ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 20 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 20 ตอนที่ 2
อะไรของมัน?”
น้องสาวของเขาทําตัวปกติมาได้หลายวัน แต่ตอนนี้เธอกําลัง จ้องมองมาที่เขาอย่างกับว่าเขาไปขโมยอะไรของเธอมา ทําสายตาเหมือนโกรธแค้นอะไรสักอย่าง เขาไปทําอะไรให้เหรอ? ความสัมพันธ์ของพวกเรามันแย่ขนาดนี้เลย?
“คงเพราะแบบนี้เธอเลยไม่ยอมบอกเรื่องหย่าให้เราฟัง”
ชาติก่อนเขาไม่สนใจน้องสาวของตัวเองเลยทั้ง ๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ และนั่นทําให้เขารู้สึกเสียใจมาก ๆ ชีวิตนี้เขาจึงตัดสินใจจะดูแลเธอให้ดีขึ้น ทําตัวให้เป็นพี่ชายแสนดี ที่เธอจะพึ่งพาได้แม้ยามเจอสถานการณ์ยากลําบากในสังคม
“จะดูแลให้ดีเลย”
มารุยิ้มให้น้องสาวของตัวเองอย่างอบอุ่น
“ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไม่มีทางล่ะ”
พี่ชายของเธอ? ยิ้มให้เฉย ๆ ? ต้องมีอะไรผิดพลาดที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ บาดะตัดสินใจที่จะทําอะไรสักอย่างกับมัน
“นี่” เธอเรียก
“อะไร?”
“ทําแบบนี้ทําไม?”
“ทําอะไร?”
“ทําไมถึงดีกับฉันนัก?”
หะ?”
“ฮีย เอาตรง ๆ เลยนะ ถ้าทําอะไรผิดมาก็บอกมาเลยดีกว่า ฉันยกโทษให้แน่ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ต้องทําถึงขนาดนี้ก็ได้”
แค่นี้คงพอใช่ไหม? อย่างน้อย ๆ บาดะก็เชื่ออย่างนั้น แต่เธอคิดผิด เพราะพี่ชายของเธอกลับมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและ
“จากนี้ไปจะเอาเนื้อให้กินเยอะ ๆ เลยนะ พี่สัญญา”
มารุมองดูบาดะขณะที่เด็กสาวเดินไปนั่งหน้าทีวีพร้อมชามข้าวในมืออย่างที่คาด เด็กสาวอายุรุ่นราวประมาณนี้ ทําอะไรคาดเดาได้ยาก เขารู้เรื่องนี้ดี เพราะเขามีประสบการณ์ตรงกับลูกสาวของตัวเอง
“กลับมาแล้ว” แม่กล่าวพร้อมถือของสดมาเต็มมือ
“ผมทําอาหารแล้วนะ”
“ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ทําเองไง”
“แม่เองก็อยากให้ผมทําใช่ไหมล่ะ ถ้าแม่อยากช่วยผมแม่ล้างจานก็ได้นะ
แม่ของเขาเดินเข้าห้องครัวไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับทําหน้าตกใจหลังเห็นหมูผัดที่มารุทํา มารุได้แต่ยิ้มตอบเพราะจะให้บอกว่า “ผมทําบ่อยตอนเมียไม่อยู่บ้าน” ก็กระไรอยู่
มารุกลับเข้าห้องของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นด้วยนิ้วเท้า เขาเริ่มชินกับชีวิตมัธยมปลายแล้วจริง ๆ เขากลับมาทําตัวสมเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และคุ้นชินกับยุคปี 2003 ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมองมุมไหน มารุก็เป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น
มารุเปิดหน้าต่างข้อความด้วยเมาส์เขาไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมสักเท่าไหร่ เพราะเขาเล่นมามากแล้วในชีวิตก่อน มารุทักเพื่อน ๆ ในโปรแกรมคุยก่อนจะเปิดเว็บเบราว์เซอร์ขึ้น
