คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้าบทที่ 1003 หญิงสาวในรถม้า

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter บทที่ 1003 หญิงสาวในรถม้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1003 หญิงสาวในรถม้า

บทที่ 1003 หญิงสาวในรถม้า

ขณะเดียวกันในหอคณิกาหลวง ซูอันแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังรออยู่

เมื่อเห็นหญิงสาวงดงามเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม “ฮัวเล่ย ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า เจ้าทำให้ข้าตื่นตากับความงามได้ทุกครั้งเลยนะ”

“ปากหวาน ๆ ของเจ้าหลอกผู้หญิงมาหลายคนแล้ว…” ชิวฮัวเล่ยตอบพลางกลอกตา ไม่มีวี่แววว่านางพอใจกับคำเยินยอของเขา “อาซู ข้าต้องกลับไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

“ข้ารู้” ซูอันตอบกลับด้วยท่าทางที่หดหู่ “อาจารย์ของเจ้าบอกข้าแล้ว”

ให้ตายเถอะ ทำไมช่วงนี้ข้าถึงต้องถูกบอกลามากมายขนาดนี้? คนแรกคือเหมียนหมาน จากนั้นก็เจิ้งตานและเสวี่ยเอ๋อร์ ตอนนี้แม้แต่ชิวฮัวเล่ยก็กำลังจะจากไป!

เขารู้สึกเหงาอย่างน่าประหลาด

“การพบพานเป็นเรื่องยาก ส่วนการจากลาก็ยากจะทนเช่นกัน” ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ นางใช้เวลาสองปีในฐานะคณิกาอันดับหนึ่งในหอสุขนิรันดร์ และได้พบกับบัณฑิตและกวีมากมาย หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะซึมซับสิ่งที่พวกเขาเป็น “เราทั้งสองเพิ่งจะแน่ใจในความรักที่มีต่อกัน แต่ไม่ทันไรกลับต้องแยกจากกันในที่สุด”

ซูอันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ถ้าเจ้าล้มเหลวในการบ่มเพาะเคล็ดวิชาโง่ ๆ นั่นก็โยนมันทิ้งไป ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเก่งกาจเหนือผู้ใด ถ้าเจ้าอ่อนแอ มันจะเพิ่มโอกาสให้ข้าปกป้องเจ้าได้มากขึ้นเท่านั้น”

เล้งส่วงเยว่พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ ผู้ชายคนนี้ช่ำชองในเรื่องชั่วร้ายจริง ๆ!

เขากอดบุตรีสวรรค์ของเราอย่างแนบแน่น! ท่านหญิงก็ด้วย! ท่านเคยมีอุบายมากมายที่จะจัดการกับบรรดาชายหนุ่มมาก่อน จำได้หรือไม่? ท่านชอบที่จะให้พวกเขาเต้นอยู่ในฝ่ามือโดยท้ายสุดไม่ให้สิ่งใดตอบแทน แต่ตอนนี้ท่านกลับมาตกหลุมรักชายเจ้าสำราญเสียเองได้อย่างไร?

นางถอนหายใจ…

หากชายเหล่านั้นรู้ว่านางในฝันของพวกเขากำลังแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนหนึ่งอย่างเขินอาย พวกเขาอาจจะโกรธมากจนหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด

ในใจของเล้งส่วงเยว่ยุ่งเหยิง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าสำนักไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้นางจึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

การกอดไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่พวกเขาไม่ไปไกลเกินกว่านั้น!

ชิวฮัวเล่ยพ่นลม “ฮึ่ม! อาจารย์จะฆ่าเจ้าถ้านางได้ยินเจ้าพูดถึงหลุมพรางมารสวรรค์เช่นนี้”

อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินต่อไปเช่นนี้ตลอดได้ นางจะต่อสู้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ล้วนแล้วแต่เก่งกาจของซูอันอย่างไร ถ้านางเลิกบ่มเพาะหลุมพรางมารสวรรค์ในตอนนี้?

แน่นอนว่านางมีความงามอันโดดเด่น แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่และหญิงสาวคนอื่นก็เช่นกัน ถ้าต้องต่อสู้กับหญิงที่งดงามและมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า นางคงทำอะไรไม่ถูก!

นอกจากนี้นางยังเป็นบุตรีสวรรค์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ นางมีความทะเยอทะยานในความก้าวหน้าของตัวเอง

นางต้องการที่จะไล่ตามเต๋าและกลายเป็นผู้มีอำนาจเช่นเดียวกับอาจารย์ ไม่สิ มันคงจะดีถ้านางสามารถเอาชนะอาจารย์ได้!

ฮึ่ม! อาจารย์ชอบตีนางตอนที่ยังเป็นเด็ก นางต้องการที่จะให้อาจารย์ได้ลิ้มรสการถูกทุบตีบ้างในวันหนึ่ง!

ความคิดที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดความรู้สึกผิดต่ออาจารย์ แต่นางก็ยังกระตือรือร้นที่จะลอง

“ข้าพูดเรื่องจริง! เคล็ดวิชาที่เจ้าบ่มเพาะเป็นอันตรายจริง ๆ แม้แต่อาจารย์ของเจ้า…” ซูอันลังเล

ในท้ายที่สุดเขาไม่ได้บอกนางเกี่ยวกับอาการกำเริบของอวิ้นเจียนเยว่ เขาไม่ต้องการให้นางรู้สึกกดดันเพิ่มเติม มันอาจทำให้นางต้องพบกับความกลัวในการบ่มเพาะโดยไม่จำเป็น

นอกจากนี้ นางยังแตกต่างจากอวิ้นเจียนเยว่ ตราบใดที่นางไปถึงระดับที่สมบูรณ์ แม้ว่านางจะมีอาการกำเริบ ซูอันสามารถช่วยนางจัดการกับมันได้

เขาเต็มใจอย่างยิ่ง!

ดวงตาของชิวฮัวเล่ยส่องประกายด้วยแสงแห่งความหวัง “อาซู ไม่ต้องห่วงนะ อาจารย์บอกว่าข้ามีพรสวรรค์ที่ดีที่สุดในบรรดาศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้ให้ถึงจุดสูงสุด ถึงเวลานั้นข้าจะตามหาเจ้า… ไม่สิ เจ้าลืมข้าไปจะดีกว่า…”

ในตอนท้าย น้ำเสียงของนางมีร่องรอยของความขมขื่น

“ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร? ข้าจะคิดถึงเจ้าทุกวัน ฝันถึงเจ้า…” ซูอันกระซิบคำหวานที่ข้างหูของนาง จากนั้นเขาก็ยกคางที่สวยงามขึ้นจุมพิต

ชิวฮัวเล่ยครวญคราง นางจูบตอบเขาอย่างอ่อนโยน

ดวงตาของเล้งส่วงเยว่เบิกกว้าง มองไปที่ชิวฮัวเล่ยอย่างไม่เชื่อ

บุตรีสวรรค์ของข้า ชายเจ้าสำราญพูดอย่างนั้นเป็นเรื่องปกติ!

ท่านไม่เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้ในหอสุขนิรันดร์อย่างนั้นเหรอ? ตอนนั้นท่านไม่ได้เยาะเย้ยสาวไร้เดียงสาที่ถูกพวกเขาหลอกงั้นเหรอ? ท่านกลายเป็นหนึ่งในนั้นเสียเองตั้งแต่เมื่อไร?

แล้วท่านสองคนทำไมถึงจูบกันอย่างเร่าร้อนแบบนี้? ข้ายืนหัวโด่อยู่ที่นี่!

นายน้อยซู แล้วมือของเจ้ากำลังจะจับอะไร?

บุตรีสวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกับความห่างเหินตามปกติของท่าน? ลืมไปแล้วหรือว่าท่านยังต้องรักษาความบริสุทธิ์อยู่?

ในใจนางขัดแย้งกันอย่างมาก ทว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่ได้ข้ามเส้นตายสุดท้าย ดังนั้นนางจึงกลัวว่าชิวฮัวเล่ยอาจจะโกรธหากไปขัดจังหวะพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ด้วยความรักที่ทั้งคู่แสดงออกมา นางกังวลจริง ๆ ว่าจะมีอะไรที่เกินเลยเกิดขึ้น

โชคดีที่ชิวฮัวเล่ยผลักซูอันออกไป นางจัดเสื้อผ้าที่ยับย่นให้เรียบร้อยและพูดอย่างเศร้าโศกว่า “ที่เจ้าดีกับข้าเพียงเพราะเจ้าต้องการร่างกายของข้าเท่านั้น…”

น้ำตาไหลอาบสองแก้มของนาง

ซูอันตื่นตระหนกทันที “ไม่ใช่! ถ้าข้าต้องการแต่ร่างกายของเจ้าจริง ๆ ข้าจะไม่หยุดตัวเองและปล่อยให้เจ้ากลับไปกับอาจารย์ของเจ้า! แต่ทั้งหมดมันเพราะว่าข้าสนใจอนาคตของเจ้า ข้าจึงตกลงตามเงื่อนไขของอาจารย์เจ้า…”

รอยยิ้มที่สดใสของชิวฮัวเล่ยกลับมาเมื่อเห็นว่าเขาดูร้อนรนขณะที่พยายามอธิบายตัวเอง “อาซู เจ้าเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับข้าจริง ๆ…”

เล้งส่วงเยว่ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังกอดกันอีกครั้ง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้สัมผัสกันอย่างหลงใหลเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าความอบอุ่นในอ้อมกอดนั้น

ในที่สุดนางก็ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย นางรู้ว่านางกังวลเรื่องบุตรีสวรรค์โดยเปล่าประโยชน์

ในสมัยนั้น สำนักศักดิ์สิทธิ์มีผู้สมัครที่โดดเด่นหลายคน แต่นางคือคนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดเพื่อเป็นบุตรีสวรรค์เพียงคนเดียว นางจะกลายเป็นคนโง่เง่าเพียงเพราะผู้ชายตัวเหม็นคนนี้ได้อย่างไร?

ในที่สุดซูอันและชิวฮัวเล่ยก็กล่าวคำอำลาซึ่งกันและกัน เมื่อเขาออกจากหอคณิกาหลวง ซูอันก็รู้สึกค่อนข้างกระสับกระส่าย

พวกนางไปหมดแล้ว พวกนางทิ้งข้าไปหมดแล้ว…

แม้ว่าการแยกจากกันนี้จะไม่ใช่ตลอดกาล แต่ซูอันยังคงรู้สึกถึงความเหงา ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเขาดูหดหู่ไปทั้งสิ้น

เขาเดินต่อไปในอารมณ์นี้ แต่ทันใดนั้น เสียงร้องเตือนก็ดังขึ้นใกล้ ๆ

เมื่อซูอันหันกลับมา เขาเห็นม้าตัวโตพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความรุนแรงราวกับรถถังหุ้มเกราะ

แม้แต่ม้าในโลกแห่งการบ่มเพาะก็สามารถทรงพลังได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

ซูอันรีบหลบไปด้านข้าง ด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบัน ไม่มีทางที่ม้าจะพุ่งชนเขาได้สำเร็จ

ม้าที่แตกตื่นสะบัดหน้าซ้ายทีขวาที ทุกคนบนท้องถนนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ทว่าในจังหวะเดียวกันนี้มีรถม้าคันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนปรากฏขึ้นที่ทางแยกด้านหน้า รถม้าที่ปรากฏใหม่มีชายแก่ผู้หนึ่งเป็นคนขับอยู่

รถม้าที่ชายแก่กำลังขับนั้นดูธรรมดามาก ดูเหมือนว่ามันเป็นของครอบครัวทั่วไปที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก ถ้าม้าที่แตกตื่นนี้ชนเข้ากับรถม้าด้วยความรุนแรง รถม้าคงจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และผู้คนในนั้นจะถึงแก่ความตาย

ซูอันขมวดคิ้ว ในฐานะที่เป็นคนจากโลกอื่น เขาได้เห็นข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่สูญเสียการควบคุมพุ่งเข้าชนผู้บริสุทธิ์ข้างทางอยู่บ่อย ๆ ในฐานะนักเลงคีย์บอร์ด เขาทำได้เพียงตำหนิโดยใช้พลังโซเชียล แต่ตอนนี้เขามีความสามารถในการพลิกผันเหตุการณ์แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดต่อหน้าต่อตาได้

หลังจากตะโกนคำราม ซูอันพุ่งตัวไล่ตามม้าที่แตกตื่น เขาเร็วพอที่จะแซงม้าและคว้าบังเหียนของมันไว้

ส้นเท้าของเขาไถลไปตามพื้นอย่างรุนแรงจนสลักร่องยาวสองร่องบนพื้น เขาสามารถหยุดม้าที่แตกตื่นได้อย่างสมบูรณ์

ถึงกระนั้น ม้าก็ยังกระทืบขาของมันอย่างไม่สงบ

เสียงที่ไพเราะดังออกมาจากภายในรถม้า “ลุงฟู มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”

ซูอันตกตะลึง เขาเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า? แต่เขาจำไม่ได้แน่ชัดนักว่าเป็นจากที่ไหน

“นายหญิง ม้าตัวหนึ่งที่กำลังตกใจพุ่งเข้าใส่เรา แต่มีคนมาช่วยเราหยุดม้าตัวนั้นไว้ได้ทัน” คนขับชราตอบ

เสียงอ่อนโยนพูดขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเราไปกันเถอะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด