คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย 243 อัสนีห้าสายผ่ากลางศีรษะ

Now you are reading คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย Chapter 243 อัสนีห้าสายผ่ากลางศีรษะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรดา​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ของ​สำนัก​ฉีเทียน​รวมตัว​อยู่​ด้วยกัน​ ถ้าไม่นั่ง​บน​เบาะ​กลม​ก็​นั่ง​อยู่​บน​พื้น​ พวกเขา​หลับตา​ ร่างกาย​และ​จิตใจ​จมอยู่​ใน​ภาวะ​ฝึก​บำเพ็ญ​ ปราณ​วิญญาณ​รวมตัว​อยู่​รอบด้าน​และ​ถูก​ดูดซับ​เข้าสู่​ภายใน​ร่าง​อย่าง​ช้าๆ

ทว่า​ ใน​ห้อง​สินค้า​ที่​กลมเกลียว​ มีคนธรรมดา​กำลัง​ก่อกวน​ความเงียบสงบ​

“ศิษย์​พี่​อู๋​ ท่าน​ว่า​พวกเรา​จะโยน​นาง​ลง​ไป​ดี​หรือไม่​ เช่นนี้​จึงเป็นประโยชน์​ต่อ​ทุกคน​” ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คน​หนึ่ง​พลัน​ลืมตา​ เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ไร้ความรู้สึก​

“ศิษย์​น้อง​ตู้​ จิตใจ​ต้อง​สงบ​” ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ชรา​คน​หนึ่ง​ที่นั่ง​อยู่​ด้าน​ข้าง​เขา​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​เอ่ย​โน้มน้าว​

“นาง​ไป​ทำ​อะไร​ที่​โลก​ระดับ​เทพ​ หรือว่า​สำนัก​ตง​อวี้​หวง​จงใจ?”

“กลิ่น​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​เข้มข้น​มาก​ เหม็น​จน​ทนไม่ไหว​ หายใจ​ไม่ได้​เลย​สักนิด​! ใน​ปราณ​วิญญาณ​ที่​ข้า​ดูดซับ​เข้ามา​มีกลิ่น​เนื้อ​ จะให้​คน​สงบ​จิตใจ​ได้​อย่างไร​!”

มีผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คนอื่นๆ​ ถูก​เสียง​พูดคุย​ตัดบท​การ​ฝึก​บำเพ็ญ​ก็​เข้าร่วม​หารือ​ด้วย​

จิน​เฟย​เหยา​ที่อยู่​ห่างไกล​กลับ​ยก​ชามกิน​พลาง​ฟังพวกเขา​ด่าว่า​นาง​อย่าง​ถูกต้อง​เปิดเผย​

จิน​เฟย​เหยา​ไม่เข้าใจ​ ตนเอง​แค่​นั่ง​กิน​อาหาร​ที่นี่​หก​เจ็ด​วัน​เท่านั้น​ บรรดา​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ของ​สำนัก​ฉีเทียน​จำเป็นต้อง​ว่า​ตนเอง​แบบนี้​ด้วย​หรือ​? อีก​ทั้ง​ นาง​ย่น​จมูก​สูดดม​รอบด้าน​ หอม​ออก​ เหตุใด​จึงบอ​กว่า​ทำให้​คน​หายใจ​ไม่ได้​

มีเสียงดัง​ปัง​ มีคน​ยืน​ขึ้น​กระทืบ​พื้น​อย่าง​หนักหน่วง​ ด่าทอ​อย่าง​ดุร้าย​ “วันนี้​ต้อง​ให้​นาง​ออก​ไป​ให้ได้​! ต่อให้​ต้อง​ใช้กำลัง​ ก็​จะให้​นาง​อยู่​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​ไม่ได้​!”

