คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย 24 ถ้าเจ้าหาเรื่องข้า ข้าจะอัดเจ้า

Now you are reading คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย Chapter 24 ถ้าเจ้าหาเรื่องข้า ข้าจะอัดเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าจินเฟยเหยากลับคิดตรงกันข้าม ถ้ามีผีเสื้อเทาเช่นนี้สักตัว หากไปล่าสัตว์ปิศาจจะสามารถประหยัดเวลาได้มาก

พอนึกถึงข้อนี้ นางก็เข้าไปใกล้ศิษย์พี่แซ่เซียว เอ่ยถามเสียงเบาว่า “สหายเซียนเซียว ผีเสื้อเทาของท่านขายหรือไม่”

ศิษย์พี่แซ่เซียวมองท่าทางระมัดระวังของนาง จึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “สหายเซียนจินสนใจผีเสื้อเทาตัวนี้หรือ?”

“ใช่ ข้าเห็นมันสามารถหลีกเลี่ยงสัตว์ปิศาจได้ ออกไปข้างนอกถ้ามีผู้ช่วยดีๆ เช่นนี้สักตัว ก็สามารถลดอันตรายลงได้ ถ้าสหายเซียนเซียวตัดใจไม่ลง หากมีพวกไข่ที่ยังไม่เป็นตัวข้าก็ยินดีซื้อ” จินเฟยเหยาเกรงว่าเขาจะหักใจขายไม่ลง จึงรีบอธิบายว่าต่อให้เป็นไข่แมลงนางก็เอา

“ถอยไปเลย นี่เป็นสัตว์ภูติสุดที่รักของศิษย์พี่เซียวนะ ไม่ขายให้คนนอกอย่างเจ้าหรอก” อี่ซานที่สังเกตจินเฟยเหยามาตลอด เห็นนางอยากซื้อผีเสื้อเทาก็รีบแล่นมาใช้มือฉุดดึงศิษย์พี่เซียวไว้ แสดงท่าทางว่านี่คือบุรุษของข้าห้ามเจ้ามาแย่งชิง

จินเฟยเหยายิ้มเอ่ยอย่างไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น “คิดไม่ถึงว่าสหายเซียนอี่ซานจะมีความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ หากไม่รู้ยังนึกว่าทั้งสองท่านเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญคู่เสียอีก”

อี่ซานถลึงตาใส่นางอย่างดุร้าย ได้ยินศิษย์พี่เซียวที่อยู่ด้านข้างอธิบายว่า “สหายเซียนจิน ข้ามีผีเสื้อเทาตัวนี้เพียงตัวเดียว มิใช่ผีเสื้อเทาทุกตัวจะมีความสามารถนี้ แต่ว่าสัตว์ภูติที่สามารถรับรู้ถึงสัตว์ปิศาจได้มีอยู่มากมาย หากสหายเซียนจินอยากได้ สามารถไปหาในร้านสัตว์ภูติที่เมืองลั่วเซียนได้ ถึงจะมีปริมาณไม่มาก ทว่าก็น่าจะหาพบได้บ้าง”

“ศิษย์พี่เซียว เหตุใดต้องอธิบายต่อนางมากมายเช่นนี้ พวกเราไม่คุ้นเคยกับนางสักหน่อย” จินเฟยเหยายังไม่ทันเอ่ยขอบคุณ อี่ซานก็ฉุดดึงศิษย์พี่เซียวมาอีกทางหนึ่งอย่างไม่พอใจแล้วมองค้อนนาง

‘ยายโง่’ จินเฟยเหยาแอบด่าทอในใจ แล้วติดตามทุกคนเดินเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาซวงถ่าอย่างเงียบๆ

