คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 386 กล่าวโทษฮ่องเต้
ไฟโกรธของเยียนโส่วจ้านคุกรุ่นอยู่เต็มอก เขาอยากจะยกดาบมุ่งตรงไปยังเมืองหลวง เชือดลูกเขยแซ่เซียวทั้งสองทิ้งให้เหมือนกับหั่นผัก
ทางที่ดีคือเชือดเป็นแปดส่วน นำไปเลี้ยงสุนัข!
“คนแซ่เซียวไม่มีคนดีแม้แต่คนเดียว คำพูดของบรรพบุรุษไม่มีผิด ตอนนั้นตระกูลเซียวสามารถครอบครองแผ่นดินได้ ก็เพราะไร้ยางอาย ผ่านไปกี่ปี ความไร้ยางอายของคนตระกูลเซียวไม่เพียงไม่ถูกแก้ไข มิหนำซ้ำยังมากขึ้นกว่าเดิม ช่างรังแกกันเสียจริง! คิดว่ามีดดาบในมือข้าเป็นของประดับหรือ”
ไฟโกรธของเยียนโส่วจ้านไร้ที่ระบาย ดังนั้น เขาจึงนำเรื่องสกปรกทั้งหลายของบรรพบุรุษตระกูลเซียวออกมาด่า
รอเขาด่าจนเหนื่อย ตู้ซินแสจึงเอ่ยขึ้น “งานอภิเษกพระราชทานไม่อาจยกเลิกได้ เวลานี้ ท่านโหวมีแต่ยอมรับ”
เยียนโส่วจ้านยิ้มเย็น “เหตุใดข้าต้องยอมรับ ฮ่องเต้มีความสามารถมากหรือ บังอาจแทรกแซงเรื่องคู่ครองของอวิ่นเกอ ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ตู้ซินแสเลิกคิ้ว ถามเสียงเบา “ท่านโหวคิดจะทำอย่างไร คงไม่อาจฉีกพระราชโองการทิ้งได้”
เยียนโส่วจ้านทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “จัดการเรื่องนี้ไม่ยาก หากเซียวอี้ตาย เรื่องก็จบ”
ตู้ซินแสไม่อาจไม่เตือน “ท่านโหวอยากฆ่าเซียวอี้เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก พระพันปีเถาให้คนไปลอบสังหารเขา ผ่านไปกี่ปี เขายังคงมีชีวิตอยู่อย่างดี เห็นได้ชัดว่าความสามารถอื่นของเซียวอี้อาจธรรมดา แต่ความสามารถในการเอาตัวรอดย่อมไม่แพ้ผู้ใด!
ความจริงแล้วข้าคิดว่าท่านโหวไม่ต้องวู่วาม! เรื่องนี้แม้จะดูเหมือนไม่น่าพึงพอใจนัก แต่เมื่อครุ่นคิดดู มันก็อาจเป็นเรื่องที่ดี”
เยียนโส่วจ้านยิ้มเย็น “เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี หากข้าไม่ใช่ว่ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ไปมาหาสู่กับเซียวอี้ ข้าคงต้องสงสัยว่าเจ้าถูกเซียวอี้ซื้อตัวไปแล้ว”
“ท่านโหวอย่าใจร้อน โปรดฟังข้าอธิบาย”
“เจ้าลองพูดมา ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่ามันดีอย่างไร”
ตู้ซินแส “…”
การเป็นกุนซือช่างยากนัก!
ไม่เพียงต้องรับผิดชอบในการวางแผน ยังต้องรับหน้าที่ปลอบประโลมอารมณ์ของเถ้าแก่
บนตัวแบกรับหลายหน้าที่ เปรียบเสมือนแม่นมที่ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนที่เรือนหลัง
ตู้ซินแสรู้สึกกังวลใจต่ออนาคตของอาชีพตัวเอง
เขากระแอมไปเสียงเบา ครุ่นคิดพลันพูด “นิสัยของคุณหนูสี่ การแต่งเข้าตระกูลขุนนางอาจไม่ใช่เรื่องดี”
“พูดแต่เรื่องเหลวไหล! อวิ๋นเกอไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ความสามารถของนางรับรู้โดยทั่วกัน ไม่รู้มีตระกูลขุนนางมากมายเพียงใดเต็มใจที่จะสู่ขอนางเป็นลูกสะใภ้ เหตุผลแรกี่เจ้าพูดก็ไม่เป็นจริง ยิ่งอย่าหวังจะโน้มน้าวข้าได้”
“ท่านโหวโปรดใจเย็นก่อน โปรดฟังข้าพูด”
เยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจ “ได้! ข้าจะฟังเจ้าพูด!”
ตู้ซินแสกดดันอย่างมาก แต่ก็ยังต้องพูดต่อไป
เรียกได้ว่าเขาพูดแก้ตัวแทนเซียวอี้อย่างไม่คิดค่าตอบแทน หากได้พบกับเซียวอี้ เขาจะให้ชายผู้นั้นซาบซึ้งในน้ำใจของตนเอง
เขากระแอมไปเสียงเบา พูดอย่างเชื่องช้า “ก่อนหน้านี้ท่านโหวก็พูดแล้ว ตระกูลขุนนางเห็นแก่ความสามารถของคุณหนูสี่ ดังนั้นจึงยอมทนต่อนิสัยของคุณหนูสี่
หาก ข้าบอกว่าหาก หากวันหนึ่ง ความสามารถของคุณหนูสี่ไม่ได้เป็นที่ต้องการอีกแล้ว หรืออาจมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้ความสามารถของคุณหนูสี่ไร้ที่แสดง ท่านโหวเคยคิดว่าจะเป็นสถานการณ์อย่างไรหรือไม่
จากนิสัยของคุณหนูสี่ นางจะทนได้หรือ เมื่อนางมีบุตร ตระกูลสามีเรียกร้องนางให้ยึดบุตรเป็นหลัก อย่าได้ปรากฏตัวในวงสังคม นางจะรับได้หรือ”
“เจ้าบอกว่าหาก! เรื่องสมมติเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการไตร่ตรองของข้า”
เยียนโส่วจ้านคัดค้านการอภิปรายยาวของตู้ซินแสด้วยประโยคเดียว
ตู้ซินแส “…”
ฮือๆ
ถึงแม้ท่านโหวจะปฏิเสธคำพูดของเขา แต่เขายังคงยืนกรานที่จะพูดต่อไป
มันคือจิตวิญญาณใด
มันคือจิตวิญญาณแห่งความพยายาม ไร้ความเกรงกลัว
เมื่อดึงคันศรแล้วย่อมไม่มีธนูที่กลับลำ โทษแต่เพียงตัวเองที่พูดมาก
“จากฝีมือของคุณหนูสี่ นางนย่อมสามารถบงการเซียวอี้ได้อย่างสมบูรณ์ เปลี่ยนมให้เขาทำประโยชน์ให้คุณหนูสี่ได้ หากนางแต่งงานเข้าตระกูลขุนนาง ถึงแม้กูเหยียนจะถูกคุณหนูสี่ยงการได้ แต่ด้านบนยังมีพ่อแม่ของสามี รวมทั้งพี่น้องและสะใภ้อื่น ทั้งตระกูลจะเดินไปยังทิศทางใด คุณหนูสี่ไม่อาจควบคุมได้”
“อืม” เยียนโส่วจ้านตอบรับ “เหตุผลนี้ยังพอเป็นไปได้ แต่ยังคงไม่อาจโน้มน้าวข้าได้”
ตู้ซินแสกัดฟัน พูดอย่างไม่อ้อมค้อม “กุญแจสำคัญในการแต่งงานครั้งนี้คือคุณหนูสี่ไม่ได้คัดค้าน นางเพียงแค่โกรธที่เซียวอี้ไม่ได้บอกนางก่อน นอกจากนี้ตามการรายงานของบ่าวรับใช้ ยังไม่ทันแต่งงาน คุณหนูสี่ก็จัดการเซียวอี้อยู่หมัด แม้แต่สมบัติของเซียวอี้ก็อยู่ในมือของคุณหนูสี่แล้ว
แม้ว่าคุณหนูสี่ต้องแต่งงานกับเซียวอี้ แต่นางก็มีสิทธิที่จะตัดสินใจ เซียวอี้ในฐานะลูกเขยของท่านโหว เหตุใดจึงเป็นประโยชน์ต่อท่านโหวไม่ได้ อย่างน้อยเซียวอี้ไม่มีทางเป็นศัตรูของท่านโหว คุณหนูสี่แต่งงานกับเซียวอี้นั้นเรียกได้ว่าหญิงแกร่งชายอ่อน สอดคล้องกับฝันนั้นของท่านโหวไม่ใช่หรือ”
เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วมุ่น กดเสียงต่ำ “ความหมายของซินแสคือ ฝันของข้าจะเป็นจริงบนตัวเซียวอี้?”
“นอกจากเขา ข้าคิดไม่ออกว่าคุณหนูสี่จะนำหน้าตระกูลสามี สวมชุดสีเหลืองนั้นได้อย่างไร ในเมื่อสวมแล้ว ย่อมต้องเป็นเพราะตระกูลสามีถูกนางควบคุมอยู่ในกำมือ แต่ไม่ว่าตระกูลใหญ่ใด โดยหลักแล้วไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มีเพียงเซียวอี้!”
เยียนโส่วจ้านเผยสีหน้าลังเล
เห็นได้ชัดว่าเหตุผลสุดท้ายของตู้ซินแสพูดถูกใจเขา
เพียงแต่…
เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “คนชั่วอย่างเซียวอี้จะมีวาสนาใดที่จะทำให้อวิ๋นเกอเจริญรุ่งเรืองได้ เขาก็เป็นเพียงบุตรที่ถูกทอดทิ้งของจวนอ๋อง มีดในมือของฮ่องเต้องค์ก่อน ทหารหน้าม้าของท่านโหวผิงอู่ สืออุน เขาเป็นคนไร้รากฐานที่ถูกราชวงศ์ทอดทิ้ง คนโชคร้าย เทพแห่งหายนะ เขาจะคู่ควรกับอวิ๋นเกอของข้าได้อย่างไร”
ตู้ซินแสลูบเครา พลันหัวเราะ “ท่านโหว ไม่มีผู้ใดจะโชคร้ายไปทั้งชีวิต คนเราย่อมต้องมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองหลายปี ไม่แน่ว่าเมื่อคุณหนูสี่แต่งงานกับเซียวอี้แล้ว เซียวอี้จะกลายเป็นคนโชคดีขึ้นมา ทุกอย่างล้วนไม่อาจคาดเดาได้!
นอกจากนี้ ท่านโหวก็ไม่จำเป็นต้องเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาทในเวลานี้ งานอภิเษกพระราชทานไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ท่านโหวสังหารเซียวอี้ไม่ได้ ทานคิดจะขัดขืนพระราชโองการจริงหรือ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องไว้หน้าฮ่องเต้บ้าง”
“ใช้บุตรสาวของข้าเอาดีเข้าตัว เซียวเฉิงอี้มีวาสนาอย่างไรกัน ฮ่องเต้อย่างเขายังไม่ทันยืนให้มั่นก็กล้าแทรกแซงเรื่องคู่ครองของบุตรตระกูลเยียน ผู้ใดให้ความมั่นใจแก่เขา”
เยียนโส่วจ้านขุ่นเคืองอย่างมาก
ฮ่องเต้ที่ยังมีรากฐานไม่มั่นคง แม่ทัพที่ครอบครองกองกำลังอย่างเยียนโส่วจ้านไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา
สาเหตุที่เขายังยอมออกรบอย่างขยันขันแข็ง ต่อสู้กับต่างเผ่า ก็เพราะถึงแม้พวกเขาจะครอบครองกองกำลัง แต่ส่วนลึงภายในใจก็ยังมีความรักบ้านเมืองอยู่เล็กน้อย
แผ่นดินที่งดงาม แม้จะต้องเน่าเฟะอยู่ในหม้อ ก็ไม่อาจให้ต่างเผ่ามาทำให้แปดเปื้อน
หากไม่ใช่คนเผ่าเดียวกัน จิตใจของคนผู้นั้นย่อมแตกต่าง!
แผ่นดินต้าเว้ยสามารถเปลี่ยนเป็นแซ่เยียน แซ่ชุย แซ่สือ…
แต่ไม่อาจเปลี่ยนเป็นแซ่ของคนต่างเผ่า!
มันคือเส้นตาย!
ยิ่งเป็นความรู้สึกของทุกคน!
ดังนั้น เยียนโส่วจ้านทำสงครามเหมือนเป็นการทำสงครามเพื่อความรักที่มีต่อบ้านเมือง ไม่ใช่ทำสงครามเพื่อแผ่นดินต้าเว้ย ยิ่งไม่ได้ทำสงครามเพื่อฮ่องเต้ เซียวเฉิงอี้
ภายในนี้ตความแตกต่างอย่างมาก!
เซียวเฉิงอี้อาศัยที่ตัวเองเป็นฮ่องเต้ แทรกแซงเรื่องคู่ครองของแม่ทัพใหญ่ตามใจ ความจริงแล้วเป็นเรื่องต้องห้าม
โดยเฉพาะรากฐานของเขายังไม่มั่นคง อีกทั้งยังไม่เคยขอความเห็นจากเยียนโส่วจ้านมาก่อน
ไม่ว่าอย่างไร ฮ่องเต้เซียวเฉิงอี้พระราชทานงานอภิเษกก็ถือเป็นการไตร่ตรองไม่รอบคอบ
ฮ่องเต้ที่เต็บโตแล้วย่อมจะบอกกล่าวแก่เยียนโส่วจ้านก่อนจะออกพระราชโองการ ไม่ใช่ตัดสินใจเองโดยไม่บอกกล่าวบิดามารดาของฝ่ายหญิงก่อน
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคนของท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินมีมากเพียงใด
หากเป็นผู้อื่น ฮ่องเต้อาจไม่กระทำผิดเช่นนี้
ตู้ซินแสรีบห้ามความโกรธของท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน
อย่าได้โกรธจนก่อกบฏต่อฮ่องเต้เด็ดขาด
“ในเมื่อท่านโหวไม่พอใจฮ่องเต้ ข้าจะเขียนฎีการกล่าวโทษเล่มหนึ่ง กล่าวโทษท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวิน พร้อมทั้งตักเตือนฮ่องเต้ ต่อไปอย่าได้แทรกแซงเรื่องภายในจวนของท่านโหว”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “เขียน! เขียนฎีกากล่าวโทษให้ข้าบัดนี้! ข้าไม่เพียงจะกล่าวโทษเซียวเฉิงเหวิน แต่ข้าจะกล่าวโทษฮ่องเต้ด้วย! ผ่านสำนักทงเจิ้ง ทำให้บรรดาขุนนางต่างรู้ท่าทีของข้า ช่างรังแกกันเสียจริง!”
ตู้ซินแสลังเลเล็กน้อย “แม้แต่ฮ่องเต้ก็ต้องกล่าวโทษ? ท่านโหว ไม่เหมาะสมนักไม่ใช่หรือ!”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ไม่มีเรื่องใดไม่เหมาะสม! สถานการณ์ในเวลานี้ ข้าไม่เชื่อว่าฮ่องเต้จะกล้าแตกคอ ยิ่งไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอันใดข้า หากเป็นฮ่องเต้องค์ก่อน ข้าอาจยังต้องกังวลเล็กน้อย แต่เซียวเฉิงอี้ ข้าไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา”
มุมปากของตู้ซินแสกระตุก “เช่นนั้น ข้าจะเขียนฎีกากล่าวโทษตามความประสงค์ของท่านโหว!”
“เขียนให้ดี ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกละอาย! เขาออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกเอง ข้าย่อมสามารถตบหน้าเขาหนึ่งทีได้”
ตู้ซินแสส่งเสียงจิ๊ปาก
มันไม่ได้เป็นเพียงการตบหน้าฮ่องเต้หนึ่งที มันคือการตบหลายนสิบที!
ในฐานะขุนนาง กล่าวโทษฮ่องเต้ มีโอกาสเกิดเพียงตอนที่ฮ่องเต้ยังอ่อนแอเท่านั้น
หากฮ่องเต้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อใด ขุนนางใดจะกล้ายโสโอหังเช่นนี้ องครักษ์จินอู่คงออกล่าคนทุกเวลา
คาดโทษหมิ่นประมาท ประหารทันที
Comments