คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 399 ลางร้าย
ตอนที่ 399 ลางร้าย
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้วมุ่น คาดเดาความหมายของใต้เท้าอู๋
เมฆหมอกบดบัง มองไม่เห็นสถานการณ์อันไกล หมายความว่าอย่างไร
เขาทำนายดวงชะตาของเขาไม่ได้จริงๆ หรือว่าไม่กล้าพูดความจริง
พระพันปีเถาปะทุขึ้นมา “พอแล้ว! เรื่องทำนายดวงชะตาพอเท่านี้! ราชองครักษ์อยู่ที่ใด ลากพวกขุนนางกบฏเหล่านี้ออกไปประหาร!”
มีขุนนางตะโกน “ใต้เท้าอู๋ ท่านต้องพูดความจริง!”
“ตกลงว่าเป็นลางร้ายหรือลางดี ใต้เท้าอู๋ท่านต้องบอกความจริง!”
“เรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินต้าเว่ยและราษฎร ใต้เท้าอู๋ท่านจะพูดคลุมเครือในเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ท่านมีหน้าสู้บรรพบุรุษได้หรือ”
“ใต้เท้าอู๋ขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความจริงหรือ”
พระพันปีเถาโกรธมาก “ปิดปากของพวกเขาเอาไว้ ลากออกไปประหารให้หมด! พวกขุนนางกบฏ บังอาจใช้วาจาทำร้ายฝ่าบาท ยุยงความสัมพันธ์มารดาและบุตรระหว่างข้ากับฝ่าบาท พวกเจ้าสมควรตาย”
ราชองครักษ์รับบัญชา พวกเขาต่างเดินขึ้นหน้าอุดปากของบรรดาขุนนางเอาไว้ ลากพวกเขาออกไป
แต่ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน “ไว้ชีวิตพวกเขาเอาไว้ก่อน! คุมตัวลงไป สืบให้ดี ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดสร้างเรื่องอยู่เบื้องหลัง ใส่ร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”
ราชองครักษ์รับบัญชา
บรรดาขุนนางยังไม่ต้องถูกตัดหัวชั่วคราว แต่ก็จำเป็นต้องเผชิญกับการเฆี่ยนตีเค้นถาม
ไม่รู้ว่าแบบใดจะดีกว่ากัน
ส่วนตระกูลเบื้องหลังขุนนางเหล่านี้จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร มันเป็นเรื่องของอนาคต
เวลานี้…
ภายในตำหนักฉางเล่อ นอกจากพระพันปีและเชื้อพระวงศ์แล้ว ก็เหลือขุนนางอย่างใต้เท้าอู๋คนเดียว
ใต้เท้าอู๋ตื่นตระหนก ภายในใจเกิดความหวาดกลัว
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินลงบันไดอย่างช้าๆ มาถึงตรงหน้าของใต้เท้าอู๋
เขาก้มหน้าจ้องมองใต้เท้าอู๋ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “คนที่เกะกะถูกลากออกไปแล้ว เวลานี้ใต้เท้าอู๋บอกความจริงกับข้าได้หรือไม่”
ใต้เท้าอู๋ตัวสั่นเทา “ทูลฝ่าบาท สิ่งที่กระหม่อมทูลก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริง!”
“กลัวแต่เพียงพูดความจริงไม่หมด! ข้าต้องการฟังความจริง! ลางร้ายหรือลางดี ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ข้า!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ตัดสินใจที่จะสืบหาความจริงอย่างเห็นได้ชัด
ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องทรงสืบหาว่ามันเป็นลางดีหรือลางร้าย ฝ่าบาททรงเป็นโอรสสวรรค์ เพียงแค่พระทัยของพระองค์ทำเพื่อแผ่นดิน สถานการณ์ย่อมดีขึ้น แผ่นดินย่อมจะสงบสุขในไม่ช้า!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เงยหน้าขึ้นมองพี่สองเซียวเฉิงเหวิน สีหน้ายิ้มอย่างมีนัย
“หากท่านอ๋องผิงชินคุมปากของตนเองไม่ได้ ท่านสามารถถอยออกไป!”
เซียวเฉิงเหวินไม่คิดว่าฮ่องเต้เซียวเฉิงอี้จะไม่พอใจขึ้นมา “ฝ่าบาท…”
“หุบปาก!”
