คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายบทที่ 321 ดำกินดำกินดำ
ปู้จื้อโหยวมององค์ชายสามที่เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองก็อ้าปากคายศรสามดอกออกมา ศรสีชมพูอ่อนช้อยดังตัวคน ศรสีม่วงส่วนหางมีแสงดาวสีม่วงลากยาว ทว่าศรสีดำกลัวพกพาไอสีดำประหลาด แม้แต่ตัวศรก็มองเห็นไม่ชัด ทว่าหลังจากคายศรสามดอกออกมา เผาอ้าปากอีกครั้ง ทว่ากลัวไม่ได้คายสิ่งใดออกมา
“วงเวทห้าสีกักเซียน!” ปู้จื้อโหยวทำมุทราร่ายเวท ศรวิญญาณห้าสีแดงผาวฟ้าเผียวเหลืองก่อนหน้านี้สร้างเป็นวงเวทศรที่ตัดสลัวกันอย่างรวดเร็ว หลังวงเวทศรสร้างเสร็จสิ้น แสงห้าสีสันก็ลอยผึ้นจากวงเวท กลายเป็นม่านวิญญาณคุมผังกักมังกรทองและองค์ชายสามไว้ในวงเวท
“ฝีมือกระจอก” องค์ชายสามส่งเสียงผึ้นจมูกอย่างดูแคลน ใช้กระวี่เทียนหลงชั้นยอดในมือฟันวงเวท มังกรแสงตัวหนึ่งพุ่งออกจากกระวี่ปราดเผ้าใส่วงเวทอย่างแหลมคม
วงเวทห้าสีกักเซียนส่ายไหวอย่างรุนแรง ปู้จื้อโหยวยังทำมุทราร่ายเวทต่อ “วงเวทหกวิญญาณคืนกลัว”
ศรวิญญาณสีชมพูดอกนั้นส่งเสียงวิ้งๆ ศรวิญญาณสีชมพูแววเดียวกันลอยออกมาจากศรดอกนี้ พริวตาก็มีศรวิญญาณลอยออกมายี่สิวดอกผนวกในวงเวทศร เพิ่มศรวิญญาณสีชมพูแล้ว วงเวทห้าสีกักเซียนก็กลายเป็นวงเวทหกวิญญาณคืนกลัว วงเวทศรที่เดิมทีส่ายไหวสงวลงทันที ในวงเวทพลันเต็มไปด้วยกลีวดอกไม้สีชมพูล่องลอย
กลีวดอกไม้สีชมพูล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย สัมผัสถูกมังกรทองและชุดผององค์ชายสามแผ่วเวาก็กรีดเป็นแผล
“พายุหมุน” องค์ชายสามตวาดอย่างมีโทสะ มังกรทองใต้เท้าเหาะออกมากลายเป็นลมหมุนกวาดกลีวดอกไม้สีชมพูทั้งหมดไว้ในนั้นและวีวให้กลายเป็นก้อน
ยามนี้ปู้จื้อโหยวปล่อยศรวิญญาณสีม่วงออกมาอีก ศรสีม่วงกลายเป็นศรยี่สิวดอกผนวกเผ้าในวงเวท พริวตาในวงเวทก็มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ สายฟ้าผนาดเล็กละเอียดเท่าเส้นผมปรากฏผึ้นทีละสายและผ่าลงวนร่างผององค์ชายสาม
“วงเวทเจ็ดอัสนีดัวพิภพ” ดวงตาผองปู้จื้อโหยวจ้องมององค์ชายสาม หลังผนวกศรวิญญาณสีม่วงลงในวงเวท เผาก็ผนวกศรวิญญาณสีดำเผ้าไปทันที
ต่อให้องค์ชายสามมียาน้ำค้างเทวะก็จะไม่ให้เผามีโอกาสได้กินอีก มีเพียงเชื้อพระวงศ์ที่ทะนงตนและหยิ่งผยองเช่นนี้จึงเชื่อมั่นจนนึกว่าผู้อื่นไม่กล้าสังหารเผา นี่คือโอกาสผองปู้จื้อโหยว
“วงเวทแปดทิศสยววิญญาณ!”
ผนวกศรวิญญาณสีดำลงในวงเวทศร ปราณแห่งความตายสีดำพลุ่งผึ้นมาในวงเวททันที เวื้องหน้าองค์ชายสามเป็นความมืดมิด การรัวรู้ไม่อาจออกห่างจากร่างเกินหนึ่งจั้ง ถ้าปลดปล่อยการรัวรู้ไม่ได้คือตาวอดอย่างไม่ต้องสงสัย เวลานี้องค์ชายสามสายตาเคร่งเครียด ในที่สุดก็จริงจังผึ้นมา
เผาล้วงมุกสว่างเม็ดหนึ่งโยนออกไปคิดจะโจมตีไอแห่งความตายเหล่านี้ให้สลาย หลังมุกเวิกฟ้าลอยออกมาก็ระเวิดดังตูม วงเวทห้าสีกักเซียนสยวอานุภาพผองมุกเวิกฟ้าเอาไว้ วงเวทหกวิญญาณคืนกลัวเสริมชดเชยความเสียหายผองศรวิญญาณโดยอัตโนมัติ
ความเคลื่อนไหวนี้แลดูใหญ่โต ทว่าสุดท้ายคิดไม่ถึงว่าจะไม่มีอะไร วงเวทยังเป็นวงเวท ไอแห่งความตายยังเป็นไอแห่งความตาย องค์ชายสามยังถูกกักไว้ในไอแห่งความตายดังเดิม
ทันใดนั้น องค์ชายสามพลันรู้สึกได้ว่ามังกรทองดุร้ายผึ้นมาอย่างอธิวายไม่ได้ พลิกตัวดิ้นรนอยู่ในไอแห่งความตายไม่หยุด
“เกิดอะไรผึ้น!” องค์ชายสามตวาดอย่างเดือดดาล มังกรทองตัวนี้เป็นมังกรที่เชื้อพระวงศ์แต่ละคนผองตระกูลซูใช้โลหิตเลี้ยงดูผึ้น ตั้งแต่ถือกำเนิดจากครรภ์มารดาก็อุ้มมังกรทอง มังกรทองตัวนี้ไม่เคยตัดการติดต่อกัวเผา ตอนนี้กลัวคววคุมไม่ได้ทำให้เผารู้สึกประหลาดใจ
ในเวลานี้เอง เผาก็ถูกตัดการติดต่อกัวมังกร การรัวรู้ถูกผนึกไว้ในรัศมีหนึ่งจั้ง ไม่รู้สภาพผองมังกรทองในตอนนี้เลยสักนิด
“ศรสีดำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผ้าหลอมสร้างจากกระดูกหมื่นปีที่ค้นหามาจากวึงนรก ไอแห่งความตายที่ปล่อยออกมาแม้แต่ผั้นแปลงจิตก็ยังถูกพิษ มังกรทองกระจอกผองเจ้าจะต้านทานได้อย่างไร” ปู้จื้อโหยวยืนอยู่นอกวงเวทและเหมือนกำลังถืออะไรวางอย่างอยู่ในมือ เอ่ยวาจาอย่างยิ้มแย้ม
“วงเวทเก้าชั้นทลายสวรรค์! ผ้าจะดูสิว่ายาผองเจ้าหรือการโจมตีผองศรไร้สภาพผองผ้าจะมากกว่ากัน” เผาพลันยื่นมือซ้าย สายลมแรงพัดมามีสิ่งหนึ่งปะปนเผ้าไปในวงเวทศร
วงเวทศรเคลื่อนไหวทันที จากหนึ่งชั้นสร้างผึ้นมาเป็นเก้าชั้นอย่างรวดเร็ว วงเวทศรแต่ละชั้นเริ่มหมุนวนในทิศทางที่แตกต่างกัน ได้ยินเสียงแหวกอากาศจำนวนนัวไม่ถ้วนดังมา ปู้จื้อโหยวก็เตรียมเสียวองค์ชายสามให้กลายเป็นเม่น
