ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 32 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2 ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2 “บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน” “หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….” มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่ “อื้อ” มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม “คือ บอกมาได้รึยัง…” “เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน” ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้? มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง “หันไปหางอื่น” มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย “อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง” “ครูชนะแล้วครับ” “เฮ้ย” “ไปกันเถอะ มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่ ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น.. เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ “มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ” “เราจะไปไหนกันเหรอครับ?” “ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู” “หือ?” “สถานีฮเยวา” “ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?” “คิดว่าทำไมกันล่ะ?” มิโซเปิดประตูรถ “ขึ้นมา” มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย “อ่านอะไรเหรอ?” “อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย” ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง… “ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…” ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ? เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย “ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้” “ลากอะไรเหรอ?” “เดี๋ยวก็รู้” มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2
“บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน”
“หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….”
มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่
“อื้อ”
มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม
“คือ บอกมาได้รึยัง…”
“เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน”
ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้?
มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง
“หันไปหางอื่น”
มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย
“อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง”
“ครูชนะแล้วครับ”
“เฮ้ย”
“ไปกันเถอะ
มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่
ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ
จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น..
เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว
มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ
“มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ”
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”
“ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”
“หือ?”
“สถานีฮเยวา”
“ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?”
“คิดว่าทำไมกันล่ะ?”
มิโซเปิดประตูรถ
“ขึ้นมา”
มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย
“อ่านอะไรเหรอ?”
“อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย”
ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง…
“ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…”
ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ?
เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง
การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ
แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง
เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย
“ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้”
“ลากอะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวก็รู้”
มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
Comments
ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 32 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2 ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2 “บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน” “หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….” มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่ “อื้อ” มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม “คือ บอกมาได้รึยัง…” “เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน” ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้? มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง “หันไปหางอื่น” มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย “อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง” “ครูชนะแล้วครับ” “เฮ้ย” “ไปกันเถอะ มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่ ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น.. เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ “มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ” “เราจะไปไหนกันเหรอครับ?” “ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู” “หือ?” “สถานีฮเยวา” “ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?” “คิดว่าทำไมกันล่ะ?” มิโซเปิดประตูรถ “ขึ้นมา” มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย “อ่านอะไรเหรอ?” “อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย” ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง… “ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…” ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ? เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย “ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้” “ลากอะไรเหรอ?” “เดี๋ยวก็รู้” มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2
“บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน”
“หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….”
มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่
“อื้อ”
มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม
“คือ บอกมาได้รึยัง…”
“เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน”
ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้?
มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง
“หันไปหางอื่น”
มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย
“อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง”
“ครูชนะแล้วครับ”
“เฮ้ย”
“ไปกันเถอะ
มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่
ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ
จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น..
เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว
มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ
“มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ”
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”
“ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”
“หือ?”
“สถานีฮเยวา”
“ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?”
“คิดว่าทำไมกันล่ะ?”
มิโซเปิดประตูรถ
“ขึ้นมา”
มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย
“อ่านอะไรเหรอ?”
“อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย”
ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง…
“ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…”
ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ?
เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง
การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ
แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง
เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย
“ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้”
“ลากอะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวก็รู้”
มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
Comments