คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 232 คุณหนูสี่ช่วยด้วย
ตอนที่ 232 คุณหนูสี่ช่วยด้วย
งานเลี้ยงเทศกาลตงจื้อ สุดท้ายก็มีคนหลงกล
ดื่มสุราทำให้เสียเรื่อง!
ท้าทายองค์ชาย ดูหมิ่นอำนาจราชวงศ์ ไม่สำรวมวาจาเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้
ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่ได้พิโรธในทันที
แต่กลับให้องครักษ์จินอู่ปรากฏตัวจับคนบนการประชุมท้องพระโรง
ข้อหาล้วนแล้วแต่สำเร็จรูป ดูหมิ่นฮ่องเต้ ต้องโทษประหาร!
องครักษ์จินอู่จับคนนับสิบในคราวเดียว มีทั้งขุนนางชั้นผู้น้อย มีทั้งขุนนางใหญ่ที่มีชื่อเสียง
บรรดาขุนนางต่างตกใจ
ทุกคนต่างคุกเข่าลงอ้อนวอน
ความโกรธที่สะสมมาหลายวันของฮ่องเต้หย่งไท่ได้ระบายออกมาในที่สุด
สาแก่ใจ!
เพียงแค่อ้อนวอนก็อยากให้เขาให้อภัย ฝันไปเถิด
ทุกครั้งที่เขายอมถอยและอดทน สุดท้ายกลับแลกมาซึ่งการบีบเค้นที่รุนแรงยิ่งขึ้นของขุนนางตระกูลชั้นสูง
ผู้ลี้ภัยแถบนครบาลก่อการจลาจลแล้ว ยังบังอาจมาเล่นกลอุบายกับเขาอีก
คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอมถอยอีกแล้ว
เขาจะประหารตระกูลขุนนางชั้นสูง
เขาอยากทำเช่นนี้เมื่อนานมาแล้ว
หลายปีนี้ องครักษ์จินอู่ได้รวบรวมความผิดที่เกี่ยวกับตระกูลขุนนางชั้นสูงไว้มากมาย!
คราวนี้ สวรรค์ประทานโอกาสดี ขุนนางตระกูลชั้นสูงกลุ่มนี้กระโดดเข้ามาในกับดักเอง
เขาจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร
จับ…จับให้หมด!
เขาสะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่สนใจต่อเสียงอ้อนวอนของบรรดาขุนนาง
ในบรรดาขุนนางที่ถูกจับ มีทั้งขุนนางฝ่ายราชการและขุนนางฝ่ายทหาร…
ล้วนแล้วแต่มีชาติกำเนิดจากตระกูลชั้นสูง
คนถูกจับเข้าไปในคุกหลวง ตระกูลชั้นสูงโกรธเคืองอย่างมาก
องครักษ์จินอู่เป็นเหยี่ยวที่แข็งแกร่งของฮ่องเต้
ตอนนั้น ตระกูลเถาต้องการสังหารเซียวอี้ที่อยู่ในคุกหลวง ส่งมือสังหารออกมาหลายสิบกลุ่ม ล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้กลับไป
เห็นได้ชัดว่าการป้องกันในคุกหลวงเข้มงวดเพียงใด
คุกหลวงสามารถพังทลายจากด้านในเท่านั้น
หากจู่โจมจากด้านนอกคงเป็นได้เพียงฝัน
คนขององครักษ์จินอู่ ถึงแม้อยากจะซื้อใจ ก็ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากตรงใด
ทำอย่างไร
จะนั่งเฉยๆ มองฮ่องเต้ลงมือกับตระกูลขุนนางไม่ได้เด็ดขาด
บทเรียนของฮ่องเต้จ้งเพิ่งผ่านไปยี่สิบกว่าปี เมื่อมีบทเรียนแล้ว พวกเขาจะไม่มีทางให้โอกาสฮ่องเต้ลงมือ
ตราบใดที่ฮ่องเต้ได้รับรู้ผลประโยชน์ของการลงมือต่อตระกูลขุนนาง เขาไม่มีทางหยุดลงอย่างแน่นอน
สถานการณ์วิกฤต!
ตระกูลขุนนางเริ่มร่วมมือกัน แต่ละวันล้วนมีม้าเร็วส่งข่าวออกจากเมืองหลวง
ถึงแม้จะเป็นสามัญชนที่ไม่รู้เรื่อง เมื่อพวกเขาเดินอยู่บนถนนก็ยังได้กลิ่นของ สถานการณ์อันตราย
เมืองหลวงกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่!
…
กลุ่มกบฏในป่าที่แถบนครบาลเริ่มก่อการจลาจลขึ้นมาก่อน
พวกเขาลงจากเขาเพื่อจู่โจมเมืองโดยรอบ
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคืออาวุธในมือของกลุ่มกบฏเปลี่ยนจากปืนลูกซองเป็นปืนใหญ่ จากมีดทำครัวหรือขวานเป็นดาบ ปืน หอกและง้าวผลิตจากเหล็กเนื้อดี
เมื่ออาวุธได้รับการปรับปรุง ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ดีขึ้นตามไปด้วย
อาวุธในมือของพวกกบฏมีที่มาอย่างไร
ผู้ใดเป็นคนจัดหาอาวุธ หรือแม้กระทั่งอาหารและเสื้อผ้าให้พวกเขา?
ไม่กล้าคิดลึก!
เพราะน้ำลึกเกินไป!
เมืองขนาดเล็กไม่มีแม้แต่การป้องกัน ทำได้เพียงอาศัยการต่อต้านขององครักษ์ในตระกูลใหญ่และสำนักราชการ
ต้านไม่ไหว!
ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวง
เมื่อข่าวถูกส่งไปถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงพิโรธ
เขาออกรับสั่งให้กองทัพเหนือส่งกองกำลังขบวนหนึ่งไปสยบความจลาจลทันที
ฮ่องเต้หย่งไท่ออกคำสั่งต่อแม่ทัพกองทัพเหนือ “สังหาร! ยอมสังหารผิด แต่ไม่ยอมปล่อยผ่าน! ต้องกำจัดโจรกบฏโดยรอบนครบาลให้หมดสิ้น สืบสาวราวเรื่องให้กระจ่างว่าผู้ใดจัดหาเสบียงและอาวุธให้โจรกบฏ สืบออกมาให้ได้ ไม่ว่าฐานะใด อย่าได้ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
แม่ทัพกองทัพเหนือรับคำสั่งจากไป
กองทัพเหนือเคลื่อนไหว ความอาฆาตล้นฟ้า
บรรดาโจรกบฏได้ข่าวก่อน จึงหลบเข้าป่า ออกจากนครบาล ไปสร้างหายนะในเมืองอื่น
กองทัพเหนือได้รับคำสั่ง ไม่สยบโจรกบฏไม่กลับเมืองหลวง
ในเวลาเดียวกัน แต่ละที่ล้วนปรากฏโจรกบฏ
ทางใต้ส่งข่าวโจรกบฏฆ่าขุนนาง ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็มีข่าวเช่นเดียวกันส่งมา…
ฤดูหนาวในหย่งไท่ปีที่สิบสี่ แผ่นดินต้าเว้ยเกิดสงคราม!
ฮ่องเต้หย่งไท่ร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ เขาออกคำสั่งให้ประหารแม่ทัพใหญ่ซือถู
สุราพิษหนึ่งจอกจบสิ้นชีวิตของซือถู
ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างตกตะลึง
ตระกูลซือถูร้องโหยหวนอยู่ท่ามกลางลมหนาว
แต่ละตระกูลใหญ่ล้วนส่งคนไปส่งแม่ทัพใหญ่ซือถูเป็นครั้งสุดท้าย
ฮ่องเต้โหดเหี้ยมไร้คุณธรรม สวรรค์จึงประทานภัยธรรมชาติลงมาลงโทษ
คำบอกเล่านี้ยิ่งเผยแพร่ยิ่งกว้างใหญ่ ยิ่งมีคนจำนวนมากเชื่อ
แม้แต่รัฐเหลียงโจวที่อยู่ห่างไกล แม้แต่คนเลี้ยงสัตว์ยังรู้ว่าฮ่องเต้โหดเหี้ยมไร้คุณธรรม เข่นฆ่าขุนนางราชสำนักตามใจ ประพฤติชั่วช้า เป็นกษัตริย์ที่เหลวไหล
การจลจลที่ใหญ่มากขึ้นกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ หลบซ่อนอยู่ภายใต้พายุฝน
การปะทะระหว่างฮ่องเต้กับตระกูลขุนนางเปิดขึ้นจากการตายของแม่ทัพใหญ่ซือถู
…
ติงอี้ ติงฉางซื่อมาหาท่านหญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยินอย่างกะทันหัน เขาขอให้เซียวฮูหยินช่วยเหลือ
เซียวฮูหยินฉงน “เจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า ติงกงกงอย่าได้ล้อเล่น”
“กระหม่อมไม่ได้ล้อเล่น ไม่ปิดบังท่านหญิง หากกระหม่อมออกจากประตูของจวนท่านหญิงในวันนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้”
“เพราะเหตุใด”
เซียวฮูหยินสงสัยอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างก็แปลกใจอย่างมาก
ติงกงกงที่นำพระราชโองการมาประกาศในตระกูลเยียนเวลานั้น ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างสง่างาม
หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง เขาเงียบหายไปหลายปีก่อนจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง อนาคตราบรื่น
ในเวลาที่กำลังรุ่งเรือง เหตุใดจึงวิ่งมาขอความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน
สิ่งที่ทำให้คนยิ่งคิดไม่ตกคือ เหตุใดเขาจึงวิ่งมาขอความช่วยเหลือที่จวนท่านหญิง
ระหว่างพวกเขาไม่ได้สนิทสนมกันเพียงนั้นไม่ใช่หรือ!
ติงกงกงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ท่านหญิงย่อมต้องรู้เรื่องการตายของแม่ทัพใหญ่ซือถู เนื่องด้วยเรื่องนี้ จึงมีคนต้องการหัวของข้า”
“เหตุใดจึงต้องการหัวของเจ้า หรือการตายของแม่ทัพใหญ่ซือถูเกี่ยวข้องกับเจ้า”
ติงกงกงไม่อยากยอมรับ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย เขาก็ไม่กล้าพูดเหลวไหล
เขาครุ่นคิดก่อนพูด: “ฝ่าบาทพระราชทานสุราพิษ ซุนปังเหนียนให้ข้าเดินทางไปมอบสุราพิษให้แม่ทัพใหญ่ซือถู ข้าไม่กล้าขัดขืน จึงต้องเดินทางไปจวนแม่ทัพใหญ่ด้วยตนเอง มองดูแม่ทัพใหญ่ซือถูดื่มสุราพิษลงไป
ข้าเพียงแต่ปฏิบัติตามรับสั่ง ไม่ได้ไม่เคารพแม่ทัพใหญ่แม้แต่น้อย แต่กลับมีคนบอกว่าข้าทำให้แม่ทัพใหญ่ตาย จะเอาหัวของข้าเซ่นแม่ทัพใหญ่ ข้าถูกกล่าวหา!”
ติงฉางซื่อพูดจนร้องไห้ออกมาด้วยความมาเป็นธรรม
การตายของแม่ทัพใหญ่ซือถูไม่เกี่ยวกับเขา
จะโทษเขาไม่ได้
เวลานี้มีคนต้องการฆ่าเขา เขาจะอธิบายได้อย่างไร
เซียวฮูหยินได้ยินเสียงร้องไห้ของติงฉางซื่อ จึงส่งเสียงในลำคอ “เอาเถิด หยุดร้องได้แล้ว! มีคนจะฆ่าเจ้า เจ้าก็หลบอยู่ในวังหลวงไม่ต้องออกมา ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะบุกเข้าไปฆ่าเจ้าในวังหลวงได้”
ติงฉางซื่อส่ายหน้าระรัว พูดอย่างร้อนใจ “ไม่ได้! หลบอยู่ในวังยังคงไม่ปลอดภัย คนเหล่านั้นมีเส้นสายเต็มไปหมด ไม่แน่ว่าอาจซื้อคนในวังหลวงไปแล้ว เตรียมตัดหัวของข้าได้ทุกเวลา ท่านหญิง เห็นแก่ที่ข้าเคยช่วยท่านแก้ตัวต่อหน้าฝ่าบาท ท่านช่วยข้าสักครั้ง เพียงแค่รอดจากครั้งนี้ไปได้ ข้าจะตอบแทนอย่างงามในภายภาคหน้า”
เซียวฮูหยินพูดเสียงเย็น “ข้าไม่ต้องการการตอบแทนของเจ้า ช่วยเจ้ามีแต่จะนำความเดือดร้อนมาใส่ตัว”
สีหน้าของติงฉางซื่อซีดเผือด ดวงตามืดมนเหมือนคนหมดหนทาง
เขาอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “หากท่านหญิงไม่ยอมช่วยข้า ข้าต้องตายอย่างแน่นอน!”
เซียวฮูหยินแสดงสีหน้าเรียบเฉย “ติงกงกงอยู่ในวังหลวงมานาน ย่อมต้องมีเส้นสายไม่น้อย ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากคนมากมาย เหตุใดจึงมาขอร้องข้า เจ้าไม่คิดว่ามันกะทันหันไปหรือ”
ติงฉางซื่อพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด “หากไม่หมดหนทาง ข้าย่อมไม่มารบกวนท่านหญิง ข้ามีเส้นสายไม่น้อยก็จริง แต่ยามดีย่อมมีคนเข้าหา ยามร้ายย่อมไร้คนช่วยเหลือ ข้าอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เวลานี้ย่อมไม่มีผู้ใดยอมช่วยข้า”
“เหตุใดเจ้าจึงมาหาข้า เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าหรือ”
ติงฉางซื่อยิ้มอย่างเศร้าโศก “เพียงแค่ลองดูเท่านั้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้หนทาง แม้จะเป็นหญ้าฟางเส้นเดียวก็ต้องจับเอาไว้ ข้าไม่ได้มีเจตนานำความหายนะมาให้ท่านหญิง เพียงแต่จนตรอกแล้วจริง ๆ!”
ติงฉางซื่อโอดครวญ แต่น้ำตาไหลไม่ออกแล้ว
เขาเสียใจ!
ยิ่งแค้นซุนปังเหนียนที่มอบหมายภารกิจนี้ให้เขา ให้เขาเป็นตัวตายตัวแทน
เซียวฮูหยินอ้าปากคิดจะปฏิเสธ
เรื่องแบบนี้จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนอย่างเดียว
แต่ไม่คิดว่า เยียนอวิ๋นเกอจะเอ่ยถามขึ้น “หากช่วยเจ้า เจ้าจะใช้สิ่งใดตอบแทน ข้าควรจะเปลี่ยนคำถาม ช่วยเจ้าจะมีผลดีอย่างไรต่อพวกข้า”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว มองเยียนอวิ๋นเกออย่างไม่เห็นด้วย
เยียนอวิ๋นเกอกระพริบตาเป็นเชิงบอกให้เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาใจเย็น
ติงฉางซื่อเป็นแค่ตัวละครไม่สำคัญในการปะทะระหว่างฮ่องเต้กับตระกูลขุนนาง
การช่วยเหลือเขาไม่ใช่เรื่องยาก
แต่จะช่วยเหลือโดยไม่มีผลประโยชน์ไม่ได้
ต้องลองชั่งน้ำหนักของติงฉางซื่อก่อนว่าคุ้มค่าแก่การเสี่ยงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นางกับตระกูลขุนนางมักจะไม่ลงรอยกันเสมอมาอยู่แล้ว
ติงฉางซื่อที่สิ้นหวังในเดิมทีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เขารีบพูด “ข้าคุ้นเคยวังหลวง ข้ามีเส้นสายจำนวนมาก ข้ารู้ความลับจำนวนมากในวังหลวง ข้ายังมีเงิน มีเงินจำนวนมาก”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย “ติงกงกง ท่านดูถูกผู้ใดกัน ท่านดูจวนท่านหญิงเหมือนคนที่ขาดเงินหรือ ช่วยท่านเพื่อเงิน สู้ท่านออกไปบัดนี้เสียดีกว่า อย่างน้อยก็ให้ข้าได้เห็นว่าคนเหล่านั้นจะตัดหัวของท่านอย่างไร”
ติงฉางซื่อหน้าซีดสลับแดง
เขาถาม “คุณหนูสี่ต้องการสิ่งใด เพียงแค่ข้าให้ได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธ”
เยียนอวิ๋นเกอเคาะโต๊ะเบาๆ ไม่ส่งเสียง
หน้าผากของติงฉางซื่อปรากฏเม็ดเหงื่อ
แม้จะอยู่ในฤดูหนาว แต่ชุดของเขากลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น
เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย เขาไม่อาจไม่ตื่นเต้นได้
เขาครุ่นคิดภายในใจ คาดเดาความคิดของเยียนอวิ๋นเกอว่านางต้องการสิ่งใด
เงิน ถึงแม้ปากจะบอกว่ารังเกียจ แต่ภายในใจย่อมอยากได้
เพียงแต่ไม่อาจช่วยเหลือเขาเพียงเพื่อเงิน
เส้นสาย?
ติงฉางซื่อส่ายหน้าช้าๆ เส้นสายของเขาเป็นเพียงเรื่องตลก มันเป็นเพียงการหลอกใช้ซึ่งกันและกันเท่านั้น
ความลับในวังหลวง?
ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
ติงฉางซื่อครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออก
เขาพูดขึ้นทันที “ขอคุณหนูสี่โปรดพูดออกมาโดยตรง”
เยียนอวิ๋นเกอมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ติงกงกงคิดว่าสิ่งใดบนตัวท่านมีมูลค่าที่สุด”
ติงฉางซื่อฉงนเล็กน้อย
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาด้วยความรังเกียจ
สมองแบบนี้ ได้ตำแหน่งฉางซื่อมาได้อย่างไร
หรือเขาจะโชคดี
หรือเมื่อคนโชคร้าย สมองก็ไม่ว่องไวขึ้นมา
เซียวฮูหยินกระแอมไอเสียงเบา “ติงกงกงกลับไปเถิด! จวนท่านหญิงช่วยท่านไม่ได้”
“ช่วยได้ ช่วยได้! คุณหนูสี่ ข้ามีคนอยู่ในวังหลวงจำนวนมาก หากท่านต้องการ เส้นสานนี้ ข้าล้วนมอบให้ท่าน!”
*********艾琳小說***********
Comments