คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 691 นอนไต่ระดับ

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter 691 นอนไต่ระดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 691 นอนไต่ระดับ

เว่ยเสียเฝ้ามองดูกลุ่มคนปรากฏตัวมากลางอากาศในห้องโถงด้านหลังร้านอย่างเงียบๆ มีทุกเผ่าพันธุ์ คน ภูต ผี ปีศาจ?

เขาจ้องมองไปยังหมีตัวหนาบึกบึนที่กลายร่างเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ รัศมีความเป็นบุรุษอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายกระทบใบหน้าของเขา ทำเอาเขาต้องขยี้ตา

นี่มันอะไรกัน

เฮยซาเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่คุ้ยเคยกับการที่กลายร่างเป็นคนเลยจริงๆ แต่ฉินหลิวซีบอกแล้วว่าหากเขาปรากฏตัวในรูปร่างของหมีในเมืองที่พลุกพล่าน ไม่เพียงแต่จะทำให้คนตกใจกลัว ซ้ำยังจะถูกทหารของทางการล้อมจับแล้วสับเป็นชิ้นๆ ในทันที

เพราะอุ้งตีนหมีเป็นอาหารบำรุงชั้นดี นำไปตุ๋นกับเครื่องเทศอย่างดี ซดน้ำคล่องคอ

และอีกอย่างก็คือหากเขาไม่กลายร่างเป็นคน อยู่ในคราบขนสีดำหยาบกระด้างไปทั้งตัว ภาพนั้นค่อนข้างเป็นที่สะดุดตา แม้แต่แม่หมีเห็นเข้าก็ยังต้องวิ่งหนี

ดังนั้นเฮยซาจึงกลายเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนที่เต็มไปด้วยความสง่างาม มีแขนขาที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ความคิดเรียบง่าย

“ท่านไปถล่มรังของตัวอะไรมา ไยจึงนำของแบบนี้กลับมาด้วย” เว่ยเสียมองไปยังผีที่มีความขุ่นเคืองหลายตนนั้นซึ่งสวมชุดแปลกๆ

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไปทะเลทรายดำ นี่ล้วนเป็นสิ่งที่นำมาจากที่นั่น เฮยซาจะอาศัยอยู่ที่ร้านกับเจ้าก่อน ส่วนพวกเจ้าทั้งหลาย…”

“นายท่าน ตอนนี้พวกเรายังไม่อยากไปเกิดใหม่” ผีสามตนกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเราตายมานานแล้ว ตอนนี้กาลเวลาเปลี่ยนไปแล้ว อยากจะเห็นทิวทัศน์ของที่ราบภาคกลาง หากเบื่อแล้วพวกเราจะย่อมไปเกิดใหม่”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ออกไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอกไม่เหมือนกับที่อยู่ในทะเลทรายสีดำ ในทะเลทรายสีดำม่านอาคม แม้ว่าเฮยซาจะดุร้ายแต่ก็ไม่ดูดกลืนผีทั้งหมด ถือเป็นการทำให้ผู้อื่นกลัวจึงปกป้องพวกเจ้าได้ แต่ภายนอกนั้นแตกต่าง มีวิญญาณบริสุทธิ์ที่ไม่ยอมไปเกิดใหม่จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ข้างนอก นอกจากนี้ยังมีผีร้ายมากมายซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หากไปเจอเข้า พวกเจ้าอาจไม่สามารถต่อกรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ใช่ว่าปรมาจารย์ทุกคนจะเป็นเช่นเดียวกับข้าที่จะเพิกเฉยต่อพวกเจ้า มีปรมาจารย์บางคนที่สังหารผี หากโชคไม่ดีไปเจอเข้า ไม่แน่อาจจะจัดการพวกเจ้าทั้งหมด”

เมื่อผีทั้งสามได้ฟังดังนั้นก็ลังเล

“หากปรมาจารย์ผู้ที่หัวโบราณและยืนหยัดในความถูกต้องรับพวกเจ้าไว้ก็ดีไป เพียงแต่กลัวว่าพวกเจ้าจะถูกนักพรตมารจับไปหล่อหลอมเครื่องรางชั่วร้าย เช่นนั้นจึงจะเป็นหายนะ พวกเจ้าลองคิดดูเถิด”

ผีสามตนมองหน้ากัน จากนั้นก็เดินไปปรึกษากันอยู่ด้านข้าง เอ่ย “นายท่านคิดเผื่อพวกเรา พวกเราก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็จะเร่ร่อนอยู่ในเมืองหลีเป็นเวลาสองวัน ดูความเจริญรุ่งเรือง แล้วค่อยให้นายท่านช่วยส่งพวกเราได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ยกับเว่ยเสียว่า “เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าเป็นคนส่งเถิด เตรียมโต๊ะเซ่นไหว้ให้พวกเขากินจนอิ่มแล้วค่อยออกเดินทาง”

