คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 2 การตัดสินใจที่เหลวไหล
ตอนที่ 2 การตัดสินใจที่เหลวไหล
วันรุ่งขึ้น…
งานเลี้ยงภายในจวนโหว
ห้องโถงรับแขก โต๊ะกลม
ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านนั่งอยู่กลางโต๊ะ
ด้านซ้ายขวาของเขาคือเซียวฮูหยิน และอนุภรรยาเฉินฮูหยิน
เซียวเป็นแซ่ของราชวงศ์
เซียวฮูหยินมีเชื้อสายราชวงศ์ ฐานะสูงส่ง แต่นางกลับจำเป็นต้องอดทนต่อการมีอยู่ของเฉินฮูหยิน เพียงเพราะคดีเก่าในอดีต
บิดาของเซียวฮูหยินเดิมทีเป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา แต่เนื่องจากถูกคนครหาว่าก่อการกบฏ ถูกบีบคั้นจนไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยความตาย
หลังจากเกิดเรื่อง ฮ่องเต้จงจ้งทรงเสียพระทัยกับเรื่องนี้อย่างมาก ทรงกู้ชื่อเสียงแทนองค์รัชทายาทก่อนจะสวรรคต พร้อมทั้งพระราชทานนามว่า ‘จางอี้’ หรือ องค์รัชทายาทจางอี้
หลังจากฮ่องเต้จงจ้งสวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชบัลลังก์
หลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว สิ่งที่ทำได้อย่างไร้คุณธรรมที่สุดคือรีบร้อนพระราชทานเซียวฮูหยินให้แก่เยียนโส่วจ้าน
ถึงแม้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทจางอี้จะถูกกู้คืนกลับมา แต่ความแค้นภายในไม่อาจจัดการได้เพียงการกู้ชื่อเสียง
ผู้ที่มความเฉลียวฉลาดหน่อยต่างมองออกถึงท่าทีของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่มีต่อองค์รัชทายาทจางอี้ เขาแทบอยากจะตอกอีกฝ่ายไว้บนเสาแห่งความอับอายไปตลอดกาล
เซียวฮูหยินในฐานะบุตรีแห่งองค์รัชทายาทจางอี้ เพียงแค่ครุ่นคิดก็สามารถรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ของนางยากลำบากเพียงใด
โชคดีที่นางเป็นสตรี ฮ่องเต้องค์ใหม่จึงให้นางมีชีวิตอยู่ต่อได้ อีกทั้งยังพระราชทานสมรสให้นาง
เพียงแต่การสมรสในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายชาย
ปีนั้น เยียนโส่วจ้านได้รับพระราชโองการสมรส เขาทำได้เพียงยิ้มเย้ยหยัน
หลังจากนั้นสามวัน เขาก็รับเฉินฮูหยินเข้าเรือน
บอกกล่าวบรรพบุรุษ ลงชื่อในวงศ์ตระกูล อีกทั้งยังมอบตำแหน่งอนุภรรยาให้แก่เฉินฮูหยิน
การกระทำนี้ล้วนเป็นการหยามเกียรติ
หยามเกียรติกันอย่างเห็นได้ชัด
เยียนโส่วจ้านแสดงออกถึงควาไม่พอใจต่อสมรสพระราชทานอย่างชัดเจน
เขาต้องการให้เซียวฮูหยินอับอาย
ถึงแม้กระนั้น ฮ่องเต้ก็ยังคงยืนกรานจะพระราชทานเซียวฮูหยินให้แก่เยียนโส่วจ้าน พร้อมทั้งรับรู้ถึงการมีอยู่ของเฉินฮูหยินด้วยเช่นกัน
เมื่อเซียวฮูหยินนำสินเดิมแต่งเข้าตระกูลเยียน เฉินฮูหยินก็ได้ตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังให้กำเนิดบุตรชายคนโตของจวนโหวล่วงหน้า
สถานการณ์ของเซียวฮูหยินในจวนโหวน่ากระอักกระอวนอย่างเห็นได้ชัด
ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่โปรดปรานนาง
อีกทั้งบิดาผู้เป็นองค์รัชทายาทจางอี้ก็สวรรคตไปแล้ว มารดาตายจากไป พี่น้องล้วนถูกประหารเพราะคดีนี้
ไม่มีผู้ใดเหลือรอดจากโทษ “ก่อกบฏ” ไปได้ ภายในตำหนักบูรพาตงกงอันกว้างใหญ่เหลือเพียงนางผู้เป็นสตรีตัวคนเดียว
เซียวฮูหยินในฐานะเชื้อสายของราชวงศ์ นอกจากจะไม่ได้รับการสนับสนุนอันใดจากราชวงศ์แล้ว ยังต้องเฝ้าระวังการลอบทำร้ายจากผู้อื่น
ความแค้นระหว่างนางกับราชวงศ์ลึกล้ำดุจน้ำทะเล
เซียวฮูหยินทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง รวมถึงองครักษ์สามพันนายที่นำเข้ามาใจจวนโหวจากตำหนักบูรพาด้วย
นางไม่อาจแตะต้องเฉินฮูหยินได้ ทำได้เพียงอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเฉินฮูหยิน
พี่ชายของเฉินฮูหยินเป็นแม่ทัพใหญ่ในบังคับบัญชาของเยียนโส่วจ้าน เขาเชี่ยวชาญด้านการสงคราม อีกทั้งยังมีกลยุทธที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือความรู้สึก อย่างไรเสียเยียนโส่วจ้านย่อมต้องปกป้องเฉินฮูหยิน
ดังนั้น ตำแหน่งอนุภรรยาของเฉินฮูหยินจึงมั่นคงเสมอมา
วันนี้มีงานเลี้ยงภายในตระกูล มีเพียงบุตรชายคนรองที่ไม่อยู่
เฉินฮูหยินเม้มปากยิ้ม ตักตงน้ำแกงถ้วยหนึ่งด้วยตนเองวางไว้ด้านหน้าของเยียนโส่วจ้าน
“รู้ว่าท่านโหวกลับจวน ข้าจึงสั่งให้ห้องครัวต้มน้ำแกงเป็ดเอาไว้ทั้งคืน ท่านโหวลองชิมว่ารสชาติดีหรือไม่”
ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านยกถ้วยขึ้น ตักชิมคำเล็ก ก่อนจะส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา จากนั้นพูดขึ้น
“รสชาติไม่เลว เจ้าเก่งขึ้นแล้ว”
เฉินฮูหยินแอบเหลือบมองเซียวฮูหยินพลางยิ้มอย่างได้ใจ
นางหยิบตะเกียบคีบอาหาร “ท่านโหวลองชิม…”
เคร้ง!
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงเขวี้ยงถ้วยขัดไป
เฉินฮูหยินหันไปตามเสียง เพ่งสายตาไป เป็นดั่งที่คาดเดา คนผู้นั้นคือคุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ
เฉินฮูหยินสีหน้าดำทะมึน ส่งเสียงไม่พอใจ
“กิริยาของคุณหนูสี่ศึกษามาจากผู้ใด ไม่ความเคารพผู้อาวุโส เหิมเกริมยิ่งนัก!”
ปัง!
สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอดำทะมึน นางยกมือขึ้นตบลงบนโต๊ะอาหาร
พูดถึงผู้ใด…ผู้ใดกิริยาไม่ดี
อนุภรรยาที่ไม่อาจเปิดเผยได้ บังอาจตำหนิว่านางกิริยาไม่ดีงั้นรึ
อนุภรรยาก็คืออนุภรรยา ฮูหยินรองก็คืออนุภรรยา
หน้าใหญ่เสียจริง คิดว่าตนเองเป็นฮูหยินที่แท้จริงของจวนโหวหรือ
ไร้ยางอาย!
เฉินฮูหยินโกรธจัด “ท่านโหว ท่านดูท่าทางของคุณหนูสี่สิเจ้าคะ ช่างไร้กฎไร้เกณฑ์ ขาดการอบรม”
ภายในสายตาของเฉินฮูหยิน เยียนอวิ๋นเกอคือหนามที่ขาดการขัดเกลา
อีกทั้งยังเป็นหนานใหญ่ที่สุดในจวน
นางอาศัยที่ตนเองเป็นใบ้จึงกระทำการอุกอาจไร้ความเกรงกลัว
เยียนโส่วจ้านมองเยียนอวิ๋นเกออย่างเย็นชา ราวกับว่าหากเยียนอวิ๋นเกอบังอาจกระทำการสิ่งใดอีก เขาจะลงโทษทันที
เยียนอวิ๋นเกอไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
เพียงแค่อนุภรรยาเท่านั้น ด่าไม่ได้หรือ
อนุภรรยามีเอาไว้ด่าตีไม่ใช่หรือ หรือว่าต้องบูชาเหมือนบรรพบุรุษ
แม้ว่าจะมีคนยินดีที่จะบูชาบรรพบุรุษ แต่นางไม่
นางไม่เคยตามใจอารมณ์ของเฉินฮูหยิน
แตกคอก็แตกคอ กลัวอันใด!
องครักษ์ตำหนักบูรพาสามพันนายไม่ใช่แค่สิ่งประดับ!
เยียนโส่วจ้านโกรธจนหน้าดำ เขาวางถ้วยชามลง ทำท่าราวกับโทสะจะปะทุ
“แค่กๆ!” ไม่รอเยียนโส่วจ้านปะทุ เซียวฮูหยินก็กระแอมไอเสียงเบา ชิงพูดขึ้นก่อน
“ฮูหยินรองอายุมากเพียงนี้ยังหาเรื่องกับเด็กอีก คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าท่านใจแคบ อาศัยว่าพี่ชายที่สร้างผลงานได้ จึงไม่อาจยอมรับคุณหนูในจวน กฎของท่านเองก็คงไม่เท่าใดนัก”
เยียนโส่วจ้านสีหน้าเรียบเฉย ไม่เปล่งเสียงใดๆ
เฉินฮูหยินหัวเราะเย้ยหยัน
นางกวาดตามองเซียวฮูหยิน ก่อนจะกวาดตามองคุณหนูใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟย
นางเม้มปากยิ้ม “ได้ยินว่าเมื่อวานนี้หอฮุ่ยปิงมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่มาก เฮ้อ ข้าเจ็บใจแทนคุณหนูใหญ่ ท่านว่าอยู่ดีๆ อีกไม่กี่วันก็งานแต่งแล้ว แต่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจะทำอย่างไรดี ท่านโหว ท่านอย่าได้ทำให้อวิ๋นเฟยต้องลำบากใจนะเจ้าคะ! นางเป็นบุตรสาวคนโต หากนางแต่งงานไปไม่ดี คุณหนูที่เหลือจะแต่งงานได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นเฟยวางถ้วยน้ำชาลง พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ขอบคุณความห่วงใยของฮูหยินรอง! หากข้าเข้าใจไม่ผิด ฮูหยินรองคงเป็นกังวลว่าข้าจะแต่งไม่ออกจนทำให้วัยเยาว์ของเหล่าน้องสาวต้องล่วงเลยไปอย่างนั้นใช่หรือไม่ หรือว่าน้องสาวจะรีบแต่งงาน?”
เฉินฮูหยินมีบุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งคน บุตรสาวเพียงคนเดียวของนางคือคุณหนูสามเยียนอวิ๋นจือ
เยียนอวิ๋นเฟยพูดจบ เยียนอวิ๋นจือก็พูดขึ้นด้วยความโกรธ
“งานแต่งของพี่ใหญ่เกิดปัญหา เหตุใดต้องระรานข้า ข้ารีบหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านเป็นห่วงตัวท่านเถิด อีกไม่กี่วันก็เป็นงานแต่งของท่านแล้ว เมื่อถึงเวลาหากแขกเหรื่อมาถึง แต่เจ้าบ่าวกลับไม่ปรากฏตัว กรี๊ด…”
ตามเสียงกรีดร้องของเยียนอวิ๋นจือ น้ำชาแก้วหนึ่งสาดลงบนใบหน้าของนาง
นางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนที่จะสะดุดล้มลงไปพร้อมกับเก้าอี้ดัง ‘โครม’
คนที่สาดน้ำชาใส่นางคือเยียนอวิ๋นเกอ
คนที่ยื่นขาออกไปขัดขาเยียนอวิ๋นจือคือคุณหนูรองเยียนอวิ๋นฉี
เยียนอวิ๋นจือสภาพย่ำแย่ ขายหน้าอย่างมาก
หญิงสาวต่างรักตาหน้าของตนเอง เมื่อไม่อาจทนได้จึงร้องไห้ ‘โฮ’ เสียงดังออกมา
เฉินฮูหยินสงสารบุตรสาวจับใจ รีบเดินมาปกป้องตรงหน้าเยียนอวิ๋นจือพลางตะโกนด้วยความโกรธ
“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว! ท่านโหว ท่านต้องจัดการแทนอวิ๋นจือนะเจ้าคะ อวิ๋นเกอบังอาจสาดน้ำใส่หนาอวิ๋นจือ โชคดีที่น้ำชาเป็นเพียงน้ำอุ่น หากเป็นน้ำชาร้อนๆ ใบหน้าของอวิ๋นจือคงต้องถูกทำให้เสียโฉมไปแล้ว คุณหนูสี่โหดร้ายเพียงนี้ ไม่เคารพผู้ใหญ่ ไร้กฎระเบียบ ท่านโหวต้องทวงยุติธรรมแทนอวิ๋นจือด้วยนะเจ้าคะ”
เซียวฮูหยินปกป้องบุตร “ระหว่างพี่น้องมีเรื่องบาดหมางกันเป็นเรื่องปกติ ฮูหยินรองต้องการให้ท่านโหวทวงความยุติธรรมให้คุณหนูสาม คงจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ความขัดแย้งของเด็ก ควรจะให้พวกนางจัดการกันเอง”
เฉินฮูหยินสีหน้าดำทะมึน “ข้ายอมในความสามารถพูดจาเพ้อเจ้อของฮูหยินยิ่งนัก เรื่องนี้เป็นการขัดแย้งทั่วไปเสียที่ไหน เยียนอวิ๋นเกอต้องการทำให้อวิ๋นจือตายชัดๆ ท่านโหว ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้อวิ๋นจือด้วยนะเจ้าคะ! อย่าให้อวิ๋นจือต้องทนรับความอยุติธรรมนี้อย่างเสียเปล่า”
พูดจาเหลวไหลสิ้นดี!
หากนางต้องการทำให้อวิ๋นจือตายคงไม่ต้องรอถึงวันนี้ อีกทั้งยังกระทำต่อหน้าทุกคนด้วย?
เยียนอวิ๋นเกอตบโต๊ะ ชามและตะเกียบกระจัดกระจาย
หากใส่แรงมากขึ้นอีกเล็กน้อย โต๊ะคงถูกนางตบจนกระเด็นแล้ว
เฉินฮูหยินร้องไห้สะอึกสะอื้น ท่าทางราวกับถูกบุตรสาวของฮูหยินใหญ่รังแก รอให้เยียนโส่วจ้านทวงความยุติธรรมให้พวกนางแม่ลูก
“สะอึกสะอื้นไร้กิริยา! คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าฮูหยินรองถูกอวิ๋นเกอของข้าตีเสียแล้ว” เซียวฮูหยินเอ่ยเสียดสีเฉินฮูหยิน
เฉินฮูหยินเกือบเป็นลมล้มลงไป
เวลานี้เองพ่อบ้านก็วิ่งเข้ามา
“เรียนท่านโหว นายท่านรองและฮูหยินมาขอพบ บอกว่าคุณหนูอวิ๋นเพ่ยมาจวนโหวมื่อวาน ไม่เห็นกลับไปเสียที จึงมาถามสถานการณ์ขอรับ”
ภายในห้องเงียบสงัด ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านมองไป
เยียนโส่วจ้านทำหน้าบึ้งตึง “บอกให้พวกเขากลับไปรอข่าว! รอข้าจัดการเรื่องในจวนเสร็จ ย่อมไปหาพวกเขาเอง”
ก่วนเจียโน้มตัวรับคำสั่ง
บังเอิญที่สิงซือเหยียคนสนิทเดินทางมาถึงห้องโถงรับแขกในเวลานี้ เขาเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของท่านโหว
เยียนโส่วจ้านสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดเสียงเบา
“รองรับให้ดี อีกเดี๋ยวข้าตามไป”
ซือเหยียรับคำสั่ง ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ก่อนจะรีบเดินจากไป
เยียนโส่วจ้านมองไปทางเฉินฮูหยิน
เฉินฮูหยินใบหน้านองน้ำตา ท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก
นางคิดจะใช้ความอ่อนแอในการเอาชนะ
ไม่คิดว่าเยียนโส่วจ้านกลับสั่งนาง “เจ้าพาเด็กๆ ออกไปก่อน”
เฉินฮูหยินทำผงะ ไม่อยากจะเชื่อ
เด็กร้ายกาจอย่างเยียนอวิ๋นเกอ ท่านโหวไม่ลงโทษนางหรือ
เยียนโส่วจ้านเห็นนางไม่ขยับ สีหน้าดำทะมึนลงทันที “ออกไป!”
“ท่านโหว ข้า…”
“อย่าให้ข้าต้องเป็นพูดครั้งที่สาม”
เฉินฮูหยินหมดหนทาง ทำได้เพียงพาเด็กๆ ถอยออกไปด้วยความน้อยใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในโถงรับรองแขกจึงเหลือเพียงฮูหยินใหญ่และบุตรสาวรวมสี่คน
เนื่องจากบุตรชายคนรองไม่อยู่ มีเพียงบุตรสาวสามคนอยู่เคียงข้างเซียวฮูหยิน
คุณหนูใหญ่เยียนอวิ๋นเฟย คุณหนูรองเยียนอวิ๋นฉี คุณหนูสี่เยียนอวิ๋นเกอ สามพี่น้องมีมารดาคนเดียวกัน พวกนางต่างมองไปยังเยียนโส่วจ้าน รอฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
เมื่อไล่ฮูหยินรองออกไปย่อมต้องมีเรื่องสำคัญ
เซียวฮูหยินเด็ดขาดอย่างยิ่ง เอ่ยขึ้นตามตรงไม่อ้อมค้อม
“เรื่องงานแต่งของอวิ๋นเฟย ท่านโหวมีความคิดเห็นอย่างไร บอกมาตามตรงเถอะเจ้าค่ะ”
เยียนโส่วจ้านเด็ดขาดเช่นเดียวกัน
“กำหนดการตกลงกันไว้แล้ว เทียบเชิญก็ส่งออกไปแล้ว เรื่องงานแต่งของอวิ๋นเฟยและหลิงฉางเฟิงย่อมเป็นไปตามเดิม ถือเสียว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น”
เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะเย้ย “เยียนอวิ๋นเพ่ยเป็นคนเป็น พวกเราย่อมสามารถทำเป็นเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่บ้านรองจะยอมหรือ บ้านรองมาหาถึงจวนในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ความจริงแล้ว พวกเขาคงต้องการให้ท่านโหวให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งเป็นภรรยาเอก ให้หลิงฉางเฟิงรับผิดชอบ พี่น้องปรนนิบัติสามีเดียวกัน ท่านโหวคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาหรือ”
เยียนโส่วจ้านสีหน้าเย็นชาพูดขึ้นตามตรง
“หากอวิ๋นเฟยไม่แต่งก็ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งงานกับหลินฉางเฟิงแทนอวิ๋นเฟย”
ไร้สาระสิ้นดี!
ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว!
ไม่สมควรเป็นบิดา!
เลวไร้ที่ติ!
เพื่อให้ได้รับการร่วมมือจากตระกูลหลิง เยียนโส่วจ้านไม่รักษาแม้แต่ศักดิศรี
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเย้ยหยัน กลอกตาไม่หยุด
เยียนโส่วจ้านมองเยียนอวิ๋นเกออย่างเหยียดหยาม
“เจ้าโกรธไปก็ไร้ประโยชน์! เรื่องงานแต่งของอวิ๋นเฟย ยังไม่คราวให้เจ้าผู้ที่เป็นเพียงสตรีมามาบงการ”
เยียนอวิ๋นเกอโกรธจนเตะเก้าอี้ล้มลง ทำเอาจานวางถ้วยชาแตกละเอียด
เยียนโส่วจ้านไม่สนใจ
“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าอย่าคิดจะฆ่าหลิงฉางเฟิงและเยียนอวิ๋นเพ่ยล่ะ คนของข้าเฝ้าประตูจวนอยู่ หากเจ้าเข้าไป ข้าจะทำให้เจ้าทำได้แต่เดินเข้า แต่ต้องนอนออกมา หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดู”
เยียนอวิ๋นเกอแววตาเย็นชาราวน้ำแข็ง นางยกถ้วยชาขึ้นมา เขวี้ยงใส่หน้าของเยียนโส่วจ้าน
บิดาสารเลว ไปตายเสียเถอะ!
Comments