ได้ยิน​คำพูด​นี้​จิน​เฟย​เหยา​ก็​ไม่พอใจ​ ถือ​ตะเกียบ​ชี้ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คน​นั้น​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ท่าน​มีเหตุผล​หรือไม่​ ข้า​ไม่ได้​ผายลม​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​สักหน่อย​ ท่าน​มีสิทธิ์​อะไร​จะให้​ข้า​ออก​ไป​! กลิ่นหอม​ขนาด​นี้​ ถ้าท่าน​รับ​ไม่ได้​ก็​ออก​ไป​เอง​ ข้า​ให้​ท่าน​ดม​กลิ่นหอม​เปล่าๆ​ โดย​ไม่เก็บ​ศิลา​วิญญาณ​ ท่าน​ยัง​มารังเกียจ​ข้า​อีก​!”

“ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​หลอม​รวม​อย่าง​เจ้ายัง​จะกิน​อาหาร​ทำไม​! ทั้ง​ยัง​ไม่หยุด​กิน​สัก​เค่อ​ เจ้าจะพอได้​หรือยัง​ เชื่อ​หรือไม่​ว่า​ข้า​จะทำลาย​หม้อ​ของ​เจ้า!” ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คน​นั้น​ลุกขึ้น​ยืน​ ร่างกาย​สูงใหญ่​และ​ล่ำสัน​แข็งแกร่ง​อย่างยิ่ง​ พอ​เห็น​ก็​รู้​ว่า​ก่อน​สร้าง​ฐาน​ ต้อง​เป็น​บุคคล​ที่​กินข้าว​มื้อ​ละ​แปด​ชามแน่ๆ​

จิน​เฟย​เหยา​ทำ​ปาก​ยื่น​ เอ่ย​อย่าง​ไม่พอใจ​ “พวก​ท่าน​ไม่ได้​กินข้าว​มาหลาย​ร้อย​ปี​ หรือว่า​ห้าม​ผู้อื่น​กิน​ด้วย​? บ้าอำนาจ​จริงๆ​ เหตุใด​จึงไม่เห็น​พวก​เจ้ารังเกียจ​ศิลา​วิญญาณ​ หลอม​ยา​แล้ว​จากนั้น​แบ่ง​ให้​ผู้อื่น​ ตั้ง​ข้อเรียกร้อง​กับ​ผู้อื่น​สูง ตนเอง​กลับ​กำเริบเสิบสาน​ เกินไป​กระมัง​”

“เถียง​ข้างๆ คูๆ​!” ดวงตา​ของ​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คน​นั้น​โต​ปาน​กระดิ่ง​ทองแดง​ มีโทสะ​จน​อยาก​จะกิน​คน​

“ฮึ ถ้าอยู่​ไม่ได้​เจ้าก็​ออก​ไป​ตากลม​ ไม่มีใคร​รั้ง​เจ้าไว้​เสียหน่อย​” นาง​ยักไหล่​อย่าง​ไม่เห็น​เป็น​อะไร​ พลาง​เอ่ย​ยิ้ม​ๆ

เพิ่ง​สิ้น​เสียง​ของ​นาง​ ก็​ได้ยิน​เสียง​ตูม​นอก​ห้อง​สินค้า​ มีสาย​ฟ้าผ่า​ลงมา​บน​เรือ​เหาะ​ รู้สึก​ได้​ว่า​ตัว​เรือ​สั่น​ไหว​ ทุกคน​หยุด​ปาก​เงยหน้า​ขึ้น​ฟังความเคลื่อนไหว​ภายนอก​อย่าง​เงียบๆ​

“ไม่รู้​จะทำ​อย่างไร​กับ​พวก​ท่าน​จริงๆ​ ตื่นตระหนก​เกินไป​” จิน​เฟย​เหยา​มอง​พวกเขา​แวบ​หนึ่ง​แล้ว​หันหน้า​มากิน​อาหาร​ต่อ​

ภายใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​มีเสียง​โต้เถียง​ไม่หยุด​ ส่วน​ภายนอก​มีสายฟ้า​เกิดขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ภายใน​เวลา​ไม่ถึงหนึ่ง​จิบ​ชา ก็​มีสายฟ้า​สาย​หนึ่ง​ผ่า​ลงมา​บน​เรือ​เหาะ​ หลัง​เสียงดัง​ชี่ๆ สถานที่​ซึ่งถูก​สายฟ้า​ฟาด​บน​เรือ​ก็​ปรากฏ​รอยไหม้​เกรียม​

