คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 36 เป็นแขก
ตอนที่ 36 เป็นแขก
“พี่รองอยากพบองค์ชายสองหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอพลิกกระดาษขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “ข้าแม้แต่รูปร่างของเขายังไม่รู้จัก ย่อมต้องอยากพบและถามเขาด้วยตนเอง แต่ท่านแม่เอ่ยแล้ว องค์ชายสองร่างกายไม่ดีจึงไม่เสด็จออกจากจวน อยากพบเขา ไม่ง่ายเพียงนั้น”
อยากพบย่อมต้องมีวิธี
องค์ชายสองขอสมรสกับพี่รองด้วยตนเอง ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่อยากรู้ลักษณะของพี่รองเป็นอย่างไร สูงเท่าใด งดงามเท่าใด นิสัยเป็นอย่างไร…
“โอย เจ้าหยุดเขียนเถิด เจ้าบอกมาก่อนว่ามีวิธีใดที่จะพบกับองค์ชายสองได้”
เยียนอวิ๋นฉีดึงกระดานออก ไม่ให้เยียนอวิ๋นเกอเขียนต่อไป น่าอายยิ่งนัก
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา จรดดินสอ “พี่รองอายเป็นด้วยหรือ หาดูได้ยากนัก!”
“เจ้ากล้าหัวเราะข้าหรือ!”
เยียนอวิ๋นฉียื่นมือไปจักจี้
เยียนอวิ๋นเกอกลัวการจักจี้ที่สุด ไม่เกินสามวินาที นางก็ยอมแพ้
นางไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าหัวเราะพี่รองอีก
เมื่องสองพี่น้องหยอกล้อกันจนพอแล้ว เยียนอวิ๋นฉีจึงถามด้วยความสงสัย
“น้องสี่มีวิธีใดให้ข้าได้พบกับองค์ชายสอง”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าลึกลับ เขียน “วิธีของข้าอาจสำเร็จหรือไม่สำเร็จ หากสำเร็จข้าจะพาพี่รองไปพบเขา หากครั้งเดียวไม่สำเร็จ ข้าจะหาวิธีใหม่”
…
งานเลี้ยงชมดอกเหมยของตระกูลหลี่กำหนดไว้วันที่ยี่สิบเดือนสิบสอง
ฟ้าฝนเป็นใจ วันนี้ดวงอาทิตย์ออกมาแต่เช้าตรู่ อบอุ่นอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉีบ่นกับเยียนอวิ๋นเกอ “งานเลี้ยงตระกูลหลี่จัดเพื่อฉลองที่คุณหนูหลี่ถูกพระราชาสมรสกับองค์ชายใหญ่ พวกเราอย่าได้แย่งความสนใจของคุณหนูหลี่ สีแดงสีเขียวอย่าได้สวมใส่ พวกเราพยายามแต่งกายให้เรียบง่าย ไม่ดึงดูดสายตาผู้คน หากแต่งกายอลังการเกินไปจนแย่งจุดสนใจของคุณหนูหลี่ คงจะไม่ดีนัก”
เยียนอวิ๋นเกอเลือกชุดสีเทาอ่อนมาหนึ่งชุด
เยียนอวิ๋นฉีคัดค้าน “เรียบง่ายเกินไป! ชุดนี้ เจ้าใส่ชุดนี้”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้ารังเกียจ ชุดสีชมพูอ่อนอ่อนหวานเกินไป นางไม่ใส่
ให้นางใส่ชุดขี่ม้ายิงธนูเสียดีกว่า
อย่างไรชื่อเสียงของนางก็ “ตีแผ่” ออกไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่านางมักสวมชุดขี่ม้ายิงธนู
เยียนอวิ๋นฉีถามนาง “ไม่ใส่จริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอกรอกตาขาว แสดงท่าทีรังเกียจสีชมพูอ่อนอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉีดีดลงบนหน้าผากของนาง
“เจ้าเลือกมากขึ้นทุกวัน หากเทียบความสูง เจ้าแทบจะไล่ตามข้าทันแล้ว ปีหน้าเสื้อผ้าของข้า เจ้าก็คงใส่ได้”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือระรัว
เสื้อผ้าของพี่รอง นางไม่มีทางใส่
ไม่ใช่รังเกียจ
แต่เพราะเสื้อผ้าของพี่รองสวมใส่บนตัว ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว ยิ่งไม่สะดวกต่อการกระโดดขึ้นลงหลังคา
เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “น้องสี่ เจ้าเป็นเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ เมื่อเจ้าเติบใหญ่ย่อมต้องออกเรือน เจ้าออกเรือนย่อมต้องสวมใส่เครื่องแต่งกายของสตรี”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ
ออกเรือน เหอะๆ…
ผู้ใดกล้าแต่งกับนาง
ไม่กลัวตกดึกนางใช้มีดแทงหรือ
เยียนอวิ๋นฉีทำหน้ากลุ้มใจ “ข้าต้องบอกกับท่านแม่ ให้ท่านแม่อบรมเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าทะเล้นใส่นาง
บ่าวรับใช้เร่งเร้า
เยียนอวิ๋นฉีไม่พูดพล่ามอีก นางรีบเปลี่ยนชุด สวมใส่เครื่องประดับเรียบง่ายไม่กี่ชิ้น
เยียนอวิ๋นเกอยังคงสวมชุดขี่ม้ายิงธนูเหมือนเคย ทั้งเนื้อทั้งตัวเรียบง่ายอย่างมาก มีดสั้นถูกนางซ่อนเอาไว้ในรองเท้าหนังวัว แส้ถูกนางห้อยเอาไว้ที่เอวเป็นเครื่องประดับ
เยียนอวิ๋นฉีเห็นนางแต่งตัวเรียบง่ายเกินไป ให้นางห้อยถุงเงินขนาดเล็กสองใบไว้ที่เอว
เยียนอวิ๋นเกอยืนกรานไม่ยอม
เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าบึ้ง “น้องสี่ เชื่อฟังข้า อยู่ด้านนอกย่อมมีเวลาที่ต้องใช้เงิน บางทีต้องให้รางวัลบ่าวไพร่ หากไม่มีเงินติดตัวจะทำอย่างไร ภายในกระเป๋าสองใบนี้ ข้าใส่เงินเอาไว้ให้ อีกทั้งยังมีทองก้อนเล็ก”
เยียนอวิ๋นเกอตบกระเป๋ากางเกง นางมีเงิน หากแต่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าตกตะลึง “กางเกงเจ้ามีกระเป๋าตั้งแต่เมื่อใด เจ้าให้สาวปักเย็บให้หรือ ไม่ใช่ สาวปักจะเดินด้ายได้แย่เพียงนี้ได้อย่างไร หรือว่าน้องสี่เย็บกระเป๋าเอง ฮ่าๆ น้องสี่เจ้าเย็บผ้าเป็นด้วยหรือ เยี่ยมเสียจริง”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าได้ใจ
แค่เย็บกระเป๋าสองใบ ไม่ใช่ปัญหา
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ยากสำหรับนาง
เยียนอวิ๋นฉีซ่อนยิ้ม “ทำได้ไม่เลว เพียงแต่เดินด้ายไม่ดีเท่านั้น เจ้าถอดลงมาให้ข้าแก้ให้ดูดีเสียหน่อย”
ไม่เอา!
เยียนอวิ๋นเกอปฏิเสธ
กำลังจะออกจากจวนอยู่แล้ว หากแก้การเดินด้ายในเวลานี้ต้องแก้ไปถึงเมื่อใดกัน
อีกทั้งนางสวมใส่เรียบร้อยแล้ว ไม่อยากถอดแล้วใส่ใหม่
เยียนอวิ๋นฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสี่ ฝีมือการเดินด้ายของข้าดีมาก รับรองไม่เสียเวลา”
ไม่เสียเวลาก็ไม่แก้ไข
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกว่าฝีมือการปักของตนเองไม่เลว ไม่จำเป็นต้องแก้
นางทำหน้ามั่นใจอย่างประหลาด
รู้สึกปลื้มปริ่มในฝีมือของตนเองอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉีไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
นางพูดกลั้วหัวเราะ “เอาเถิด เอาเถิด ไม่แก้ก็ไม่แก้ เพียงแต่กระเป๋าเล็กนี้ต้องห้อยเอาไว้”
นางใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อน ในที่สุดก็ทำให้เยียนอวิ๋นเกอยอมห้อยถุงเงินทั้งสองไว้บนเอวข้างละใบ
เยียนอวิ๋นเกอไม่ชอบความอัปลักษณ์ของมัน เมื่อขึ้นรถม้า นางแอบยัดถุงเงินทั้งสองใส่ในกระเป๋ากางเกง สมบูรณ์แบบแล้ว
สาวรับใช้ อาเป่ยอยากหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า
“คุณหนูไม่อยากห้อยถุงเงิน ไม่อย่างนั้นให้บ่าวถือไว้ คุณหนูจะแจกเมื่อใดก็ให้บ่าวแจกแทน ดีหรือไม่เจ้าคะ”
เยียนอวิ๋นเกอส่งถุงเงินทั้งสองให้สาวรับใช้ อาเป่ย
นางยู่ปาก ถามอาเป่ยอย่างไร้เสียง “คนเมืองหลวงกล้าขอเงินจากคนใบ้อย่างข้าด้วยหรือ”
สาวรับใช้ อาเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู พูดเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าค่ะ ในสายตาของบ่าวรับใช้ ท่านเป็นนาย นายย่อมต้องแจกเงินบ่าว ส่วนคุณหนูพูดได้หรือไม่ บ่าวรับใช้เหล่านั้นคงไม่สนใจ พวกเขาสนใจเพียงมีเงินแจกหรือไม่”
“วันนี้มีแขกจำนวนมากไปตระกูลหลี่ ท่านหญิงมีคนต้องรับมือด้วยจำนวนมาก ไม่อาจดูแลคุณหนูได้ คุณหนูเองก็ต้องใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับผู้อื่น สานสัมพันธมิตร คุณหนูอยู่ตัวคนเดียว มีเผื่อไว้ยังดีกว่าตื่นตระหนกจนทำอันใดไม่ถูก”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “อ่อ”
ตอนอยู่ในจวน เนื่องจากนางไม่สามารถพูดได้จึงแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่มีโอกาสได้แจกเงินคน
เมื่อตระกูลเยียนจัดงานเลี้ยงเอง บ่าวรับใช้ในตระกูลเยียนก็ไม่กล้าขอเงินรางวัลจากนาง
แส้ในมือนางไม่ใช่เครื่องประดับ
บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายนาง นอกจากเงินรายเดือนแล้ว นางยังจะให้เงินรางวัลประจำเดือน อีกทั้งยังมีเงินรางวัลประจำปี ในวันทั่วไปย่อมไม่จำเป็น
จะว่าไปเยียนอวิ๋นเกอไม่มีประสบการณ์ให้รางวัลบ่าวรับใช้จริงด้วย
…
ใกล้ปีใหม่แล้ว ถนนในเมืองหลวงคึกคักอย่างมาก
ถึงแม้ตระกูลหลี่จะตกต่ำ
แต่โบราณว่าไว้ขโมยลาที่ไม่ล้มคอก ตำแหน่งของจวนหลี่ถือเป็นพื้นที่ทองคำอันดับต้นของเมืองหลวง
ได้ยินว่าตอนที่ตระกูลหลี่ลำบากที่สุด มีคนเสนอราคาสูงเพื่อซื้อจวนของตระกูลหลี่ แต่ตระกูลหลี่ไม่ยอมขาย
เมื่อจวนยังอยู่ แม้ตระกูลหลี่จะตกต่ำเพียงใด อย่างน้อยเพื่อนบ้านเรือนเคียงยังเป็นขุนนางชนชั้นสูงที่มีเกียรติ ไม่แน่ว่าวันใดอาจมีโอกาสที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
หากขายจวนไป เกียรติยศและศักดิ์ศรีคงหมดสิ้น อีกทั้งยังถือว่าเป็นการออกจากวงสังคมชนชั้นสูงอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความเป็นได้ที่จะกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีก
เยียนอวิ๋นเกอเปิดม่านรถขึ้น พินิจจวนตระกูลหลี่ ด้านหน้าประตูมีสิงโตหินสองตัว ประตูใหญ่ที่ห่อหุ้มด้วยทองแดงช่างสง่างามเสียจริง
นางยิ้ม ตระกูลหลี่ต้องดีใจที่ยืนกรานไม่ขายจวนในเวลานั้น
มิฉะนั้นจะมีความสง่างามในวันนี้ได้อย่างไร
หน้าประตูตระกูลหลี่ รถราวิ่งขวักไขว่ไปมา พวกเขาล้วนเป็นแขกที่เดินทางมางานเลี้ยง
สาวรับใช้ อาเป่ยพึมพำ “ตระกูลหลี่หน้าใหญ่เสียจริง มีแขกมามากมายเพียงนี้”
เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่า “เกรงว่ามีไม่กี่คนที่มาด้วยความจริงใจ แม้จะมาเพื่อเป็นการให้เกียรติ แต่ก็คงเป็นการให้เกียรติองค์ชายใหญ่”
สาวรับใช้อาเป่ยสงสัย “ไม่ใช่บอกว่าองค์ชายใหญ่ไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยังมีคนจำนวนมากยอมให้เกียรติองค์ชายใหญ่”
เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทางต่อ “ศึกแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท วันหนึ่งไม่มีผลสรุป วันหนึ่งย่อมไม่อาจสรุปว่าองค์ชายใหญ่จะจบสิ้น ถึงแม้ในใจคิดว่าองค์ชายใหญ่ไม่มีความหวัง แต่ภายนอกย่อมต้องให้เกียรติ มันคือความรอบคอบทั้งแปดด้าน ไม่กระทำผิดต่อผู้ใด”
“ให้เกียรติองค์ชายใหญ่ ไม่กลัวทำให้ตระกูลเถาขุ่นเคืองหรือ” สาวรับใช้ อาเป่ยมีใจที่อยากรู้อยากเห็น
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ สองมือทำท่า “ตระกูลเถามีอำนาจมาก แต่ก็ไม่อาจฉีกหน้าเพียงเพราะทุกคนมาเป็นแขกในตระกูลหลี่ ภายนอกตระกูลเถายังคงต้องเกรงใจองค์ชายใหญ่เช่นเดียวกัน ทำให้ไม่มีความผิดให้ผู้อื่นจับได้ นี่เรียกว่าการพูดอย่างหนึ่ง กระทำอีกอย่างหนึ่ง ตระกูลเถาสามารถกลั้นแกล้งองค์ชายใหญ่ แต่ภายนอกยังต้องให้เกียรติอย่างเพียงพอ มันคือการตีสองหน้า ทักษะขั้นพื้นฐานของขุนนาง”
สาวรับใช้ อาเป่ยฉวยโอกาสยกยอ “คุณหนูรู้มากเสียจริง”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าได้ใจ แน่นอน ข้ามีความรู้เท่าห้าเกวียนรถ รู้แม้แต่ศาสตร์แห่งดาราและศาสตร์แห่งปฐพี
กลอุบายในสนามขุนนางยิ่งไม่ต้องพูดถึง
สาวรับใช้อาเป่ยแอบหัวเราะ
Comments