คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 809 เห็นใครเข้าตาก็ยิ้มให้คนนั้น
ตอนที่ 809 เห็นใครเข้าตาก็ยิ้มให้คนนั้น
……….
ข่าวเด็ดที่ฉินหลิวซีนำมา ทำเอาฉินหยวนซานและคนอื่นๆ ตกใจจนทำตัวไม่ถูก นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจและน่ายินดียิ่งกว่าฉินหมิงเยี่ยนผ่านด่านประตูวิญญาณมาได้เสียอีก
อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคนที่ถูกเนรเทศ แม้หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รับการอภัยโทษ แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าจะสามารถกลับไปได้เร็วเพียงนี้
พวกเขามาถึงที่นี่ยังไม่ถึงสองปีเลย ก็มีโอกาสแล้วหรือ
อย่างไรเสียฉินหยวนซานก็ดำรงตำแหน่งทางการมาหลายปี มีความสุขุม จึงสงบลงอย่างรวดเร็ว มองไปยังบุตรชายทั้งสองที่ดีใจออกนอกหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “สามารถได้รับการอภัยโทษกลับไปได้เร็วขนาดนี้ นับว่าเป็นโชคดีครั้งใหญ่จริงๆ แต่หากพูดถึงการกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมเกรงว่าจะยาก”
ประโยคสุดท้ายเขาเอ่ยพลางมองฉินหลิวซี เมื่อเห็นนางสีหน้าสงบนิ่ง ก็ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย
สีหน้าของนางเช่นนี้ คาดว่าจะบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีความหวังที่จะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม
ช่างเถิด ตลอดทางที่เขาถูกเนรเทศ ความทะเยอทะยานของเขาได้ถูกบดขยี้ด้วยความขัดสนในตระกูลไปนานแล้ว ตอนนี้เขาก็อายุเกือบจะหกสิบปีแล้ว ร่างกายก็ทุกข์ทรมานจากการเดินทางที่ถูกเนรเทศและถูกลมฝนจนทรุดลงไม่น้อย แม้ว่าจะสามารถกลับไปนั่งในตำแหน่งขุนนางขั้นสามได้ อยู่ได้ไม่นานก็ต้องเกษียณแล้ว
เพียงแต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วก็รู้สึกไม่เต็มใจ
ก่อนหน้านี้บุตรชายคนโตพึ่งดำรงตำแหน่งขุนนางกรมพิธีการได้ไม่ถึงสองปี ไต่เต้าไปจนถึงขุนนางขั้นห้าแล้ว ส่วนเจ้ารองไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน เจ้าสามก็ดูแลเรื่องในครอบครัว หากตัวเองเกษียณ ตระกูลฉินพึ่งพาเจ้าใหญ่เพียงคนเดียว ต้องรอให้คนรุ่นต่อไปมาสืบต่อความรุ่งโรจน์ เกรงว่าจะต้องอยู่อย่างสงบเป็นเวลานานก่อน อย่างไรเสียเด็กๆ ก็ยังเล็กอยู่
ซ้ำยังมีหลานชายคนโตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะถูกช่วยกลับมาแล้ว แต่รากฐานได้รับบาดเจ็บ อย่างไรเสียก็ไม่แข็งแรงเท่ากับก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ ซ้ำยังมีใบหน้านี้อีก ยิ่งไม่มีหวังกับอนาคตแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หากหลานชายคนโตไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสอบราชสำนัก บ้านของเจ้าใหญ่ก็เหลือเพียงฉินหมิงฉุนบุตรชายอนุเพียงคนเดียวที่เป็นหลักยึด เด็กคนนั้นก็อายุเพียงหกเจ็ดปี หากพูดถึงความสามารถ หนทางยังอีกยาวไกลนัก
แต่ฉินหยวนซานก็ไม่ได้คิดว่าบ้านใหญ่ของตระกูลฉินหมดหวังแล้ว ในทางกลับกันบ้านนี้กลับมั่นคงมากที่สุด เพราะพวกเขามีฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีหลานสาวคนโตผู้นี้ ใบหน้าเย็นชาแต่จิตใจอบอุ่น นางดูไม่ใจดีกับฉินปั๋วหงผู้เป็นท่านพ่อหรือแม้กระทั่งตัวเองที่เป็นท่านปู่ แต่กับฉินหมิงเยี่ยนที่เป็นน้องชายต่างมารดาผู้นี้กลับช่วยโดยไม่ลังเล ซ้ำยังใช้ยาวิเศษชั้นยอดอีกด้วย
ฉินหยวนซานเป็นข้าราชการมาหลายปียังพอมองออกอยู่บ้าง ตอนที่ฉินหมิงเยี่ยนถูกหามกลับมานั้นอันตรายแค่ไหนเขาก็ได้เห็นกับตาแล้ว ต่อมาหมอก็บอกว่าหมดทางรอด แต่เมื่อถึงมือฉินหลิวซี ยาหนึ่งเม็ดและการฝังเข็มก็ได้ดึงคนกลับมาจากประตูวิญญาณแล้ว
ซ้ำเขายังได้ยินรายละเอียดจากเจ้าสามว่าทันทีที่นางปรากฏตัวก็ได้ตะโกนไปทางหัวเตียงของฉินหมิงเยี่ยนว่าไสหัวไป ทั้งๆ ที่ตรงนั้นไม่มีใคร แล้วนางบอกให้ใครไสหัวไป
เมื่อนึกถึงตัวตนของฉินหลิวซี เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้ค้นพบความจริงบางอย่าง เกรงว่าจะเป็นยมทูตเหล่านั้นที่เห็นว่าหลานชายจะไม่รอดแล้วจึงได้รีบมาเอาดวงวิญญาณไปกระมัง
ดังนั้นฉินหลิวซีจึงได้ดึงน้องชายผู้นี้กลับมาจากประตูวิญญาณโดยที่ไม่มีความลังเล
ซ้ำยังมีจดหมายจากทางด้านของภรรยา เขาก็พอมองออกถึงเรื่องราวในนั้น ฉินหลิวซีไม่ได้มีความเป็นกันเองกับคนในตระกูลฉิน แต่บางคนก็นับถือจากก้นบึ้งจากหัวใจ อย่างเช่นลูกสะใภ้คนโตกับลูกสะใภ้คนเล็กของเขา ซ้ำยังมีน้องชายร่วมท้องและพี่น้องบ้านสาม
หมายความว่าฉินหลิวซีเป็นคนสบายๆ เห็นใครเข้าตาก็ยิ้มให้คนนั้น
ส่วนบ้านใหญ่ นางไม่ชอบฉินปั๋วหงก็ไม่เป็นไร นอกจากเขาแล้ว ยังมีฉินหมิงเยี่ยนสองพี่น้อง มีแม่ใหญ่และแม่เล็ก ดังนั้นอนาคตมั่นคงแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินหยวนซานก็อดหันไปมองฉินปั๋วหงไม่ได้ สายตาแฝงไว้ด้วยแววตำหนิเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ รังเกียจและดูหมิ่น คนไม่เอาไหน ทั้งครอบครัวรักใคร่ปองดองกันมีแต่เจ้าที่ถูกทิ้งเป็นคนนอก เจ้ายังทำตัวโง่เขลาอยู่อีก อยู่คนเดียวไปเถอะ!
ฉินปั๋วหง “?”
เดี๋ยวนะ ตาเฒ่าผู้นี้มองราวกับข้าเอาของรักของหวงไปหมายความว่าอย่างไร
ฉินหยวนซานสบถขึ้นมา จากนั้นก็ถอนหายใจ บ้านใหญ่มั่นคงแล้ว ทางด้านบ้านรอง ก็ยังมีหลานชายอีกสองคน ล้วนอายุสิบกว่าปีแล้ว กำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ใช่ว่าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ และบ้านสาม บุตรชายคนเล็กพิการ หลานชายภรรยาเอกทั้งสองก็ยังอยู่ในช่วงฝึกพูด มองไม่เห็นอนาคตยิ่งกว่าฉินหมิงฉุนเสียอีก
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ฉินหยวนซานก็รู้สึกว่าตัวเองต้องสู้ต่อไป แม้ว่าจะไม่สามารถคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้ แต่ก็ยังต้องเป็นหลักยึดต่อไป เพื่อเพิ่มพูนสายสัมพันธ์ต่างๆ ไว้ให้คนรุ่นหลัง
ฉินหยวนซานเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องคิดทบทวนเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล แล้วก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพียงแต่ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจก็เท่านั้น
“เด็กคนนั้นล่ะ” เขางงเล็กน้อย
ฉินปั๋วชิงเอ่ยว่า “ไปแล้ว”
“ไป? ไปไหน” ฉินหยวนซานร้อนใจเล็กน้อย
ฉินปั๋วชิงเอ่ยว่า “นางบอกว่าสองวันนี้ยังต้องฝังเข็มให้เยี่ยนเอ๋อร์ จึงไปพักอยู่ที่หอสมาคมค้าขาย ไว้พรุ่งนี้นางจะมาอีกครั้ง”
ฉินหยวนซานชะงักไป มองดูบ้านหลังเล็กแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีห้องให้พักอาศัย คงจะให้เด็กผู้หญิงอย่างนางมาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีแต่บุรุษตามลำพังไม่ได้ และคาดว่าฉินหลิวซีเองก็ไม่อยากอยู่ร่วมกันกับพวกเขา
“สิ่งที่ซีเอ๋อร์พูดพวกเจ้าได้ยินกันหมดแล้วหรือไม่” ฉินหยวนซานนั่งลงบนเก้าอี้ หลังค่อมเล็กน้อย มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เอ่ยว่า “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างไรเสียก็เป็นข่าวดี เจ้าสาม ไว้เจ้าลองไปสืบดูในภายหลัง”
ฉินปั๋วหงรู้สึกตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยว่า “ท่านพ่อหมายความว่าพวกเรากลับเมืองหลวงได้แล้วหรือ”
กินดินอยู่ที่นี่จนท้องเต็มไปด้วยขี้เถ้าแล้ว ทุกครั้งที่ขับถ่ายก็ใช้เวลานานกว่าปกติไม่เพียงแต่แสบก้น แม้แต่อึก็ยังแห้งแข็ง เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่าจะต้องกินดินอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต!
ตอนนี้กลับเมืองหลวงได้แล้วใช่หรือไม่
ฉินปั๋วชิงอดไม่ได้ที่จะกระโดดหมุนตัวอยู่กับที่ด้วยความตื่นเต้น
หากฉินหลิวซียังอยู่คงจะโต้ตอบกลับว่าฝันไปเถอะ อยากจะกลับเมืองหลวงไปรับตำแหน่งเดิม ไหนเลยจะสวยงามเช่นนั้น นายหญิงผู้เฒ่าที่จวนแสงเทียนใกล้จะดับแล้ว ใกล้จะได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว!
แต่ไม่มีใครรู้ว่านายหญิงฉินผู้เฒ่ากำลังป่วย รวมถึงฉินหยวนซาน เขาจ้องบุตรชายคนโต เอ่ยว่า “ดีใจออกนอกหน้า การเปลี่ยนแปลงในตระกูลช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เจ้าสงบลงเลย แต่กลับยิ่งถดถอยลงเรื่อยๆ” ไม่ได้มีความสงบนิ่งของบุตรชายคนโตเลยแม้แต่น้อย หากมอบหมายตระกูลไว้ในมือเขา เกรงว่าจะพัง
ฉินปั๋วหงเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ท่านพ่อ ลูกก็เพียงแค่ดีใจ”
“ยังไม่ได้มีจดหมายส่งมาเลย เจ้าดีใจอะไรกัน แม้ว่าเรื่องนี้ของข้าจะได้รับความยุติธรรม แต่ฮ่องเต้ไม่พอใจ ได้รับความยุติธรรมแล้วอย่างไร พิธีบวงสรวงเป็นเรื่องใหญ่ ข้าไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แม้ว่าจะถูกวางแผนใส่ร้าย ก็มีแต่จะทำให้ฮ่องเต้คิดว่าข้ากระทำการไม่เข้มงวดพอ จึงทำให้คนอื่นใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ เจ้าใหญ่ เจ้าจำไว้ ฮ่องเต้ไม่ผิด ผู้ที่ผิดล้วนเป็นขุนนางใต้ฝ่าพระบาท เขาคิดว่าเจ้าผิด เจ้าก็ผิดแล้ว” ฉินหยวนซานถอนหายใจยาว
ความผิดพลาดนี้ขึ้นอยู่กับว่าฮ่องเต้มองว่ามันรุนแรงเพียงใด
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร พวกเราก็ยังเหมือนเดิม ควรทำอะไรก็ทำ อย่าได้ไปสร้างปัญหาหรือทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะตอนนี้ที่เยี่ยนเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ก็ยิ่งต้องถ่อมตน เจ้าสาม เจ้าไปสืบข่าว พวกเราจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้”
“ขอรับ”
สะใภ้เฉาตะโกนอยู่หน้าประตู “หมอเฒ่ามาตรวจดูอาการให้เยี่ยนเกอเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
Comments