ฮ่องเต้เซียวเฉิงอี้หัวเราะเสียงเย็น “ข้าถามดวงชะตาของตัวเองยังต้องได้รับความยินยอมจากพวกเจ้าก่อนหรือ พวกเจ้าบอกว่าข้าเป็นโอรสสวรรค์ แต่ข้ารู้สึกเหมือนเป็นหุ่นเชิดในมือของพวกเจ้ามากกว่า! ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากพวกเจ้าก่อน การตัดสินใจใดของข้าไม่ตรงกับความต้องการของพวกเจ้า พวกเจ้าก็มาเกลี้ยกล่อม หรือที่เรียกว่าแนะนำ!
แต่เหตุใดข้าต้องฟังพวกเจ้าทุกครั้ง นับแต่ข้าขึ้นครองราชย์เป็นต้นมา การตัดสินใจทุกอย่างของข้าเรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วหลังจากฟังข้อเสนอแนะของพวกเจ้า แต่ผลที่ตามมากลับไม่เป็นไปอย่างที่หวัง!
พวกเจ้าบอกว่าข้าเป็นดาวร้าย ทำลายแผ่นดินต้าเว่ย ข้าอยากจะบอกว่าความจริงแล้วคนที่ทำร้ายแผ่นดินต้าเว่ยคือพวกเจ้า! ข้าลองถามตัวเอง ข้าทำในที่สิ่งฮ่องเต้ควรทำทุกอย่างแล้ว ไร้ความละอายต่อฟ้าดิน ไร้ความละอายต่อบรรพบุรุษ พวกเจ้าเป็นคนวางทางให้ข้าเดิน ให้ข้าทำ พวกเจ้าต่างหากที่ทำลายแผ่นดินนี้!
เวลานี้ข้าอยากถามดีร้าย เหตุใดจึงไม่ได้ เหตุใดจึงกลายเป็นเรื่องเหลวไหล หากไม่ใช่ความคิดแต่ละอย่างของพวกเจ้าทำลายแผ่นดิน ข้าจะซักถามดีร้ายอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จะมีขุนนางมาชี้หน้าต่อว่าข้าได้อย่างไร”
หลังจากก่นด่าอย่างรุนแรงจบสิ้น ภายในตำหนักเงียบสงัด
บรรดาเชื้อพระวงศ์ก้มหน้าไม่พูด ทุกคนต่างเงียบ
ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินสีหน้าเรียบเฉย ความคิดคุกรุ่น
พระพันปีเถานวดขมับถอนหายใจด้วยความระอายิ่งนัก
ใต้เท้าอู๋ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น แทบอยากจะหารอยร้าวมุดเข้าไป ไม่ถูกคนพบไปตลอดกาล
เหตุใดเขาจึงโชคร้ายพบเจอเรื่องพรรค์นี้
จะตายแล้ว!
“ใต้เท้าอู๋ ข้าต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากเจ้า คำทำนายของเจ้า ดีร้ายเป็นอย่างไร ข้าต้องการฟังความจริง! เพียงแค่เจ้ายอมบอกความจริง ข้าจะไม่เอาผิดเจ้า เจ้าสามารถถอดตำแหน่งออกจากเมืองหลวง รักษาชีวิตเอาไว้ได้ทันที แต่หากเจ้าไม่ยอมพูดความจริง ข้าจะสั่งประหารเจ้า พร้อมทั้งตระกูลของเจ้าบัดนี้!”
“ฝ่าบาท!” พระพันปีเถาไม่เห็นด้วยกับวิธีการของฮ่องเต้เซียวเฉิงอี้อย่างมาก
ไม่ว่าใต้เท้าอู๋พูดความจริงหรือโกหก ก็ไม่อาจไว้ชีวิตของเขา
เรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้ จะปล่อยคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ไปได้อย่างไร!
มันเป็นการกระทำที่เหลวไหล!
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เข้าใจความหมายของพระพันปีเถา เขาหันหลังให้นาง ยกมือห้ามไม่ให้นางพูดต่อ
วันนี้ เขาแค่ต้องการรู้ความจริง ถามดีร้าย
ผู้ใดก็ห้ามเขาไม่ได้
ผู้ใดห้ามเขา เขาจะฆ่าผู้นั้น!
ความแน่วแน่ของเขา ทุกคนในเหตุการณ์ต่างเห็น
พระพันปีเถาขุ่นเคืองอย่างมาก นางมองไปทางเซียวเฉิงเหวินอยู่บ่อยครั้ง
หวังว่าเซียวเฉิงเหวินจะห้ามความเหลวไหลของฮ่องเต้ได้
แต่เซียวเฉิงเหวินกลับพูด “พวกกระหม่อมขอทูลลา!”
พระพันปีเถาอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ
เซียวเฉิงเหวินพูดต่อ “เสด็จแม่ก็ควรหลีกเลี่ยง!”
“เจ้า…”
พระพันปีเถาโกรธจนแทบกระอักเลือด
เซียวเฉิงเหวินลุกขึ้น นำบรรดาเชื้อพระวงศ์ถอยออกจากตำหนักใหญ่
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หันหลังให้พระพันปีเถาอยู่ตลอด เขาไม่เปล่งเสียงออกมา
แต่พระพันปีเถาเข้าใจทุกสิ่งแล้ว
เห็นได้ชัดว่าวิธีการของเซียวเฉิงเหวินทำให้ฮ่องเต้พอพระทัย
ต่อมา ไม่ว่าใต้เท้าอู๋พูดสิ่งใด พวกเขาก็ไม่สมควรอยู่ฟังในตำหนักใหญ่
พระพันปีเถาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย “ข้าเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อน! ฝ่าบาททรงงานเสร็จอย่าลืมเสวยยา! ข้าฟังเจ้าพูดยังรู้สึกเจ็บแทนเจ้า! เจ้าต้องรักษาเสียงให้ดี หลีกเลี่ยงพูดไม่ได้ในภายหน้า”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงเป็นกังวล!”
ในที่สุดฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ก็หันกลับมามองพระพันปีเถาด้วยสายตาซาบซึ้ง
พระพันปีเถาพยักหน้าให้เขา ลุกขึ้นจากไป
คนออกไปหมดแล้ว!
ภายในตำหนักใหญ่เหลือเพียงฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ รวมทั้งใต้เท้าอู๋ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“ใต้เท้าอู๋ เวลานี้ไม่มีคนนอก ข้าต้องการฟังความจริง! ต้องเป็นความจริงเท่านั้น ข้าไม่อยากฟังคำโกหกแม้แต่คำเดียว ผลที่ตามมาเจ้ารู้ดี!”
ใต้เท้าอู๋เหงื่อตก หยาดเหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วเสื้อ ราวกับถูกช้อนขึ้นมาจากน้ำ
ภายในตำหนักใหญ่มีเตาผิง อบอุ่นอย่างมาก
แต่เขากลับตัวสั่นเทา รู้สึกหนาวเหน็บ
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้พูดอีกครั้ง “เพียงแค่เจ้ายอมพูดความจริง ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตาย! วันนี้จะส่งเจ้าออกจากเมืองหลวง ไปยิ่งไกลยิ่งดี เปลี่ยนแซ่เปลี่ยนชื่อใช้ชีวิตที่เหลือ! ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนตามฆ่าเจ้า!”
ใต้เท้าอู๋เงยหน้ามองฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ “ฝ่าบาททรงพูดจริงหรือ”
“ข้าเป็นโอรสสวรรค์ พูดคำไหนคำนั้น เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ”
ใต้เท้าอู๋ย่อมไม่เชื่อฮ่องเต้
ตระกูลจักรพรรดิเลือดเย็นที่สุด
คุณสมบัติของจักรพรรดิก็คือความไร้เยื่อใย พูดเหมือนผายลม!
แต่สถานการณ์ในเวลานี้ ไม่มีทางเลือกให้แก่เขา
เขาสูดลมหายใจเข้า “ฝ่าบาททรงอยากรู้ดีร้าย กระหม่อมจะพูดความจริง!”
“ดีมาก! เจ้าพูด ข้าฟังอยู่!”
ใต้เท้าอู๋หลับตาลง สักพักจึงลืมตาขึ้น ดวงตาของเขากลับมาสงบอีกครั้ง
เขาพูดอย่างจริงจัง “กระหม่อมไม่ได้หลอกลวงฝ่าบาท ดวงชะตาของฝ่าบาทราวกับมีก้อนเมฆบดบัง มองเห็นได้ไม่ชัดเจน กระหม่อมมั่นใจได้เพียงเรื่องเดียว มันไม่ใช่ลางดี เกรงว่าจะมีเรื่องหายนะเกิดขึ้น”
สีหน้าของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เปลี่ยนไป “เป็นลางร้ายจริงหรือ”
ใต้เท้าอู๋กัดฟัน พยักหน้า “เป็นลางร้ายจริง! แต่ในนั้นมีพลังชีวิตหนึ่งซ่อนอยู่! ดังนั้น ฝ่าบาททรงต้องปล่อยไปตามกระแส อย่าได้ฝืนกระแสเป็นอันขาด!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ถามด้วยความร้อนใจ “เหตุใดคือกระแส เจ้าไม่ได้บอกว่าข้าเป็นกระแสหรือ ข้าเป็นโอรสสวรรค์ เกี่ยวข้องกับกระแสของแผ่นดิน เท่ากับข้าก็คือกระแส หรือเจ้าอยากจะบอกว่าแผ่นดินต้าเว่ยกำลังตกอยู่ในวิกฤต”
“กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้! ฝ่าบาททรงเป็นโอรสสวรรค์ มีอิทธิพลต่อสถานการณ์ของแผ่นดิน แต่ไม่เท่ากับเป็นสถานการณ์ของแผ่นดิน ทุกการตัดสินใจของฝ่าบาทจะส่งผลกระทบที่ไม่อาจคาดเดาได้ต่อแผ่นดิน หนทางแห่งฟ้ายากที่จะทำนาย แต่หากฝ่าบาททรงมีหัวใจที่ซื่อสัตย์ ทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎร ทำเพื่อแผ่นดิน สถานการณ์ย่อมจะเปลี่ยนแปลงไป”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หัวเราะด้วยความขมขื่น จากนั้นก็ถอนหายใจ
ข้าไม่ได้ลุ่มหลงมัวเมากับการดื่มด่ำ ไม่ได้ขยับขยายวังหลัง ไม่ได้ก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ได้ฟุ่มเฟือยแม้แต่น้อย ไม่ได้เหยียบย่ำเลือดเนื้อของราษฎร ข้าฟังคำเสนอแนะ ไม่เคยทำสิ่งใดตามใจ กลัวแต่เพียงตนเองประสบการณ์ไม่เพียงพอ ทำลายสถานการณ์ที่ดี!
ข้าทำงานเหน็ดเหนื่อยทุกวัน แต่หนทางแห่งฟ้ากลับไม่ให้โอกาสข้าได้พักหายใจแม้แต่น้อย ข้าต้องทำถึงขนาดไหน ข้าต้องทำอย่างไร หนทางแห่งฟ้าจึงจะให้ทางรอดแก่แผ่นดินต้าเว่ย ให้ทางรอดแก่ข้า ใต้เท้าอู๋ เจ้าบอกข้า แผ่นดินต้าเว่ยไม่ไหวแล้วจริงหรือ ราชวงศ์ต้าเว่ยเดินมาถึงทางตันแล้วจริงหรือ”
ใต้เท้าอู๋เหงื่อตก “ฝ่าบาทอย่าทรงกังวล ทรงต้องเย็นพระทัย”
“ข้าใจเย็นอย่างมาก! เจ้าบอกข้า ข้าควรทำอย่างไร แผ่นดินนี้เป็นอันใดกัน มันป่วยหรือ”
ใต้เท้าอู๋มองฮ่องเต้ที่ทำหน้าสับสน เขาก็แอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
เขากลั่นกรองคำพูด “ทูลฝ่าบาท หนทางแห่งฟ้าคือสิ่งใด กระหม่อมก็ไม่อาจบอกได้ ความเข้าใจในหนทางแห่งฟ้าของกระหม่อมก็คือการดำเนินไปตามธรรมชาติ อาทิชาวนาทำนา เมื่อพื้นดินขาดความอุดมสมบูรณ์ก็ต้องใส่ปุ๋ย เมื่อพื้นดินอุดมสมบูรณ์แล้วก็ต้องเพาะปลูกอย่างขยันขันแข็ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มาก
แผ่นดินปรักหักพัง ฝ่าบาทก็ต้องทรงเข้มแข็งขึ้นมา ร่วมมือกับขุนนางในราชสำนัก ดึงแผ่นดินต้าเว่ยกลับมาให้สงบสุข! ราชสำนักมากด้วยผู้มีความสามารถ หากฝ่าบาททรงใช้งานคนได้อย่างถูกต้อง ย่อมจะประสบความสำเร็จ
อาทิฝ่าบาททรงมอบหมายงานให้พระราชบุตรเขยจ้ง ทรงแต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์อันยากลำบากของสำนักเซ่าฝู่ แม้แผ่นดินจะปรักหักพัง แต่ในราชสำนักมีขุนนางมากความสามารถมากมายนัก หากรวบรวมความคิด ย่อมต้องมีหนทาง!”
“ความหมายของใต้เท้าอู๋คือ ข้าเชื่อใจขุนนางในราชสำนักน้อยเกินไป?”
“กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนี้! กระหม่อมแค่บอกว่า บางทีการรวบรวมความคิดจากหลากหลายทางจะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาในเวลานี้ของฝ่าบาทได้!”
Comments