คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 306 ทำการใหญ่
ตอนที่ 306 ทำการใหญ่
กลางดึกอันเงียบสงัด
มุมหนึ่งของเรือนพักยังสว่างไปด้วยแสงไฟ
เยียนสุยเดินเข้าห้องตำราอย่างรวดเร็ว “รายงานคุณหนู ข้าน้อยค้นหาพื้นที่ในรัศมีสิบลี้ ไม่พบร่องรอยของนักการและองครักษ์จินอู่แม้แต่น้อย”
“พบร่องรอยของคนที่น่าสงสัยหรือไม่”
“ไม่พบขอรับ!”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว นางคิดมากจนตื่นตระหนกเกินไปหรือ
เวลานี้ทำได้เพียงรอทางฝั่งจี้ผิงว่าจะสืบเรื่องที่มีประโยชน์ออกมาได้หรือไม่
…
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว!
เรือนพักที่เงียบสงบมาทั้งคืน ผู้คนตื่นขึ้นจากการหลับใหล บิดขี้เกียจ พลันเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็ง
เสียดายที่เมื่อคืนไม่มีการแสดงของคณะละคร
คืนที่ไม่มีความคักคักช่างเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความน่าเสียดาย
“ได้ยินมาว่าพระเอกของคณะละครเจ็บคอ ไม่รู้ว่าจริงเรื่องหรือไม่”
“เหตุใดข้าจึงได้ยินมาว่าคนของคณะละครแอบลักขโมยในเรือนพัก จึงถูกพ่อบ้านจี้จับเอาไว้”
“เหลวไหล บทละครของคณะละครมีปัญหาต่างหาก เถ้าแก่ไม่ชอบแม้แต่เรื่องเดียว จึงให้คณะละครแต่งใหม่ คืนนี้จะมีการแสดงเรื่องใหม่”
“พวกเจ้าผิดแล้ว ข้าได้ข่าวที่ไว้ใจได้มา เดิมทีคณะละครจะมีการแสดง แต่เถ้าแก่ไม่อนุญาต จากนั้นพระเอกของคณะละครเริ่มอาละวาด โต้เถียงกับเถ้าแก่ เถ้าแก่จึงให้พ่อบ้านจี้จับเอาไว้ด้วยควาโกรธ”
“เหตุใดเถ้าแก่จึงไม่ยอมให้แสดง”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร เถ้าแก่อาจไม่ชอบก็เป็นได้!”
“หากเถ้าแก่ไม่ได้มาเรือนพักเมื่อวาน เมื่อคืนพวกเราอาจได้ดูการแสดงใช่หรือไม่”
“คงจะใช่!”
“เฮ้อ…เถ้าแก่มาไม่ถูกเวลาเสียจริง”
“เจ้าช่างโง่เขลานัก ละครมีให้ดูทุกเดือน แต่เถ้าแก่ไม่ได้มาเรือนพักทุกเดือน เถ้าแก่นานๆ มาที ผลผลิตในปีนี้คงจะไม่เลว ไม่แน่ว่าเถ้าแก่ดีใจ ออกคำสั่งให้ปรับเงินเดือนของทุกคนขึ้นก็ได้”
“ใช่! ผลผลิตปีนี้คงดีไม่น้อย สมควรปรับค่าแรงของทุกคนเพิ่ม”
“ขุดคูคลองเหมือนเดิม แต่ค่าแรงปีนี้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของปีก่อน”
“เจ้าอย่าลืม ค่าแรงของปีนี้เป็นสองเท่าของปีที่แล้ว”
“ไม่เหมือนกัน ปีที่แล้วภัยแล้ง แต่ปีนี้ไม่มีภัยแล้ง”
หัวข้อสนทนาถูกเบี่ยงเบนไปเรื่อยๆ
เมื่อเทียบกับการดูละคร ทุกคนยังคงให้ความสำคัญกับผลผลิตในปีนี้มากกว่า สนใจค่าแรงของการทำงานในแต่ละวันมากกว่า
สุดท้ายแล้ว คณะละครเกิดเรื่องหรือไม่ เหตุใดเมื่อคืนจึงไม่มีการแสดง ความจริงแล้วไม่มีผู้ใดสนใจ
…
จี้ผิงไม่ได้นอนมาทั้งคืน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขารีบเดินไปทางเรือนใหญ่ของเรือนพัก
เมื่อมีการรายงาน เขาเดินเข้าไปในห้องตำรา
เยียนอวิ๋นเกอเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน “ดูจากท่าทางของเจ้า มีข้อสรุปแล้วหรือ”
จี้ผิงพยักหน้า พลันยื่นคำให้การกองหนึ่งไปให้ “หัวหน้าหลินน่าจะไม่รู้เรื่อง เขาบอกว่าเขาไม่รู้หนังสือ ข้าน้อยลองเชิงเขาซ้ำไปซ้ำมา มั่นใจว่าเขาไม่ได้โกหก เขาอาจถูกคนหลอกเรื่องบทละคร แต่ข้าน้อยก็สืบพบว่านักแสดงหลายคนมีที่มาผิดปกติ คล้ายกับโจรกบฏ”
“โจรกบฏ?”
พู่!
เยียนอวิ๋นเกอพ่นน้ำออกมา
“เจ้าหมายความว่าในตณะละครมีโจรกบฏปะปนอยู่?”
นางไม่อยากเชื่อนัก เวลานี้โจรกบฏปะปนเข้าไปอยู่ในคณะละครแล้วหรือ
นางพูด “ข้าสืบมาแล้ว คณะผิงสี่เป็นคณะละครในพื้นที หลายสิบปีไม่เคยออกจากเขตนครบาล นอกจากนี้ยังไม่เคยในพื้นที่ที่มีโจรกบฏชุกชุม ข้าดูข้อมูลของสมาชิกในคณะบ้างแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนเก่าแก่ คนที่เพิ่งเข้มมาในคณะก็เข้ามาตั้งแต่ปีก่อน โจรกบฏเพิ่งเริ่มอาละวาดเมื่อปีที่แล้ว เจ้าแน่ใจหรือว่าคนพวกนั้นจะเป็นโจรกบฏ”
จี้ผิงพยักหน้า “คงไม่ผิด ต้องเป็นโจรกบฏแน่ เดิมทีเนื้อหาในบทละครก็มีปัญหาอยู่แล้ว ข้าน้อยสืบสวนหัวหน้าหลินซ้ำไปซ้ำมา เริ่มแรกเขาไม่ได้สนใจบทละครนี้ โจรกบฏ ซือหม่าโต่วยังใช้ชีวิตอย่างอิสระ เวลานี้เล่นละครเรื่องนี้อาจไม่มีผลการตอบรับที่ดีนัก
เขายอมรับบทละครเพราะคนในคณะที่ชื่อหลินเสี่ยวเป่าเกลี้ยกล่อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงเริ่มเตรียมการแสดง นอกจากนี้หลินเสี่ยวเป่ายังเป็นตัวละครเอกของเรื่อง ‘แม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่ว’ เขาแสดงเป็นแม่ทัพใหญ่ หลังจากการสอบสวน สามารถมั่นใจว่าหลินเสี่ยวเป่าแอบแก้ไขบทละครลับหลัง
ความจริงแล้วบทละครตอนซ้อมนั้นรุนแรงกว่าบทละครในตำราอย่างมาก ล้วนแล้วแต่กำลังสาปแช่งราชสำนนัก เสียดสีฮ่องเต้ ต่อว่าฮ่องเต้ทรงไร้ความสามารถ ทำให้ราษฎรอยู่ไม่เป็นสุข แต่เนื้อร้องของซือหม่าโต่วนั้น เหลือเพียงแค่บอกว่าเขาเป็นโอรสแห่งสวรรค์ กำลังจะพลิกแผ่นดินต้าเว้ย เปลี่ยนราชวงศ์”
โธ่เอ้ย!
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกกลัว
“เนื้อร้องบังอาจเพียงนี้เชียวหรือ”
จี้ผิงพยักหน้าอย่างหนัก “เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน ข้าน้อยสืบสวนคนแสดงหลายคนซ้ำๆ คำให้การของพวกเขาแทบจะเหมือนกัน ข้าน้อยสืบสวนพวกเขาแยกทีละคน ไม่มีทางมีโอกาสเตี๊ยมกันอย่างแน่นอน”
“บทร้องที่ผิดครรลองเช่นนี้ คนทั้งตณะละครล้วนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหรือ หัวหน้าหลินในฐานะหัวหน้าของคณะละคร เขาไม่พบความผิดปกติของเนื้อร้องหรือ”
“หลินเสี่ยวเป่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหลัก ตอนที่เขาซ้อนล้วนไม่อนุญาตให้ผู้อื่นรบกวน หัวหน้าหลินไว้ใจเขาอยางมาก ไม่เคยยุ่งกับเขา ส่วนพวกนักดนตรีเหล่านั้นล้วนถูกหลินเสี่ยวเป่าซื้อด้วยเงิน แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่เปิดเผยต่อผู้อื่นแม้แต่น้อย”
“หลินเสี่ยวเป่าเป็นคนแสดง เขาแสดงเป็นโจรกบฏ เขามีจุดประสงค์ใดในการสนับสนุนซือหม่าโต่ว เหตุใดเขาจึงต้องมาแสดงละครคเรื่องนี้ในเรือนพักร่ำรวย ผู้ใดบงการเขา เรือนพักร่ำรวยไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีต่อเขา คนเบื้องหลังเขาคือโจรกบฏ ซือหม่าโต่ว หรือว่ายังมีผู้อื่นกัน”
จี้ผิงละอายเล็กน้อย “ข้าน้อยไร้ความสามรถ เวลานี้ยังไม่สามารถเปิดปากของหลินเสี่ยวเป่าได้ แต่ว่าเถ้าแก่วางใจ ให้เวลาข้าอีกไม่กี่วัน ข้ารับรองว่าจะขุดเรื่องของหลินเสี่ยวเป่าตั้งแต่เขาฉี่รดกางเกงตั้งแต่สามขวบออกมาให้หมด”
เยียนอวิ๋นเกอชี้แนะเขา “สืบสวนคนอย่าได้ใช้กำลังเพียงอย่างเดียว บางเวลาสามารถลองใช้การจู่โจมทางใจ ด้านนี้เจ้าสามารถขอคำชี้แนะจากเยียนหนาน อย่ามองว่าเขาเอาแต่ทำหน้าบึ้ง ไร้ซึงรอยยิ้มแม้แต่น้อย แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวน เขาสามารถช่วยเจ้าได้”
“ขอบพระคุณเถ้าแก่ที่ชี้แนะ ข้าน้อยจะไปหาหัวหน้าเยียนบัดนี้”
จี้ผิงจากไปอย่างรีบร้อน ไม่แม้แต่จะพักผ่อน ไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำสักคำ
คราวนี้ เขาเต็มไปด้วยพลัง มุ่งมั่นที่จะเปิดปากของหลินเสี่ยวเป่าให้ได้
…
เยียนอวิ๋นเกอยังคงนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องตำรา
นางไม่เข้าใจ เหตุใดกลุ่มโจรกบฏถึงได้ระบาดเข้าไปถึงคณะละครด้วย
นางถามพ่อบ้านที่อยู่ข้างกาย “คณะผิงสี่ยากจนมากหรือ”
“คุณหนูพูดเล่นแล้ว คณะผิงสี่มีงานตลอดทั้งปี ถึงแสม้จะไม่มั่งคั่ง แต่เงินกินข้าวย่อมไม่ขาดสน ปีที่แล้วภัยแล้งรุนแรงเช่นนั้น แต่คณะผิงสี่ยังมีงานให้รับต่อเนื่องกว่าครึ่งเดือน”
อ่อ!
“ในเมื่อไม่ได้ยากจน นครบาลอยู่ห่างไกลจากซือหม่าโต่วหลายพันลี้ เหตุใดจึงมีคนโห่ร้องปรบมือให้กับซือหม่าโต่ว หลินเสี่ยวเป่าเป็นคนที่ซือหม่าโต่วแทรกแซงไว้ในคณะละคร เพื่อที่จะใช้โอกาสตอนแสดงสั่นคลอนจิตใจของผู้คนหรือ”
“เรื่องนี้ ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ”
หากมือของโจรกบฏซือหม่าโต่วยื่นเข้ามาในนครบาลจริงๆ อีกทั้งยังสร้างปัญหาได้ สถานการณ์คงจะร้ายแรงกว่าที่ตาเห็นถึงสิบเท่าอย่างแน่นอน
สถานการณ์ไม่ได้เป็นตามที่ราชสำนักประกาศว่าโจรกบฏ ซือหม่าโต่วหมดหนทางแต่อย่างใด
ซือหม่าโต่วเป็นกลุ่มโจรกบฏที่มีความสามารถที่ใหญ่ที่สุด ในเวลาเดียวกันยังมีโจรกบฏอีกหลายสิบกลุ่มอยู่
โจรกบฏจำนวนมากถูกกำจัดอย่างสินชิง เพราะการปราบปรามของแม่ทัพท้องถิ่นและกองทัพใต้ตามพระราชโองการ
แต่มีโจรกบฏที่มากกว่ารวมตัวกันเป็นกลุ่มหลังจากหนีตาย จากนั้นสร้างปัญหาขึ้นใหม่
พวกเขารวมตัวกันก่อคดีมากมาย บ่อนทำลายพื้นที่เหนือใต้ ฉวยโอกาสสร้างอำนาจขึ้นมา
เวลานี้ อาจมีเพียงเมืองแถบนครบาลที่ค่อนข้างสงบ
เมืองหลวงมีกองทัพเหนือประจำการอยู่
แม้แต่กองทัพเต็มรูปแบบยังไม่กล้าท้าทายกองทัพเหนือ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโจรกบฏ
เวลานี้ทำได้เพียงรอผลการสืบสวนจากทางจี้ผิง
…
หานฉีจงกลับมาจากแคว้นชี
ออกไปเพียงสามถึงห้าวัน เรือนพักก็เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
เพราะว่าเขาเป็นคณะผิงสี่ด้วยตนเอง
เวลานี้คณะผิงสี่เกิดเรื่อง เขายากที่จะผลักภาระ
หลังจากที่รู้สถานการณ์แล้ว เรื่องแรกที่หานฉีจงทำก็คือมารับโทษต่อเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอพูดกับเขา “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด! เจ้าลองคิดดูก่อนว่ามีเรื่องใดที่ช่วยได้บ้าง รอสืบเรื่องของคณะละครอย่างกระจ่างแล้ว ค่อยหารือเรื่องหลังจากนั้น”
“ขอบพระคุณเถ้าแก่ที่เมตตา! ข้าจะคิดวิธีบัดนี้ ย่อมจะสืบประวัติของคณะผิงสี่ออกมาให้ได้”
เยียนอวิ๋นเกอถามอีกครั้ง “ได้ยินว่าเจ้าไปแคว้นชีเพื่อหาสำนักราชการ มีเรื่องใดหรือ”
หานฉีจงพูดทันที “เสี้ยนลิ่งแคว้นชีต้องการขุดคูคลองในเมืองให้เชื่อมต่อกัน อยากให้เรือนพักร่ำรวยของพวกเราช่วยออกเงินออกแรง หากสามารถขอเงินจากสำนักแรงงานมาส่วนหนึ่ง เสี้ยนลิ่งรับปากขายพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับท่าเรือให้กับเรือนพักร่ำรวยของพวกเรา แต่ก่อนเถ้าแก่เคยบอกว่า ท่าเรือเป็นพื้นที่ทองคำ ข้าคิดว่าหากสามารถครอบครองพื้นที่ใกล้เคียงท่าเรือเอาไว้ได้ก็คงเป็นเรื่องที่ดี”
เยียนอวิ๋นเกอประหลาดใจ “เจ้าถามมาชัดแล้วหรือไม่ พื้นที่บริเวณใกล้เคียงท่าเรือซื้อขายได้?”
หานฉีจงพยักหน้า “ข้าน้อยรู้มาจากสำนักราชการ พื้นดินบริเวณโดยรอบท่าเรือ เวลานี้เป็นของสำนักราชการ สามารถซื้อขายได้”
เยียนอวิ๋นเกอข่มความดีใจเอาไว้ พลันพูด “ในเมื่อซื้อขายได้ก็พอจะร่วมมือได้ แต่ว่าเวลานี้ ราชสำนักกำลังทำสงคราม หากคิดจะเอาเงินจากสำนักแรงงาน เกรงว่าไม่ง่าย เจ้าประสานงานกับเสี้ยนลิ่ง เรือนพักร่ำรวยของพวกเราสามารถบริจาคสนับสนุนสำนักราชการซ่อมแซมคูคลอง แต่เขาสามารถขายพื้นที่รอบด้านของท่าเรือทั้งหมดให้พวกเราหรือไม่”
“ข้าจะพยายามสุดความสามารถ รอเดือนหน้า ข้าจะไปยังสำนักราชการอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น การเก็บเกี่ยวในฤดูร่วงก็จบลงแล้ว ห่างจากฤดูหนาวไม่ไกล เหลือเวลาอีกหลายสิบวันในการขุดคูคลอง เวลานั้นสำนักราชการย่อมรีบร้อนกว่าพวกเรา”
เยียนอวิ๋นเกอเด็ดขาดอย่างมาก “เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจ!”
ไม่คิดว่ายังมีโอกาสซื้อที่ดินรอบท่าเรือ เป็นแม่ไก่ที่วางไข่ได้ชัดๆ!
ข่าวดีนี้เจือจางความมัวหมองที่คณะละครนำมา
…
จี้ผิงไม่หลับไม่นอน ใช้ทุกวิถีทาง ไม่เสียดายที่จะขอความช่วยเหลือ ในที่สุดเขาก็เปิดปากหลินเสี่ยวเป่าได้
ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนเช่นนี้ นอกจากนี้ยังไม่มีแผนการใดซ่อนเอาไว้
สาเหตุที่ง่ายและตรงที่สุดก็คือหลินเสี่ยวเป่ารู้จักซือหม่าโต่ว เขาศรัทธาซือหม่าโต่ว เขาเป็นสมาชิกรอบนอกของโจรกบฏ ทำงานแทนซือหม่าโต่วเสมอมา
เขาอาศัยการเล่นละคร มีโอกาสเดินทางไปยังที่ต่างๆ ขยับขยายคนเบื้องล่าง ก่อตั้งคณะย่อยโจรกบฏในนครบาล
ตามควมโด่งดังที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันของโจรกบฏซือหม่าโต่ว หลินเสี่ยวเป่าจึงมีความคิดที่จะทำการใหญ่ขึ้นมา
ลอบสังหารขุนนาง เขาไม่มีโอกาส อีกทั้งไม่มีความกล้านั้น
แต่การแสดงละคร มันเป็นงานหลักของเขา!
ดังนั้น เขาจึงคิดจะใช้การแสดงละครเพื่อยกยอโจรกบฏ สนับสนุนซือหม่าโต่ว
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
อะไรกันเนี่ย!
Comments