“โห เมื่อก่อนมันมีตัวช่วยค้นหาเยอะขนาดนี้เลย”
นี่เป็นยุคก่อนที่เหล่าเว็บผู้ช่วยค้นหาจะถูกมัดรวมกันเป็นหนึ่ง เดียว มารุเปิดเว็บค้นหาขึ้นมาเว็บหนึ่งและค้นคําว่า “ละครเวทีลงไป ผลการค้นหาแรกคือพวกละครเวทีของเด็กมหาวิทยาลัย และมีบล็อกอีกสองสามบล็อก ในยุคนี้ยังไม่มีใครคิดจะเป็นนักเขียนบล็อกมากสักเท่าไหร่ มารุจึงตัดสิน ใจเปิดบล็อกของตัวเองหลังหาข้อมูลดูอีกนิดหน่อย
ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะโด่งดังหรืออะไร
เขาแค่อยากจะเขียนไดอารี่ชีวิตที่สองของเขา หลังจากนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง มารุก็เลือกชื่อที่จะใช้ได้
– ชีวิต อีกครั้งหนึ่ง
และโพสต์แรกที่เขาลงก็คือ
– มาใช้ชีวิตให้สนุก และมีความหมายกันเถอะ
เดมยังหยุดชะงักไประหว่างที่กําลังพิมพ์ ตั้งแต่เขาเริ่มนั่งฟาร์มในเกมมา นี่ก็เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เขาเรียกพวกเพื่อนๆมาเล่นด้วยกันหลังเห็นว่าจุดฟาร์มใหญ่ว่าง
– พระเจ้า ดู Exp ที่ได้สิ
– เงินก็ดีด้วย
ที่เหลือก็แค่รอของดรอป
เขากําลังเล่นเกมอยู่กับเพื่อนๆในห้องเรียน เขารู้สึกสนุกกับมัน แต่พอเขากําลังจะยื่นมือไปจับเมาส์อีกครั้ง เสียงตะโกนของครูฝึกมิโซก็ดังขึ้นในหัว เสียงตะโกนที่ทําให้เขาต้องยืนตัวแข็งทื่อ ภาพตัวเองที่ยื่นแข็งทื่อในห้องประชุมปรากฏออกมาซ้อนทับกับตัวของเขาในตอนนี้ เขาอายเกินกว่าจะขยับตัวได้
– เห้ย เดมยัง
– ตายละเรอะ?
เพื่อนๆของเขาถามขึ้นเพราะตัวละครของเขาหยุดการเคลื่อนไหวมาได้สักพัก เดมยังหันไปมองที่ตัวละครที่เขาสร้างขึ้น เขาใช้เวลาและเงินทองไปมากมายกับตัวละครตัวนี้ ถึงเขาจะไม่ได้เป็นระดับหัวกะทิของเซิฟเวอร์ แต่เขาก็น่าจะพออยู่ระดับบน ๆ ทําไมจะไม่อยู่ล่ะ? เพราะเขาใช้เวลาและเงินมหาศาลไปกับตัวละครนี้นี่นา
“…แต่ มันไม่ใช่เรา”
แค่คิดแบบนั้นก็ทําให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ทําไมชีวิตของเขาถึง ไม่สามารถเป็นแบบในเกมได้นะ? ตอนที่เขาคิดขึ้นได้แบบนั้น ส่วนหนึ่งในจิตใจก็บอกให้เขาแค่นั่งเล่นต่อไปก็พอ แต่เพราะอะไรบางอย่างความคิดนี้ยิ่งทําให้เขาไม่อยากเล่นมากขึ้นไปอีก เขาปิดคอมพิวเตอร์ลงหลังจากบอกลาเพื่อน ๆ เสร็จเรียบร้อย
จอเปลี่ยนเป็นสีดําสนิท และความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องของเขา
ใครจะไปคิดล่ะว่า เมื่อกี้เขายังนั่งเล่นกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนานขนาดนั้น เดมยังลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาอยากจะไปที่ไหนสักที่ ใช่โดจินบอกเขาว่าเขาต้องหัดออกกําลังบ้าง บางทีตอนนี้… เขาหยิบรองเท้าผ้าใบของตัวเองออกมาใส่ เตรียมตัวออกไปข้างนอก
“จะไปไหนเหรอ?” แม่ของเดมยังถามระหว่างที่เธอกําลังเตรียมอาหารมื้อดึกไว้ให้เขา
“จะไปวิ่งหน่อย”
“จริงเหรอ?”
