ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 23 1
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 23 ตอนที่ 1
“สิ่งที่ฉันคิดจะทํามันผิดเหรอ?” เดมยังถาม
มารุตอบกลับหลังนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“ฉันเข้าใจว่าแกติดใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ฉันจะไม่พูดหรอกนะว่ารูปร่างหน้าตามันไม่สําคัญ เพราะความจริงแล้วมันก็สําคัญ การมีรูปร่างหน้าตาดีก็จะทําให้ใช้ชีวิตง่ายกว่าแหละ” มาหยุดหายใจก่อนจะพูดต่อ “ฉันเห็นด้วยนะ เรื่องที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองน่ะ แต่อย่ามุ่งเน้นไปที่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แกบอกว่าเกมคือวิธีการที่แกใช้หนีความเป็นจริงใช่ไหม? ก็อาจใช่ แต่นั่นเอง มันก็เป็นส่วนหนึ่งของแก สิ่งที่แกให้เวลากับมันไปมากมายมหาศาล มันไม่ผิดหรอกนะถ้าคิดจะหันมาสนใจกีฬามากกว่า แต่การตัดสินใจอะไรไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มันไม่เคยส่งผลดี ถ้าสุดท้ายแกถูกคนล้อว่าเป็นไอ้แห้งไม้เสียบผีอีกล่ะ? ถ้าโดนว่าแบบนั้นก็จะกลับมากินให้อ้วนเหมือนเดิมเหรอ? ยังไงเสีย มันก็ไม่มีจุดจบที่สวยงามหรอก”
มารุหยุดพูดไปชั่วครู เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่พูดออกมาได้ยาก เพราะมันไม่มีคําตอบที่ถูกต้องตายตัว จะให้เดมยังใช้ชีวิตโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างก็คงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องปฏิบัติตัว ตามที่คนรอบข้างบอกไปเสียทุกอย่าง เดมยังต้องหาจุดสมดุลและรักษามัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายออกมาเป็นคําพูดได้ง่ายๆ มันเป็นสิ่งที่คนเราต้องได้ประสบเจอเข้ากับตัวเท่านั้น
“เดมยัง”
“ว่าไง?”
“แค่ทําตามสามสิ่งนี้ก็พอ อย่างแรกอย่าดูถูกตัวเอง ถ้ามีใครมาพูดล้ออะไร แค่บอกให้มันหยุดเสีย อย่างที่สอง ชื่นชมตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย แม้จะเป็นเรื่องอะไรเล็กๆก็ตาม อย่างสุดท้ายนี้ เป็นสิ่งที่ครูฝึกมิโซเองก็เคยพูด ดูแลเสียงของตัวเองให้ดี เวลาพูด จงพูดให้ดัง ดังพอที่ตัวเองจะได้ยินมันอย่างชัดเจน”
“…อืม ได้ จะทําตาม”
“มันเป็นแค่สิ่งที่ฉันคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะงั้นไม่ต้องทําตามให้ตรงเป๊ะก็ได้นะ”
มารุหันหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า เขาพูดคําแนะนําเหล่านี้ออกมาจากประสบการณ์ชีวิตของเขา แต่เขาไม่แน่ใจหรอกว่าคําพูดเหล่านี้จะเป็นคําแนะนําที่ดีได้ไหม อย่างน้อยๆ เดมยังก็ดูท่าทางโล่งขึ้นมาบ้างแล้ว
“ฉันจะทําได้ไหม? นายว่าฉันจะกลายเป็นคนแบบนั้นได้ ไหม?”
“บอกแล้วไง ว่าคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆหรอก สิ่งที่เองได้ไหมกันทีหลัง”
มารุตบแผ่นหลังของเดมยังเบาๆ เขานั้นชอบให้คําปรึกษา เขาทํามันมามากมายหลายครั้งในชีวิตครั้งก่อน ประสบการณ์เหล่านั้นเองก็มีประโยชน์กับชีวิตนี้เช่นกัน
“ไปกันเถอะ หนาวมากแล้ว”
“ได้”
“เฮ้ย โดจิน กลับเถอะ”
“เออ”
แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในจิตใจ
***
เดมยังเดินกลับบ้านของตัวเอง ห้องครัวยังมีแสงไฟลอดออกมา คนที่อยู่ด้านในคือแม่ของเขา
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“อ่า”
“ดึกแล้ว ไปนอนไป”
“อืม”
แม่หันกลับเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แต่เดมยังก็เรียกเธอจากด้านหลัง
“ผมจะเปลี่ยน”
นั่นคือความมุ่งมั่นของเขา ถึงมันจะน่าอาย แต่เขาก็อยากจะบอกกับแม่ไว้ เพราะเขายังจําใบหน้าของแม่ที่ร้องไห้หลังรู้ เรื่องเขาโดนแกล้งได้ดี เธอถึงขนาดที่ว่ายอมให้เขาย้ายมาโรงเรียนนี้ ที่ดูแย่กว่าโรงเรียนเดิมที่เขาตั้งเป้าไว้มาก
“แม่เองก็คงลําบากไม่แพ้กัน
เขาเห็นมันได้แล้ว ว่าแม่ของเขาห่วงใยเขามากเพียงใด
“อ-อ่า”
แม่ของเขาเดินกลับเข้าห้องไปด้วยสีหน้างุนงง มารุบอกมาว่าการเปลี่ยนตัวเองมันยาก
ถึงจะเป็นแบบนั้น
12 นาฬิกา เที่ยงคืน ปกติแล้วเขาคงยังนั่งเล่นเกมต่อ แต่วันนี้ เขาตัดสินใจที่จะเข้านอน เขาไม่ได้คิดจะเลิกเล่นเกมหรืออะไร เขาแค่ต้องการจะปรับสมดุลชีวิตให้ดี เพราะสมดุลคือสิ่งสําคัญ
“พยายามเข้า ตัวฉัน”
“อยากไปขอโทษว่ะ” โดจินบ่น
ทั้งสองคนอยู่คุยกันต่ออีกหน่อยหลังจากเดมยังกลับไปแล้ว โดจินรู้สึกผิดต่อเพื่อนของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาออกมาจากบ้าน เขาเป็นคนแกล้ง ส่วนเดมยังนั้นถูกแกล้ง แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่มันก็ไม่ช่วยให้เขาหายรู้สึกผิด
“งั้นก็ไปขอโทษ”
“ น่าอายฉิบหาย”
“การลังเลน่ะยิ่งน่าอายกว่า ที่สําคัญ ยังไงแกก็จะทําอยู่แล้วนี่?”
“ควรทํา”
“งั้นก็ไปขอโทษแล้วให้กําลังใจมันเถอะ”
“ให้ตายสิ ดันไปชี้จุดอ่อนของมันเพราะอารมณ์โกรธนิดๆหน่อยๆ ไอ้ปากหมาเอ้ย”
โดจินกลับบ้านไปด้วยความหงุดหงิด มารุดึงฮู้ดของตัวเองขึ้นและถีบจักรยานกลับบ้าน ตอนนี้ดึกมากแล้ว กว่าเขาจะมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบตี 1 เขาล้างมือและเดินกลับเข้าห้อง
แต่ก่อนหัวเขาจะถึงหมอน เขาก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตู
“มารุ”
มันคือเสียงของพ่อเขา มารุลุกขึ้นและจะเดินไปเปิดประตู
“ถ้าอยากดื่ม ให้มาหัดกับพ่อ”
แค่นั้น พ่อของเขาก็เดินจากไป มารุจึงกลับไปนั่งที่เตียงด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนเราไม่มีผิด”
เขาได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาดังที่ข้างเตียง มารุหลับตาลง วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่มันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรสําคัญเกิดขึ้น อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในวันนี้ไปอย่างไร้ค่า
Comments
ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 23 1
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 23 ตอนที่ 1
“สิ่งที่ฉันคิดจะทํามันผิดเหรอ?” เดมยังถาม
มารุตอบกลับหลังนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“ฉันเข้าใจว่าแกติดใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ฉันจะไม่พูดหรอกนะว่ารูปร่างหน้าตามันไม่สําคัญ เพราะความจริงแล้วมันก็สําคัญ การมีรูปร่างหน้าตาดีก็จะทําให้ใช้ชีวิตง่ายกว่าแหละ” มาหยุดหายใจก่อนจะพูดต่อ “ฉันเห็นด้วยนะ เรื่องที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองน่ะ แต่อย่ามุ่งเน้นไปที่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แกบอกว่าเกมคือวิธีการที่แกใช้หนีความเป็นจริงใช่ไหม? ก็อาจใช่ แต่นั่นเอง มันก็เป็นส่วนหนึ่งของแก สิ่งที่แกให้เวลากับมันไปมากมายมหาศาล มันไม่ผิดหรอกนะถ้าคิดจะหันมาสนใจกีฬามากกว่า แต่การตัดสินใจอะไรไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มันไม่เคยส่งผลดี ถ้าสุดท้ายแกถูกคนล้อว่าเป็นไอ้แห้งไม้เสียบผีอีกล่ะ? ถ้าโดนว่าแบบนั้นก็จะกลับมากินให้อ้วนเหมือนเดิมเหรอ? ยังไงเสีย มันก็ไม่มีจุดจบที่สวยงามหรอก”
มารุหยุดพูดไปชั่วครู เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่พูดออกมาได้ยาก เพราะมันไม่มีคําตอบที่ถูกต้องตายตัว จะให้เดมยังใช้ชีวิตโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างก็คงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องปฏิบัติตัว ตามที่คนรอบข้างบอกไปเสียทุกอย่าง เดมยังต้องหาจุดสมดุลและรักษามัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายออกมาเป็นคําพูดได้ง่ายๆ มันเป็นสิ่งที่คนเราต้องได้ประสบเจอเข้ากับตัวเท่านั้น
“เดมยัง”
“ว่าไง?”
“แค่ทําตามสามสิ่งนี้ก็พอ อย่างแรกอย่าดูถูกตัวเอง ถ้ามีใครมาพูดล้ออะไร แค่บอกให้มันหยุดเสีย อย่างที่สอง ชื่นชมตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย แม้จะเป็นเรื่องอะไรเล็กๆก็ตาม อย่างสุดท้ายนี้ เป็นสิ่งที่ครูฝึกมิโซเองก็เคยพูด ดูแลเสียงของตัวเองให้ดี เวลาพูด จงพูดให้ดัง ดังพอที่ตัวเองจะได้ยินมันอย่างชัดเจน”
“…อืม ได้ จะทําตาม”
“มันเป็นแค่สิ่งที่ฉันคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะงั้นไม่ต้องทําตามให้ตรงเป๊ะก็ได้นะ”
มารุหันหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า เขาพูดคําแนะนําเหล่านี้ออกมาจากประสบการณ์ชีวิตของเขา แต่เขาไม่แน่ใจหรอกว่าคําพูดเหล่านี้จะเป็นคําแนะนําที่ดีได้ไหม อย่างน้อยๆ เดมยังก็ดูท่าทางโล่งขึ้นมาบ้างแล้ว
“ฉันจะทําได้ไหม? นายว่าฉันจะกลายเป็นคนแบบนั้นได้ ไหม?”
“บอกแล้วไง ว่าคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆหรอก สิ่งที่เองได้ไหมกันทีหลัง”
มารุตบแผ่นหลังของเดมยังเบาๆ เขานั้นชอบให้คําปรึกษา เขาทํามันมามากมายหลายครั้งในชีวิตครั้งก่อน ประสบการณ์เหล่านั้นเองก็มีประโยชน์กับชีวิตนี้เช่นกัน
“ไปกันเถอะ หนาวมากแล้ว”
“ได้”
“เฮ้ย โดจิน กลับเถอะ”
“เออ”
แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในจิตใจ
***
เดมยังเดินกลับบ้านของตัวเอง ห้องครัวยังมีแสงไฟลอดออกมา คนที่อยู่ด้านในคือแม่ของเขา
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“อ่า”
“ดึกแล้ว ไปนอนไป”
“อืม”
แม่หันกลับเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แต่เดมยังก็เรียกเธอจากด้านหลัง
“ผมจะเปลี่ยน”
นั่นคือความมุ่งมั่นของเขา ถึงมันจะน่าอาย แต่เขาก็อยากจะบอกกับแม่ไว้ เพราะเขายังจําใบหน้าของแม่ที่ร้องไห้หลังรู้ เรื่องเขาโดนแกล้งได้ดี เธอถึงขนาดที่ว่ายอมให้เขาย้ายมาโรงเรียนนี้ ที่ดูแย่กว่าโรงเรียนเดิมที่เขาตั้งเป้าไว้มาก
“แม่เองก็คงลําบากไม่แพ้กัน
เขาเห็นมันได้แล้ว ว่าแม่ของเขาห่วงใยเขามากเพียงใด
“อ-อ่า”
แม่ของเขาเดินกลับเข้าห้องไปด้วยสีหน้างุนงง มารุบอกมาว่าการเปลี่ยนตัวเองมันยาก
ถึงจะเป็นแบบนั้น
12 นาฬิกา เที่ยงคืน ปกติแล้วเขาคงยังนั่งเล่นเกมต่อ แต่วันนี้ เขาตัดสินใจที่จะเข้านอน เขาไม่ได้คิดจะเลิกเล่นเกมหรืออะไร เขาแค่ต้องการจะปรับสมดุลชีวิตให้ดี เพราะสมดุลคือสิ่งสําคัญ
“พยายามเข้า ตัวฉัน”
“อยากไปขอโทษว่ะ” โดจินบ่น
ทั้งสองคนอยู่คุยกันต่ออีกหน่อยหลังจากเดมยังกลับไปแล้ว โดจินรู้สึกผิดต่อเพื่อนของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาออกมาจากบ้าน เขาเป็นคนแกล้ง ส่วนเดมยังนั้นถูกแกล้ง แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่มันก็ไม่ช่วยให้เขาหายรู้สึกผิด
“งั้นก็ไปขอโทษ”
“ น่าอายฉิบหาย”
“การลังเลน่ะยิ่งน่าอายกว่า ที่สําคัญ ยังไงแกก็จะทําอยู่แล้วนี่?”
“ควรทํา”
“งั้นก็ไปขอโทษแล้วให้กําลังใจมันเถอะ”
“ให้ตายสิ ดันไปชี้จุดอ่อนของมันเพราะอารมณ์โกรธนิดๆหน่อยๆ ไอ้ปากหมาเอ้ย”
โดจินกลับบ้านไปด้วยความหงุดหงิด มารุดึงฮู้ดของตัวเองขึ้นและถีบจักรยานกลับบ้าน ตอนนี้ดึกมากแล้ว กว่าเขาจะมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบตี 1 เขาล้างมือและเดินกลับเข้าห้อง
แต่ก่อนหัวเขาจะถึงหมอน เขาก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตู
“มารุ”
มันคือเสียงของพ่อเขา มารุลุกขึ้นและจะเดินไปเปิดประตู
“ถ้าอยากดื่ม ให้มาหัดกับพ่อ”
แค่นั้น พ่อของเขาก็เดินจากไป มารุจึงกลับไปนั่งที่เตียงด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนเราไม่มีผิด”
เขาได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาดังที่ข้างเตียง มารุหลับตาลง วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่มันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรสําคัญเกิดขึ้น อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในวันนี้ไปอย่างไร้ค่า
Comments