เดินลดเลี้ยวอยู่ในป่าเกือบสองชั่วยาม ทุกคนก็เข้าไปใกล้กำแพงภูเขาแห่งหนึ่ง หวาซีทำสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดลง เขานำทุกคนไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ ชี้ไปยังถ้ำศิลาแห่งหนึ่งบนกำแพงภูเขาแล้วเอ่ยว่า “สิงโตวารีหยกอยู่ในถ้ำนั้น อีกสักครู่ข้ากับศิษย์พี่เซียวจะไปล่อแม่สิงโตออกมา ศิษย์พี่เจ้าและศิษย์พี่หงเข้าไปจับลูกสิงโตในถ้ำ คนที่เหลือทำตามที่ตกลงกันไว้ แบ่งสองคนเป็นหนึ่งกลุ่ม คอยเฝ้าระวังรอบด้าน ป้องกันไม่ให้มีสัตว์ปิศาจหรือคนเข้ามาทำให้เสียเรื่อง”

ตอนพวกเขาแบ่งกลุ่มจินเฟยเหยาไม่อยู่ ตอนนี้จึงยืนมองอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ทว่าด้านข้างกลับมีคนหนึ่งที่ตะโกนอย่างไม่พอใจขึ้นมา “ศิษย์พี่หวา แล้วข้าล่ะ? ข้าอยู่กับใคร ท่านคงไม่ให้ข้าอยู่คนเดียวนะ ข้าอยากอยู่กับศิษย์พี่หยวนถง”

“ศิษย์พี่หยวนถงมีคู่แล้ว ครั้งนี้เจ้ายืนกรานตามมาเอง มีสถานที่แห่งหนึ่งขาดคนเฝ้ากลุ่มหนึ่งพอดี ศิษย์น้องหวาซีเชิญสหายเซียนจินมาโดยเฉพาะ เจ้าก็จับกลุ่มกับนางเถอะ”

ศิษย์พี่เซียวเอ่ยจัดแจงแทนหวาซี ทำให้อี่ซานไม่พอใจทันที

นางกระทืบเท้าอาละวาดอย่างไม่พอใจ เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมอยู่เฝ้าระวังกลุ่มเดียวกับจินเฟยเหยา ส่วนจินเฟยเหยาไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจอะไร ทว่าในดวงตากลับมีประกายวาบขึ้น จากนั้นก็มองหวาซีอย่างมีนัยลึกซึ้ง

หวาซีกำลังอธิบายแผนการให้ทุกคนฟัง ราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาของจินเฟยเหยาเขา จึงเงยหน้าขึ้นทันควัน ยิ้มให้นางอย่างเจิดจรัส

ในกลุ่มมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณช่วงปลายสี่คน อี่ซานอาละวาดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าไม่ได้ผล ทั้งยังถูกบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องบอกว่านางไม่รู้ความ สุดท้ายนางก็ได้แต่ทำปากยื่น ตกลงอยู่กลุ่มเดียวกับจินเฟยเหยาอย่างไม่พอใจยิ่ง

แต่ว่าหลังจากนางเดินไปถึงข้างกายจินเฟยเหยาก็เชิดใบหน้าเล็กๆ ขึ้น เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “อีกสักครู่เจ้าก็หัวไวหน่อยล่ะ อย่าเป็นตัวถ่วงข้า ต่อให้ตอนนี้เจ้าเป็นคนของสำนักเฉวียนเซียน พื้นเพก็เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนอิสระ ฮึ ถ้าไม่เชื่อฟังข้า…เจ้าคงรู้นะ”

“รู้แล้ว” จินเฟยเหยาเลียริมฝีปาก ไม่ได้ปฏิเสธนางอย่างคาดไม่ถึง

หลังจากจัดแจงเสร็จแล้ว ห้ากลุ่มก็ทยอยวิ่งไปยังสถานที่ที่ได้รับมอบหมาย รอจนเกือบได้เวลา หวาซีและศิษย์พี่เซียวก็กระโดดเหินร่างขึ้นเข้าไปในถ้ำศิลาบนกำแพงภูเขา

ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างเดือดดาลของสิงโตวารีหยกดังมาจากในถ้ำ มีเงาร่างสองสายบินหนีออกมาจากถ้ำศิลาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วย สิงโตวารีหยกสูงสองจั้งกว่าตัวหนึ่งร้องคำรามและพุ่งออกมาจากในถ้ำไล่ตามคนไป สิงโตวารีหยกเพิ่งออกจากถ้ำศิลา ศิษย์พี่เจ้าก็นำศิษย์พี่หงบุกเข้าถ้ำไปจับลูกสิงโตวารีหยก

จินเฟยเหยาพินิจพิจารณารอบด้าน คิดว่านางกับอี่ซานถูกจัดแจงให้อยู่ที่นี่ต้องเป็นเพราะหวาซีจงใจแน่ ที่นี่เป็นหุบเขาที่เว้าลงไป สามด้านล้อมรอบด้วยภูเขา ทางออกถูกป่าไผ่บดบังเอาไว้ พื้นที่รูปน้ำเต้าเช่นนี้จะเฝ้าระวังอะไรได้ ถ้าด้านในเกิดอะไรขึ้น ด้านนอกก็มิอาจพบเห็นได้ง่ายๆ เป็นสถานที่ที่เหมาะจะสังหารคนที่สุด

นางเหลือบตามองอี่ซาน เห็นนางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของที่นี่เลยสักนิด เพียงแค่เรียกงูเหลือมนิลขนาดประมาณสองจั้งออกมาอยู่ข้างกายเพื่อเฝ้าระวังแทนนาง ส่วนตัวนางนั่งเซ็งอยู่บนศิลาใหญ่ก้อนหนึ่ง หยิบกิ่งไผ่เล็กๆ ขึ้นมาหวดหญ้าบนพื้นอย่างเบื่อหน่าย งูเหลือมนิลขดตัวอย่างสงบนิ่งอยู่ข้างกายนางและแลบลิ้นออกมาตลอด

จินเฟยเหยามองงูเหลือมนิลที่ลำตัวหยาบหนากว่าขาตนเอง คิดว่ายุ่งยากอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าในตัวของอี่ซานยังมีสัตว์ภูติอีกเท่าใด ถ้าท่าทางของนางเป็นการเสแสร้งทำ ที่จริงส่งสัตว์ภูติตัวเล็กออกมานานแล้ว…

พอคิดถึงตรงนี้ จินเฟยเหยาก็ขมวดคิ้ว แสงสีฟ้าในตัวกระพริบวาบ เกล็ดหิมะนรกปลิวว่อนออกมารอบร่างภายในรัศมีหนึ่งจั้ง

อี่ซานสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของนาง มองจุดแสงสีฟ้ารอบจินเฟยเหยาอย่างตกตะลึง ในดวงตามีความไม่พอใจวาบผ่าน

นางยืนขึ้น ยกกิ่งไผ่เล็กๆ ชี้จินเฟยเหยา “นี่ เวทมนตร์อะไรของเจ้า?”

“สวยหรือไม่” จินเฟยเหยาเชิดหน้าขึ้น เอ่ยถามอย่างภาคภูมิใจ จงใจยั่วยุให้อี่ซานเดือดดาล

“มีอะไรน่าภูมิใจกัน ไม่สวยสักหน่อย ข้าเคยเห็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ทุกย่างก้าวเกิดปทุมมาแล้ว เหยียบแต่ละก้าวพลังวิญญาณจะกลายเป็นดอกบัว งดงามกว่าของเจ้ามากนัก” อี่ซานส่งเสียงฮึอย่างไม่ยินยอม

จินเฟยเหยาหมุนตัวรอบหนึ่ง เกล็ดหิมะก็หมุนตามนาง ล่องลอยอย่างน่ารัก จากนั้นนางก็เอ่ยยั่วยุ “เจ้าไม่เป็นย่างก้าวเกิดปทุมเสียหน่อย แต่ข้าเป็นเกล็ดหิมะร่ายรำทั่วท้องนภานะ”

นางจงใจเปลี่ยนชื่อเกล็ดหิมะนรกให้เป็นชื่อที่งดงามยิ่งขึ้น มองอี่ซานอย่างภาคภูมิใจ

“เฮยเป่า กัดนางเสีย” อี่ซานมีโทสะขึ้นมาจริงๆ แล้ว จึงชี้จินเฟยเหยา

ร่างงูเหลือมนิลหายแวบพุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยาดุจสายฟ้า

เห็นประกายดุร้ายวาบขึ้นในดวงตาของจินเฟยเหยา นางกวาดมองอย่างได้ใจ สองมือจุดไฟนรกขึ้น ย่อร่างลงต่ำ ไม่สนใจงูเหลือมนิลที่พุ่งเข้ามา พุ่งเข้าใส่ตรงที่อี่ซานอยู่ งูเหลือมนิลเห็นจินเฟยเหยาคิดจะหนีไปจากใต้ร่างของมันจึงกระโดดข้ามศีรษะนาง ใช้หางม้วนคิดจะรัดนาง ไหนเลยจะคาดว่าเกล็ดหิมะนรกที่ลอยอยู่รอบกายจินเฟยเหยาจะพุ่งขึ้นมารับ เห็นเกล็ดหิมะนรกที่ดูเหมือนไร้อันตรายพอสัมผัสตัวงูเหลือมนิลก็ลุกไหม้ขึ้นในพริบตา

งูเหลือมนิลส่งเสียงร้องประหลาด พกพาไฟนรกท่วมร่างร่วงลงบนพื้น เกลือกกลิ้งร่างไม่หยุด ภายใต้การเผาไหม้ของไฟนรกมันในฐานะที่เป็นสัตว์ปิศาจขั้นสองกลับยังไม่ตายทันที ทว่าไฟนรกอันเย็นเยียบกลับเผาไหม้ร่างของมันไม่หยุด ความเย็นเยือกและเจ็บปวดอย่างยิ่งทำให้มันดิ้นรนบนพื้นอย่างต่อเนื่อง

ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ งูเหลือมนิลยังไม่ได้สัมผัสแม้แต่เส้นขนของจินเฟยเหยาก็ถูกกระชากร่วงลงพื้น อี่ซานตกตะลึง มองจินเฟยเหยาที่พุ่งมาหาตนเอง รีบตบกระเป๋าสัตว์ภูติ ผึ้งปีกดำขนาดเท่าฝ่ามือออกมาสิบกว่าตัว

พลังวิญญาณส่วนหางของผึ้งปีกดำกลายเป็นหนามแหลมยิงใส่จินเฟยเหยา จินเฟยเหยาไม่ได้หลบหลีก กำไลมังกรสมปรารถนาบนมือสองข้างส่องแสงกระพริบวาบ ม่านป้องกันรูปวงกลมก็ปรากฏขึ้น หนามแหลมพลังวิญญาณกระแทกลงบนม่านป้องกันเสียงดังเพี๊ยะพะ

ในชั่วพริบตาเกล็ดหิมะนรกรอบกายจินเฟยเหยาก็กดดันเข้ามาใกล้อี่ซานและกระแทกกับม่านแสงที่อี่ซานปลดปล่อยออกมาในยามรีบร้อน  พอเกล็ดหิมะนรกที่อ่อนโยนสัมผัสม่านแสงก็ส่งเสียงดังชี่ชี่เป็นประกายขึ้นมาเหมือนเปลวไฟ

“อ๊า” อี่ซานร้องอย่างตกใจ รีบถอยหลังไป มองเปลวไฟสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดังเพี๊ยะพะบนม่านแสงอารามลนลานนางจึงโยนเวทอัคคีออกไปหลายครั้ง บอลไฟที่โยนออกไปเปะปะกลับโดนร่างผึ้งปีกดำที่ตนเองปล่อยออกไป ผึ้งปีกดำหลบไม่ทัน จึงถูกเจ้านายของตนเองเผาตายไปหลายตัว

ในเวลานี้เองจินเฟยเหยาก็พุ่งตัวเข้ามาถึงเบื้องหน้า เกล็ดหิมะนรกจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมม่านแสงและกระพริบจนอี่ซานตาลาย จากนั้นนางก็เห็นแสงสีฟ้าพุ่งเข้ามาใส่หน้า กำปั้นกระแทกเข้ากับใบหน้านางอย่างแรง คนก็ลอยออกไป

ตอนที่นางถูกต่อยลอยไป จินเฟยเหยาก็พุ่งไปถึงด้านล่างของนางอย่างรวดเร็ว ต่อยอี่ซานที่อยู่กลางอากาศอย่างแรงอีกครั้ง ในไม่กี่อึดใจ อี่ซานก็ถูกจินเฟยเหยาชกยี่สิบกว่าหมัด สุดท้ายจินเฟยเหยาจึงกระโดดหมุนตัวเตะใบหน้าอี่ซานอย่างแรงหนึ่งครั้ง

อี่ซานลอยออกไปกระแทกบนกำแพงหินในหุบเขา ส่งเสียงร้องลั่นออกมา แม้แต่หินยังแตกละเอียด

จินเฟยเหยาใช้ไฟนรกเผาผึ้งปีกดำทั้งหมดจนตายได้อย่างง่ายดาย ส่วนอี่ซานเพราะมีม่านแสงขวางกั้นจึงไม่ได้ถูกเผาแต่ ถูกหมัดลุ่นๆ ชกไปหนึ่งยก

จินเฟยเหยาถอนหายใจ พลังการบำเพ็ญเพียรของตนเองยังต่ำเกินไป ยังแช่น้ำแกงยาวิญญาณไม่มากพอ ถึงแม้ม่านแสงจะถูกนางต่อยจนเสียรูปร่าง หมัดที่ต่อยลงบนร่างของอี่ซานยังถูกกั้นด้วยม่านแสง แต่ยังทะลุม่านแสงไม่ได้ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ

ถึงนางจะมีพละกำลังมากกว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณธรรมดา ทว่ายังไม่สามารถต่อยผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังระดับเดียวกันให้ตายได้ เห็นอี่ซานร่วงลงใต้หินที่แตกละเอียดตรงกำแพงหินนอนไม่ขยับเขยื้อน จินเฟยเหยาจึงเปิดม่านป้องกันแล้วเดินเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง

นางหยุดฝีเท้าลงห่างจากกองหินแตกละเอียดไปหลายก้าว ลังเลนิดหนึ่ง จินเฟยเหยาก็โยนเวทม้วนวายุออกมา ลมหมุนขนาดเล็กกวาดม้วน หอบเศษหินบนพื้นทั้งหมดไป เผยให้เห็นอี่ซานที่นอนอยู่ด้านล่าง

จินเฟยเหยาเห็นนางไม่ขยับเขยื้อนก็นำกำไลมังกรทองสมปรารถนาวงหนึ่งออกมาร่ายเวท แสงสีเหลืองขุ่นมัวกระพริบวาบปรากฏขึ้นบนตัวอี่ซาน ยามนี้กำไลมังกรทองสมปรารถนาเปลี่ยนเป็นมีขนาดกว้างสองฝ่ามือกว่าๆ รัดร่างและมือทั้งสองของนางไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น

จินเฟยเหยาเห็นอี่ซานยังคงนอนนิ่งไม่ขยับดังเดิม ก็ไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือว่าสภาพร่างกายของอี่ซานอ่อนแอจนถึงขั้นถูกต่อยตายไปแบบนี้?

จินเฟยเหยารู้ดี ถึงผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ จะไม่มีใบสั่งยาเสริมสร้างร่างกายในเคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญ แต่ก็มีสภาพร่างกายเหนือกว่าคนธรรมดา หากอาศัยเพียงหมัดลุ่นๆ ก็สามารถต่อยผู้บำเพ็ญเซียนให้ตายได้ เช่นนั้นทุกคนจะบำเพ็ญเซียนไปเพื่ออะไร

นางได้แต่สลายเวทเกล็ดหิมะนรก จากนั้นเดินไปเบื้องหน้า ใช้เท้าเตะให้อี่ซานพลิกตัว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด