ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 14 บทที่ 420 ความสามารถพิเศษของข้า

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 14 บทที่ 420 ความสามารถพิเศษของข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หาก​ฟังเพียง​เสียง​ จูเหยียน​เป็น​เพียง​เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​เท่านั้น​ ทว่า​น้ำเสียง​ของ​เขา​กลับ​เต็มไปด้วย​ความหยิ่ง​ทะนง​

มั่ว​ฉิน​ยื่นมือ​ไป​เปิด​ประตู​ นาง​ส่งสายตา​เป็น​สัญญาณให้​แก่​หลิน​เมิ้งห​ยา​แล้ว​ดัน​ร่าง​นาง​ไว้​ด้านหลัง​

เจ้าของ​หอ​นางโลม​ตัว​จริงอยู่​ข้างใน​! หลิน​เมิ้งห​ยา​หวาดหวั่น​ยิ่งนัก​ เหตุ​เพราะ​คน​ผู้​นี้​จะต้อง​มิใช่คน​ที่​สามารถ​รับมือ​ด้วย​ได้​ง่ายๆ​ อย่าง​แน่นอน​

เพียง​เปิด​ประตูออก​ ความ​เย็น​ชื้น​ซึ่งปะปน​อยู่​ใน​อากาศ​ทำให้​สมอง​ของ​หลิน​เมิ้งห​ยา​ปลอดโปร่ง​

กลิ่นหอม​ฉุน​และ​สารพิษ​ด้านนอก​ทำให้​ไอ​น้ำ​ใน​อากาศ​ไร้​ซึ่งประสิทธิภาพ​ แม้จะไม่รู้​เจ้าของ​หอ​นางโลม​ผู้​นี้​ทำได้​อย่างไร​ แต่​ก็​อด​จะชื่นชม​ใน​ความ​ฉลาด​ของ​เขา​ไม่ได้​

ห้อง​ไม่ใหญ่​มาก​แต่กลับ​หรูหรา​งดงาม​ อันที่จริง​เจ้าของ​หุย​ชุน​ฟางมิต่าง​อัน​ใด​จาก​คุณชาย​นักปราชญ์​เลย​แม้แต่น้อย​

ทั้ง​สามเดิน​เข้าไป​ใน​ส่วนลึก​สุด​ของ​ห้อง​ สิ่งที่​ปรากฏ​ต่อหน้า​พวก​นาง​คือ​ชั้นวางหนังสือ​ที่​วาง​หนังสือ​แทบจะ​ทุก​ประเภท​เอาไว้​

ด้านหลัง​ชั้นวางหนังสือ​คือ​ชาย​ใน​ชุด​สีขาว​บริสุทธิ์​ แต่​เพราะ​กอง​หนังสือ​บดบัง​ ดังนั้น​จึงมองไม่เห็น​ใบหน้า​ของ​เขา​เลย​แม้แต่น้อย​

“นี่​มัน​ผู้หญิง​โง่ที่ใด​กัน​เล่า​? เหตุใด​จึงไม่รู้จัก​กฎระเบียบ​ เจ้าคิด​ว่า​เจ้ามีสิทธิ​มองหน้า​คุณชาย​ของ​ข้า​อย่างนั้น​หรือ​!”

เสียง​ดูแคลน​ดัง​ขึ้น​ที่​ด้าน​ข้าง​ ไม่ต้อง​มอง​หลิน​เมิ้งห​ยา​ก็​รู้​ได้​ทันที​ว่า​เขา​คือ​เด็ก​นิสัยเสีย​จูเหยียนคน​นั้น​

ที่แท้​ก็​ยัง​เป็น​แค่​เด็ก​ ใบหน้า​เอิบ​อิ่ม​นวล​เนียน​ ดวง​ตากลม​โต​ สวม​ชุด​สีเทา​หม่น​ กอปร​กับ​ผม​ทรง​ซาลาเปา​สอง​ลูก​บน​ศีรษะ​ทำให้​เขา​ดู​น่ารัก​ยิ่งนัก​

น่าเสียดาย​ ทัศนคติ​และ​ท่าทาง​ราวกับ​คน​ที่​ไม่เคย​ได้รับ​การ​อบรมสั่งสอน​

หาก​อยู่​ข้างนอก​ นาง​ไม่เกรงใจ​เลย​ที่จะ​สั่งสอน​เขา​ว่า​มนุษย์​ที่​ดี​ควร​เป็น​เช่นไร​

ทว่า​ตอนนี้​ทำได้​เพียง​อดทน​เท่านั้น​

“ใต้เท้า​จูเหยียน​ได้​โปรด​อภัย​ด้วย​ ข้า​ผิด​เอง​เจ้าค่ะ​”

หลิน​เมิ้งห​ยา​รีบ​แสร้ง​แสดงท่าทาง​หวาดกลัว​ หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​ต่าง​เหงื่อ​ตก​ เหตุ​เพราะ​กลัว​ว่า​นาง​จะลุก​ขึ้นไป​จัดการ​จูเหยียน​

แต่​เมื่อ​เห็น​ท่าทาง​เคารพ​นบนอบ​ของ​นาง​ ทั้งสอง​จึงวางใจ​

“ฮึ รู้​เอาไว้​ก็ดี​ เหตุ​เพราะ​พวก​เจ้ามีทัศนคติ​ที่​ดี​ เช่นนั้น​ข้า​จะไม่เอาเรื่อง​เจ้า นาย​ท่าน​คิดเห็น​เช่นไร​ขอรับ​?”

จูเหยียน​เอียง​หน้า​แล้ว​เข้าไป​ยืน​ข้าง​กาย​ชาย​คน​นั้น​ด้วย​ท่าทาง​ว่านอนสอนง่าย​

“เอาล่ะ​ เลิกเล่น​ได้​แล้ว​”

เสียง​อ่อนนุ่ม​ระคน​เอ็นดู​ดัง​ขึ้น​ แม้หลิน​เมิ้งห​ยา​จะแปลกใจ​ใน​ท่าที​ของ​เจ้าของ​หอ​นางโลม​ผู้​นี้​ แต่​ถึงกระนั้น​ก็​มิได้​เงยหน้า​ขึ้นไป​มอง​

เขา​เอ่ย​ถามมั่ว​ฉิน​สอง​สามประโยค​ ราวกับ​เชื่อใจ​นาง​เป็น​อย่างยิ่ง​ แต่​หลิน​เมิ้งห​ยา​กลับ​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่มีทาง​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น​

“เงยหน้า​”

เสียง​เปลี่ยน​ทิศ​มาตก​ที่​นาง​ หัวใจ​หลิน​เมิ้งห​ยา​หดตัว​ ก่อนที่​ศีรษะ​จะค่อยๆ​ เงย​ขึ้น​

กอง​หนังสือ​ถูกวาง​ไว้​อีก​ฝั่งของ​โต๊ะ​แล้ว​ ใบหน้า​อ่อนโยน​หล่อเหลา​พลัน​ปรากฏ​ต่อ​สายตา​ของ​หลิน​เมิ้งห​ยา​

นาง​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ หาก​ไม่ได้​พบกัน​ที่นี่​ นาง​คง​คิดไม่ถึง​ว่า​ชาย​ผู้​มีใบหน้า​อ่อนโยน​เช่นนี้​จะเป็น​ผู้อยู่เบื้องหลัง​หุย​ชุน​ฟาง

ดู​ท่าจะ​ตัดสิน​คน​จาก​หน้าตา​ไม่ได้​จริงๆ​

เพียง​ได้​เห็น​ใบหน้า​ของ​นาง​ ดวงตา​ของ​ชาย​คน​นั้น​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​ ทว่า​สีหน้า​ยัง​คงเดิม​ เขา​เอ่ย​ถามเสียง​เรียบ​

“เจ้าเป็น​คน​คน​หยุ​น​โจว​อย่างนั้น​หรือ​?”

โชคดี​ที่​หลิน​เมิ้งห​ยา​เตรียมตัว​เอาไว้​ก่อน​แล้ว​ ดังนั้น​นาง​จึงตอบคำถาม​เขา​โดย​ไร้​ซึ่งท่าทาง​ลนลาน​

“อันที่จริง​ข้า​มิใช่คน​หยุ​น​โจว​เจ้าค่ะ​ ได้ยิน​แม่เล้า​เล่า​ว่า​บ้าน​ของ​ข้า​อยู่​ที่​เมืองหลวง​ แต่​เพราะ​ครอบครัว​ตกต่ำ​ ดังนั้น​จึงถูก​นำ​ตัว​มาขาย​”

แม้นาง​จะปลอมแปลง​ตัวตน​เป็น​คน​หยุ​น​โจว​ แต่​นาง​พูด​ภาษาถิ่น​ของ​หยุ​น​โจว​ไม่ได้​ ที่นี่​มีพ่อค้า​มาจาก​หลากหลาย​พื้นที่​ นาง​จึงหวั่นเกรง​ว่า​ตัวตน​ของ​นาง​จะถูก​เปิดเผย​ ฉะนั้น​นาง​จึงต้อง​ให้​คำตอบ​คลุมเครือ​เช่นนี้​

“โอ้​? ทั้งที่​เติบโต​ใน​หยุ​น​โจว​ แต่​เพราะเหตุใด​จึงพูด​ภาษากลาง​ได้​ชัด​นัก​? พวก​นางโลม​ที่​มาจาก​หยุ​น​โจว​ของ​ข้า​หน้าตา​ไม่เหมือน​เจ้าเลย​สัก​เสี้ยว​เดียว​”

คำพูด​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ข้อสงสัย​ ทว่า​มิได้​เอ่ย​ถามออกมา​โดยตรง​

หลิน​เมิ้งหยาม​อง​ไม่ออ​กว่า​ชาย​คน​นี้​มีอุปนิสัย​เช่นไร​ ดังนั้น​จึงทำได้​เพียง​ระมัดระวัง​เท่านั้น​

“หอ​นางโลม​แห่ง​นี้​หา​ได้​ต้อนรับ​เพียง​คนใน​พื้นที่​ ยิ่งไปกว่านั้น​ที่นี่​ยังมี​พ่อค้า​ต่างถิ่น​แวะเวียน​เข้าออก​มิต่าง​ไป​จาก​หอ​นางโลม​ที่​ข้า​เคย​อยู่​ หาก​ขนาด​ภาษาทางการ​ยัง​พูด​ไม่ได้​ เช่นนั้น​จะทำ​การค้าขาย​ได้​เช่นไร​เล่า​เจ้าคะ​?”

หลิน​เมิ้งห​ยา​ตอบ​กลั้ว​หัวเราะ​ นาง​เชี่ยวชาญ​ใน​การ​โกหก​ตา​ใสยิ่งนัก​

ยิ่งไปกว่านั้น​นาง​ยัง​พูด​มีเหตุ​และ​ผล​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ต้อง​เชื่อ​

“โอ้​? ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​”

ชาย​คน​นั้น​ไม่พูดว่า​เชื่อ​หรือไม่​เชื่อ​ เขา​ทำ​เพียง​ยิ้ม​น้อย​ๆ แล้ว​เอ่ย​ถามต่อ​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​แสดงว่า​เจ้าต้อง​มีความสามารถ​โดดเด่น​ นางโลม​ของ​ข้า​ล้วน​ดีด​สีตี​เป่า​ ร้องรำทำเพลง​ได้​อย่าง​น้อย​หนึ่ง​ถึงสอง​อย่าง​ เจ้าเป็น​คน​ที่​ได้รับ​การ​เลือกสรร​จาก​หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​ แสดงว่า​ฝีมือ​ย่อม​ไม่ธรรมดา​ เช่นนั้น​แสดงความสามารถ​ของ​เจ้าออกมา​ให้​ข้า​ดู​สักหน่อย​เถิด​”

ที่แท้​ก็​ต้องการ​ทดสอบ​นาง​

หลิน​เมิ้งห​ยา​หา​ใช่คนโง่​ เจ้าของ​หุย​ชุน​ฟางเอง​ก็​เช่นเดียวกัน​

ข้อแก้ตัว​ของ​นาง​เมื่อ​ครู่​มิได้​เผย​พิรุธ​อัน​ใด​ แต่​นางโลม​ดั่ง​เช่น​หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​ล้วน​ได้รับ​การ​สั่งสอน​มาเป็นพิเศษ​

สมอง​ของ​หลิน​เมิ้งห​ยา​รีบ​ประมวลผล​หา​ความสามารถพิเศษ​ของ​ตนเอง​ ก่อน​จะพบ​ว่า​นอกจาก​ทักษะ​ทางการ​แทพย์​แล้ว​ นาง​หา​ได้​มีความสามารถพิเศษ​อื่น​ใด​

โอ้​…ดูเหมือน​นาง​จะไม่มีคุณสมบัติ​ใน​การ​เป็น​นางโลม​แล้ว​

แต่​โชคดี​ที่​นาง​เป็น​คน​มีไหวพริบ​ มุมปา​กห​ยักยิ้ม​น้อย​ๆ ก่อน​จะเอื้อนเอ่ย​ชัดถ้อยชัดคำ​

“หอ​นางโลม​เก่า​ของ​ข้า​เป็น​เพียง​สถานที่​เล็ก​ๆ หา​ได้​มีการ​เชิญอาจารย์​มาฝึกสอน​ เมื่อ​เทียบ​กับ​พวก​พี่สาว​ทั้งสอง​แล้ว​ ดูเหมือน​ความ​พิเศษ​ที่สุด​ของ​ข้า​คง​เป็นการ​รู้​วิธี​เอา​ชนะใจ​ชาย​ ยิ่งไปกว่านั้น​หอ​นางโลม​เปิด​เพื่อ​ทำการค้า​ หา​ใช่การแข่งขัน​ทักษะ​ของ​สตรี​ไม่ หาก​ต้อง​มีความสามารถ​มากมาย​ขนาด​นั้น​จะไม่เหนื่อย​หรือ​เจ้าคะ​?”

พูด​จบ​ มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ตั้งใจ​เท้า​ลง​บน​โต๊ะ​ กระพริบตา​ปริบๆ​ สีหน้า​เย้ายวน​

กอปร​กับ​ชุด​เร่า​ร้อนที่​ตนเอง​สวมใส่​ ขอ​เพียง​ฝ่ายตรงข้าม​เป็น​ชาย​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ต้อง​รู้สึก​ตื่นเต้น​อย่าง​แน่นอน​

ทว่า​เจ้าของ​หุย​ชุน​ฟางเห็น​สาวงาม​มานัก​ต่อ​นัก​ ฉะนั้น​เขา​จึงมอง​นาง​ด้วย​สายตา​ไม่ใย​ดี​ หัว​คิ้ว​ขมวด​มุ่น​

“เอาล่ะ​ เจ้าออก​ไป​ก่อน​ จูเหยียน​ เจ้าจงนำทาง​พวก​นาง​ไป​”

หาก​หลิน​เมิ้งหยาม​อง​ไม่ผิด​แล้ว​ล่ะ​ก็​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​มีคน​ปฏิเสธ​ท่าทาง​เย้ายวน​ของ​นาง​

หา​? อย่าง​น้อย​นาง​ก็​เป็น​หญิง​งามมิใช่หรือ​ แม้จะไม่ถึงขั้น​หญิง​งามล่ม​เมือง​ แต่​อย่าง​น้อย​ก็​มีเสน่ห์​เย้ายวน​มิใช่หรือ​ไร​?

ซ้ำยัง​ใส่ชุด​เกาะ​อก​ต่ำ​เผย​เนิน​อก​สีขาวนวล​เนียน​ดุจ​หิมะ​ต่อหน้า​เขา​ อีก​ฝ่าย​ควรจะ​รีบ​ฉุด​ตัวนาง​เข้า​ใน​วงแขน​จึงจะถูก​ จากนั้น​ขอ​เพียง​นาง​ชี้นิ้ว​สั่ง เขา​ก็​พร้อม​จะยอม​ทำตาม​

แต่​สายตา​ของ​เขา​ในเวลานี้​กลับ​มีเพียง​ความรังเกียจ​!

สวรรค์​โปรด​ นี่​มิต่าง​อัน​ใด​จาก​การ​ปรามาส​ความ​เป็น​สตรี​ของ​นาง​

ขณะที่​นาง​คิด​จะล้ม​ตัว​ลง​ไป​นอนตะแคง​บน​โต๊ะ​เพื่อ​ยั่วยวน​เขา​อีก​หน​ หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​รีบ​เข้ามา​คว้า​ตัวนาง​เอาไว้​

ยอบ​ตัว​คารวะ​แล้ว​ลากตัว​เด็กสาว​ไร้ยางอาย​คน​นี้​ออกจาก​ห้อง​

“พวก​เจ้าปล่อย​ข้า​เดี๋ยวนี้​ วันนี้​ข้า​จะเอาชนะ​เขา​ให้ได้​!”

จูเหยียน​เดิน​นำหน้า​ด้วย​ท่าทาง​ภาคภูมิใจ​ หลังจาก​ได้ยิน​เสียงร้อง​ตะโกน​ของ​หลิน​เมิ้งห​ยา​ มุมปาก​ยิ่ง​หยัก​ยก​มากขึ้น​

มั่ว​ฉิน​และ​หงอ​วี้​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​เด็ก​คน​นี้​จะอาจหาญ​ชาญชัย​ถึงเพียงนี้​

เหตุ​เพราะ​กลัว​จูเหยียน​จะได้ยิน​ ดังนั้น​จึงทำได้​เพียง​กระซิบ​ที่​ข้าง​หู​นาง​

“เจ้าอย่า​ได้คิด​ทำ​อะไร​ไร้​สมอง​เช่นนั้น​อีก​ ข้า​อยู่​ที่นี่​มาสิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ แต่ไหนแต่ไร​มามิเคย​เห็น​นาย​ท่าน​หลงใหล​ใน​ตัว​นางโลม​คนใด​มาก่อน​ ยิ่งไปกว่านั้น​เจ้าอย่า​ได้คิด​ว่า​เขา​จะเป็น​คน​คุย​ด้วย​ได้​ง่าย​เพียง​เพราะ​เขา​ไม่บัน​ดาลโทสะ​ออกมา​ หุย​ชุน​ฟางแห่ง​นี้​มีนางโลม​มากมาย​ต้องการ​เอา​ชนะใจ​นาย​ท่าน​เพื่อ​หลุด​ออกจาก​ความทุกข์ทรมาน​ แต่​สุดท้าย​แล้ว​หาก​ไม่ตาย​ พวก​นาง​ก็​กลาย​เป็นบ้า​”

ตาย​? เป็นบ้า​? หลิน​เมิ้งห​ยา​สงบสติอารมณ์​ลง​

นาย​ท่าน​คน​นี้​ไม่เหมือน​พวก​โหดเหี้ยม​อำมหิต​เลย​แม้แต่น้อย​ แต่​เมื่อ​ลอง​ตรึกตรอง​ดู​อีก​หน​ หุย​ชุน​ฟางมิต่าง​จาก​นรก​บน​ดิน​เสีย​ด้วยซ้ำ​

หรือ​เขา​จะเป็น​คน​สอง​บุคลิก​?

ขณะที่​คิด​จะเอ่ย​ถามต่อ​ นาง​พลัน​ฉุกคิด​ขึ้น​มาได้​ว่า​จูเหยียน​กำลัง​เดิน​นำหน้า​ตนเอง​

หาก​เขา​ได้ยิน​ พวก​นาง​คง​ถึงคราว​อับโชค​แล้ว​

ไม่รู้​ว่า​เขา​กับ​นาย​ท่าน​คน​นั้น​มีความสัมพันธ์​เช่นไร​ เด็ก​คน​นี้​มีท่าทาง​เย่อหยิ่ง​ยิ่งนัก​ ไม่ว่า​ใคร​ได้​เห็น​คง​มิชอบใจ​เป็นแน่​

หรือ​จูเหยียน​จะเป็น​ลูกชาย​ของ​เขา​?

หลิน​เมิ้งห​ยา​ไม่คิด​อยาก​ยุ่ง​เรื่อง​นี้​ ทั้ง​สามเดิน​ตามหลัง​จูเหยียนลง​บันได​ ก่อน​จะมาถึงห้อง​ที่​ถูก​สร้าง​เรียง​กัน​เป็นแถว​

ผลัก​ประตู​เปิด​ออก​ ก่อน​จะออกคำสั่ง​

“นับตั้งแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​พวก​เจ้าจงอยู่​ที่นี่​ จำเอาไว้​ให้​ดี​ แม้พวก​เจ้าจะเป็น​นางโลม​แห่ง​หุย​ชุน​ฟาง แต่​ห้าม​มิให้​ออก​ไป​เดิน​เตร็ดเตร่​ด้านนอก​เป็นอันขาด​ หาก​ทำให้​แขก​รำคาญ​ พวก​เจ้าทั้ง​สามจะต้อง​ชดใช้​”

มั่ว​ฉิน​และ​หงอ​วี้​รับคำ​ แม้หลิน​เมิ้งห​ยา​จะไม่มีท่าทาง​เคารพ​นบนอบ​เหมือน​พวก​นาง​ แต่​เมื่อ​เข้า​เมือง​ตา​หลิ่ว​ย่อม​ต้อง​หลิ่วตา​ตาม​

ถึงอย่างไร​ตอนนี้​นาง​ก็​อยู่​ใน​อวน​ของ​ผู้อื่น​ ฉะนั้น​ย่อม​มิอาจ​ทำ​อะไร​ตามใจ​อยากได้​

จูเหยียน​กลับ​ออก​ไป​ด้วย​ความพึงพอใจ​ มั่ว​ฉิน​รีบ​ปิดประตู​ลง​ ใบหน้า​เปี่ยม​ไป​ด้วยความยินดี​

“โชคดี​ยิ่งนัก​ที่​วันนี้​อารมณ์​ของ​นาย​ท่าน​ค่อนข้าง​ดี​ มิเช่นนั้น​คง​ไม่พูด​ง่าย​ถึงเพียงนี้​”

ทันทีที่​จูเหยียน​จากไป​ บรรยากาศ​ภายใน​ห้อง​พลัน​อึดอัด​

เหตุ​เพราะ​หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​ล้วน​เคย​หลอกลวง​หลิน​เมิ้งห​ยา​ เมื่อ​ครู่​ร่วมมือ​กัน​รับมือ​กับ​ฝ่ายตรงข้าม​จึงไม่คิด​อะไร​ แต่​เมื่อ​อยู่​ด้วยกัน​เพียงลำพัง​ พวก​นาง​จึงไม่รู้​ว่า​ควร​ทำตัว​เช่นไร​

“ข้า​อยาก​ออก​ไปดู​ข้างนอก​ พวก​เจ้าคน​ไหน​อยาก​ไป​กับ​ข้า​?”

ตรึกตรอง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ สุดท้าย​จึงตัดสินใจ​ทำลาย​บรรยากาศ​ชวน​อึดอัด​

แม้นาง​จะยังคง​มีโทสะ​เพราะ​ถูก​หลอก​ แต่​ถึงอย่างไร​เรื่อง​นี้​ย่อม​ต้องโทษ​นาง​ที่​ไม่ระมัดระวัง​ให้​ดี​

ใน​เมื่อ​มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​ การ​ถามหา​เอา​ความ​หา​ได้​มีประโยชน์​แต่อย่างใด​ หงอ​วี้​และ​มั่ว​ฉิน​ยอมรับผิด​แล้ว​อย่างไรเล่า​? คน​ที่​ออกความเห็น​ว่า​จะมาช่วย​อา​ซิ่ว​ก็​คือ​ตัวนาง​เอง​

“ข้า​ไป​!”

มั่ว​ฉิน​และ​หง​อี้​ส่งเสียง​พร้อมกัน​ ทั้งสอง​มองหน้า​กันและกัน​ก่อน​จะยอม​โอนอ่อน​ให้​อีก​ฝ่าย​

ดูเหมือน​พวก​นาง​ล้วน​รู้ดี​ว่า​นี่​เป็น​โอกาส​อัน​ดี​ใน​การร้องขอ​การให้อภัย​จาก​หลิน​เมิ้งห​ยา​

“พวก​เจ้าไป​ด้วยกัน​กับ​ข้า​เถิด​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด