ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 15 บทที่ 428 จงใจจับผิด

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 15 บทที่ 428 จงใจจับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เหตุใด​พวก​เจ้าจึงไม่กิน​เล่า​?”

หลังจาก​ยุ่ง​วุ่นวาย​มาตลอด​ทั้งวัน​ สุดท้าย​หลิน​เมิ้งห​ยา​จึงได้​นั่งลง​ เบือนหน้า​มอง​คน​เหล่านั้น​ก่อน​จะเอ่ย​ถาม

“คือ​ว่า​…รอ​เจ้ามากิน​ด้วยกัน​อย่างไรเล่า​ ญาติ​ผู้​น้อง​ เจ้าลอง​ชิมดูก่อน​ดี​หรือไม่​? เจ้าเหนื่อย​ที่สุด​นี่​นา​”

ชิวอ​วี้​ยิ้ม​จน​ตาหยี​ แต่​ยังคง​ไม่กล้า​กิน​โจ๊ก​ใน​ถ้วย​

นอกจาก​ดอก​ท้อ​แล้ว​ พวกเขา​เห็น​หลิน​เมิ้งห​ยา​ใส่วัตถุดิบ​สีดำ​บางอย่าง​ขณะ​ทำอาหาร​อีกด้วย​ ฉะนั้น​จึงยัง​ไม่มีใคร​กล้า​ลิ้มลอง​รสชาติ​ของ​โจ๊ก​หม้อ​นี้​

“พวก​เจ้าจะเข้าใจ​อะไร​กัน​เล่า​! เสีย​ของ​จริงๆ​ ฮูหยิน​เอา​ช้อน​มาให้​ข้า​หน่อย​ ข้า​จะชิมให้​ดู​”

อันที่จริง​หลิน​เมิ้งห​ยา​กลัว​ว่า​ดอก​ท้อ​จะส่งรสชาติ​ขม​ฝาด​ออกมา​ ดังนั้น​นาง​จึงนำ​ผลไม้แช่อิ่ม​ที่​ป๋าย​ซ่าว​นำ​ติด​มาให้​นาง​ใส่ลง​ไปใน​โจ๊ก​ด้วย​

เมื่อ​น้ำหวาน​จาก​ผลไม้แช่อิ่ม​ผนวก​เข้ากับ​น้ำตาล​ รสชาติ​ของ​โจ๊ก​จึงหอม​หวาน​ชวน​น้ำลายสอ​

ป๋าย​ซ่าว​เหลือบมอง​นาย​หญิง​ของ​ตนเอง​ด้วย​ความกังวล​ เหตุ​เพราะ​กลัว​จะเกิด​สิ่งผิดปกติ​หลังจาก​นาง​กิน​เข้าไป​แล้ว​

ฝาหม้อ​ถูก​เปิด​ออก​ ดอก​ซิ่งสีขาว​แกม​ชมพู​และ​โจ๊ก​ข้า​วสี​ขาว​ผสมผสาน​เข้าด้วยกัน​

น่าเสียดาย​ ผลไม้แช่อิ่ม​สีดำ​ด่าง​ทำให้​โจ๊ก​หม้อ​นี้​ดู​น่ากลัว​ยิ่งนัก​

หลิน​เมิ้งห​ยา​ตัก​โจ๊ก​เข้า​ปาก​

“เป็น​อย่างไร​? ข้า​ยัง​ไม่ตาย​ มัน​สามารถ​กิน​ได้​ เรื่องมาก​จริง​เชียว​”

ถลึงตา​ใส่พวกเขา​ทีละ​คน​ หลิน​เมิ้งห​ยา​ดื่มด่ำ​รสชาติ​หวาน​อม​เปรี้ยว​ของ​โจ๊ก​ดอก​ซิ่งต่อ​

“กิน​ ทุกคน​กินกัน​เถิด​”

เมื่อ​มั่นใจ​แล้ว​ว่า​โจ๊ก​หม้อ​นั้น​สามารถ​กิน​ได้​ ชิวอ​วี้​จึงร้อง​ประกาศ​ให้​ทุกคน​กิน​ด้วยกัน​

แม้รูปลักษณ์​ของ​อาหาร​ที่​หลิน​เมิ้งห​ยา​ทำ​จะดูไม่ได้​เลย​แม้แต่น้อย​ แต่​หลง​เทียน​อวี้​กลับ​ไม่คิด​อะไร​มากมาย​ เขา​ยื่น​ชามข้าวของ​ตนเอง​ให้​กับ​นาง​

“เด็กดี​ พี่ใหญ่​ของ​ข้า​สายตา​แหลมคม​ที่สุด​แล้ว​”

หลิน​เมิ้งห​ยา​ยิ้ม​ตาหยี​ ขณะที่​คิด​จะยื่น​ถ้วย​โจ๊ก​ส่งให้​เขา​ แขน​ข้าง​หนึ่ง​พลัน​ยื่น​เข้ามา​ขวาง​เสีย​ก่อน​

“ไอ​ห​ยา​!”

เสียงร้อง​อย่าง​เจ็บปวด​ดัง​ขึ้น​ดึงดูดสายตา​ของ​ทุกคน​

โจ๊ก​อุ่น​ราด​รด​ลง​บน​ท่อน​แขน​เรียว​ยาว​ข้าง​หนึ่ง​ แม้ส่วนใหญ่​จะหก​ลงพื้น​ก็ตาม​

หลิน​เมิ้งหยาม​อง​โจ๊ก​ถ้วย​นั้น​อย่าง​นึก​เสียดาย​ นาง​อุตส่าห์​เลือก​ผลไม้แช่อิ่ม​ผล​ใหญ่​ที่สุด​ให้​กับ​หลง​เทียน​อวี้​ ตอนนี้​มัน​ไร้ประโยชน์​เสียแล้ว​

“ขออภัย​ ขออภัย​จริงๆ​ เจ้าค่ะ​ ข้า​…ข้า​ไม่ทัน​มอง​….”

เสียง​ตื่นตระหนก​เสียง​เดิม​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​ เบือนหน้า​มอง​ท่าทาง​หวั่น​คร้าม​ของ​ซู่เหมย​ หลิน​เมิ้งห​ยา​รู้สึก​ราวกับว่า​ตนเอง​ทำ​เรื่อง​ผิดพลาด​เป็น​อย่างยิ่ง​ต่อ​นาง​

“ไม่เป็นไร​ เจ้าไม่ถูก​ลวก​ใช่หรือไม่​?”

ซู่เหมย​ส่ายหน้า​อย่าง​เอาเป็นเอาตาย​ ทว่า​ดวงตา​เปล่งประกาย​ราว​หยดน้ำ​คู่​นั้น​กลับ​มีน้ำตา​เอ่อ​คลอ​

หงอ​วี้​สงสาร​น้องสาว​ของ​ตนเอง​มาก​ นาง​จึงรีบ​จับ​แขน​น้องสาว​ตนเอง​แล้ว​เช็ด​ให้​อย่าง​ระมัดระวัง​ ซู่เหมย​ทำได้​เพียง​อดทน​อดกลั้น​เมื่อ​เห็น​หงอ​วี้​ถามไถ่ตนเอง​ด้วย​ความเป็นห่วง​

หลิน​เมิ้งห​ยา​ทน​ดู​ต่อไป​ไม่ไหว​ นาง​จึงสั่งป๋าย​ซ่าว​ให้​เข้าไป​หยิบ​ยา​แก้​น้ำร้อน​ลวก​มา

“นาง​เดิน​ทะเล่อทะล่า​เอง​แท้ๆ​ อีก​อย่าง​โจ๊ก​ถ้วย​นั้น​ก็​หา​ได้​ร้อน​จัด​ไม่ เรื่องมาก​จริง​”

นับตั้งแต่​ตอนที่​ขึ้น​รถม้า​ อา​ซิ่ว​มัก​รู้สึก​ว่า​ซู่เหมย​ช่างขัดหู​ขัดตา​เหลือเกิน​

คนอื่น​กำลัง​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​กินข้าว​จึงมองไม่เห็น​ แต่​นาง​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​

เรื่อง​นี้​หา​ใช่อุบัติเหตุ​ เห็นได้ชัด​ว่า​ซู่เหมย​ตั้งใจ​พุ่งตัว​เข้าไป​ชน​ถ้วย​ข้าว​ใน​มือ​หลิน​เมิ้งห​ยา​

ไม่รู้​ว่า​นาง​ต้องการ​จะทำ​อะไร​กัน​แน่​จึงทำ​เช่นนี้​กับ​พี่​หยวน​ ความไม่พึงพอใจ​ต่อ​นาง​จึงทวีคูณ​มากขึ้น​

“เจ้าจะพอได้​หรือยัง​? อา​ซิ่ว​ ข้า​ไม่รู้​ว่า​น้องสาว​ของ​ข้า​ทำ​สิ่งใด​ให้​เจ้าขุ่นเคือง​ นับตั้งแต่​ตอนที่​ขึ้น​รถม้า​เจ้าก็​มัก​พูดจา​ส่อเสียด​ไร้​มารยาท​กับ​นาง​เสมอ​ ตอนนี้​น้องสาว​ของ​ข้า​ถูก​โจ๊ก​ร้อน​ลวก​แขน​ เหตุใด​เจ้าต้อง​ทำให้​นาง​เจ็บช้ำน้ำใจ​มากขึ้น​ด้วย​เล่า​ หาก​นาง​ทำให้​เจ้าไม่พอใจ​ ข้า​ขอโทษ​เจ้าแทน​นาง​ด้วย​ แต่​จากนี้ไป​หวัง​ว่า​เจ้าจะเกรงใจ​น้องสาว​ข้า​บ้าง​”

ในที่สุด​หงอ​วี้​ก็​มิอาจ​ทน​ได้​อีกต่อไป​ นาง​เอ่ย​กับ​อา​ซิ่ว​อย่าง​ไม่ไว้หน้า​

ใน​สายตา​ของ​นาง​ ซู่เหมย​เป็น​เด็กสาว​ขี้กลัว​และ​ว่านอนสอนง่าย​ แม้จะไม่ยอมรับ​ตนเอง​ แต่​นั่น​ก็​เพราะ​เรื่องราว​ใน​อดีต​ที่ผ่านมา​ แต่​อา​ซิ่ว​คน​นี้​มัก​แสดง​สีหน้าท่าทาง​เย็นชา​ใส่ซู่เหมย​อยู่​หลาย​หน​ ที่​แต่ก่อน​นาง​มิปริปาก​ก็​เพราะ​ไม่อยาก​สร้าง​ปัญหา​ ทว่า​ตอนนี้​อา​ซิ่ว​ทำเกินไป​แล้ว​

“นี่​ถือว่า​ข้า​เกรงใจ​แล้ว​ต่างหาก​ หงอ​วี้​ แม้ตา​ของ​เจ้าจะบอด​ แต่​ข้า​มิเป็น​เช่นนั้น​”

อา​ซิ่ว​ไม่คิด​อ่อนข้อ​ นาง​มิอาจ​ทน​เห็น​ท่าทาง​เสแสร้ง​แกล้ง​ทำเป็น​น่าสงสาร​ของ​ซู่เหมย​ได้​

ทั้งสอง​ตั้งท่า​เหมือน​กำลังจะ​เริ่ม​ทะเลาะ​กัน​อีกครั้ง​ สุดท้าย​หลิน​เมิ้งห​ยา​จึงดึง​ตัว​อา​ซิ่ว​ไปอีก​ทาง​ ดังนั้น​ทุกคน​จึงสามารถ​ฝืน​กินข้าว​มื้อ​นี้​ต่อไป​ได้​

“เจ้านี่​หนา​ เหตุใด​จึงขุ่นเคือง​ซู่เหมย​ถึงเพียงนั้น​เล่า​? ข้า​เห็น​นาง​เป็น​เพียง​เด็กสาว​คน​หนึ่ง​ เหตุใด​จึงทำให้​เจ้าไม่พอใจ​ได้​เล่า​?”

หลิน​เมิ้งห​ยา​เคาะ​หน้าผาก​อา​ซิ่ว​เบา​ๆ ขณะ​ส่งเสียง​ตำหนิ​

มิแปลกใจ​หงอ​วี้​จะมีโทสะ​ นับตั้งแต่​ตอน​ที่นั่ง​บน​รถม้า​ออกจาก​ตำบล​ซื่อ​ฟาง นาง​มัก​ได้ยิน​วาจา​ส่อเสียด​ของ​อา​ซิ่ว​เสมอ​

อา​ซิ่ว​จ้อง​ซู่เหมย​ด้วย​สายตา​เย็นชา​อีก​หน​ ก่อน​จะกระซิบ​เสียง​เบา​

“ท่าน​คิด​ว่า​นาง​เป็น​คนดี​หรือ​ ครั้น​ตอนที่​ถูก​จับตัว​เอาไว้​ด้วยกัน​ อันที่จริง​ข้า​มีโอกาส​หนีรอด​ออกมา​ได้​ แต่กลับ​ถูก​นาง​ฟ้อง​ผู้คุม​ ยิ่งไปกว่านั้น​ตอนที่​ข้า​เพิ่ง​ถูก​จับตัว​ไป ข้า​มียาพิษ​ติดตัว​มากมาย​ ตอนแรก​ข้า​คิด​ว่า​นาง​เป็น​คนดี​ ดังนั้น​จึงแอบ​บอก​นาง​ แต่​ใคร​จะรู้​เล่า​ว่า​นาง​จะนำ​ไปบอก​คน​พวก​นั้น​ ฉะนั้น​ข้า​จึงหมดหนทาง​หนี​”

หลังจาก​ล่วงรู้​สาเหตุ​แล้ว​ หลิน​เมิ้งห​ยา​รู้สึก​คาดไม่ถึง​เลย​แม้แต่น้อย​ว่า​เด็กสาว​ท่าทาง​น่าสงสาร​เช่น​ซู่เหมย​จะเป็น​คน​แบบนี้​ แต่บางที​อาจ​เพราะ​ถูก​จับกุม​ตัว​ ดังนั้น​จึงยอมจำนน​

“ยังมี​อีก​เจ้าค่ะ​ นาง​มัก​พูดว่า​ตัวเอง​เป็น​หญิงสาว​บริสุทธิ์​และ​กลัว​ว่า​พี่สาว​จะสร้าง​ความลำบาก​ให้​กับ​นาง​ ตอนแรก​นาง​ต่างหาก​ที่​เป็น​ฝ่าย​ตามหา​พี่สาว​! ตอนแรก​พวกเรา​ถูก​ส่งไปที่​หอ​นางโลม​ของ​พี่สาว​นาง​ คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​คืน​ที่​ถูก​ส่งตัว​ออก​ขาย​นาง​จะหา​พี่สาว​ของ​ตัวเอง​เจอ​ จากนั้น​นาง​บีบน้ำตา​เพื่อ​ขอร้อง​ให้​พี่สาว​ช่วยเหลือ​นาง​ออก​ไป แต่​พอ​มาตอนนี้​กลับ​บอ​กว่า​ไม่รู้จัก​พี่สาว​ของ​ตัวเอง​ ฮึ พวก​มนุษย์​สองหน้า​กระบี่​สามคม​!”

ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​

หลิน​เมิ้งห​ยา​หันไป​มอง​ท่าน​อ๋อง​ของ​นาง​

หาก​เป็นไป​ตามที่​อา​ซิ่ว​เล่า​ นั่น​แสดงว่า​ซู่เหมย​พยายาม​เป็น​อย่างยิ่ง​ที่จะ​หนี​ออก​มาจาก​ตำบล​ซื่อ​ฟาง แต่​เพราะเหตุใด​นาง​จึงต้อง​พยายาม​ทำ​ทุก​วิถีทาง​เพื่อให้​ได้มา​กับ​พวก​นาง​ด้วย​เล่า​?

“เจ้าคิด​ว่า​ซู่เหมย​ยังมี​วัตถุประสงค์​อื่น​อีก​หรือไม่​?”

อันที่จริง​หลิน​เมิ้งห​ยา​เอง​ก็​รู้สึก​ตะขิดตะขวง​ใจกับ​ตัวตน​ของ​ซู่เหมย​เช่นเดียวกัน​ แต่​ไม่ว่า​จะคิด​เช่นไร​นาง​ก็​คิดไม่ออก​ว่า​ซู่เหมย​มีเป้าหมาย​อะไร​

“ข้า​คิด​ว่า​นาง​คง​ถูกใจ​พี่​ต้า​หยวน​เข้าให้​แล้ว​ ท่าน​มองไม่เห็น​หรือ​? เมื่อ​ครู่​ยัง​โอดโอย​เจ็บ​แขน​อยู่เลย​ แต่​ตอนนี้​กลับ​ส่งยิ้ม​หวาน​หยดย้อย​ให้​กับ​เขา​แล้ว​”

อา​ซิ่ว​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เปี่ยม​โทสะ​ ครั้น​เมื่อ​ตอน​นาง​ถูก​จับตัว​ ซู่เหมย​ผู้​นี้​ทำให้​นาง​ต้อง​ตกที่นั่งลำบาก​

ซ้ำตอนนี้​นาง​ยัง​แสร้งทำ​ท่าทาง​ใสซื่อ​ไร้เดียงสา​ เมื่อ​ดู​จาก​อารมณ์​ของ​อา​ซิ่ว​ เห็นได้ชัด​ว่า​นาง​ไม่พอใจ​เป็นอย่างมาก​

หลังจาก​ชำเลือง​มอง​ซู่เหมย​อีก​หน​ หลิน​เมิ้งห​ยา​ตรึกตรอง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะส่ายหน้า​

“ข้า​ว่า​มัน​ไม่ง่าย​ขนาด​นั้น​”

เรื่อง​ใน​หุย​ชุน​ฟางทำให้​นาง​นึก​เรื่อง​บางอย่าง​ขึ้น​มาได้​ ทุกสิ่ง​ไม่อาจ​ตัดสิน​ได้​เพียง​การ​มอง​มุมเดียว​ โดยเฉพาะ​ใน​สถานการณ์​ชวน​น่าสงสัย​เช่นนี้​

ซู่เหมย​หา​ใช่คนธรรมดา​เหมือน​อย่าง​ที่​แสดง​ออกมา​

เรื่อง​โจ๊ก​หกคว่ำ​เป็น​เพียง​เรื่องเล็ก​ นาง​ไม่มีทาง​ว่ากล่าว​ซู่เหมย​อย่าง​แน่นอน​ แต่​ซู่เหมย​กลับ​แสดงท่าทาง​เจ็บปวด​แต่​ไม่กล้า​พูด​ออกมา​ต่อหน้า​ทุกคน​

ราวกับว่า​นาง​ต้อง​การยั่วยุ​อารมณ์​ของ​อา​ซิ่ว​อย่างไร​อย่างนั้น​

“เรา​ควร​ไล่​คน​แบบนี้​ออก​ไปให้​เร็ว​ที่สุด​ มิเช่นนั้น​ท่าน​พี่​ต้า​หยวน​จะต้อง​ตก​ถึงท้อง​นาง​อย่าง​แน่นอน​!”

คิด​จะยั่วยวน​หลง​เทียน​อวี้?​ หลิน​เมิ้งห​ยา​รู้สึก​ประหลาดใจ​ยิ่งนัก​

อย่า​ว่าแต่​เรื่อง​อื่น​เลย​ แม้หลง​เทียน​อวี้​จะมีใบหน้า​หล่อเหลา​ แต่​เขา​มัก​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​ด้วย​ความ​เย็นชา​

หาก​ซู่เหมย​อยาก​หา​ที่พึ่ง​ นาง​ควรจะ​หา​คน​ประเภท​ชิวอ​วี้​จึงจะถูก​

ทั้งที่​หลง​เทียน​อวี้​แสดงท่าที​เย็นชา​ แต่กลับ​ยัง​มิยอม​ตัดใจ​ หรือ​จะเป็น​รักแรก​พบ​?

ความคิด​บางอย่าง​ผุด​ขึ้น​ใน​ใจ ทว่า​หลิน​เมิ้งห​ยา​ไม่มีหลักฐาน​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ นาง​คง​ต้อง​ให้ความร่วมมือ​กับ​การแสดง​ของ​ซู่เหมย​สักหน่อย​แล้ว​

“อา​ซิ่ว​ เจ้าช่วย​ข้า​สัก​เรื่อง​ได้​หรือไม่​”

กระซิบกระซาบ​ข้าง​หู​อา​ซิ่ว​สอง​สามคำ​ อา​ซิ่ว​หยัก​ยิ้ม​กว้าง​ก่อน​จะพยักหน้า​ลง​

“ท่าน​วางใจ​เถิด​ ข้า​จะทำให้​สำเร็จ​ เรื่อง​นี้​ข้า​จะรับผิดชอบ​เอง​”

พูด​จบ​อา​ซิ่ว​ก็​เดิน​กระโดดโลดเต้น​กลับ​ไปยัง​ตำแหน่ง​ที่​ทุกคน​นั่ง​อยู่​ หลิน​เมิ้งหยาม​อง​ตามหลัง​อา​ซิ่ว​ มุมปากห​ยักยิ้ม​มีเลศนัย​

คราวนี้​ซู่เหมย​คง​ช้ำใจตาย​อย่าง​แน่นอน​

การ​ค้างแรม​ใน​ป่าหา​ได้​งดงาม​เหมือน​ดั่ง​บทกวี​ไม่

ภายใน​กระโจม​ชั่วคราว​ ป๋าย​ซ่าว​ อา​ซิ่ว​และ​หลิน​เมิ้งห​ยา​นอน​เรียง​กัน​ใน​ผ้านวม​ผืน​หนา​ ฉะนั้น​พวก​นาง​จึงไม่รู้สึก​หนาว​เลย​แม้แต่น้อย​

ปลายเท้า​สัมผัส​ได้​ถึงความอบอุ่น​ของ​กองไฟ​ ส่วน​พวก​ผู้ชาย​ผลัดกัน​เฝ้าเวร​ยาม​ เมื่อ​มีหลง​เทียน​อวี้​และ​ชิวอวี้​คอย​คุ้มกัน​ หลิน​เมิ้งห​ยา​จึงสามารถ​พักผ่อน​ได้​โดย​ไม่กังวล​

แต่​หลิน​เมิ้งห​ยา​กลับ​นอนไม่หลับ​ นาง​จึงลุกขึ้น​มายืน​หน้า​ประตู​กระโจม​แล้ว​มอง​จันทร์​กระจ่าง​ท่ามกลาง​ท้องฟ้า​สีรัตติกาล​ ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​อะไร​

“นาย​หญิง​คิดถึงบ้าน​หรือ​เจ้าคะ​?”

ป๋าย​ซ่าวก​ระ​ซิบ​ถาม แม้ตลอดทาง​ที่ผ่านมา​นาง​มักจะ​ต้อง​รอ​นาย​หญิง​ของ​ตนเอง​เสมอ​ แต่​นาง​รู้สึก​ได้​ว่า​นาย​หญิง​ของ​ตนเอง​กำลัง​เสี่ยงอันตราย​

โชคดี​ที่​นาย​หญิง​พา​ตนเอง​มา หาก​เป็น​ป๋าย​จีและ​ป๋ายจื่อ​ คาด​ว่า​พวก​นาง​คง​กรีดร้อง​ร่ำไห้​ไม่หยุด​

“อืม​ จะว่า​อย่างนั้น​ก็ได้​”

อันที่จริง​หัวใจ​ของ​หลิน​เมิ้งห​ยา​กำลัง​ว้าวุ่น​ การ​ออกเดินทาง​คราวนี้​ทำให้​นาง​ได้​เจอ​สิ่งที่​ไม่เคย​พบเห็น​ใน​เมืองหลวง​

จิตใจ​ของ​นาง​จึงเปลี่ยนแปลง​ค่อน​ข้างมาก​ บางครั้ง​นาง​รู้สึก​อิจฉา​อา​ซิ่ว​ที่​สามารถ​แสดง​ความรู้สึก​ออกมา​อย่าง​เถรตรง​

ยิ่ง​รู้​เรื่องมาก​ก็​ย่อม​ต้อง​คิดมาก​ตาม​

“ป๋าย​ซ่าว​ ความฝัน​ของ​เจ้าคือ​อะไร​หรือ​?”

หลิน​เมิ้งห​ยา​เอ่ย​ถามหยั่งเชิง​ แม้ว่า​ชีวิต​ของ​นาง​ในเวลานี้​จะยุ่งเหยิง​มากมาย​ก็ตาม​

แต่ก่อน​พยายาม​เตรียมการ​ทุกอย่าง​เพื่อ​หนี​ออกจาก​จวน​อ๋อง​ แต่​ตอนนี้​เล่า​? นาง​ไม่ชอบ​หลอกตัวเอง​ หาก​ตอนนี้​นาง​ต้อง​ไปจาก​หลง​เทียน​อวี้​แล้ว​ล่ะ​ก็​ บางที​นาง​อาจ​ตัดใจ​ไม่ได้​เหมือน​อย่าง​ตอนแรก​

“ความฝัน​? ความฝัน​คือ​อะไร​หรือ​เจ้าคะ​?”

ป๋าย​ซ่าว​เอ่ย​ถามเสียง​ฉงน​ ผิน​หน้า​มอง​นาย​หญิง​ของ​ตนเอง​ ตั้งแต่​เด็ก​จน​โต​มิเคย​มีใคร​ถามนาง​เช่นนี้​มาก่อน​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด