ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 13 1
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 13 ตอนที่ 1
“เกินไปเนอะ?”
เดมยังเองก็มีท่าทีปวดใจไม่แพ้กัน ราวกับว่าของที่เสียหายเป็นของ ๆ เขาเอง
“รู้อะไรเหรอวะ มารุ?” โดจินถาม
“ฉัน? ยังหรอก”
“ยัง?”
มารุได้แต่ปัดมือปฏิเสธ คัง โดวุค เจ้าหนุ่มนี่น่าสงสัยเอามาก ๆ แต่จะไปตัดสินคนอื่นจากแค่รูปร่างภายนอกก็ไม่ได้ มารุเองในอดีตก็ได้เห็นคนที่ชีวิตต้องพังทลายเพราะถูกตัดสินจากภายนอกมานักต่อนัก
การเรียนการสอนจบลงตั้งแต่ 5 โมง ตอนนี้มันเป็นเวลาเลย 6 โมงเย็นแล้ว ห้องเรียนของพวกเขาว่างเปล่า ถ้าไม่นับพวกครูที่ยังเดินไปมากันอยู่
“เห็นพวกปีสามหลายคนยังตั้งหน้าอ่านหนังสือกันต่อจนดึกดื่น”
“พวกนั้นก็ไม่ได้เอาแต่เล่นกันทุกคนนะ ได้ยินว่าบางคนอยากหางาน บ้างก็อยากไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย” เดมยังตอบพร้อมเงยหน้ามองเพดาน
หลังออกมาจากห้องประชุม เขายังเห็นหลาย ๆ ห้องถูกใช้งานอยู่ คงเป็นพวกนักเรียนที่มาจับกลุ่มติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“นึกว่าเด็กโรงเรียนอาชีวะจะเอาแต่เล่นไปวัน ๆ เสียอีก” โดจินกล่าว
“พวกปีสามคงไม่เหมือนเราหรอก จริง ๆ ฉันเองก็อยากเข้ามหาลัยนะ”
“อยากเข้าที่ไหนล่ะ?”
“สักที่ในโซลเนี่ยแหละ”
“เห้ย แกเรียนเก่งเหรอ?”
มารุเปิดเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงของทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ วิศวกรรมไฟฟ้า ห้องบี เขามองออกนอกหน้าต่างไปเห็นสนามที่ยังมีคนเล่นบาสกันอยู่
“ไปเถอะ”
มารุเก็บของตัวเองและเดินนำออกห้องไป เพื่อนอีกสองคนก็ตามกันมาไม่ห่าง ก่อนทั้งสามคนจะไปแยกย้ายกันที่ร้านอาหารหน้าโรงเรียน
มารุหยุดเดินไปพักหนึ่ง เขาเปลี่ยนจุดหมายของตัวเองไปยังด้านซ้ายมือของโรงเรียนแทน ไม่นานเขาก็มาถึงสวนข้างโรงเรียน สวนที่เกือบร้างเพราะไม่มีการใช้งานมานาน
เขาเห็นจุดแดง ๆ ลอยอยู่ในอากาศแต่ไกล แสงของมวนบุหรี่จากเหล่านักเรียนนักเลง บ้างก็มาสูบเป็นกลุ่ม บ้างมานั่งสูบคนเดียว นาน ๆ ทีก็จะมีครูผ่านมาบ้าง แต่พวกนี้ก็ไม่เคยโดนจับได้ แม้แต่ตัวมารุในอดีตเอง ก็เคยมาสูบที่นี่ ถึงจะต้องโยนบุหรี่ทิ้งไปแทบจะทันทีเพราะรสชาติอันห่วยแตกก็ตาม
มารุจอดจักรยานและเดินเข้าไปในสวน พวกเด็กที่มาสุ่มหัวกันที่นี่ ส่วนมากจะใส่ชุดธรรมดา พวกนี้คือเด็กโรงเรียนเขาแน่นอน และส่วนน้อยจะใส่ชุดนักเรียน แถมพวกนี้ยังมีแต่ผู้หญิงด้วย น่าจะมาจากโรงเรียนนานาชาติดงซอง เพราะโรงเรียนนี้ใกล้กับโรงเรียนของมารุมากที่สุดแล้ว ได้ยินว่าชอบไปเที่ยวงานเทศกาลของกันและกัน พวกนักเลงเองก็คงจะตีสนิทกันด้วย
เขามองไปรอบ ๆ เพื่อหาตัวโดวุค จนในที่สุดก็เจอตัว เขากำลังอยู่ในมุมหนึ่งกับเพื่อน ๆ ของเขา ในกลุ่มมีคนที่มารุไม่เคยเห็นหน้าด้วย คงมาจากโรงเรียนอื่นล่ะมั้ง? จะยังไงก็ตาม เขาแค่มีเรื่องอยากคุยกับโดวุค มารุจึงเดินเข้าไปหาโดวุค
“โดวุค”
“…หะ?”
เด็กหนุ่มมีท่าทีตกใจที่เห็นมารุ เขาจึงยื่นบุหรี่ไปให้เพื่อนถือ
“มีเรื่องจะถามหน่อย”
“ถาม?”
“อ่า”
“อะไรล่ะ?”
“แกสูบบุหรี่ที่ห้องประชุมเมื่อวันเสาร์ก่อนใช่ไหม?”
“เสาร์ก่อน? ทำไมวะ?”
โดวุคหันมามองมารุด้วยรอยยิ้ม หมายความว่าเขาไปสูบจริง ๆ
‘ตัวเราใจเย็นขนาดนี้เลยเหรอ? เหมือนว่าจะมองสีหน้าพวกนี้ออกได้ง่าย ๆ ด้วย’ มารุนึกสงสัยตัวเอง
ในชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีความอดทนต่ำ ยิ่งกับเรื่องไม่ยุติธรรมแล้ว เขาเป็นคนประเภทที่พยายามจะช่วยคนอื่นเท่าที่ทำได้ เพราะแบบนั้นเขาถึงได้ทะเลาะกับเจ้านายบ่อย ๆ ในที่ทำงาน ทำให้ไม่มีเจ้านายหรือหัวหน้าคนไหนอยากจะคุยกับเขา และเพราะแบบนี้เขาถึงตัดสินใจมาเป็นคนขับรถโดยสาร
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่กล้ามากมายขนาดนี้ เขาคงไม่สามารถเดินเข้ามากลางดงนักเลง โดยไร้ความกลัวแบบนี้ได้
‘คงเกี่ยวกับอายุด้วยแหละ’
ตอนนี้อย่างเพิ่งไปสนใจเรื่องนั้นเลย
“ตอนไปสูบเห็นชุดที่กอง ๆ อยู่ไหม?”
“ไม่ จะถามเพื่อ? จะเอาไปฟ้องครูเหรอ?”
“คิดว่าฉันมาเพราะเรื่องนั้นเหรอ? ถามจริงดิ?”
โดวุคถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนจะเดินเข้ามาหามารุ
“อะไรของมึง ก็นึกว่าจะมีเรื่องเสียแล้ว”
“เหมือนมีอะไรส่วนตัวนะ พวก บอกมาหน่อย ตอนไปสูบเห็นของที่กองอยู่กับพื้นไหม?”
“อ่า เห็น แล้ว?”
ใบหน้าของโดวุคยื่นเข้ามาใกล้ กลิ่นของบุหรี่ ให้ตาย แรงจริง ๆ
“แค่ถามเฉย ๆ”
มารุจ้องตาของโดวุคกลับ เด็กหนุ่มไม่มีทีท่าจะกลัวเลย
“แกเอาบุหรี่ไปจี้เสื้อผ้าพวกนั้นจนเป็นรูรึเปล่า?”
เขาไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านั้น โดวุคกระพริบตาด้วยความงุนงง และ
[เหี้ยนี่พูดไรของมัน? จี้อะไร?]
กล่องคำพูดลอยขึ้นมาบนหัวของเขา นั่นเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าโดวุคไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จุงฮยุกอาจจะพูดถูก คนทำน่าจะเป็นพวกปีสาม
“พูดอะไร—“ โดวุคกำลังบ่น แต่มารุก็ตัดบทเขาเสียก่อน
“ขอโทษทีที่มากวน ไปสูบต่อเถอะ แต่อย่าสูบเยอะไปล่ะ เดี๋ยวจะได้มาเสียใจภายหลัง”
“ห-หะ?”
“เจอกัน”
อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าโดวุคไม่ใช่คนประเภทที่จะทำลายข้าวของคนอื่น แต่พวกนักเลงในวัยนี้มันก็มีแค่พวกอยากทำเท่ทั้งนั้น ถึงจะมีพวกที่ทำตัวเลวทรามจริง ๆ อยู่บ้างก็ตาม มารุคิดได้ดังนั้นก็หันหลังกลับไปที่จักรยานของตัวเอง
* * *
Comments
ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 13 1
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 13 ตอนที่ 1
“เกินไปเนอะ?”
เดมยังเองก็มีท่าทีปวดใจไม่แพ้กัน ราวกับว่าของที่เสียหายเป็นของ ๆ เขาเอง
“รู้อะไรเหรอวะ มารุ?” โดจินถาม
“ฉัน? ยังหรอก”
“ยัง?”
มารุได้แต่ปัดมือปฏิเสธ คัง โดวุค เจ้าหนุ่มนี่น่าสงสัยเอามาก ๆ แต่จะไปตัดสินคนอื่นจากแค่รูปร่างภายนอกก็ไม่ได้ มารุเองในอดีตก็ได้เห็นคนที่ชีวิตต้องพังทลายเพราะถูกตัดสินจากภายนอกมานักต่อนัก
การเรียนการสอนจบลงตั้งแต่ 5 โมง ตอนนี้มันเป็นเวลาเลย 6 โมงเย็นแล้ว ห้องเรียนของพวกเขาว่างเปล่า ถ้าไม่นับพวกครูที่ยังเดินไปมากันอยู่
“เห็นพวกปีสามหลายคนยังตั้งหน้าอ่านหนังสือกันต่อจนดึกดื่น”
“พวกนั้นก็ไม่ได้เอาแต่เล่นกันทุกคนนะ ได้ยินว่าบางคนอยากหางาน บ้างก็อยากไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย” เดมยังตอบพร้อมเงยหน้ามองเพดาน
หลังออกมาจากห้องประชุม เขายังเห็นหลาย ๆ ห้องถูกใช้งานอยู่ คงเป็นพวกนักเรียนที่มาจับกลุ่มติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“นึกว่าเด็กโรงเรียนอาชีวะจะเอาแต่เล่นไปวัน ๆ เสียอีก” โดจินกล่าว
“พวกปีสามคงไม่เหมือนเราหรอก จริง ๆ ฉันเองก็อยากเข้ามหาลัยนะ”
“อยากเข้าที่ไหนล่ะ?”
“สักที่ในโซลเนี่ยแหละ”
“เห้ย แกเรียนเก่งเหรอ?”
มารุเปิดเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงของทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ วิศวกรรมไฟฟ้า ห้องบี เขามองออกนอกหน้าต่างไปเห็นสนามที่ยังมีคนเล่นบาสกันอยู่
“ไปเถอะ”
มารุเก็บของตัวเองและเดินนำออกห้องไป เพื่อนอีกสองคนก็ตามกันมาไม่ห่าง ก่อนทั้งสามคนจะไปแยกย้ายกันที่ร้านอาหารหน้าโรงเรียน
มารุหยุดเดินไปพักหนึ่ง เขาเปลี่ยนจุดหมายของตัวเองไปยังด้านซ้ายมือของโรงเรียนแทน ไม่นานเขาก็มาถึงสวนข้างโรงเรียน สวนที่เกือบร้างเพราะไม่มีการใช้งานมานาน
เขาเห็นจุดแดง ๆ ลอยอยู่ในอากาศแต่ไกล แสงของมวนบุหรี่จากเหล่านักเรียนนักเลง บ้างก็มาสูบเป็นกลุ่ม บ้างมานั่งสูบคนเดียว นาน ๆ ทีก็จะมีครูผ่านมาบ้าง แต่พวกนี้ก็ไม่เคยโดนจับได้ แม้แต่ตัวมารุในอดีตเอง ก็เคยมาสูบที่นี่ ถึงจะต้องโยนบุหรี่ทิ้งไปแทบจะทันทีเพราะรสชาติอันห่วยแตกก็ตาม
มารุจอดจักรยานและเดินเข้าไปในสวน พวกเด็กที่มาสุ่มหัวกันที่นี่ ส่วนมากจะใส่ชุดธรรมดา พวกนี้คือเด็กโรงเรียนเขาแน่นอน และส่วนน้อยจะใส่ชุดนักเรียน แถมพวกนี้ยังมีแต่ผู้หญิงด้วย น่าจะมาจากโรงเรียนนานาชาติดงซอง เพราะโรงเรียนนี้ใกล้กับโรงเรียนของมารุมากที่สุดแล้ว ได้ยินว่าชอบไปเที่ยวงานเทศกาลของกันและกัน พวกนักเลงเองก็คงจะตีสนิทกันด้วย
เขามองไปรอบ ๆ เพื่อหาตัวโดวุค จนในที่สุดก็เจอตัว เขากำลังอยู่ในมุมหนึ่งกับเพื่อน ๆ ของเขา ในกลุ่มมีคนที่มารุไม่เคยเห็นหน้าด้วย คงมาจากโรงเรียนอื่นล่ะมั้ง? จะยังไงก็ตาม เขาแค่มีเรื่องอยากคุยกับโดวุค มารุจึงเดินเข้าไปหาโดวุค
“โดวุค”
“…หะ?”
เด็กหนุ่มมีท่าทีตกใจที่เห็นมารุ เขาจึงยื่นบุหรี่ไปให้เพื่อนถือ
“มีเรื่องจะถามหน่อย”
“ถาม?”
“อ่า”
“อะไรล่ะ?”
“แกสูบบุหรี่ที่ห้องประชุมเมื่อวันเสาร์ก่อนใช่ไหม?”
“เสาร์ก่อน? ทำไมวะ?”
โดวุคหันมามองมารุด้วยรอยยิ้ม หมายความว่าเขาไปสูบจริง ๆ
‘ตัวเราใจเย็นขนาดนี้เลยเหรอ? เหมือนว่าจะมองสีหน้าพวกนี้ออกได้ง่าย ๆ ด้วย’ มารุนึกสงสัยตัวเอง
ในชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีความอดทนต่ำ ยิ่งกับเรื่องไม่ยุติธรรมแล้ว เขาเป็นคนประเภทที่พยายามจะช่วยคนอื่นเท่าที่ทำได้ เพราะแบบนั้นเขาถึงได้ทะเลาะกับเจ้านายบ่อย ๆ ในที่ทำงาน ทำให้ไม่มีเจ้านายหรือหัวหน้าคนไหนอยากจะคุยกับเขา และเพราะแบบนี้เขาถึงตัดสินใจมาเป็นคนขับรถโดยสาร
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่กล้ามากมายขนาดนี้ เขาคงไม่สามารถเดินเข้ามากลางดงนักเลง โดยไร้ความกลัวแบบนี้ได้
‘คงเกี่ยวกับอายุด้วยแหละ’
ตอนนี้อย่างเพิ่งไปสนใจเรื่องนั้นเลย
“ตอนไปสูบเห็นชุดที่กอง ๆ อยู่ไหม?”
“ไม่ จะถามเพื่อ? จะเอาไปฟ้องครูเหรอ?”
“คิดว่าฉันมาเพราะเรื่องนั้นเหรอ? ถามจริงดิ?”
โดวุคถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนจะเดินเข้ามาหามารุ
“อะไรของมึง ก็นึกว่าจะมีเรื่องเสียแล้ว”
“เหมือนมีอะไรส่วนตัวนะ พวก บอกมาหน่อย ตอนไปสูบเห็นของที่กองอยู่กับพื้นไหม?”
“อ่า เห็น แล้ว?”
ใบหน้าของโดวุคยื่นเข้ามาใกล้ กลิ่นของบุหรี่ ให้ตาย แรงจริง ๆ
“แค่ถามเฉย ๆ”
มารุจ้องตาของโดวุคกลับ เด็กหนุ่มไม่มีทีท่าจะกลัวเลย
“แกเอาบุหรี่ไปจี้เสื้อผ้าพวกนั้นจนเป็นรูรึเปล่า?”
เขาไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านั้น โดวุคกระพริบตาด้วยความงุนงง และ
[เหี้ยนี่พูดไรของมัน? จี้อะไร?]
กล่องคำพูดลอยขึ้นมาบนหัวของเขา นั่นเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าโดวุคไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จุงฮยุกอาจจะพูดถูก คนทำน่าจะเป็นพวกปีสาม
“พูดอะไร—“ โดวุคกำลังบ่น แต่มารุก็ตัดบทเขาเสียก่อน
“ขอโทษทีที่มากวน ไปสูบต่อเถอะ แต่อย่าสูบเยอะไปล่ะ เดี๋ยวจะได้มาเสียใจภายหลัง”
“ห-หะ?”
“เจอกัน”
อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าโดวุคไม่ใช่คนประเภทที่จะทำลายข้าวของคนอื่น แต่พวกนักเลงในวัยนี้มันก็มีแค่พวกอยากทำเท่ทั้งนั้น ถึงจะมีพวกที่ทำตัวเลวทรามจริง ๆ อยู่บ้างก็ตาม มารุคิดได้ดังนั้นก็หันหลังกลับไปที่จักรยานของตัวเอง
* * *
Comments