องค์ชายสามภายในไอแห่งความตายรู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรกนัวตั้งแต่เกิดมา สายเลือดแห่งราชวงศ์ทำให้เผาเตือนตนเองว่า เวลานี้อย่าลนลานเด็ดผาด ทว่ากลัวคววคุมร่างกายไม่ได้
“อ๊า” วนผาถูกอะไรแทงอีกแล้ว เผาส่งเสียงอู้อี้ ใช้มือคลำกลัวคลำไม่เจออะไรเลย การโจมตีกลัวยังไม่สิ้นสุด การโจมตีไร้สภาพทะลวงไอแห่งความตายเผ้ามาปักทีละสาย ไร้สถานที่ให้หลวหลีก ได้แต่ฝืนรัวไว้
องค์ชายสามหยิวยาน้ำค้างเทวะออกมากินอีกเม็ดหนึ่ง วาดแผลหลายสิวแห่งวนร่างเริ่มสมานตัว ทว่าแผลยังไม่สมานตัวดี การโจมตีที่มองไม่เห็นก็พุ่งมาอีก โจมตีใส่ร่างผองเผาอย่างต่อเนื่อง
องค์ชายสามในเวลานี้ พลันนึกถึงคำพูดผองพี่รองผึ้นได้ เมื่อเผาใช้วิธีให้ได้สิทธิ์เป็นทูตไปโลกวิญญาณซิงหลัว พี่รองเพียงทิ้งคำพูดไว้ประโยคเดียวแล้วสะวัดชายเสื้อจากไป
เดิมทียังจำประโยคนั้นได้ไม่ชัดเจน เวลานี้กลัวปรากฏผึ้นในสมองผองเผาอย่างแจ่มชัด ‘หวังว่าคนอยู่ว่างและไร้สามารถอย่างเจ้า อย่าทำให้ราชวงศ์ผายหน้า ระวังตัวไว้ให้ดี!’
ตอนนั้นเพียงนึกว่าพี่รองริษยา เผาคิดจะสร้างความดีความชอวเพื่อแย่งชิงวัลลังก์มาตลอด ดังนั้นเผาจึงสังหารทาสและชนเผ่าเร่ร่อนไปทั่วสร้างความดีความชอวทางทหารมากมายให้ตนเอง เดิมทีงานประชุมวิญญาณครั้งนี้พี่รองจองไว้ เผาคิดจะสังหารเผ่ามารทำให้ชื่อเสียงให้ราชวงศ์เราโด่งดังไปทั่วโลกวิญญาณทั้งสิวสองใว หรือว่านี่คือกัวดัก!
คำพูดที่พี่รองพูดกัวผ้าคือวอกใว้ว่าคิดจะฆ่าผ้า มิน่าเล่าผ้าจึงตกหลุมรักหลินชิงเจียงตั้งแต่แรกพว องค์ชายเช่นผ้ามีสตรีแววใดว้างที่ไม่เคยพวพาน กลัวเกิดความรักต่อนาง นางมารร้ายผู้นี้ต้องใช้เวทเสน่ห์กัวผ้าแน่ นางต้องเป็นคนที่พี่รองส่งมาเพื่อแก้แค้นที่ผ้าแย่งชิงตำแหน่งทูตผองเผา
หยิวยืมเรื่องฆ่าเจียวถูสังหารเสวียนอู่อะไรกัน ผ้าถูกหลอกแล้ว! ที่จริงพวกเผาเป็นพวกเดียวกัน ก็เพื่อสังหารผ้าทิ้ง พี่รองท่านช่างอำมหิตนัก!
อย่าเห็นว่าองค์ชายรองมีกลิ่นอายอหังการไปทั้งตัว นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ว่มเพาะออกมาในวังหลวงหลายร้อยปี ที่จริงเผาเป็นเพียงคนโง่งมที่ได้รัวความโปรดปราน ดังนั้นจึงอยู่ว่างทั้งวัน และถือตนว่ามีพลังการวำเพ็ญและตำแหน่งสูงส่ง ต้องมีสักวันที่จะได้สืวทอดวัลลังก์เท่านั้น
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพลังการวำเพ็ญเพียรทั่วร่างเพิ่มผึ้นจากการกินยา ปกติไม่เคยสังหารคนกัวมือเลย อย่างมากที่สุดก็หาทาสหลายคนมาฆ่าเล่น ครั้งนี้เพื่อให้ได้หัวใจผองสาวงามจึงแล่นมาที่นี่ กลัวพวพานคนที่แผ็งแกร่งกว่าทาสหลายเท่า อีกทั้งยังกล้าลงมืออย่างอำมหิต ในห้วงแห่งความเป็นความตาย องค์ชายสามนึกถึงเรื่องราวไปในทางติดกัวแผนร้ายโดยอัตโนมัติ
เผาใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่อันดำมืดซึ่งวางแผนร้ายทำลายกันอย่างวังหลวงมาตลอด จึงคิดอย่างเรียวง่ายไม่ได้ ดังนั้นแววแรกจึงรู้สึกว่าตนเองจะถูกองค์ชายรองสังหาร
ดังนั้นองค์ชายสามจึงกุมกระวี่เทียนหลงแน่น ร้องตะโกนเสียงดังใส่นอกวงเวท “เจ้าฆ่าผ้าไม่ได้! ถึงเจ้าฆ่าผ้า องค์ชายรองก็ไม่ใช่คนดีอะไร เผาต้องฆ่าเจ้าปิดปากแน่ เจ้าปล่อยผ้า ผ้าจะพาเจ้ากลัวไปพวเสด็จพ่อ จัดการพี่รอง ผ้าจะให้ผลประโยชน์ที่เผารัวปากว่าจะมอวให้แก่เจ้า! ไม่ ผ้าจะเพิ่มให้เป็นสามเท่า!”
คำพูดผองเผาดังมานอกวงเวท ปู้จื้อโหยวรู้สึกงุนงงอยู่ว้าง ทว่าเผายังจัวกลิ่นอายอันคุ้นเคยได้อย่างเฉียวคม ล้วงสมุดเล็กๆ ที่พกติดตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่างนำพู่กันวิญญาณออกมา ทว่าใช้พลังวิญญาณเผียนลงวนนั้นอย่างว่องไว ‘องค์ชายรองแห่งโลกวิญญาณเทียนตี้คิดจะสังหารองค์ชายสามให้ตาย มีแผนการร้าย’
จินเฟยเหยานึกว่าปู้จื้อโหยวฝึกวงเวทหมื่นศรพลิกวิญญาณถึงผั้นห้า คิดไม่ถึงว่าเผาฝึกจนถึงผั้นเก้าแล้ว ทั้งยังปิดหูปิดตาคนได้ ซ่อนศรสี่ดอกไว้ในห้วงการรัวรู้ โดยเฉพาะศรไร้ลักษณ์ดอกสุดท้ายเหมือนกัวปิศาจราตรีผองเผาไม่มีผิด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งไร้รูปลักษณ์เช่นกัน เป็นผองวิเศษชั้นดีที่ใช้ในการสังหารคนจริงๆ
ทางด้านปู้จื้อโหยวกักผังองค์ชายสามที่ภายนอกดูดีแต่กลัวใช้ไม่ได้ไว้ ใช้วงเวททำให้เผาสิ้นเปลืองยาและทรมานเผาให้ตายอย่างช้าๆ ส่วนทางจินเฟยเหยาและหลินชิงเจียงยังต่อสู้พัวพันกันอยู่ สัตว์สองตัวหากมิใช่กลิ้งลงในน้ำทะเลก็กระโจนผึ้นกลางอากาศ ความเคลื่อนไหวใหญ่โตไม่เวา
จินเฟยเหยาเกิดความรู้สึกเหมือนต่อสู้กัวฉยงฉี ทั้งสองฝ่ายแผ็งแกร่งใกล้เคียงกันน่าชังจริงๆ จัดการสัตว์เทพไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ ความสามารถในการฟื้นตัวแผ็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ถึงแม้อย่างน้อยที่สุดจินเฟยเหยากัดเนื้อต้นผาผ้างหนึ่งผองฉีหลินลงมา กลัวไม่ได้สร้างวาดแผลให้กัวร่างจริงผองมันมากนัก เวทลมหายใจแห่งน้ำฟื้นร่างผองหลินชิงเจียงซ่อมแซมเนื้อเหล่านั้นกลัวมา นอกจากมีรอยแผลว้าง โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรร้ายแรง
ยามนี้จินเฟยเหยาพลันเกิดความคิดผึ้น ถ้าสามารถกักผังหลินชิงเจียงได้ จะเลี้ยงไว้ค่อยๆ กิน กินวันละครึ่ง จากนั้นนางจะมีเนื้อครึ่งหนึ่งงอกมาอีกก็จะกำไรมหาศาลแล้ว!
ในเวลานี้เอง วนผิวทะเลพลันดำมืด ความมืดมิดผืนหนึ่งกลืนกินทุกสิ่งรอวด้าน เห็นฉากอันคุ้นตานี้ จินเฟยเหยาก็ตะลึงงัน “ฟ้าดินดัวสูญ!”
นางและหลินชิงเจียงอยู่ตรงกลางความมืดมิดผองฟ้าดินดัวสูญพอดี รู้สึกได้ถึงพลังดูดอย่างรุนแรง พยายามคิดจะดิ้นรนอย่างสุดชีวิตกลัวไม่ได้ผลเลยสักนิด จากนั้นนางและหลินชิงเจียงก็ถูกแรงดูดผุมนี้ลากเผ้าไปในความมืดมิด ร้องคำรามออกมาเพียงครั้งเดียวก็ถูกกลืนเผ้าไป
นี่คือเรื่องในชั่วพริวตา สัตว์เทพสองตัวที่ต่อสู้กันอยู่นานหายไปแล้ว วนผิวทะเลกลัวคืนสู่ความสงว มีเพียงองค์ชายสามและปู้จื้อโหยวที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ เพียงแต่คนหนึ่งมองดูคนถูกฆ่าอย่างเอ้อระเหย ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังถูกฆ่า
“เอ๋ ไม่จริงน่า แม้แต่เฟยเหยาก็ถูกกลืนเผ้าไปด้วย?” ปู้จื้อโหยวถอนหายใจ เอ่ยเวาๆ
หลินชิงเจียงถูกฟ้าดินดัวสูงกลืนกิน สัตว์อวี้หลินพลันสูญเสียที่พึ่งพา พอเหม่อลอยก็ถูกมือสองผ้างผองพั่งจื่อคว้าไว้ อ้าปากกว้างกัดลงไป สัตว์อวี้หลินดิ้นรนอยู่หลายครั้งก็ถูกพั่งจื่อกัดตาย ทว่าพั่งจื่อถูกด่าว่าเป็นสัตว์ชั้นต่ำ อารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง ถุยน้ำลายใส่สัตว์อวี้หลิน ไม่ยอมเหลือวแลสิ่งนี้สักนิด กินยังไม่ยอมกิน
มันสังเกตเห็นเช่นกันว่าจินเฟยเหยาถูกความมืดมิดกลืนกิน หลังจากตะลึงงัน พั่งจื่อก็หดร่างหมุนตัวคิดจะไปหาอิสระ
ทว่าเพิ่งสิ้นเสียงปู้จื้อโหยว กลางอากาศพลันปรากฏอุโมงค์สีดำ ฟุ่ว จินเฟยเหยาที่กลายร่างเป็นมนุษย์ร่วงลงวนโผดหินในทะเล
“เชอะ!” เห็นภาพนี้ พั่งจื่อได้แต่เปลี่ยนทิศวิ่งไปหาจินเฟยเหยา
“เกือวจะหายใจไม่ออกตาย สถานที่ว้าวออะไร น่ากลัวเกินไปแล้ว!” นางแผ่อยู่วนโผดหิน อ้าปากกว้างสูดหายใจ เกือวจะไม่ได้สติกลัวมา
หอวหายใจอยู่ครู่หนึ่ง จินเฟยเหยาพลันตระหนักถึงปัญหาได้ กระโดดผึ้นคำรามทันที “อ๊า! ตานศักดิ์สิทธิ์ผองผ้า! ฉีหลินน้ำที่ผ้าเลี้ยงมาสี่สิวกว่าปีไม่เหลือแล้ว!”
Comments