ถึงแม้บน​ตัว​เรือ​จะวาด​คาถา​อัน​แข็งแกร่ง​อยู่​เต็มไปหมด​ ทว่า​ก็ได้​แต่​ไม่ให้​ฟ้าผ่า​เข้ามา​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​ อีก​ทั้ง​บน​ตัว​เรือ​ยัง​เป็น​รอย​สีดำ​สนิท​ที่​เคย​ถูก​สาย​ฟ้าผ่า​มาก่อน​

ฮึ ข้างนอก​ล้วน​เป็น​สายฟ้า​! คิดไม่ถึง​ว่า​จะให้​ข้า​ออก​ไปหา​ที่​ตาย​ ข้า​ไม่ใช่คนโง่​เสียหน่อย​ จิน​เฟย​เหยา​ด่าทอ​ใน​ใจ ไม่ว่า​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ของ​สำนัก​ฉีเทียน​พูด​อะไร​ นาง​ก็​จะไม่ออกจาก​ห้อง​เก็บ​สินค้า​

สามวันก่อน​ จิน​เฟย​เหยา​พบ​ว่า​เรือ​เหาะ​กำลัง​ตรง​ขึ้นไป​ ผ่าน​ชั้น​เมฆมาถึงระดับความสูง​ที่​ตอน​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​เหยียบ​ของ​วิเศษ​ไม่เคย​มาถึง ด้านล่าง​ตัว​เรือ​เป็น​ทะเล​เมฆสุด​อลังการ​ เมฆขาว​ราวกับ​แพะ​ฉางห​ลิง​ที่​นาง​เคย​เลี้ยง​แนบ​ติดกัน​สนิท​ก้อน​ต่อ​ก้อน​ แสงอาทิตย์​สาดส่อง​ลง​บน​ทะเล​เมฆ แสดง​ทัศนียภาพ​อัน​งดงาม​ราวกับ​แดน​เซียน​ออกมา​

ในขณะที่​จิน​เฟย​เหยา​เพิ่ง​เห็น​ไม่กี่​แวบ​ ยัง​ไม่ได้​ชื่นชม​ทิวทัศน์​อัน​งดงาม​ให้​ละเอียด​ ก็​เห็น​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ของ​หอ​ฉีเทียน​ที่​ยืน​อยู่​บน​ดาดฟ้า​มาตลอด​แย่ง​กัน​วิ่ง​กรู​กัน​เข้าไป​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​ราวกับ​กลัว​จะล้าหลัง​ ส่วน​ดาดฟ้า​ด้านหลัง​พลัน​ปรากฏ​คาถา​สีเงิน​แน่นขนัด​ แสงสีเงิน​กระพริบ​วาบ​ ท่าทาง​น่าหวาดกลัว​อย่างยิ่ง​

ในเวลาเดียวกัน​ นาง​ก็​มองเห็น​ปลาย​ด้าน​หนึ่ง​ของ​ชั้น​เมฆมีสีดำทะมึน​ปรากฏ​ขึ้น​แถบ​ใหญ่​และ​เข้ามา​ใกล้​เรือ​เหาะ​ลำ​นี้​อย่าง​รวดเร็ว​

ถึงอย่างไร​จิน​เฟย​เหยา​ก็​นั่ง​เรือ​ไป​โลก​ระดับ​เทพ​เป็นครั้งแรก​ จึงยืน​ดู​อย่าง​สงสัย​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​เห็น​นก​สีแดง​เพลิง​ตัว​ใหญ่​สอง​จั้งกลุ่ม​หนึ่ง​บิน​เข้ามา​ใกล้​ นก​ตัว​ใหญ่​ที่อยู่​ด้านหน้า​อ้า​ปาก​พ่น​เปลวไฟ​ดวง​หนึ่ง​มาโจมตี​จิน​เฟย​เหยา​ที่อยู่​บน​เรือ​เหาะ​ทันที​

นก​ขนาดใหญ่​เหล่านี้​เป็น​สัตว์​ปิศาจ​ขั้น​เจ็ด​ทั้งหมด​ มีปริมาณมาก​ถึงหมื่น​ตัว​ ทำให้​จิน​เฟย​เหยา​ตกใจ​จน​ต้อง​วิ่ง​เข้าไป​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​

ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​สำนัก​ฉีเทียน​กำลัง​เตรียม​จะปิดประตู​ เห็น​จิน​เฟย​เหยา​พุ่ง​มาจึงเหลือ​ที่​ด้าน​ข้าง​ให้​นาง​ หลังจาก​นาง​เข้ามา​จึงปิดประตู​สนิท​ จากนั้น​เรือ​เหาะ​ก็​อาศัย​คาถา​บน​ตัว​เรือ​ ฝ่าเข้าไป​ใน​เปลวเพลิง​ของ​นก​ขนาดใหญ่​นับ​หมื่น​ตัว​ราวกับ​เป็น​ซาลาเปา​เหล็ก​เคลื่อนที่​ได้​

ใช้เวลา​สอง​วัน​จึงหลุดพ้น​ฝูงนก​ยักษ์​ จากนั้น​ก็​เข้าไป​ใน​ชั้น​เมฆดำ​อีก​ นก​หมด​แล้ว​ ทว่า​อยู่​ใน​ชั้น​เมฆดำ​ มีสายฟ้า​ผ่า​เปรี้ยงปร้าง​อย่าง​ต่อเนื่อง​ราวกับ​ฝนตก​ ทุกครั้งที่​เรือ​เหาะ​ถูก​สายฟ้า​โจมตี​ก็​สั่นสะเทือน​ไม่หยุด​ราวกับ​จะร่วง​ตก​ ไม่กี่​อึดใจ​จึงหยุด​ลง​แล้ว​คลื่น​สายฟ้า​ระลอก​ถัดไป​ก็​ผ่า​ลงมา​อีก​ ทำให้​จิน​เฟย​เหยา​ยัง​หวาดกลัว​ไม่หาย​

แต่​จิตใจ​อัน​หยาบกระด้าง​ของ​นาง​เพิ่ง​ตึงเครียด​ได้​ไม่นาน​ ก็​โยน​อันตราย​เบื้องหน้า​ออกจาก​สมอง​ไป​จน​หมดสิ้น​ ใช้ชีวิต​เหมือน​ใน​อดีต​ต่อไป​

บางครั้ง​จิน​เฟย​เหยา​ก็​ครุ่นคิด​ พี่​สยง​เพิ่ง​ได้​ตะเกียง​ดวงจิต​ไป​ จากนั้น​พริบตา​ก็​เห็น​ตะเกียง​ดับ​ลง​ นั่น​ก็​น่าขำ​เกินไป​จริงๆ​ ก่อน​จะตาย​ต้อง​กิน​เยอะ​ๆ หน่อย​จะได้​เป็น​ผี​อิ่ม​ตาย​ ไม่เช่นนั้น​ถ้าถึงเวลา​พี่​สยง​ไม่สลัก​ซาลาเปา​บน​ภาพเหมือน​ แต่​สลัก​ดอก​จวี๋​แทน​ก็​จบสิ้น​กัน​

นาง​คิดตก​แล้ว​ ทว่า​ศิษย์​สำนัก​ฉีเทียน​ยัง​คิด​ไม่ตก​ ถึงแม้สายฟ้า​เหล่านี้​จะมีอานุภาพ​ด้อย​กว่า​ตอน​ผ่าน​ด่าน​เคราะห์​มาก​ แต่​ถ้าโดน​สายฟ้า​ผ่าเข้า​สัก​สาย​ก็​สามารถ​เอาชีวิต​น้อย​ๆ ของ​พวกเขา​ได้​ เดิมที​ก็​ไม่ยินยอมพร้อมใจ​จะขึ้น​เรือ​อยู่แล้ว​ ถ้าต้อง​เสียชีวิต​อีก​จะเคียดแค้น​ปานใด​

พวกเขา​ตึงเครียด​แทบตาย​ แน่นอน​ว่า​ก็​มีผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ที่​สงบนิ่ง​ ทว่า​ต้อง​ไม่มีคน​ยินดี​แน่​ ดังนั้น​ท่าทาง​เอ้อระเหย​ของ​จิน​เฟย​เหยา​จึงทำให้​พวกเขา​รู้สึก​ไม่สบายใจ​ ขณะที่​สายฟ้า​ผ่า​ลงมา​อย่าง​ต่อเนื่อง​ จิตใจ​ของ​พวกเขา​ก็​ยิ่ง​หงุดหงิด​มากขึ้น​ทุกที​ตาม​เสียง​สายฟ้า​

“พวก​เจ้าอย่า​ทะเลาะ​กัน​ ขอ​เพียง​มีอาจารย์​ลุง​โจว​อยู่​ สายฟ้า​เหล่านี้​ก็​ผ่า​เข้ามา​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​ไม่ได้​ ทุกคน​นั่งลง​ให้​ดี​” บุรุษ​สีหน้า​เคร่งขรึม​คน​หนึ่ง​ตรง​มุมพลัน​ส่งเสียง​เอ่ย​วาจา​

ฟังคำพูด​ของ​เขา​แล้ว​สีหน้า​ของ​คน​จำนวน​ไม่น้อย​ผ่อนคลาย​ลง​ ทว่า​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​คน​ที่​ด่าทอ​จิน​เฟย​เหยา​เมื่อ​ครู่​กลับ​ไม่ฟังเลย​สักนิด​ ชี้หน้า​จิน​เฟย​เหยา​แล้ว​ตะโกน​ต่อไป​ “ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​เห็น​นาง​เป็นที่​ขัดตา​ ให้​สาย​ฟ้าผ่า​นาง​ตาย​ไป​เลย​!”

เปรี้ยง​! สิ้น​เสียง​ของ​เขา​ สายฟ้า​สีม่วง​สาย​หนึ่ง​ก็​ผ่า​ลงมา​บน​ดาดฟ้า​เรือ​ฟาด​เปรี้ยง​ต่อหน้าต่อตา​ทุกคน​ จากนั้น​เศษไม้ก็​ปลิว​ว่อน​เข้ามา​ใน​ห้อง​เก็บ​สินค้า​ ตัว​เรือ​เหาะ​ปริ​แตก​ออกจาก​ตรงกลาง​และ​ค่อยๆ​ แผ่ขยาย​ออก​ไป​สอง​ฟาก​

ทน​การ​โจมตี​ไม่ได้​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​! ทุกคน​มอง​ฉาก​นี้​อย่าง​ปาก​อ้า​ตาค้าง​ จิน​เฟย​เหยา​ยิ่ง​ตะลึงงัน​

นาง​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ นอก​ห้อง​สินค้า​เป็น​เมฆสีดำทะมึน​ พวกเขา​กำลัง​อยู่​ใน​เมฆดำ​เหล่านี้​ สายฟ้า​แต่ละ​สาย​วาบ​ขึ้น​ใน​เมฆดำ​ไม่หยุด​ราวกับ​มังกร​ม่วง​ แลดู​ยิ่งใหญ่​อลังการ​สุด​เปรียบ​ปาน​

จิน​เฟย​เหยา​นั่ง​ถือ​ชามอยู่​ใน​ห้องเก็บของ​ที่​เอียง​ เห็น​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​คน​หนึ่ง​บิน​ออก​มาจาก​รอยแตก​ ตะโกน​ดังลั่น​ไป​ทั่ว​ “คาถา​เรือ​พัง​แล้ว​! ทุกคน​เสี่ยงชีวิต​หนี​ไป​ทางตะวันตก​ อย่า​ได้​หยุดชะงัก​!”

“อาจารย์​ลุง​โจว​!” บรรดา​ศิษย์​สำนัก​ฉีเทียน​ได้ยิน​เสียง​ตะโกน​ของ​เขา​ราวกับ​ดาว​ช่วยชีวิต​

จากนั้น​ก็​เห็น​สายฟ้า​สีม่วง​อัน​งดงาม​พร่างพราย​อย่าง​น่าประหลาด​ผ่า​ลงมา​บน​ร่าง​ของ​อาจารย์​ลุง​โจว​พอดี​ หลัง​สายฟ้า​ผ่านพ้น​ อาจารย์​ลุง​โจว​ก็​ยืน​อยู่​กลางอากาศ​ด้วย​ร่าง​สีดำ​สนิท​ โชคดี​ ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​จึงต้านทาน​สายฟ้า​ที่​ผ่า​ลงมา​โดน​ได้​

อาจารย์​ลุง​โจว​พลิก​มือ​วูบ​ ปีก​สีดำ​สนิท​คู่​หนึ่ง​ก็​ทะลุ​ออกจาก​ร่าง​ เห็น​บน​ปีก​สีดำ​มีแสงดาว​กระพริบ​ พอ​กระพือปีก​ อาจารย์​ลุง​โจว​ก็​หายวับ​ไป​จาก​ที่​เดิม​ ขณะที่​ปรากฏตัว​ขึ้น​อีกครั้ง​ก็​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ร้อย​จั้งแล้ว​

อาจารย์​ลุง​โจว​ที่​เป็น​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​หนี​ไป​แล้ว​…

ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​สำนัก​ฉีเทียน​มีปฏิกิริยา​รวดเร็ว​ แต่ละคน​นำ​เวท​หลบหนี​คุ้ม​ครองชีวิต​ออกมา​ใช้ แล้ว​หลบหนี​ออก​ไป​ใน​เมฆสีดำ​มุ่งไป​ทาง​ทิศตะวันตก​

คน​จะซวย​ดื่ม​น้ำเย็น​ก็​ยัง​ติด​ฟัน​! จิน​เฟย​เหยา​ด่าทอ​อย่าง​แค้นใจ​ประโยค​หนึ่ง​แล้ว​ยื่นมือ​ไป​คว้า​พั่งจื่อ​และ​ต้า​นิว​โยน​ใส่ถุงสัตว์​ภูติ​ ร่าง​กลาย​เป็นไฟ​นรก​โดย​ไม่สนใจ​ว่า​จะถูก​พบเห็น​หรือไม่​ ใช้เวท​หนี​ไฟนรก​ห้อ​ตะบึง​ไป​ทาง​ทิศตะวันตก​

นาง​ลาก​ปราณ​สีดำ​เป็น​สาย​ยาว​บิน​ผ่าน​ข้าง​กาย​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​สำนัก​ฉีเทียน​ไป​ ครู่หนึ่ง​ก็​กระโดด​มาถึงเบื้องหน้า​

ทุกคน​มอง​เปลวเพลิง​สีดำ​พวยพุ่ง​ด้วย​สีหน้า​ประหลาด​ นี่​คือ​อะไร​ พลัง​วิญญาณ​สีดำ​ผสม​ไอ​ปิศาจ​ลอย​กระจาย​ออก​ไป​รอบด้าน​? แปลกประหลาด​เกินไป​จริงๆ​

ถึงแม้จะไม่เข้าใจ​จิน​เฟย​เหยา​ ทว่า​เห็น​นาง​พุ่ง​วูบ​ไป​ข้างหน้า​ ตนเอง​ยิ่ง​ต้อง​รีบ​พุ่ง​ออกจาก​ชั้น​เมฆดำ​ ถ้ายัง​รั้ง​อยู่​ที่นี่​เพิ่ม​อีก​หนึ่ง​อึดใจ​คือ​รนหาที่​ตาย​

“อ๊า!”​ ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​หลอม​รวม​คน​หนึ่ง​ร้อง​โหยหวน​ ถูก​สาย​ฟ้าผ่า​โดน​เข้า​ก็​เหลือ​เพียง​เศษซาก​สีดำ​ทันที​

จิน​เฟย​เหยา​ที่​แขวน​สมอง​ไว้​บน​ก้น​มาตลอด​ เวลานี้​ย้าย​สมอง​กลับมา​ที่​เดิม​แล้ว​ ไม่เคย​รู้สึก​หวาดกลัว​แบบนี้​มาก่อน​ แม้แต่​ตอนที่​พบ​จอม​มาร​หลง​เป็นครั้งแรก​ก็​ยัง​ไม่รู้สึก​วิกฤติ​แบบนี้​ ใน​สมอง​ของ​นาง​มีเพียง​ความคิด​เดียว​ ต้อง​หนี​ออก​ไป​ หนี​ออก​ไป​จาก​เขต​สายฟ้า​ผืน​นี้​

ทว่า​ จิน​เฟย​เหยา​รู้สึก​ว่า​เบื้อง​หน้าสว่าง​วาบ​ ตลอด​ร่าง​เจ็บ​ชา ตามมา​ด้วย​ได้กลิ่น​ไหม้​

ข้า​จะตาย​แล้ว​หรือ​? จิน​เฟย​เหยา​พกพา​ความสงสัย​เช่นนี้​หมดสติ​ไป​

สอง​วัน​ให้หลัง​ มีข่าว​แพร่สะพัด​ไป​ทั่วโลก​วิญญาณ​เป่ยเฉิน​ สำนัก​ฉีเทียน​สูญเสีย​เรือ​เหาะ​อีก​ลำ​หนึ่ง​ใน​ชั้น​เมฆดำ​ของ​โลก​ระดับ​เทพ​ นี่​เป็น​เรือ​ลำ​ที่​สิบเอ็ด​ซึ่งสูญเสีย​ใน​ชั้น​เมฆดำ​ใน​รอบ​ร้อย​ปี​ของ​พวกเขา​

หลาย​ครอบครัว​ยินดี​หลาย​ครอบครัว​เสียใจ​ ขณะที่​สำนัก​อื่นๆ​ กำลัง​แอบ​หัวเราะ​ สำนัก​ฉีเทียน​กลับ​เสียใจ​แทบตาย​ นอกจาก​สูญเสีย​เรือ​เหาะ​ไป​ลำ​หนึ่ง​ พวกเขา​ยัง​สูญเสีย​ศิษย์​ขั้น​หลอม​รวม​ไป​สิบ​เจ็ด​คน​ บวก​กับ​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​คน​หนึ่ง​ที่​ไม่ทราบ​แน่ชัด​ว่า​เป็น​หรือ​ตาย​

ส่วน​สำนัก​ตง​อวี้​หวง​หลังจาก​ได้ยิน​ข่าว​นี้​แล้ว​ ฉือ​ชางเจิน​เห​ริน​มีความรู้สึก​สับสน​ปนเป​ เพียง​เพื่อ​ส่งจิน​เฟย​เหยา​ไป​กลับ​ทำให้​นาง​ต้อง​ไป​ตาย​ หรือว่า​นี่​คือ​มติ​สวรรค์​ ขนาด​สวรรค์​ยัง​ทน​ดู​ต่อไป​ไม่ได้​

“เจ้าสำนัก​ ผู้อาวุโส​จู๋กลับมา​แล้ว​!” ในขณะที่​ฉือ​ชางเจิน​เห​ริน​กำลังจะ​พูด​อะไร​เพื่อ​ทอดถอนใจ​สักหน่อย​ นอก​ประตู​ก็​มีเสียง​ศิษย์​รายงาน​ดัง​มา

จากนั้น​ก็​ได้ยิน​จู๋ซวี​อู๋​เดิน​หัวเราะ​เสียงดัง​เข้ามา​ เอ่ย​กับ​ฉือ​ชางเจิน​เห​ริน​อย่าง​เบิกบาน​ “ศิษย์​พี่​ ท่าน​ได้ยิน​หรือไม่​ เรือ​เหาะ​ของ​กลุ่ม​สุนัข​เฒ่าแห่ง​สำนัก​ฉีเทียน​ถูก​ฟ้าผ่า​ใน​ชั้น​เมฆดำ​อีกแล้ว​ ฮ่าๆๆ ครั้งนี้​พวกเขา​ยัง​สูญเสีย​ศิษย์​ไป​จำนวน​ไม่น้อย​ เจ้าโจว​ปิน​เป็น​ตาย​ไม่ทราบ​แน่ชัด​ ไม่รู้​ว่า​ตกลง​ไป​ใน​รัง​สัตว์​ปิศาจ​ใด​หรือไม่​ ฮ่าๆๆ!”

…………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด