่มีความสามารถดั่งเช่นนายน้อยอวี้ แต่หนู่ปี้มีความสามารถในการแกะสลักตั้งแต่เด็ก เมื่อวานหนู่ปี้เองก็ได้มองพระพุทธรูปองค์นั้นอย่างละเอียดแล้ว หากให้เวลาหนู่ปี้สักสามวัน หนู่ปี้จะทำมันขึ้นมาได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

    ป๋ายจีเองก็เสนอตัวเข้าช่วย หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักของนางจะมีคนมากความสามารถเช่นนี้

    นางพยักหน้าลง ออกคำสั่ง

    “ป๋ายจื่อ ป๋ายซ่าว สองสามวันต่อจากนี้พวกเจ้าทั้งสองต้องให้ความช่วยเหลือป๋ายจีอย่างสุดความสามารถ ห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนนางและห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ป๋ายซ่าว ข้ามอบหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้ว”

    ป๋ายซ่าวรีบรับคำด้วยความจงรักภักดี

    “นายหญิงได้โปรดวางใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะมิได้ย่ำกรายเข้าไปในห้องของป๋ายจีเจ้าค่ะ”

    นางพยักหน้า เรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่คงต้องฝากความหวังไว้ที่พวกเขาแล้ว

    ขณะเดียวกัน จิ่นเยว่และพระสนมเต๋อเฟยที่อยู่ภายในพระตำหนักหยาเสวียนเองก็ไม่อาจทำอะไรเช่นกัน

    “เฮ้อ เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดจึงไม่รู้จักระมัดระวังตัวกันนะ คิดหรือว่าจะรับมือกับแผนร้ายของฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ง่ายๆ?”

    สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเผยให้เห็นความโศกเศร้าเล็กน้อย

    นางถูกบีบออกจากวัง แต่ฮองเฮากลับไม่คิดจะปล่อยนางไป ตอนนี้จึงพุ่งเป้ามาปองร้ายหยาเอ๋อร์แทน

    แม้เด็กคนนั้นจะเก่งมากสักเพียงไหน แต่ก็คงมิวายตกหลุมพราง

    แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?

    “พระชายายังเด็กเพคะ ไม่มีทางล่วงรู้ถึงแผนการร้ายเหล่านั้น พระสนมลองให้คำชี้แนะแก่พระชายาสักครั้งเถิดเพคะ หนู่ปี้คิดว่าการลงมือของฮองเฮาในคราวนี้ จุดประสงค์คงมิใช่เพียงพระชายาพระองค์เดียวแน่นอน!”

    จิ่นเยว่จ้องพระสนมเต๋อเฟยเขม็ง ต้องโทษนางที่อายุมากแล้ว ความจำจึงไม่ดี

    ทรายหมิงซาทำร้ายคนมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นก็หาได้ยากยิ่ง

    คิดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาจะนำมันมาทำร้ายหลินเมิ้งหยา

    ดูท่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้นจะทำให้ฮองเฮาโกรธมากจริงๆ

    “ข้าจะมีคำแนะนำอะไรให้เล่า เฮ้อ ตอนแรกข้าคิดว่านางจะถูกกำจัดได้ยาก แต่ดูท่าแล้ว นางกลับเป็นเพียงผู้นำภัยเข้าบ้านเท่านั้น หากพระชายาของอวี้เอ๋อร์ยังคงเป็นนาง เกรงว่าพระตำหนักแห่งนี้จะไม่สงบสุขอีกต่อไป”

    จิ่นเยว่ตกตะลึง ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังพึงพอใจในตัวพระชายาอยู่เลยมิใช่หรือ

    แต่ใครจะรู้เล่าว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความคิดของพระนางจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ อยู่ๆ นางก็เริ่มไม่พึงพระทัยในพระชายาขึ้นมา

    ตกลงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

    หรือพระชายาไปทำอะไรไม่ดีให้พระสนมขุ่นเคืองเข้า?

    “เจ้าจงไปถามไถ่คนในจวนว่า ใครสามารถแกะสลักพระพุทธรูปกวนอิมเลียนแบบของฮองเฮาได้บ้าง จากนั้นสั่งให้แกะสลักให้เหมือนที่สุดแล้วส่งมา ส่วนนางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ ก็คงแล้วแต่บุญวาสนาของนาง”

    แน่นอนว่าจวนของพวกนางมีคนที่สามารถแกะสลักได้

    ทว่าคนเหล่านั้นกลับมิใช่ช่างมืออาชีพ อีกทั้งของสิ่งนั้นยังถูกพระราชทานมาจากฮองเฮา แล้วพวกเขาจะเคยเห็นได้อย่างไร

    ดูท่า เหนียงเหนียงคงไม่คิดช่วยเหลือพระชายาแล้ว

    จะทำเช่นไรดี?

    ทางด้านหลินเมิ้งหยากำลังแอบแกะสลักขึ้นใหม่เงียบๆ จิ่นเยว่ครุ่นคิด สุดท้ายจึงแอบไปหาหลงเทียนอวี้

    ขณะนี้เขากำลังฝึกฝนวิทยายุทธ์อยู่ในลานประลอง สวมใส่ชุดสีดำถมึงทึง ร่างกายกำยำแข็งแรง ทุกสัดส่วนล้วนดูงดงาม

    ดาบสีเงินด้ามยาวกวัดแกว่งเหนืออากาศ ทุกการตวัดฟาดมักมีเสียงดังประหนึ่งเสียงฟ้าร้อง

    จิ่นเยว่มองหลงเทียนอวี้ด้วยความภาคภูมิใจ นางดูแลเขามาตั้งแต่เด็กจนโต ตัวนางเองก็อาจถือได้ว่าเป็นแม่นมของเขาเช่นกัน เพราะเหตุนี้หลงเทียนอวี้จึงปฏิบัติกับนางแตกต่างจากผู้อื่น

    “ท่านน้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

    เขาเก็บดาบ จิ่นเยว่ถือผ้าเช็ดหน้าเข้ามา แล้วซับเหงื่อบนหน้าผากของหลงเทียนอวี้

    นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเผยความกังวลออกมาให้เห็น

    “หรือหมู่เฟย…”

    คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน เขาคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหมู่เฟย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่นเยว่จะส่ายหน้า

************************

1 หนู่ปี้ สรรพนามแทนตัวข้าทาส สาวใช้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 2 บทที่ 48 จิตใจชั่วร้าย

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 2 บทที่ 48 จิตใจชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    เด็กทั้งสองเอ่ยชมช่างแกะสลักไม่หยุดปาก

    กลับกันกับป๋ายจี หลังจากจ้องมองอย่างละเอียดแล้ว นางพบว่านายหญิงกำลังมีท่าทีไม่สบอารมณ์

    นางเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยกชาเต็มแก้วให้กับนายหญิง

    “นายหญิง ท่านไม่ชอบพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาส่งมาให้หรือเจ้าคะ?” หลินเมิ้งหยาเงยหน้ามองดูป๋ายจี ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้า

    “ไม่ชอบ? ของที่ฮองเฮาส่งมาให้จะมีใครไม่ชอบบ้างเล่า?”

    สาวใช้ทั้งสองยังมิใช่คนสนิทของนาง ดังนั้นเรื่องบางเรื่อง ยิ่งมีคนรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย

    “นั่นสิเจ้าคะ หนู่ปี้1เองก็เพิ่งจะเคยเห็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่สวยงามขนาดนี้เป็นครั้งแรก” สุดท้ายป๋ายจีก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น นางรู้สึกว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นเปรียบเสมือนของรักที่ส่งมาจากสวรรค์

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ นางยังคงเดาไม่ออกว่าตกลงแล้วเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่กันแน่

    หลังจากเอะอะอยู่ครึ่งคืน สุดท้ายหลินจงอวี้ก็เดินเข้ามาดูด้วยเช่นกัน เจ้าแม่กวนอิมถูกล็อกเอาไว้ในกล่องไม้ จากนั้นวางไว้ภายในห้องของหลินเมิ้งหยา

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดทั้งคืนแต่คิดไม่ออก เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางอยากมองดูเจ้าแม่กวนอิมอีกครั้ง

    “เอ๋?” เมื่อเปิดกล่องออก นางกลับพบว่าเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ภายในแหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้ว!

    แต่เมื่อคืนนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น!

    “พระชายา จิ่นเยว่ขอเข้าเฝ้า”

    อยู่ๆ เสียงของน้าจิ่นเยว่ก็ดังขึ้น หลินเมิ้งหยารีบเชิญนางเข้ามา

    “พระชายา หนู่ปี้เพิ่งนึกออกเรื่องหนึ่งเพคะ เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้!”

    เมื่อเข้ามาในห้อง จิ่นเยว่มองหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาร้อนรน ทว่ากลับได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแทน

    “หากท่านน้าพูดเร็วกว่านี้ ข้าคงไม่มีทางรับเอาไว้ ตอนนี้…”

    นางชี้ไปทางกล่องที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อย ยิ้มแหยๆ

    “ไอ้หยา! คือเจ้านี่จริงๆ ด้วย! หนู่ปี้ผิดเองเจ้าค่ะ หนู่ปี้ประมาทมากเกิน!”

    จิ่นเยว่เอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ

    “ท่านน้า ของสิ่งนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร? เมื่อคืนแม้แต่เสียงขยับเพียงเล็กน้อยข้าก็ไม่ได้ยิน”

    แปลกจริงเชียว ของชิ้นนี้แหลกละเอียดเป็นผุยผงถึงขนาดนี้ แต่เพราะเหตุใดนางจึงไม่รู้สึกอะไรเลยเล่า?

    “ของชิ้นนี้คือทรายชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับเผาขึ้นรูป แต่กลับคงรูปลักษณ์ได้ไม่นาน ปกติหลังจากที่เผาขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาไม่เกินเจ็ดวันของชิ้นนี้จะแหลกสลายไปเอง แต่ถึงกระนั้นมันกลับกลายเป็นอาวุธในการทำร้ายผู้อื่นได้เป็นอย่างดี”

    ยิ่งพูด ฟันก็ยิ่งขบเข้าหากันแน่น

    ตอนแรกเพ่ยเจี้ยที่ตามเข้าวังมีทั้งหมดสี่คน แต่เมื่อเข้ามาได้ไม่นานก็ถูกฮองเฮาวางแผนทำร้าย สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกส่งไปอยู่ในยมโลก

    ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังคงงงงวยว่าเหตุใดสิ่งของที่เคยปกติดีทุกอย่างจึงเปลี่ยนเป็นแหลกสลายเช่นนี้

    ต่อมาจึงได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าทรายหมิงซา

    มาวันนี้กลับกลายเป็นพระชายาที่ถูกปองร้าย

    “โลกใบนี้มีของพรรค์นี้ด้วยหรือ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดฮองเฮาจึงนำของชิ้นนี้มาทำร้ายข้ากัน?”

    จิ่นเยว่เหลือบมองหลินเมิ้งหยา นัยน์ตาสะท้อนความร้อนรนและเสียดาย

    “อีกครึ่งเดือนจะเป็นวันเกิดของพระสนมเต๋อเฟย หากอิงจากตามธรรมเนียม แม้เหนียงเหนียงจะอยู่อาศัยที่จวนแห่งนี้ ทว่าฮองเฮาอาจเสแสร้งให้ความสำคัญและเสด็จมายังจวนแห่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้น…”

    เมื่อถึงเวลานั้น หากรู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมแหลกละเอียดไปแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงการลบหลู่ฮองเฮา แต่ยังเป็นการดูหมิ่นพระโพธิสัตว์อีกด้วย

    บางทีอาจทำให้หลงเทียนอวี้และพระสนมเต๋อเฟยต้องลำบาก

    หลินเมิ้งหยาสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด กลอุบายอันแสนเลวทราม จิตใจหยาบช้าเกินคน!

    “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ หากท่านน้าไม่บอกข้า ข้าก็คงยังไม่เข้าใจ”

    หลินเมิ้งหยามิได้แสดงท่าทีกระวนกระวาย แต่นางกลับสงบนิ่งและพยายามครุ่นคิดหาทางออก

    เจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานมาให้จะต้องมีลักษณะพิเศษโดดเด่นอะไรบางอย่าง เพื่อป้องกันมิให้นางนำของสิ่งอื่นมาแอบอ้างได้

    โชคดีที่เมื่อคืนสาวใช้ทั้งสามของนางและหลินจงอวี้จ้องมองมันอยู่นาน บางทีพวกเขาอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้

    “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?”

    พาทั้งสี่เข้ามายังห้องชั้นในของหลินเมิ้งหยา นางปิดประตู คิ้วขมวดเข้าหากัน สายตาจับจ้องคนทั้งสี่

    “มีปัญหาเกิดขึ้นกับพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ข้าต้องการถามพวกเจ้าว่าพวกเจ้ายังจดจำกลักษณะของเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นได้หรือไม่?”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทั้งสี่คนชะงักงัน

    สวรรค์โปรด นั่นคือพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานให้!

    “หนู่ปี้จำได้เจ้าค่ะ พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นสวยงามมาก สีของลำตัวใหม่เอี่ยม มิเหมือนกับพระพุทธรูปของพระโพธิสัตว์ในวิหารเลยเจ้าค่ะ!”

    คำพูดของป๋ายจื่อยิ่งทำให้หลินเมิ้งหยาแทบทรุด

    นี่มัน…น่าจะไม่ใช่รายละเอียดมิใช่หรือ?

    ทั้งสี่เริ่มถกเถียงกันถึงลักษณะของพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม ทว่าคิ้วของหลินเมิ้งหยากลับขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้ายิ่งไม่น่ามอง

    เพราะเหตุนี้กงกงคนนั้นจึงพยายามให้นางตรวจสอบเจ้าแม่กวนอิมก่อนจะรับมา

    เมื่อวันนั้นมาถึง หากฮองเฮาเค้นถามขึ้นมา นางเองก็ยากที่ปฏิเสธ

    แล้วทีนี้จะทำเช่นไร?

    “นายหญิง ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?” ป๋ายจีเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง นับตั้งแต่ตอนที่ได้รับเจ้าแม่กวนอิมมาจนกระทั่งตอนนี้ คิ้วของนายหญิงยังมิคลายออกจากกันเลย

    ตอนนี้ยังเรียกพวกนางมาอีก แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องมิชอบมาพากลขึ้นอย่างแน่นอน

    เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หลินเมิ้งหยาจะส่งเสียงอ่อน

    “พวกเจ้าไปดูสิ ตอนนี้เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นแหลกละเอียดไปแล้ว”

    ทั้งสี่ตกตะลึง ก่อนจะรีบเปิดกล่องออกดู ผลปรากฏว่าเจ้าแม่กวนอิมที่เคยสวยงามกลับกลายเป็นผุยผงภายในกล่องที่ถูกวางอยู่นิ่งๆ

    แววตาของหลินเมิ้งหยาสะท้อนความมุ่งมั่นในการตามหาความจริง เรื่องในคราวนี้นับเป็นบททดสอบหนึ่งของนาง

    หากภายในตำหนักของตนเองมีคนของฮองเฮาแฝงตัวอยู่แล้วละก็ คราวนี้คงสามารถลากตัวออกมาได้อย่างแน่นอน

    “เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ พี่สาวพระชายา นี่เป็นฝีมือใครทำกันขอรับ?”

    หลินจงอวี้จ้องมองเศษผงเหล่านั้นอย่างละเอียด ใบหน้าเรียวเล็กชะงักค้าง

    แม้เขาจะเข้ามาอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้ไม่นาน แต่เขามักเห็นพี่สาวของตนเองทำอะไรด้วยความระมัดระวังเสมอ แต่ถึงกระนั้นก็ยังถูกทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน

    มาวันนี้ต้องเจอเข้ากับปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข ตกลงว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันแน่?

    “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่จากนี้อีกครึ่งเดือน ฮองเฮาเหนียงเหนียงอาจจะเสด็จมาที่นี่ ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคงไม่อาจเอาตัวรอดได้อีกแล้ว”

    หลินเมิ้งหยาตอบคำถามอย่างอ่อนแรง

    ทั้งสี่คนตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ

    หลินจงอวี้ครุ่นคิด อยู่ๆ ก็วิ่งไปตรงหน้าโต๊ะของหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาวาดภาพ

    “เสี่ยวอวี้ เจ้า…”

    “พี่สาวอย่าเพิ่งตื่นตระหนก แม้เสี่ยวอวี้จะไร้ความสามารถ แต่ข้าจดจำเจ้าของสิ่งนี้ได้มิมีทางลืม หากข้าวาดมันออกมาเสร็จแล้ว พี่สาวหาช่างมาแกะสลักมันก็พอ”

    คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวอวี้จะมีความสามารถเช่นนี้ หลินเมิ้งหยาอึ้งไปเล็กน้อย

    เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!

    “นายหญิง แม้หนู่ปี้จะไม่มีความสามารถดั่งเช่นนายน้อยอวี้ แต่หนู่ปี้มีความสามารถในการแกะสลักตั้งแต่เด็ก เมื่อวานหนู่ปี้เองก็ได้มองพระพุทธรูปองค์นั้นอย่างละเอียดแล้ว หากให้เวลาหนู่ปี้สักสามวัน หนู่ปี้จะทำมันขึ้นมาได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

    ป๋ายจีเองก็เสนอตัวเข้าช่วย หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักของนางจะมีคนมากความสามารถเช่นนี้

    นางพยักหน้าลง ออกคำสั่ง

    “ป๋ายจื่อ ป๋ายซ่าว สองสามวันต่อจากนี้พวกเจ้าทั้งสองต้องให้ความช่วยเหลือป๋ายจีอย่างสุดความสามารถ ห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนนางและห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ป๋ายซ่าว ข้ามอบหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้ว”

    ป๋ายซ่าวรีบรับคำด้วยความจงรักภักดี

    “นายหญิงได้โปรดวางใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะมิได้ย่ำกรายเข้าไปในห้องของป๋ายจีเจ้าค่ะ”

    นางพยักหน้า เรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่คงต้องฝากความหวังไว้ที่พวกเขาแล้ว

    ขณะเดียวกัน จิ่นเยว่และพระสนมเต๋อเฟยที่อยู่ภายในพระตำหนักหยาเสวียนเองก็ไม่อาจทำอะไรเช่นกัน

    “เฮ้อ เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดจึงไม่รู้จักระมัดระวังตัวกันนะ คิดหรือว่าจะรับมือกับแผนร้ายของฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ง่ายๆ?”

    สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเผยให้เห็นความโศกเศร้าเล็กน้อย

    นางถูกบีบออกจากวัง แต่ฮองเฮากลับไม่คิดจะปล่อยนางไป ตอนนี้จึงพุ่งเป้ามาปองร้ายหยาเอ๋อร์แทน

    แม้เด็กคนนั้นจะเก่งมากสักเพียงไหน แต่ก็คงมิวายตกหลุมพราง

    แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?

    “พระชายายังเด็กเพคะ ไม่มีทางล่วงรู้ถึงแผนการร้ายเหล่านั้น พระสนมลองให้คำชี้แนะแก่พระชายาสักครั้งเถิดเพคะ หนู่ปี้คิดว่าการลงมือของฮองเฮาในคราวนี้ จุดประสงค์คงมิใช่เพียงพระชายาพระองค์เดียวแน่นอน!”

    จิ่นเยว่จ้องพระสนมเต๋อเฟยเขม็ง ต้องโทษนางที่อายุมากแล้ว ความจำจึงไม่ดี

    ทรายหมิงซาทำร้ายคนมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นก็หาได้ยากยิ่ง

    คิดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาจะนำมันมาทำร้ายหลินเมิ้งหยา

    ดูท่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้นจะทำให้ฮองเฮาโกรธมากจริงๆ

    “ข้าจะมีคำแนะนำอะไรให้เล่า เฮ้อ ตอนแรกข้าคิดว่านางจะถูกกำจัดได้ยาก แต่ดูท่าแล้ว นางกลับเป็นเพียงผู้นำภัยเข้าบ้านเท่านั้น หากพระชายาของอวี้เอ๋อร์ยังคงเป็นนาง เกรงว่าพระตำหนักแห่งนี้จะไม่สงบสุขอีกต่อไป”

    จิ่นเยว่ตกตะลึง ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังพึงพอใจในตัวพระชายาอยู่เลยมิใช่หรือ

    แต่ใครจะรู้เล่าว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความคิดของพระนางจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ อยู่ๆ นางก็เริ่มไม่พึงพระทัยในพระชายาขึ้นมา

    ตกลงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

    หรือพระชายาไปทำอะไรไม่ดีให้พระสนมขุ่นเคืองเข้า?

    “เจ้าจงไปถามไถ่คนในจวนว่า ใครสามารถแกะสลักพระพุทธรูปกวนอิมเลียนแบบของฮองเฮาได้บ้าง จากนั้นสั่งให้แกะสลักให้เหมือนที่สุดแล้วส่งมา ส่วนนางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ ก็คงแล้วแต่บุญวาสนาของนาง”

    แน่นอนว่าจวนของพวกนางมีคนที่สามารถแกะสลักได้

    ทว่าคนเหล่านั้นกลับมิใช่ช่างมืออาชีพ อีกทั้งของสิ่งนั้นยังถูกพระราชทานมาจากฮองเฮา แล้วพวกเขาจะเคยเห็นได้อย่างไร

    ดูท่า เหนียงเหนียงคงไม่คิดช่วยเหลือพระชายาแล้ว

    จะทำเช่นไรดี?

    ทางด้านหลินเมิ้งหยากำลังแอบแกะสลักขึ้นใหม่เงียบๆ จิ่นเยว่ครุ่นคิด สุดท้ายจึงแอบไปหาหลงเทียนอวี้

    ขณะนี้เขากำลังฝึกฝนวิทยายุทธ์อยู่ในลานประลอง สวมใส่ชุดสีดำถมึงทึง ร่างกายกำยำแข็งแรง ทุกสัดส่วนล้วนดูงดงาม

    ดาบสีเงินด้ามยาวกวัดแกว่งเหนืออากาศ ทุกการตวัดฟาดมักมีเสียงดังประหนึ่งเสียงฟ้าร้อง

    จิ่นเยว่มองหลงเทียนอวี้ด้วยความภาคภูมิใจ นางดูแลเขามาตั้งแต่เด็กจนโต ตัวนางเองก็อาจถือได้ว่าเป็นแม่นมของเขาเช่นกัน เพราะเหตุนี้หลงเทียนอวี้จึงปฏิบัติกับนางแตกต่างจากผู้อื่น

    “ท่านน้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

    เขาเก็บดาบ จิ่นเยว่ถือผ้าเช็ดหน้าเข้ามา แล้วซับเหงื่อบนหน้าผากของหลงเทียนอวี้

    นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเผยความกังวลออกมาให้เห็น

    “หรือหมู่เฟย…”

    คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน เขาคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหมู่เฟย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่นเยว่จะส่ายหน้า

************************

1 หนู่ปี้ สรรพนามแทนตัวข้าทาส สาวใช้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+