เดมยังรู้ได้ทันทีว่าในเสี้ยววินาทีนั้น แม่ของเขาเผยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ทําให้เขายิ่งรู้สึกผิดกับตัวเอง แม่ของเขาเองก็ไม่อยากให้เขาอ้วนมากขนาดนี้สินะ
“เดี๋ยวกลับมานะ”
“อืม อย่ากลับดึกนักล่ะ”
เดมยังเดินออกจากบ้านไปพร้อมมือถือและหูฟังในมือ
“อย่านอนดึกนักนะ แม่รู้อยู่ว่ามันวันหยุด แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างจะนอนดึก
“ครับ”
โดจินบอกลาแม่ของเขาที่เดินออกจากบ้านไปเข้างานกะดึก หลังจากส่งแม่ของเขาเรียบร้อย เขาก็รีบโดดเข้าไปในห้องของตัวเองทันที่ เวลาที่แม่ของเขาไม่อยู่บ้าน เป็นเวลาที่เขามีความสุขที่สุด เพราะมันคือช่วงเวลาแห่งผู้ใหญ่เขาเปิดหนังเรื่องหนึ่งที่ได้มาจากเพื่อนเก่าของเขา ตราสัญลักษณ์อันคุ้นตาปรากฏขึ้น ก่อนจะเริ่ม เข้าสู่ตัววีดิโอจริง ๆ
“FBI เองก็ดูหนังโป็เหมือนกันสินะ”
แต่เขาไม่สนใจ และกดข้ามไป ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เดมยัง?”
Comments
ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 20 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 20 ตอนที่ 2
อะไรของมัน?”
น้องสาวของเขาทําตัวปกติมาได้หลายวัน แต่ตอนนี้เธอกําลัง จ้องมองมาที่เขาอย่างกับว่าเขาไปขโมยอะไรของเธอมา ทําสายตาเหมือนโกรธแค้นอะไรสักอย่าง เขาไปทําอะไรให้เหรอ? ความสัมพันธ์ของพวกเรามันแย่ขนาดนี้เลย?
“คงเพราะแบบนี้เธอเลยไม่ยอมบอกเรื่องหย่าให้เราฟัง”
ชาติก่อนเขาไม่สนใจน้องสาวของตัวเองเลยทั้ง ๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ และนั่นทําให้เขารู้สึกเสียใจมาก ๆ ชีวิตนี้เขาจึงตัดสินใจจะดูแลเธอให้ดีขึ้น ทําตัวให้เป็นพี่ชายแสนดี ที่เธอจะพึ่งพาได้แม้ยามเจอสถานการณ์ยากลําบากในสังคม
“จะดูแลให้ดีเลย”
มารุยิ้มให้น้องสาวของตัวเองอย่างอบอุ่น
“ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไม่มีทางล่ะ”
พี่ชายของเธอ? ยิ้มให้เฉย ๆ ? ต้องมีอะไรผิดพลาดที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ บาดะตัดสินใจที่จะทําอะไรสักอย่างกับมัน
“นี่” เธอเรียก
“อะไร?”
“ทําแบบนี้ทําไม?”
“ทําอะไร?”
“ทําไมถึงดีกับฉันนัก?”
หะ?”
“ฮีย เอาตรง ๆ เลยนะ ถ้าทําอะไรผิดมาก็บอกมาเลยดีกว่า ฉันยกโทษให้แน่ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ต้องทําถึงขนาดนี้ก็ได้”
แค่นี้คงพอใช่ไหม? อย่างน้อย ๆ บาดะก็เชื่ออย่างนั้น แต่เธอคิดผิด เพราะพี่ชายของเธอกลับมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและ
“จากนี้ไปจะเอาเนื้อให้กินเยอะ ๆ เลยนะ พี่สัญญา”
มารุมองดูบาดะขณะที่เด็กสาวเดินไปนั่งหน้าทีวีพร้อมชามข้าวในมืออย่างที่คาด เด็กสาวอายุรุ่นราวประมาณนี้ ทําอะไรคาดเดาได้ยาก เขารู้เรื่องนี้ดี เพราะเขามีประสบการณ์ตรงกับลูกสาวของตัวเอง
“กลับมาแล้ว” แม่กล่าวพร้อมถือของสดมาเต็มมือ
“ผมทําอาหารแล้วนะ”
“ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ทําเองไง”
“แม่เองก็อยากให้ผมทําใช่ไหมล่ะ ถ้าแม่อยากช่วยผมแม่ล้างจานก็ได้นะ
แม่ของเขาเดินเข้าห้องครัวไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับทําหน้าตกใจหลังเห็นหมูผัดที่มารุทํา มารุได้แต่ยิ้มตอบเพราะจะให้บอกว่า “ผมทําบ่อยตอนเมียไม่อยู่บ้าน” ก็กระไรอยู่
มารุกลับเข้าห้องของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นด้วยนิ้วเท้า เขาเริ่มชินกับชีวิตมัธยมปลายแล้วจริง ๆ เขากลับมาทําตัวสมเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และคุ้นชินกับยุคปี 2003 ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมองมุมไหน มารุก็เป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น
มารุเปิดหน้าต่างข้อความด้วยเมาส์เขาไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมสักเท่าไหร่ เพราะเขาเล่นมามากแล้วในชีวิตก่อน มารุทักเพื่อน ๆ ในโปรแกรมคุยก่อนจะเปิดเว็บเบราว์เซอร์ขึ้น
“โห เมื่อก่อนมันมีตัวช่วยค้นหาเยอะขนาดนี้เลย”
นี่เป็นยุคก่อนที่เหล่าเว็บผู้ช่วยค้นหาจะถูกมัดรวมกันเป็นหนึ่ง เดียว มารุเปิดเว็บค้นหาขึ้นมาเว็บหนึ่งและค้นคําว่า “ละครเวทีลงไป ผลการค้นหาแรกคือพวกละครเวทีของเด็กมหาวิทยาลัย และมีบล็อกอีกสองสามบล็อก ในยุคนี้ยังไม่มีใครคิดจะเป็นนักเขียนบล็อกมากสักเท่าไหร่ มารุจึงตัดสิน ใจเปิดบล็อกของตัวเองหลังหาข้อมูลดูอีกนิดหน่อย
ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะโด่งดังหรืออะไร
เขาแค่อยากจะเขียนไดอารี่ชีวิตที่สองของเขา หลังจากนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง มารุก็เลือกชื่อที่จะใช้ได้
– ชีวิต อีกครั้งหนึ่ง
และโพสต์แรกที่เขาลงก็คือ
– มาใช้ชีวิตให้สนุก และมีความหมายกันเถอะ
เดมยังหยุดชะงักไประหว่างที่กําลังพิมพ์ ตั้งแต่เขาเริ่มนั่งฟาร์มในเกมมา นี่ก็เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เขาเรียกพวกเพื่อนๆมาเล่นด้วยกันหลังเห็นว่าจุดฟาร์มใหญ่ว่าง
– พระเจ้า ดู Exp ที่ได้สิ
– เงินก็ดีด้วย
ที่เหลือก็แค่รอของดรอป
เขากําลังเล่นเกมอยู่กับเพื่อนๆในห้องเรียน เขารู้สึกสนุกกับมัน แต่พอเขากําลังจะยื่นมือไปจับเมาส์อีกครั้ง เสียงตะโกนของครูฝึกมิโซก็ดังขึ้นในหัว เสียงตะโกนที่ทําให้เขาต้องยืนตัวแข็งทื่อ ภาพตัวเองที่ยื่นแข็งทื่อในห้องประชุมปรากฏออกมาซ้อนทับกับตัวของเขาในตอนนี้ เขาอายเกินกว่าจะขยับตัวได้
– เห้ย เดมยัง
– ตายละเรอะ?
เพื่อนๆของเขาถามขึ้นเพราะตัวละครของเขาหยุดการเคลื่อนไหวมาได้สักพัก เดมยังหันไปมองที่ตัวละครที่เขาสร้างขึ้น เขาใช้เวลาและเงินทองไปมากมายกับตัวละครตัวนี้ ถึงเขาจะไม่ได้เป็นระดับหัวกะทิของเซิฟเวอร์ แต่เขาก็น่าจะพออยู่ระดับบน ๆ ทําไมจะไม่อยู่ล่ะ? เพราะเขาใช้เวลาและเงินมหาศาลไปกับตัวละครนี้นี่นา
“…แต่ มันไม่ใช่เรา”
แค่คิดแบบนั้นก็ทําให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ทําไมชีวิตของเขาถึง ไม่สามารถเป็นแบบในเกมได้นะ? ตอนที่เขาคิดขึ้นได้แบบนั้น ส่วนหนึ่งในจิตใจก็บอกให้เขาแค่นั่งเล่นต่อไปก็พอ แต่เพราะอะไรบางอย่างความคิดนี้ยิ่งทําให้เขาไม่อยากเล่นมากขึ้นไปอีก เขาปิดคอมพิวเตอร์ลงหลังจากบอกลาเพื่อน ๆ เสร็จเรียบร้อย
จอเปลี่ยนเป็นสีดําสนิท และความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องของเขา
ใครจะไปคิดล่ะว่า เมื่อกี้เขายังนั่งเล่นกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนานขนาดนั้น เดมยังลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาอยากจะไปที่ไหนสักที่ ใช่โดจินบอกเขาว่าเขาต้องหัดออกกําลังบ้าง บางทีตอนนี้… เขาหยิบรองเท้าผ้าใบของตัวเองออกมาใส่ เตรียมตัวออกไปข้างนอก
“จะไปไหนเหรอ?” แม่ของเดมยังถามระหว่างที่เธอกําลังเตรียมอาหารมื้อดึกไว้ให้เขา
“จะไปวิ่งหน่อย”
“จริงเหรอ?”
เดมยังรู้ได้ทันทีว่าในเสี้ยววินาทีนั้น แม่ของเขาเผยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ทําให้เขายิ่งรู้สึกผิดกับตัวเอง แม่ของเขาเองก็ไม่อยากให้เขาอ้วนมากขนาดนี้สินะ
“เดี๋ยวกลับมานะ”
“อืม อย่ากลับดึกนักล่ะ”
เดมยังเดินออกจากบ้านไปพร้อมมือถือและหูฟังในมือ
“อย่านอนดึกนักนะ แม่รู้อยู่ว่ามันวันหยุด แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างจะนอนดึก
“ครับ”
โดจินบอกลาแม่ของเขาที่เดินออกจากบ้านไปเข้างานกะดึก หลังจากส่งแม่ของเขาเรียบร้อย เขาก็รีบโดดเข้าไปในห้องของตัวเองทันที่ เวลาที่แม่ของเขาไม่อยู่บ้าน เป็นเวลาที่เขามีความสุขที่สุด เพราะมันคือช่วงเวลาแห่งผู้ใหญ่เขาเปิดหนังเรื่องหนึ่งที่ได้มาจากเพื่อนเก่าของเขา ตราสัญลักษณ์อันคุ้นตาปรากฏขึ้น ก่อนจะเริ่ม เข้าสู่ตัววีดิโอจริง ๆ
“FBI เองก็ดูหนังโป็เหมือนกันสินะ”
แต่เขาไม่สนใจ และกดข้ามไป ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เดมยัง?”
Comments