ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 39 1

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 39 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 39 ตอนที่ 1

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 39 ตอนที่ 1

“อย่าหลบตา ถ้าทําแบบนั้นเดี๋ยวคนดู ก็ได้คิดว่าเราเล่นไม่เป็นกันพอดี โดจิน เธอเลย เวลาขยับตัวน่ะหัดคิดด้วย ถ้ายืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ไปชนคนอื่นหรอก” มิโซตะโกนบอกเอก

โดจินเดินก้มหน้าเดินออกมาด้วย ท่าทางสํานึกผิด ทําให้ไปชนเข้ากับเดมยัง จนทั้งสองต้องล้มลงทั้งคู่

“เฮ้ย”

โซยอนและยูริมที่อยู่ใกล้ ๆ ต้องสะดุ้ง โหยงจากเสียงตะโกนของมิโซ เธอยกมือขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาแล้วเรียกทุกคนในชมรมลงมาจากเวที

“3 อาทิตย์…”

“เราต้องไปแสดงต่อหน้าคณะกรรม การในอีกสามอาทิตย์ ต่อหน้าผู้ชม มากมาย รู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายัง ไงนะ?”

“ครับ/ค่ะ”

“รู้แล้วยังทําตัวแบบนี้กันอีกเหรอ? ไป วิ่งรอบสนามไป”

“ครับ/ค่ะ”

เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันวิ่งออก จากห้องไปแทบจะทันที มิโซได้แต่ถอนหายใจหลังเห็นเด็ก ๆ ออกจากห้องไป
จนหมด

“รู้สึกมันไม่พอสักที”

ถึงเธอจะตะโกนด่าพวกเขา แต่เด็ก ๆ ก็เริ่มแสดงกันเป็นแล้ว ความจริงอยู่ในจุดที่พอใจได้เลย แต่เธอก็ยังอยากให้มันได้มากกว่านี้ ยิ่งเห็นเด็ก ๆ เร่าร้อนกัน ขนาดนั้น

อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวการแสดงก็จะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว..

มิโซเดินออกมาด้านนอก และเข้าไปในห้องว่าง ๆ ห้องหนึ่ง เธอเปิดหน้าต่างออกและมองไปข้างนอก เหล่านักเรียนต่างออกวิ่งเรียงกันไปเป็นแถว

คนแรกที่วิ่งครบรอบคือแทจูน ถึงเด็กหนุ่มจะไม่ค่อยมีแรง แต่เขาก็เร็วมาก ต่อมาคือเกนซุค จุงฮยุก และตามมา ด้วยมินซอง สุดท้ายเป็นโดจิน ส่วนเดม ยังวิ่งด้วยความเร็วพอ ๆ กับพวกผู้หญิง

“เดมยัง แกเดินเหรอ?” มิโซตะโกนใส่

“เปล่าครับ”

เธอได้ยินเสียงตอบรับแผ่ว ๆ มาจากสนาม

เด็ก ๆ ต่างพากันวิ่งในลู่อย่างเต็มแรง เธอบอกพวกเขาไปว่า วิ่งให้ครบ 5 รอบ แล้วถึงจะกลับขึ้นมาได้ เธอนั่งรออยู่พักหนึ่ง แทจูนก็เดินขึ้นมาถึงห้องด้วยเสียงหอบแรง มีเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมาจากหน้าผากของเขา คนอื่น ๆ ก็ตามเขามาติด ๆ และโซยอนมาถึงเป็นคนสุดท้าย

มิโซเปิดปากพูดหลังสมาชิกกลับมาครบทุกคน

“ควบคุมลมหายใจ เปิดปิดหลอดลม ให้สนิททุกครั้งเวลาหายใจเข้าออก บอกแล้วใช่ไหมว่าสภาพหลอดลมตอนหาวน่ะคือสภาพที่เหมาะที่สุดเวลาต้องการออกเสียง จําได้อยู่ไหม? แต่นักแสดงน่ะต้องทําเสียงมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ ตอนที่พวกเขาดีใจ เสียใจ เหนื่อย ร่าเริง และอีกนับไม่ถ้วน ตอนนี้คือสภาพหลอดลมของ เราตอนเหนื่อย จําให้ดีว่าหายใจเข้าแรงแค่ไหน ปอดขยายยังไง ลําคอขยับแบบไหน จําความรู้สึกนี้ไว้ แต่อย่าเอาแต่จํานะ ให้ทําความเข้าใจด้วยว่าร่างกายเราเป็นแบบไหนเวลาเราเหนื่อย เข้าใจไหม?”

“ครับ/ค่ะ”

“คนโง่นะแสดงไม่ได้หรอก เพราะเราต้องรับรู้ถึงทุกส่วนของร่างกายและควบคุมมันตลอดเวลา หลังจากรับรู้ถึงทุกส่วนของร่ายกาย แล้วเริ่มฝึกไปอีกหลายเดือน ตอนนั้นแหละที่เราจะเริ่มแสดงได้จริง ๆ แสดงเป็นธรรมชาติตั้งแต่ครั้งแรก? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย ของแบบนั้นมันไม่มีในชีวิตจริงหรอก จะแสดงได้ต้องจําพื้นฐานให้ได้ครบถ้วนก่อน เข้าใจไหม?”

“ครับ/ค่ะ”

“ดีมาก พักสิบนาทีแล้วเดี๋ยวจะซ้อมกันต่อ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าไปเราจะมีการฝึกวิ่งด้วย ถ้าวิ่งแค่นี้แล้วมาเหนื่อยหอบกันอีก… จบไม่สวยแน่”

สมาชิกชมรมต่างพากันกลืนน้ําลายอีกใหญ่

“เกนซุค”

“ครับ”

เด็กหนุ่มวิ่งออกไปหาเธอทันทีที่ถูก เรียกการแสดงของปีนี้เขาได้เป็นตัวเอก เป็นบทที่ยาก แต่เด็กหนุ่มก็คู่ควรกับบท เพราะเขานั้นจริงจังกับการแสดงเสียมากกว่าใคร ๆ

เขามีพื้นฐานและพรสวรรค์ ในงานประกวดพวกนี้จะมีรางวัลการแสดงให้นักแสดงรายบุคคลด้วย และการได้มันมาก่อนคงจะช่วยให้เด็กหนุ่มได้เข้าโรงเรียนการแสดงดี ๆ ได้ เพราะแบบนั้นมิโซถึงได้เข้มงวดกับเด็กหนุ่มมาก เธอไม่อยากให้เด็กหนุ่มเหลิงตัว

“วิเคราะห์ตัวละครมารึยัง?”

“ครับ”

“งั้นลองบอกมาหน่อยสิ ว่าตัวละครที่ชื่อจองซูเป็นคนยังไง?”

มิโซไม่เคยตั้งโจทย์ให้เด็กมัธยมวิเคราะห์ตัวละครมาก่อนเลย เพราะว่าเด็ก ๆ พวกนี้แค่มาเข้าร่วมชมรม เพราะความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่าจะเป็นความรักจริง ๆ เพราะแบบนั้นมิโซถึงบอกสมาชิกคนอื่น ๆ ไปว่าให้ทําแค่รายงานตัวละครมาก็พอ แต่เธอมั่นใจว่าเกนซุคนั้นตั้งเป้าไปถึงระดับอาชีพ เพราะแบบนั้นเธอเลยตั้งใจฝึกเด็กหนุ่มอย่างเต็มตัว

“จองซูเป็นคนขี้อาย เขาอยากสนิทกับเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าหา แล้วเขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน ร้อนมากพอที่จะตะโกนด่าเพื่อนเพราะถูกล้อนิด ๆ หน่อย ๆ แล้ว…”

“ชีวิตสมัยประถมของเขาเป็นยังไง?”

“อะไรนะครับ?”

เกนซุคดูตกใจหน่อย ๆ ทําให้มิโซต้องเดาะลิ้น

“ฉันบอกให้ไปวิเคราะห์ตัวละครมา แล้วนี่มาอ่านบทให้ฟัง ฉันไม่ได้อยากรู้รายละเอียดพื้นฐานพวกนี้ บอกฉันมา ว่าจองซูเป็นคนยังไง เขาใช้ชีวิตมาแบบไหน”

“ไอ้โง่ที่ไหนมันก็บอกได้ทั้งนั้นแหละว่าจองซูเป็นคนขี้อายแต่หัวร้อน ใคร ๆ ก็รู้ เพราะมันเขียนไว้ในบทไง บ่น หงุดหงิด โกรธ กระทืบเท้า…”
มิโซเปิดบทแล้วอ่านให้เขาฟัง ใบหน้าของเกนซุคเริ่มแข็งกระด้างขึ้นมา ทําให้เขาดูน่ากลัวกว่าปกติหลายเท่า

“อะไร โกรธเหรอ?” มิโซถาม

“ครับ”

“เพราะฉันตะคอกใส่เหรอ?”

“เปล่าครับ เพราะว่าผมคิดว่ามันจะเป็นอะไรง่าย ๆ ผมน่าจะรู้ดีว่าครูต้องการอะไรที่มากกว่านั้นอยู่แล้ว”

ดี เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ดีมาก มิโซยื่นบทกลับไปให้

“อยากให้ฉันต้องสอนทุกอย่างตั้งแต่หนึ่งถึงสิบเลยไหม? เหมือนที่สอนเด็กตัวน้อย ๆ น่ะ?”

“ไม่ครับ ผมไม่อยาก ผมอยากเป็นนักแสดงที่คิดเองเป็น

“พยายามเข้าล่ะ เข้าใจไหม? เธอดูจะ รู้ดีว่าตัวเองขาดอะไรไป ฉันจะไม่พูดต่อ แล้วกัน แต่ขอแนะนําไว้หน่อย ถ้าเธอคิดว่าตัวเองทําอะไรสําเร็จแล้ว ลองคิดอีกรอบ คิดดูดี ๆ ว่ามีอะไรให้ทําเพิ่มไหม ยิ่งคิดมาก ๆ เข้าสุดท้ายก็จะนึกออกเอง สุดท้ายเธอจะรู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ได้เริ่มก้าวออกไปไหนเลย คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละ ที่จะรู้ว่าก้าวที่เราต้องก้าวมันมีทั้งหมดกี่ก้าว แต่นั่นแหละคือการเติบโต การรู้สึกหมดหวังนั่นเองก็ช่วยให้เราเติบโตได้

“ครับครู”

“ที่ฉันหนักมือกับเธอ เพราะฉันเห็น ความสามารถในตัวเธอหรอกนะ ถ้าเธออยากเก่งต้องอย่าทําอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ และทําทุกอย่างให้เต็มที่เข้าไว้

“ครับ”

มิโซไล่เด็กหนุ่มกลับที่ เขาเป็นเด็กดี เธอชอบเด็กที่ไฟแรงไม่มีตกแบบนี้

ดูแล้วก็นึกถึงเจ้าบ้านั่นจริง ๆ นามสกุลก็นามสกุลเดียวกันอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 39 1

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 39 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 39 ตอนที่ 1

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 39 ตอนที่ 1

“อย่าหลบตา ถ้าทําแบบนั้นเดี๋ยวคนดู ก็ได้คิดว่าเราเล่นไม่เป็นกันพอดี โดจิน เธอเลย เวลาขยับตัวน่ะหัดคิดด้วย ถ้ายืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ไปชนคนอื่นหรอก” มิโซตะโกนบอกเอก

โดจินเดินก้มหน้าเดินออกมาด้วย ท่าทางสํานึกผิด ทําให้ไปชนเข้ากับเดมยัง จนทั้งสองต้องล้มลงทั้งคู่

“เฮ้ย”

โซยอนและยูริมที่อยู่ใกล้ ๆ ต้องสะดุ้ง โหยงจากเสียงตะโกนของมิโซ เธอยกมือขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาแล้วเรียกทุกคนในชมรมลงมาจากเวที

“3 อาทิตย์…”

“เราต้องไปแสดงต่อหน้าคณะกรรม การในอีกสามอาทิตย์ ต่อหน้าผู้ชม มากมาย รู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายัง ไงนะ?”

“ครับ/ค่ะ”

“รู้แล้วยังทําตัวแบบนี้กันอีกเหรอ? ไป วิ่งรอบสนามไป”

“ครับ/ค่ะ”

เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันวิ่งออก จากห้องไปแทบจะทันที มิโซได้แต่ถอนหายใจหลังเห็นเด็ก ๆ ออกจากห้องไป
จนหมด

“รู้สึกมันไม่พอสักที”

ถึงเธอจะตะโกนด่าพวกเขา แต่เด็ก ๆ ก็เริ่มแสดงกันเป็นแล้ว ความจริงอยู่ในจุดที่พอใจได้เลย แต่เธอก็ยังอยากให้มันได้มากกว่านี้ ยิ่งเห็นเด็ก ๆ เร่าร้อนกัน ขนาดนั้น

อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวการแสดงก็จะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว..

มิโซเดินออกมาด้านนอก และเข้าไปในห้องว่าง ๆ ห้องหนึ่ง เธอเปิดหน้าต่างออกและมองไปข้างนอก เหล่านักเรียนต่างออกวิ่งเรียงกันไปเป็นแถว

คนแรกที่วิ่งครบรอบคือแทจูน ถึงเด็กหนุ่มจะไม่ค่อยมีแรง แต่เขาก็เร็วมาก ต่อมาคือเกนซุค จุงฮยุก และตามมา ด้วยมินซอง สุดท้ายเป็นโดจิน ส่วนเดม ยังวิ่งด้วยความเร็วพอ ๆ กับพวกผู้หญิง

“เดมยัง แกเดินเหรอ?” มิโซตะโกนใส่

“เปล่าครับ”

เธอได้ยินเสียงตอบรับแผ่ว ๆ มาจากสนาม

เด็ก ๆ ต่างพากันวิ่งในลู่อย่างเต็มแรง เธอบอกพวกเขาไปว่า วิ่งให้ครบ 5 รอบ แล้วถึงจะกลับขึ้นมาได้ เธอนั่งรออยู่พักหนึ่ง แทจูนก็เดินขึ้นมาถึงห้องด้วยเสียงหอบแรง มีเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมาจากหน้าผากของเขา คนอื่น ๆ ก็ตามเขามาติด ๆ และโซยอนมาถึงเป็นคนสุดท้าย

มิโซเปิดปากพูดหลังสมาชิกกลับมาครบทุกคน

“ควบคุมลมหายใจ เปิดปิดหลอดลม ให้สนิททุกครั้งเวลาหายใจเข้าออก บอกแล้วใช่ไหมว่าสภาพหลอดลมตอนหาวน่ะคือสภาพที่เหมาะที่สุดเวลาต้องการออกเสียง จําได้อยู่ไหม? แต่นักแสดงน่ะต้องทําเสียงมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ ตอนที่พวกเขาดีใจ เสียใจ เหนื่อย ร่าเริง และอีกนับไม่ถ้วน ตอนนี้คือสภาพหลอดลมของ เราตอนเหนื่อย จําให้ดีว่าหายใจเข้าแรงแค่ไหน ปอดขยายยังไง ลําคอขยับแบบไหน จําความรู้สึกนี้ไว้ แต่อย่าเอาแต่จํานะ ให้ทําความเข้าใจด้วยว่าร่างกายเราเป็นแบบไหนเวลาเราเหนื่อย เข้าใจไหม?”

“ครับ/ค่ะ”

“คนโง่นะแสดงไม่ได้หรอก เพราะเราต้องรับรู้ถึงทุกส่วนของร่างกายและควบคุมมันตลอดเวลา หลังจากรับรู้ถึงทุกส่วนของร่ายกาย แล้วเริ่มฝึกไปอีกหลายเดือน ตอนนั้นแหละที่เราจะเริ่มแสดงได้จริง ๆ แสดงเป็นธรรมชาติตั้งแต่ครั้งแรก? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย ของแบบนั้นมันไม่มีในชีวิตจริงหรอก จะแสดงได้ต้องจําพื้นฐานให้ได้ครบถ้วนก่อน เข้าใจไหม?”

“ครับ/ค่ะ”

“ดีมาก พักสิบนาทีแล้วเดี๋ยวจะซ้อมกันต่อ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าไปเราจะมีการฝึกวิ่งด้วย ถ้าวิ่งแค่นี้แล้วมาเหนื่อยหอบกันอีก… จบไม่สวยแน่”

สมาชิกชมรมต่างพากันกลืนน้ําลายอีกใหญ่

“เกนซุค”

“ครับ”

เด็กหนุ่มวิ่งออกไปหาเธอทันทีที่ถูก เรียกการแสดงของปีนี้เขาได้เป็นตัวเอก เป็นบทที่ยาก แต่เด็กหนุ่มก็คู่ควรกับบท เพราะเขานั้นจริงจังกับการแสดงเสียมากกว่าใคร ๆ

เขามีพื้นฐานและพรสวรรค์ ในงานประกวดพวกนี้จะมีรางวัลการแสดงให้นักแสดงรายบุคคลด้วย และการได้มันมาก่อนคงจะช่วยให้เด็กหนุ่มได้เข้าโรงเรียนการแสดงดี ๆ ได้ เพราะแบบนั้นมิโซถึงได้เข้มงวดกับเด็กหนุ่มมาก เธอไม่อยากให้เด็กหนุ่มเหลิงตัว

“วิเคราะห์ตัวละครมารึยัง?”

“ครับ”

“งั้นลองบอกมาหน่อยสิ ว่าตัวละครที่ชื่อจองซูเป็นคนยังไง?”

มิโซไม่เคยตั้งโจทย์ให้เด็กมัธยมวิเคราะห์ตัวละครมาก่อนเลย เพราะว่าเด็ก ๆ พวกนี้แค่มาเข้าร่วมชมรม เพราะความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่าจะเป็นความรักจริง ๆ เพราะแบบนั้นมิโซถึงบอกสมาชิกคนอื่น ๆ ไปว่าให้ทําแค่รายงานตัวละครมาก็พอ แต่เธอมั่นใจว่าเกนซุคนั้นตั้งเป้าไปถึงระดับอาชีพ เพราะแบบนั้นเธอเลยตั้งใจฝึกเด็กหนุ่มอย่างเต็มตัว

“จองซูเป็นคนขี้อาย เขาอยากสนิทกับเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าหา แล้วเขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน ร้อนมากพอที่จะตะโกนด่าเพื่อนเพราะถูกล้อนิด ๆ หน่อย ๆ แล้ว…”

“ชีวิตสมัยประถมของเขาเป็นยังไง?”

“อะไรนะครับ?”

เกนซุคดูตกใจหน่อย ๆ ทําให้มิโซต้องเดาะลิ้น

“ฉันบอกให้ไปวิเคราะห์ตัวละครมา แล้วนี่มาอ่านบทให้ฟัง ฉันไม่ได้อยากรู้รายละเอียดพื้นฐานพวกนี้ บอกฉันมา ว่าจองซูเป็นคนยังไง เขาใช้ชีวิตมาแบบไหน”

“ไอ้โง่ที่ไหนมันก็บอกได้ทั้งนั้นแหละว่าจองซูเป็นคนขี้อายแต่หัวร้อน ใคร ๆ ก็รู้ เพราะมันเขียนไว้ในบทไง บ่น หงุดหงิด โกรธ กระทืบเท้า…”
มิโซเปิดบทแล้วอ่านให้เขาฟัง ใบหน้าของเกนซุคเริ่มแข็งกระด้างขึ้นมา ทําให้เขาดูน่ากลัวกว่าปกติหลายเท่า

“อะไร โกรธเหรอ?” มิโซถาม

“ครับ”

“เพราะฉันตะคอกใส่เหรอ?”

“เปล่าครับ เพราะว่าผมคิดว่ามันจะเป็นอะไรง่าย ๆ ผมน่าจะรู้ดีว่าครูต้องการอะไรที่มากกว่านั้นอยู่แล้ว”

ดี เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ดีมาก มิโซยื่นบทกลับไปให้

“อยากให้ฉันต้องสอนทุกอย่างตั้งแต่หนึ่งถึงสิบเลยไหม? เหมือนที่สอนเด็กตัวน้อย ๆ น่ะ?”

“ไม่ครับ ผมไม่อยาก ผมอยากเป็นนักแสดงที่คิดเองเป็น

“พยายามเข้าล่ะ เข้าใจไหม? เธอดูจะ รู้ดีว่าตัวเองขาดอะไรไป ฉันจะไม่พูดต่อ แล้วกัน แต่ขอแนะนําไว้หน่อย ถ้าเธอคิดว่าตัวเองทําอะไรสําเร็จแล้ว ลองคิดอีกรอบ คิดดูดี ๆ ว่ามีอะไรให้ทําเพิ่มไหม ยิ่งคิดมาก ๆ เข้าสุดท้ายก็จะนึกออกเอง สุดท้ายเธอจะรู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ได้เริ่มก้าวออกไปไหนเลย คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละ ที่จะรู้ว่าก้าวที่เราต้องก้าวมันมีทั้งหมดกี่ก้าว แต่นั่นแหละคือการเติบโต การรู้สึกหมดหวังนั่นเองก็ช่วยให้เราเติบโตได้

“ครับครู”

“ที่ฉันหนักมือกับเธอ เพราะฉันเห็น ความสามารถในตัวเธอหรอกนะ ถ้าเธออยากเก่งต้องอย่าทําอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ และทําทุกอย่างให้เต็มที่เข้าไว้

“ครับ”

มิโซไล่เด็กหนุ่มกลับที่ เขาเป็นเด็กดี เธอชอบเด็กที่ไฟแรงไม่มีตกแบบนี้

ดูแล้วก็นึกถึงเจ้าบ้านั่นจริง ๆ นามสกุลก็นามสกุลเดียวกันอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+