“อืม”

ผีทั้งสามดีใจมาก โค้งคำนับฉินหลิวซี

เฮยซาเบียดเข้ามาก่อนจะเอ่ย “แล้วข้าล่ะ เจ้าจะจัดการอย่างไร”

“เจ้าอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน ไม่ไกลจากอารามชิงผิงที่อยู่นอกเมืองหลีมีป่าวั่นไหว ที่นั่นเป็นป่าทึบ บางทีอาจมีหมีอยู่ในภูเขาลึก เจ้าจะลองไปเสี่ยงโชคดูก็ได้ แต่คำที่กล่าวกับผีทั้งสามไปเมื่อครู่นี้ เจ้าเองก็ต้องระวัง เจ้าเป็นภูตภูเขา หากมีผู้ฝึกบำเพ็ญสายมารค้นพบเข้า บางทีอาจจะจับตัวเจ้าแล้วนำไปใช้ประโยชน์” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากไม่อยากไป เจ้าก็สามารถไปเดินเล่นในเมืองหลีได้ แต่ห้ามใช้อาคมทำให้คนตกใจ ในเมื่อกลายร่างเป็นคนแล้ว เจ้าก็ต้องตระหนักถึงพฤติกรรมของคนและระมัดระวังให้มาก นี่ไม่ใช่ยุคแห่งความลึกลับ นี่คือโลกที่ถูกครองอำนาจโดยราชวงศ์ ผู้ที่เดินไปมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนธรรมดา หากเจ้ากลายร่างท่ามกลางฝูงชนอย่างกะทันหัน จอมเวทมากมายจะมาหาเจ้า”

เฮยซาขมวดคิ้ว มีกฎเกณฑ์และข้อบังคับมากไปแล้ว ยุ่งยากจริงๆ!

“คอยดูเขาไว้ อย่าให้เขาไปก่อเรื่อง” ฉินหลิวซีมองไปยังเว่ยเสีย

เว่ยเสียแทบหยุดหายใจ “ข้าเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก ท่านเอาของแบบนี้กลับมาด้วยทำไม ไม่กลัวมีปัญหาหรือ”

เฮยซาโมโห “ข้าไม่ใช่สิ่งของ!”

เว่ยเสีย “…”

เอาเถิด เจ้าไม่ใช่สิ่งของ เจ้าคือเจ้าทึ่ม!

ฉินหลิวซีกุมขมับ เอ่ย “อ้าปาก”

เฮยซา “?”

เขาอ้าปากอย่างงงๆ มีกลิ่นเลือดหอมหยดเข้าไปในปากของเขา อดรู้สึกกระชุ่มกระชวยไม่ได้

“สิ่งที่เจ้าต้องการข้าให้เจ้าแล้ว จำคำของข้าไว้ เป็นคนก็ต้องมีจิตสำนึกของการเป็นคน ห้ามทำตัวโดดเด่นต่อหน้าคนธรรมดา” ฉินหลิวซีเอ่ย “ไปเดินเล่นในเมืองให้คุ้นเคยก่อน”

เลือดหยดนั้นไหลลงคอ เฮยซาสับสน รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผดเผาไหลผ่านไปยังแขนขา แก้มสองข้างแดงระเรื่อ กำลังของเขากำลังจะปะทุ กล่าวว่า “ข้าต้องไปที่ภูเขาลึกในป่าเก่าแก่”

“หืม?” ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นมอง สายตาจับจ้อง รีบโยนสิ่งของบนตัวให้เว่ยเสีย ดึงเขาไว้แล้วร่ายคาถาเข้าไปในเส้นทางหยินอีกครั้ง มายังส่วนลึกของป่าทึบที่ภูเขาด้านหลังอารามเต๋า

“นั่งลงขัดสมาธิ” หน้าผากของเฮยซาเต็มไปด้วยเหงื่อ รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งที่โหมกระหน่ำอยู่ในร่างกาย รีบเร่งที่จะหาทางระบายออก เขาลืมตาขึ้น กัดฟันพลางเอ่ย “ข้าต้องการต่อสู้กับปีศาจตนอื่นสักตั้ง”

“ต่อสู้อะไรกัน เจ้าต้องนำทางพลังวิญญาณนี้” ฉินหลิวซีจับมือเขาขึ้นมา ตรวจชีพจรพลางเอ่ย “ข้าบอกแล้วเจ้าทำตาม นั่งลง”

เฮยซาอ้าปาก นั่งลงอย่างเชื่อฟัง

“ฝึกบำเพ็ญมหาจักรวาลเป็นหรือไม่”

“อะไรคือมหาจักรวาล”

ฉินหลิวซีสีหน้ามืดครึ้ม เอ่ย “หลับตาลง ผ่อนคลายร่างกาย ทำจิตใจให้สงบ”

เฮยซาหลับตา แต่ว่าจะผ่อนคลายอย่างไรเขาก็ไม่รู้ เกร็งไปทั้งร่างกาย

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นจึงวางมือกดลงบนไหล่ของเขา คลายกำลังของเขาลง

“เข้าสู่การทำสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก ลิ้นแตะเพดาน ให้พลังงานจมลงที่จุดตันเถียน[1]”

เสียงของนางเบาเล็กน้อย ไม่ใช่เสียงนุ่มนวลเหมือนเด็กสาวทั่วไป แต่มีพลังมนตร์ที่ปลอบประโลมใจคน ทำให้จิตใจที่เป็นกังวลของเฮยซาสงบลง ทำตามที่นางบอก

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าเขาสงบลงแล้ว จึงค่อยๆ บอกถึงวิธีการเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล นำทางให้เขากระจายพลังวิญญาณให้ไหลไปตามเส้นลมปราณ

นางสังเกตเห็นตั้งแต่ที่ได้ต่อสู้กับเฮยซาก่อนหน้านี้แล้ว เขามีความสามารถบางอย่างจริงๆ แต่อาจเป็นเพราะไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง เพียงแต่อาศัยกำลังดุร้ายและกระบวนท่าที่คิดขึ้นมาเองเพื่อใช้โจมตี ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี เพียงแต่เมื่อหมดแรงแล้วก็ง่ายที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ซ้ำยังมีอาคมที่ไม่ได้ถูกใช้สุดความสามารถ เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ จึงไม่แปลกใจเลยที่การฝึกบำเพ็ญของเขาไม่ก้าวหน้าหรือถดถอย ที่มีความสามารถอย่างตอนนี้อาจเป็นเพราะฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ทะเลทรายดำแห่งนั้นมาแล้วพันปี แต่เขาก็ยังไม่พบวิธีที่ถูกต้อง อาศัยการฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นก็จะเก่งกาจยิ่งกว่านี้

ความจริงแล้วฉินหลิวซีไม่ได้ยืนกรานว่าเฮยซาต้องมากับนาง เพียงแต่รู้สึกว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้ เมื่อโอกาสมาถึงก็จะสามารถก้าวหน้าได้อีกขั้น

ภูตภูเขามีจิตวิญญาณ แต่หากเป็นเทพแห่งภูเขาจะไม่ดีกว่าหรือ มีจิตวิญญาณมากกว่า ไยจึงต้องเป็นปีศาจเฒ่า

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ในที่สุดเฮยซาก็รวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่จุดตันเถียนได้ ลืมตาขึ้น มีความประหลาดใจเมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

ตบะของเขาที่ลดลงเล็กน้อยจากการถูกย่างด้วยไฟแห่งกรรมนั้นไม่ได้กลับคืนมา แต่เนื่องจากเลือดของฉินหลิวซีที่หยดเข้าไปในร่างกาย พลังวิญญาณจึงพลุ่งพล่าน บวกกับการเคลื่อนไหวมหาจักรวาลเมื่อครู่นี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าการฝึกบำเพ็ญของเขาแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งกว่าเดิม

“นี่คือวิชาอะไร”

“เพียงแค่การเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล ทำตามที่ข้าสอนเจ้าไปเมื่อครู่นี้ ต่อไปนี้เจ้าต้องทำเช่นนี้วันละหนึ่งครั้ง เป็นประโยชน์ต่อการฝึกบำเพ็ญ เจ้าไม่รู้สิ่งนี้ เช่นนั้นก่อนหน้านี้เจ้าฝึกฝนอย่างไร”

“ต่อสู้ นอน กินสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ” เขาก้มลงมองฝ่ามือทั้งสองข้าง ที่แท้นี่ก็คือวิธีฝึก ไม่เคยมีใครสอนเขามาก่อน นางเป็นคนแรก

ฉินหลิวซี “!”

เข้าใจแล้ว นอนไต่ระดับ!

[1] จุดตันเถียน คือ จุดศูนย์กลางของพลังงานภายในร่างกาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด