คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 904 แผ่นเหล็กนี้ช่างเหี้ยมนัก!
ตอนที่ 904 แผ่นเหล็กนี้ช่างเหี้ยมนัก!
ดั่งคำที่ว่านกเฟิ่งหวง[1]ที่ตกอับก็ยังสู้ไก่ไม่ได้ แม้ฉินหยวนซานจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้แล้ว ต่อให้ไม่ได้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม แต่ก็ได้เป็นถึงรองเสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางขั้นสี่ คงไม่ถือว่าตกอับกระมัง เพียงแต่แค่ฝีเท้าช้าลงเล็กน้อยก็ถูกกล่าวหาว่าขวางทางจนถูกผลักลงพื้นแล้วหรือ
เด็กน้อยในเมืองหลวงยามนี้คึกคะนองวางอำนาจบาตรใหญ่กว่าเมื่อก่อนแล้ว!
“มองอะไร ตาเฒ่า! รู้หรือไม่ว่าคุณชายเลี่ยวเป็นคุณชายของตระกูลใด กล้าดีอย่างไรมาขวางทาง ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย!”
“เช่นนั้นก็บอกมาสิว่าเป็นหมาเฝ้าอยู่จวนไหน ถึงวิ่งออกมาเพ่นพ่านเช่นนี้” เสียงที่ระคนด้วยความโกรธดังขึ้นกะทันหัน
ฉินหยวนซานที่หมายตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นถึงกับผงะไป พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีคนยื่นแขนเข้ามาช่วยพยุงร่างเขาลุกขึ้นจากพื้น เขามองฉินหลิวซีด้วยท่าทีตกตะลึงงัน
เจ้า…เจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลีหรอกหรือ
ฉินหลิวซีมองพลางมุ่นคิ้ว เขาสวมชุดอาภรณ์เรียบง่าย สีมืดอึมครึม บนร่างไร้ซึ่งเครื่องประดับใด ใบหน้าเหี่ยวชรา เส้นผมสีขาวแกมเงิน อีกทั้งหลังค่อมลงไปมาก ดูท่าทางไม่เหมือนขุนนางขั้นสูงเลยสักนิด ดูท่าทางน่ารังแกมากจริงๆ
“อายุก็ปูนนี้แล้ว เหตุใดออกจวนถึงไม่พาองครักษ์ติดตามมาด้วย แม้แต่บ่าวคอยติดตามก็ไม่มี โดนหมากัดทีก็ไม่มีใครช่วยตีหมาแทนได้สักคน” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ฉินหยวนซานยิ้มตาเป็นประกาย “พวกเขาไปเตรียมรถม้าแล้ว”
“นายท่าน” มีคนรีบเดินเข้ามา มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีงงงัน เขาแค่ไปเอารถม้าด้านหลังโรงน้ำชาครู่เดียวเอง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน
สีหน้าของฉินหลิวซียังคงไม่สู้ดีนัก เอ่ย “ตระกูลฉินยากจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ จ้างสารถีเพิ่มมาอีกสักคนก็ไม่ได้ อาศัยแค่บ่าวคนเดียวทำหน้าที่ทั้งขับรถม้าและดูแลติดตามท่านอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าเป็นใคร เข้ามายุ่มย่ามไม่เข้าเรื่องแล้วกระมัง!”
ฉินหลิวซีปรายตามองพวกเขาอย่างเย็นชา ดูเหล่าคุณชายแต่ละคนอย่างกับหมา ทำตัวเหลาะแหละ ใช้ชีวิตเสเพลจนร่างกายทรุดโทรม อาศัยเพียงฐานะของตระกูลรังแกคนแก่
ครั้นทุกคนถูกสายตาเย็นชานั้นจับจ้องก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง มีไอเย็นไต่ขึ้นกระดูกสันหลังลามมาถึงศีรษะ
หนาวชะมัด!
“เจ้าหมาพวกนี้ลูกเต้าเหล่าใครหรือ” ฉินหลิวซีหันไปถามบ่าวของฉินหยวนซาน
“ซีเอ๋อร์ ช่างมันเถอะ!” ฉินหยวนซานไม่อยากมีเรื่อง
“เงียบไปเลย!” ฉินหลิวซีเอ่ยตำหนิเสียงต่ำ
แม้ว่านางจะไม่ได้ผูกพันกับคนในตระกูลฉินมากนัก นางรังแกคนในครอบครัวได้ แต่คนอื่นห้ามเด็ดขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนเฒ่าชรา
“เจ้านี่รนหาที่ตาย ด่าใครว่าเป็นหมา!”
“ใครรับคนนั้นก็เป็นไปสิ!”
“หน็อย รนหาที่ตาย” เจ้าแซ่เลี่ยวผู้นั้นยกหมัดขึ้นหมายต่อยนาง
ฉินหลิวซียกเท้าขึ้นเตะคนผู้นั้นกระเด็นไกลไปหลายเมตร
ทุกคน “…”
“เจ้า เจ้าช่างกล้าดีนัก รู้หรือไม่ว่าคุณชายเลี่ยวเป็นใคร!”
“ข้ารู้เพียงว่าพวกเจ้าจงใจรังแก เดินชนขุนนางแห่งราชสำนัก!” ฉินหลิวซีหัวเราะเสียงเย็นชา “ว่าอย่างไรเล่า ขุนนางขั้นสี่ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้คือคนที่พวกเจ้ารังแกได้ตามใจชอบ คิดจะตีก็ตีอย่างนั้นหรือ อย่าว่าแต่เรื่องอายุที่มากพอจะเป็นท่านปู่ของพวกเจ้าได้เลย!”
บรรดาคุณชายต่างสะดุ้งเฮือกก่อนมองไปที่ฉินหยวนซาน ตาแก่นี่เป็นขุนนางในราชสำนักหรือ ตาแก่ดูธรรมดาไร้ราศีเช่นนี้ นึกว่าเป็นยาจกที่ใดเสียอีก!
ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะตาไม่มีแวว ฉินหยวนซานเองก็แก่ลงไปมากเพราะเคยถูกเนรเทศ หลังคดค่อมลงไม่น้อย อีกทั้งเพราะภรรยาของเขาจากโลกนี้ไป แม้ว่าจะไม่ต้องไว้ทุกข์อะไรมากนัก แต่สิ่งที่พึงกระทำก็ยังทำให้นางอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงแต่งกายเรียบง่าย กระทั่งชวนให้ดูเหมือนยาจกมากกว่า
พอบัดนี้ฉินหลิวซีเผยสถานะ คุณชายทั้งหลายจึงใจแป้ว หากเป็นยาจกทั่วไปพวกเขายังรังแกได้ แต่ขุนนางขั้นสี่ในราชสำนักไม่ใช่คนที่พวกเขาจะอาศัยสถานะของตระกูลรังแกได้ โดยเฉพาะบางคนในกลุ่มที่เป็นแค่ลูกอนุซึ่งไม่ได้รับความสนใจในตระกูลด้วยซ้ำ
แม่เจ้า ใครเป็นคนเสนอให้มาดื่มเหล้าที่หอคณิกาตอนกลางวันแสกๆ แล้วแวะมาโรงน้ำชาเพื่อดื่มชาให้สร่างเมากัน พอมาถึงปุ๊บก็หาเรื่องใส่ตัวเลย
ต้องโทษที่เหล้าในหอคณิกาแรงเกินไป ดื่มสองหยดสติก็หลุดลอยแล้ว
เวรเอ๊ย!
“เวร สนใจทำไมว่าเขาเป็นใคร ซัดให้ตายไปเลย โอ๊ย ข้าปวดท้องนัก” คุณชายเลี่ยวตะโกนสั่งพวกลูกไล่ของเขา พลางกุมท้องตนร้องเสียงโอดครวญ
มีคนเดินเข้ามาประคองเขาพลางเอ่ย “คุณชายเลี่ยว นั่นขุนนางในราชสำนักนะขอรับ”
“ตระกูลใดหรือ”
“นายท่านของข้าคือใต้เท้าฉิน รองเสนาบดีกรมพิธีการ” บ่าวรับใช้เอ่ยด้วยท่าทีแข็งกร้าว
รองเสนาบดีกรมพิธีการเชียวนะ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติกันบ้าง
“เพิ่งถูกล้างมลทินกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่มิใช่หรือ แถมถูกฮ่องเต้ลดตำแหน่งด้วย จะกลัวไปทำไม!” คุณชายเลี่ยวงอตัวพลางชี้ไปที่ฉินหลิวซีเอ่ย “เก่งนักก็อย่าหนี เรามาประลองกันตัวต่อตัวเลยดีกว่า”
“แค่ดูจากสองขาอ่อนแรงของเจ้า หนังตาดำคล้ำ ใบหน้าไร้เลือดฝาด ถุงใต้ตาบวมราวผลลูกท้อ เหมือนผีที่ถูกสูบกำลังจนหมดแรงใกล้ตาย แต่ยังอยากประลองเดี่ยวกับข้าอย่างนั้นหรือ ลืมที่ข้าเตะเจ้ากระเด็นในคราเดียวไปแล้วหรือ” ฉินหลิวซีกล่าวเยาะเย้ย
คนรอบข้างระเบิดเสียงหัวเราะ
ฉินหยวนซาน “!”
นี่คือหลานสาวของเขาหรือ
“ต่ำทราม!” คุณชายเลี่ยวร้องอ๊ากพลางพุ่งตัวเข้าใส่ แต่ยังพุ่งไม่ถึงตรงหน้า ฉินหลิวซีก็เหวี่ยงฝ่ามือขึ้นกลางอากาศ
พลั่ก
คุณชายเลี่ยวถูกซัดหมอบลงบนพื้นอีกครั้ง อีกทั้งยังล้มหมอบอยู่ตรงหน้าของฉินหยวนซานด้วย
ทุกคนต่างพากันสูดหายใจเข้าลึก
พวกเขาล้วนเห็นอย่างชัดเจน ด้วยระยะห่างนั้น ไม่มีทางที่จะแตะต้องตัวคุณชายเลี่ยวได้เลย แต่เสียงจากฝ่ามือนั้นกลับดังชัดเจน
นี่มันฝ่ามือมรสุมในตำนานหรือ
“คุกเข่าทำความเคารพ เป็นสิ่งที่เจ้าพึงกระทำอยู่แล้ว” ฉินหลิวซีเย้ยหยัน
ฉินหยวนซานดึงร่างฉินหลิวซีมา “เอาที่พอเหมาะพอดี พวกเรากลับกันเถิด”
บ่าวรับใช้หดคอ พลางมองฉินหลิวซีอย่างระมัดระวัง นี่มันบรรพบุรุษจากไหนกันถึงบ้าคลั่งขนาดนี้
“เจ้า พวกเจ้าบังอาจนัก นี่เป็นถึงคุณชายของจวนฉังผิงปั๋ว กล้าล่วงเกินเชียวหรือ” พวกลูกไล่ไม่กล้าลุยใส่ ดีแต่เปล่งเสียงแสร้งขู่ออกไป
ตระกูลฉังผิงปั๋วหรือ
คนที่แย่งคู่หมั้นของจั่วจงจวิ้นไปน่ะหรือ
ฉินหลิวซีเอ่ยกับบ่าวรับใช้ผู้นั้น “เจ้าไปที่จวนตระกูลจั่ว บอกว่าคุณชายเลี่ยวจวนฉังผิงปั๋ว…เจ้าแซ่เลี่ยวนี่ชื่อว่าอะไรนะ อยู่ลำดับที่เท่าไรหรือ”
พวกลูกไล่ “?”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้วเอ่ย “ช่างเถอะ! เจ้าไปบอกว่าคุณชายไร้มารยาทของจวนฉังผิงปั๋วทำร้ายขุนนางในราชสำนัก ให้ใต้เท้าจั่วมาช่วยสอบสวนหน่อย รวมถึงพวกนี้ด้วย อย่าได้คิดหนีแม้แต่คนเดียว!”
ทุกคน เจ้าแยกแยะไม่ได้หรือไร พวกเราลงไม้ลงมือเสียเมื่อไร คนที่ลงมือคือเจ้าชัดๆ!
แต่ฟังจากน้ำเสียงใหญ่โตนั้นแล้ว เหมือนจะรู้จักกับตระกูลจั่ว อีกอย่างคุณชายรองเหมือนจะเพิ่งแย่งคู่หมั้นของคุณชายรองตระกูลจั่วมา หากฟ้องไปเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะงานหรือด้วยความแค้นส่วนตัว ตาเฒ่าหัวรั้นตระกูลจั่วต้องซักไซ้อย่างถึงที่สุด พวกคุณชายเหลาะแหละพวกนี้ต้องเจอปัญหาใหญ่โดยไม่ได้พักแน่นอน!
ซู๊ด แผ่นเหล็กนี้ช่างเหี้ยม[2]นัก!
ทุกคนล้วนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเจ้าจะกลัวไปทำไม มีพี่สาวของข้าอย่างลี่ผินอยู่ นับประสาอะไรกับคนอย่างพวกเขา” คุณชายรองเลี่ยวคำรามขึ้น
ใช่แล้ว พี่สาวของเขาเข้าวัง เหมือนว่าเพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นตำแหน่งผิน มิเช่นนั้นจวนฉังผิงปั๋วจะกล้าสู้ด้วยได้อย่างไร!
“พี่สาวของเจ้าเป็นใคร ข้าจะให้พี่เขยข้าส่งนางเข้าตำหนักเย็นเสีย!” เสียงหยิ่งผยองกว่าใครทั้งหมดดังแทรกขึ้นมา
ทุกคนต่างหลีกทาง มู่ซีพุ่งเข้าไปก่อนจะใช้เท้าเตะคุณชายรองเลี่ยว “ข้าให้เจ้าบ้าคลั่ง ทำตัวอวดดี กล้าไร้ความเคารพเช่นนี้หรือ”
คุณชายเลี่ยว “?”
ทุกคนเซถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ช่วยด้วย มีใครบอกพวกเขาได้บ้างว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงเดินผ่านมา แถมเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วยอีกต่างหาก!
[1]นกเฟิ่งหวง นกฟีนิกซ์
[2] แผ่นเหล็กในที่นี้ หมายถึงคนที่มีอิทธิพลหรือความสามารถเหนือกว่า ซึ่งก็หมายถึงดันหาเรื่องคนที่มีอิทธิพลเหนือกว่า ร้ายกาจไม่ธรรมดา
Comments