คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 403 ค่ายองครักษ์
ตอนที่ 403 ค่ายองครักษ์
กลางดึก!
บนทางที่มืดมิดดุจหมึกดำ ขบวนพลยาวหนึ่งขบวนพร้อมคบเพลิงเดินทางมุ่งหน้าไปยังทิศหนึ่ง
เยียนหนานนำกำลังพลสองพันนายออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือแคว้นชี!
จี้ผิงรับหน้าที่ดูแลกำลังพลที่เหลือชั่วคราว เฝ้าระวังทุกด้าน
เรือนพักเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ทุกคนไม่อาจออกไปได้ คนนอกก็ไม่อาจเข้ามาในพื้นที่ของเรือนพักได้
พ่อค้าที่มาจับจ่ายสินค้าถูกขังไว้ในเรือนพัก ออกไปไม่ได้ แต่ก็ไร้เสียงบ่น
ออกไปเวลานี้ ยากที่จะรับรองว่าจะไม่พบโจรกบฏ หรือพลทหารที่หลุดขบวนออกมา ตายก็ตายเปล่า ไร้ที่ทวงความยุติธรรม
อยู่ในเรือนพักร่ำรวย มีกองพลนับพันคุ้มกันจะรู้สึกปลอดภัยกว่า
…
ชายหนวดเฟิ้มลู่เฉินโจวโชคดีอย่างมาก เขาผ่านการทดสอบวัฒนธรรมไปได้อย่างเฉียดฉิว ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหมู่อย่างราบรื่น
ในมือมีทหารเก้าคน รวมเขาเป็นสิบคนพอดี
หูเอ้อก็คือทหารของเขา ถูกเขาแต่งตั้งเป็นทหารบันทึกเหตุการณ์ มีหน้าที่บันทึกคำสั่งกองทัพ รายงานสถานการณ์สงคราม…
ในค่ำคืนนี้ ลู่เฉินโจวนำทหารของตนติดตามกองทัพใหญ่ไปช่วยเหลือแคว้นชี
กลางดึกมืดสนิท แสงไฟไหวไปมา
ภายนอกแสงไฟ มีแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่น้อย
เหมือนกับอารมณ์ของเขาที่ขุ่นมัวจนมองไม่เห็น
เขาได้ยินว่าโจรกบฏที่โจมตีแคว้นชีในครั้งนี้มีตู้เออหลี่
ตู้เออหลี่เป็นพี่ใหญ่ของเขาแต่ก่อน เป็นหัวหน้าใหญ่ตอนเป็นโจรป่า
ในเมื่อกำลังต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้าเก่า ลู่เฉินโจวจึงเกาหัวที่เหมือนรังไก่ด้วยความกลุ้มใจ
หูเอ้อถามเขาเสียงเบา “พี่ลู่กลัวหรือ”
“กลัวบ้าอันใด! ข้ากำลังคิด เมื่อพบหัวหน้าใหญ่ จะแทงเขาครั้งเดียว หรือแทงเขาห้าครั้ง”
หลังจากอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ลู่เฉินโจวจึงไม่ได้ปิดบังที่ตนเองเคยเป็นโจรกบฏต่อหูเอ้อ
อีกทั้ง หัวหน้าเยียนหรือเยียนหนานก็รู้เรื่องดีนี้ เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
ปากของหูเอ้อปิดสนิทมาก อีกทั้งไม่มีนิสัยที่ไม่ดี ทั้งไม่ดื่มสุราและไม่เล่นการพนัน
ลู่เฉินโจวจึงไม่กังวลว่าเขาจะพูดออกไป
หูเอ้อสงสัยอย่างมาก เขากระซิบถาม “พี่ลู่เก่ง หรือว่าหัวหน้าใหญ่ที่แซ่ตู้นั้นเก่ง”
ลู่เฉินโจวหัวเราะ “ย่อมต้องเป็นข้า! ว่างมานานเพียงนี้ ในที่สุดก็เผชิญหน้ากับศัตรูได้เสียที! เจ้ารอดูข้าฆ่าโจรกบฏให้สิ้นซากอย่างสง่างาม เมื่อถึงเวลานั้น เถ้าแก่ย่อมจะให้รางวัลแก่ข้า!”
หูเอ้อได้ยินก็ตัวสั่น “คนเหล่านั้นล้วนเป็นสหายเก่าของพี่ลู่ บางคนก็เป็นคนบ้านเดียวกัน พี่ลู่ลงมือได้จริงหรือ”
“ย่อมลงมือได้! พวกเขาไม่ใช่สหายของข้า! อย่างไร เจ้ากลัวหรือ”
หูเอ้อจับคบเพลิงในมือแน่น ก่อนส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้า
“ย่อมต้องกลัว แต่มีพี่ลู่อยู่ ข้าไม่กลัว!”
ลู่เฉินโจวหัวเราะพลันตบไหล่เขา “ตอนปะทะ เจ้าตามข้าเอาไว้ มีข้าปกป้องเจ้า ไม่ตายอย่างแน่นอน!”
“ขอบพระคุณพี่ลู่!”
…
เป้าหมายของโจรกบฏคือการโจมตีแคว้นชีเพื่อหาพื้นที่พักฟื้น
ช่างบังเอิญจนไม่อาจบังเอิญได้อีก
เยียนหนานเพิ่งนำผู้ใต้บังคับบัญชาในค่ายองครักษ์มาถึงแคว้นชี ม้าเร็วก็มารายงาน บอกว่าโจรกบฏมาถึงพื้นที่ห่างออกไปสิบลี้แล้ว สามารถเดินทางมาถึงกำแพงเมืองแค้วนชีได้ทุกเวลา
เยียนหนานออกคำสั่งให้บรรดาพลทหารทั้งหมดขึ้นกำแพงเมือง เตรียมตัวทำสงครามทันที
หลังจากการเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างยาวนาน ไม่มีเวลาแม้แต่ดื่มน้ำ ไม่มีเวลาแม้แต่นั่งพักผ่อน ก็ต้องเตรียมทำสงครามแล้ว
โชคดีที่วันปกติ ค่ายองครักษ์มักฝึกซ้อมทุกวัน แต่ละเดือนต้องฝึกซ้อมบนภูเขา จึงทำให้พวกเขายังมีกำลังเหลือในการรับมือกับการปะทะหลังจากเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน
แต่ละคนพกพาเสบียงแห้งติดตัวตามเงื่อนไขในการฝึกซ้อม พวกเขากินเสบียงพร้อมกับน้ำเพื่อเติมพลัง
ลู่เฉินโจวตัวสูงใหญ่ กินก็มาก เขากินเสบียงในส่วนของสองวันหมดเพียงภายในไม่กี่คำ
หูเอ้อมองไปทางเขา ก่อนจะแบ่งเสบียงหนึ่งในสามของตนเองให้ลู่เฉินโจว
ลู่เฉินโจวหัวเราะ ตบลงบนไหล่ของหูเอ้อ “รอสงครามจบ ข้าเลี้ยงสุราบุปผาเจ้า! นานทีจะได้เข้าเมือง อย่าได้พลาดโอกาสดีไป”
หูเอ้อหน้าแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “แคว้นชีมีสุราบุปผาให้ดื่ม?”
“แฮะๆๆ ข้ารู้ว่าเจ้าแสร้งทำตัวจริงจัง! วางใจ เพียงแค่มีคน ย่อมมีสุราบุปผาให้ดื่ม”
หูเอ้อโต้แย้งเสียงเบา “เรือนพักร่ำรวยของพวกเราไม่มีสุราบุปผาให้ดื่ม!”
ลู่เฉินโจวยักคิ้วหลิ่วตาให้เขา กระซิบเสียงเบา “เจ้าไม่รู้! รู้หรือไม่ว่าเหตุใดในเรือนพักร่ำรวยถึงไม่มีสุราบุปผาให้ดื่ม เพราะว่าเถ้าแก่ของพวกเราเป็นสตรี”
หูเอ้ออ้าปากค้าง หมดแรงโต้แย้ง
ลู่เฉินโจวยิ้มให้เขาอีกครั้ง “ตอนปะทะอย่ากลัวเด็ดขาด! พวกโจรกบฏกลุ่มคนบ้านนอกที่ไม่เคยล้างโคลน พวกมันรู้แค่จะพุ่งไปด้านหน้าเท่านั้น เพียงแค่เริ่มทำให้พวกมันกลัว พวกมันย่อมจะวิ่งหนีได้เร็วกว่าผู้ใด
เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าตามข้าไปไล่ล่า พวกเราขี่ม้าไล่พวกมัน ฆ่าคนสักสองสามคน ปล้นสักเล็กน้อย หาเงินเข้าตัวเอง เงินที่ดื่มสุราบุปผาย่อมได้มาแล้ว หากจับปลาตัวใหญ่ได้ ฮ่าๆ เราก็รวยแล้ว!”
หูเอ้อทั้งสงสัยทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น
การฝึกระยะยาวทำให้เขากังวล ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระดับความตื่นตัวที่สูงสุดได้
เขาเลียริมฝีปาก “พวกกบฏต่อสู้ง่ายจริงหรือ”
“ง่ายมาก!”
“แต่ว่าพวกทหารต่อสู้มานานเพียงนี้ เหตุใดโจรกบฏยังไม่ถูกปราบปราม”
“มันเป็นลิขิตสวรรค์! ตอนที่โจรกบฏอาละวาดประจวบเหมาะกับที่ราชวงศ์อูเหิงบุกลงใต้ กองทัพใหญ่ของราชสำนักล้วนไปทำสงครามกับอูเหิงทางเหนือ สุดท้ายแล้ว ราชสำนักไม่ได้เห็นโจรกบฏอยู่ในสายตา ดังนั้นจึงทำให้โจรกบฏมีโอกาสมีชีวิตอยู่ถึงบัดนี้”
“พี่ลู่รู้มากเสียจริง!” หูเอ้อทำหน้าเคารพ!
ลู่เฉินโจวหัวเราะอย่างเขินอาย
เขากระซิบ “ข้าจะเข้าใจหลักการเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งหมดนี้ข้าได้ยินจากอาจารย์ที่เคยสอนข้ามาก่อน เดิมทีข้าคิดว่าข้าลืมไปแล้ว แต่วันนี้เมื่อเจ้าถามขึ้นมา ข้าก็นึกขึ้นได้ แฮะ การรู้ตัวอักษรก็มีประโยชน์เหมือนกัน เมื่อก่อนข้าไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูด แต่ลองกลับมาไตร่ตรองในเวลานี้ สิ่งที่อาจารย์พูดก็สมเหตุสมผล”
หูเอ้อยิ้ม “พี่ลู่อ่านได้สองร้อยตัวอักษรแล้วใช่หรือไม่”
ลู่เฉินโจวกล่าวด้วยสีหน้าได้ใจ “เกือบสองร้อยคำแล้ว! ให้เวลาข้าเรียนอ่านอีกปีหนึ่ง ปีหน้าข้าก็จะสอบหัวหน้ากองได้ เมื่อถึงเวลานั้น เจ้ามาเป็นหัวหน้าหมู่ของข้า”
“ขอบคุณพี่ลู่ที่ผลักดัน! ข้ากลัวว่าจะไม่ผ่านการทดสอบปฏิบัติและศิลปะการต่อสู้ ไม่สามารถสอบผ่านหัวหน้ากองได้”
“มีข้าฝึกให้เจ้า ไม่มีทางที่เจ้าจะสอบตก ไม่ต้องกังวล”
เสียงฆ้องดังขึ้น!
หมายความว่าศัตรูอยู่ห่างออกไปสองลี้
พลทหารของค่ายองครักษ์ต่างเข้าสู่สถานะการเตรียมต่อสู้อย่างเป็นทางการตามคู่มือการฝึกประจำวัน
รอแค่คำสั่งลงมา ก็พร้อมปะทะ!
…
“ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่! ช่างเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!”
ใต้เท้าแคว้นชีร้องไห้ด้วยความดีใจ
อารมณ์ที่ตื้นตันภายในใจเกินคำบรรยาย
ทันทีที่เมืองแตก เขาจะฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชื่อเสียง!
ขณะเดียวกัน การฆ่าตัวตายก็เป็นการรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เป็นการให้คำอธิบายแก่ราชสำนัก ราชสำนักจะไม่รุกรานตระกูลของเขา
เมื่อกองทัพองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยมาถึงแคว้นชี กวาดตามองไป หลังจากเดินทางมาไกลเพียงนี้ แต่พลทหารแต่ละคนยังกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา
กองทัพที่ไม่เป็นระเบียบ ขี้เกียจ เอาแต่พร่ำบ่น เปิดปากก็ขอเงินและเสบียงในจินตนาการไม่ได้เกิดขึ้น
คนในค่ายองครักษ์ปฏิบัติตามคำสั่ง เพิ่งมาถึงก็ขึ้นกำแพงเมืองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที ไม่มีผู้ใดพร่ำบ่น
ไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นอันใด
มันคือกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด!
ไม่ใช่แค่คำบรรยายไม่กี่ประโยคบนตำรา!
มีกองกำลังนี้อยู่ แคว้นชีย่อมต้องผ่านพ้นวิกฤตตรงหน้าไปได้
ใต้เท้าแคว้นชีซาบซึ้งยิ่งนัก เขาคำนับให้เยียนหนานหรือหัวหน้าเยียน
บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่อาจตอบแทนได้
เยียนหนานหลีกทาง ไม่รับการคำนับ
“ใต้เท้าอย่าทำเช่นนี้! ใต้เท้าดูแลเรือนพักร่ำรวยมากนัก เวลานี้แคว้นชีลำบาก เรือนพักร่ำรวยสมควรช่วยเหลือ ขอให้ใต้เท้ามอบคนในมือมาให้ข้าบัญชาการ!”
“ได้ๆๆ ล้วนฟังท่าน สงครามนี้จะทำอย่างไร ขึ้นอยู่กับท่านบัญชาการ!”
ใต้เท้าแค้วนชีรับปากส่งมอบอำนาจบัญชาการอย่างรวดเร็ว
…
โจรกบฏอยู่ด้านหน้า!
มุ่งตรงมายังแคว้นชี
กวาดตามองไป ทั่วทุกพื้นที่เห็นแต่เพียงหัวคนนับไม่ถ้วน
ประชาชนเป็นเช่นนี้ นักการเป็นเช่นนี้ ผู้คุมคุกก็เป็นเช่นนี้…
มีเพียงคนของค่ายองครักษ์ไม่ขยับ
ถึงแม้พวกเขาก็ตื่นเต้น หวาดกลัวและตื่นตระหนก…
แต่การฝึกซ้อมที่เข้มงวดในระยะยาวทำให้พวกเขายืนหยัดที่จะเฝ้าอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง ไม่มีคำสั่ง พวกเขาไม่มีทางขยับ
สงครามเริ่มต้นขึ้น!
มันเป็นสงครามขนาดเล็กที่จะไม่ถูกบันทึกไว้บนตำราประวัติศาสตร์
แคว้นชีคู่ควรเพียงแค่มีชื่อเท่านั้น!
สงครามเริ่มตั้งแต่กลางวันจนถึงช่วงค่ำ โจรกบฏถอยไป!
ค่ายองครักษ์ต้านทานการโจมตีนับครั้งของของโจรกบฏ ปกป้องแคว้นชี ปกป้องชีวิตของทุกคนเอาไว้ได้
แต่…
วิกฤตยังไม่ถูกแก้ไข
โจรกบฏเพียงแค่ถอยออกไปหลายลี้เพื่อปักหลัก รอคอยการโจมตีอีกครั้ง!
สงครามในเวลาต่อมามีแต่จะยากลำบากขึ้น!
นอกจากกองทัพใต้จะสามารถสลัดโจรกบฏได้ทันเวลา เดินทางมาได้ทันเวลา!
…
ฟ้าเบื้องบนของแคว้นชีเต็มไปด้วยเมฆสีเพลิง ทำให้ท้องฟ้างดงามอย่างยิ่ง
กำแพงเมืองแคว้นชียิ่งผุพังหลังจากสงครามจบสิ้น!
มีเพียงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกหลายครั้ง ก็จะพังกำแพงเมือง บุกเข้าแคว้นชีได้!
นอกเมือง บรรดาทหารกำลังเก็บกวาดสนามรบ กลบฝังซากศพ!
หูเอ้อไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มีความดีความชอบหนึ่งครั้ง
เขาที่ผ่านการรบมาหนึ่งครั้งแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาติดตามอยู่ข้างกายลู่เฉินโจว เก็บกวาดสนามรบด้วยกัน
เสื้อผ้า ถุงเท้าของคนตาย เพียงแค่ยังใส่ได้ก็จะถูกถอดออกมาจนหมด
ถึงแม้พวกเขาไม่ใส่ แต่ยังสามารถซักแล้วเอาไปให้ผู้ลี้ภัยได้
อย่างไรก็ตาม มันล้วนเป็นผ้าผืน สิ้นเปลืองไม่ได้เด็ดขาด
ก่อนถอดเสื้อผ้ารองเท้า ยังต้องรื้อค้นกระเป๋ากางเกงอย่างละเอียด บางทีอาจพบเรื่องน่าประหลาดใจ
อาวุธก็เป็นผลประกอบการจากการเก็บกวาดสนามรบ
ไม่ว่าเสื้อผ้า ถุงเท้า หรือเงินทอง อาวุธ ล้วนต้องส่งให้เบื้องบน
จากนั้นรับรางวัลตามอัตราส่วน!
ค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยมีกฎระเบียบการให้รางวัลและการลงโทษที่มีประสิทธิภาพ
เพียงแค่ปฏิบัติตามกฎ เถ้าแก่ย่อมไม่เอาเปรียบพวกเขา
มีกินมีดื่ม แต่ละเดือนรับเงินเดือนตรงเวลา
เมื่อสร้างความดีความชอบก็มีรางวัล!
หากชนะสงคราม ยิ่งมีรางวัล
อีกทั้งยังมีผู้คุมคอยสังเกตการณ์ ทหารที่เก็บกวาดสนามรบจึงมีส่วนน้อยที่ฉ้อโกง
มันเป็นกองทัพที่ฝึกซ้อมอย่างเป็นระเบียบ ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ผู้คนต่างเรียกว่าค่ายองครักษ์ แต่ความจริงพวกเขาก็คือทหารที่ใช้ปะทะข้าศึก!
ทหารเหล่านี้ย่อมต้องกลายเป็นการมีอยู่ที่ทำให้ผู้คนต้องมองใหม่อีกครั้ง!
Comments