คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 75 ทั้งหมดล้วนเป็นคนผิด

Now you are reading คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง Chapter 75 ทั้งหมดล้วนเป็นคนผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 75 ทั้งหมดล้วนเป็นคนผิด

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาไม่เด็ดขาดเหมือนเถาฮองเฮา ในขณะที่เขาลังเลใจที่จะสละอำนาจทางทหาร ด้านหนึ่งเขาก็อยากจะรอดูท่าทีของฮ่องเต้เสียก่อน

อาจจะไม่เลวร้ายเหมือนอย่างที่เถาฮองเฮาพูด

ดังนั้นเขาจึงพยายามถ่วงเวลา…

เถาฮองเฮาเรียกเขาเข้าวัง แต่เขาหาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ

เถาฮองเฮาโกรธอย่างมาก

“วิสัยทัศน์สั้นนัก!”

เวลาเดียวกัน ฮ่องเต้เรียกขุนนางเก่าแก่ พระบรมวงศานุวงศ์ แม่ทัพที่มีความดีความชอบเข้าเฝ้าเป็นรายคน บ้างได้รับการเลื่อนตำแหน่ง บ้างได้พระราชทานรางวัลด้วยหญิงงาม บ้างได้เงินทอง บ้างได้บทความยกย่อง

ขุนนางเก่าต่างปลื้มใจ!

พระบรมวงศานุวงศ์ต่างร่ำไห้!

แม่ทัพผู้มีความดีความชอบให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีจนตาย!

มันอาจจะเกิดจากความจริงใจ หรืออาจจะเป็นความเสแสร้ง!

ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ในขณะนี้สถานการณ์ในราชสำนักก็มั่นคงแล้ว

พระบรมวงศานุวงศ์และแม่ทัพล้วนไม่ใช่แผ่นเหล็ก พวกเขาสามารถแตกหักได้

ฮ่องเต้เชี่ยวชาญด้านการผูกมัดใจคนอย่างมาก

เถาฮองเฮาเห็นดังนั้นก็กระวนกระวายยิ่งนัก

นางเร่งเร้าให้นายท่านใหญ่ตระกูลเถารีบตัดสินใจ เรื่องใหญ่เช่นนี้ลังเลไม่ได้เด็ดขาด

กอบกุมอำนาจทางทหารของค่ายทั้งสามของกองทัพทางเหนืออยู่ในมือประหนึ่งถือเอามันหวานร้อนไว้ มีแต่จะทำให้มือพุพอง

เมื่อถึงเวลานั้น แม้ฮ่องเต้ไม่อยากระแวงก็ต้องระแวง

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาไม่เต็มใจนัก เขาเอ่ยถามขึ้น “ต้องมอบอำนาจทางทหารออกไปจริงหรือ พระองค์ก็ทรงรู้หากมอบอำนาจทางทหารออกไปแล้วฮ่องเต้ยกดาบพุ่งมาที่ตระกูลเถา ตระกูลเถาที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจต้านทานกองทัพทางเหนือที่โหดเหี้ยมได้ กองทัพเหนือสังหารตระกูลเถาของพวกเราง่ายดายราวกับหั่นผัก”

เถาฮองเฮาตรัสอย่างเฉียบขาด “ท่านอย่ากังวล ฝ่าบาทจะไม่ทรงแตะต้องตระกูลเถา”

“ฮองเฮาทรงกล้ารับปากหรือ”

เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “หากฝ่าบาทแตะต้องตระกูลเถา ท่านกุมอำนาจทหารในมือก็ไร้ประโยชน์ เมื่อแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทางเหนือกลับมาจากชายแดน ฝ่าบาทย่อมจะเรียกคืนตราพยัคฆ์ในมือของท่าน อีกทั้งยังสามารถออกพระราชโองการยกเลิกตราพยัคฆ์ในมือของท่าน กองทัพเหนือแตกต่างจากกองทัพอื่น กองทัพทางเหนือภักดีต่อฮ่องเต้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีทางจะกลายเป็นทหารส่วนตัวของขุนนางผู้ใดผู้หนึ่ง เรื่องนี้ ท่านรู้ดีกว่าข้า”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถารู้เรื่องนี้ดี

สำหรับทหารอื่นยังพอเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนพวกเขาเป็นทหารส่วนตัวของตระกูลเถา

แต่กองทัพเหนือ…ลืมไปเสียเถิด!

เขาถูกเถาฮองเฮาเกลี้ยกล่อม ในที่สุดนายท่านใหญ่ตระกูลเถาก็มอบตราพยัคฆ์ออกไปด้วยความไม่เต็มใจ

ฮ่องเต้ราวกับมีความสุขมาก เขาชื่นชมนายท่านใหญ่ตระกูลเถาในการประชุมท้องพระโรงว่าเขาจงรักภักดีต่อจักรพรรดิและบ้านเมือง เป็นแบบอย่างของเหล่าขุนนาง

มีพระบรมวงศานุวงศ์ส่งเสียงไม่พอใจพุ่งตรงไปหานายท่านใหญ่ตระกูลเถา

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาโกรธ เขาลุกขึ้นทันที “ฝ่าบาท ดูเหมือนใต้เท้าไท่ฉางชิงจะไม่พอใจต่อดำรัสของฝ่าบาทนัก”

ทุกคนในตำหนักจินหลวนต่างมองไปที่ใต้เท้าไท่ฉางชิงตามเสียงพูดนี้

ใต้เท้าไท่ฉางชิง อายุเจ็ดสิบปี เขาเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ มีฐานะสูงส่ง

ฮ่องเต้พบเขายังต้องเรียกท่านลุง

ฮ่องเต้ก็ไม่พอใจต่อใต้เท้าไท่ฉางชิงเช่นเดียวกัน

เขาเป็นคนหัวดื้อ

แต่เขาอายุมาก มีความอาวุโส อีกทั้งไม่เคยริเริ่มที่จะก่อปัญหา ไม่เคยกระทำผิดอย่างชัดเจน ทั่วไปแล้วฮ่องเต้มักลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง อดทนต่อเขา

เพียงแต่วันนี้ ฮ่องเต้กำลังคึกคะนอง ใต้เท้าไท่ฉางชิงบังอาจต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย เขาทนไม่ได้

ดังนั้นฮ่องเต้จึงเริ่มซักถาม

เขาถามทันที “ท่านไม่พอใจข้าหรือ”

ใต้เท้าไท่ฉางชิงก็กล้าพูด “ฝ่าบาททรงเข่นฆ่าเหล่าท่านอ๋องตามใจ พระองค์ไม่ทรงรู้สึกละอายต่อบรรพบุรุษ ไม่ละอายต่อแผ่นดินต้าเว่ยหรือพ่ะย่ะค่ะ ไท่จู่มีการครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนในการแต่งตั้งศักดินาท่านอ๋อง ทุกสิ่งล้วนทรงทำเพื่อราชวงศ์ต้าเว่ย มีเหล่าท่านอ๋องคอยอารักขาพื้นที่ แผ่นดินนี้ย่อมแข็งแกร่งดั่งทองคำ ไม่มีผู้ใดกล้าก่อกบฏ แม้ว่าจะมีคนก่อการกบฏก็ย่อมมีเหล่าท่านอ๋องคอยสยบ ผู้ก่อการกบฏก็จะไม่สามารถก่อความโกลาหลใดได้ เวลานี้พระองค์ได้สดับฟังผู้ร้ายใส่ร้ายแล้วตัดพระกรของพระองค์เอง พระองค์ทรงทำเช่นนี้จะมีหน้าไปเผชิญกับบรรพบุรุษได้อย่างไร ไม่กลัวไท่จู่ตำหนิว่าพระองค์อกตัญญูหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ!”

ฮ่องเต้โมโหจนหน้าเขียว!

ในตำหนักจินหลวน เหล่าขุนนางต่างเงียบ

เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าไท่ฉางชิงไม่สนใจอันใดทั้งสิ้นแม้แต่ชีวิตของตัวเอง

ก่อนที่แม่ทัพใหญ่ต้าฮั่นจะเข้ามาจับคนในตำหนัก เขาจะพูดให้สาแก่ใจ

เขาตะคอกเสียงดัง “แม้ว่าฝ่าบาทจะสังหารกระหม่อมในวันนี้ กระหม่อมก็ต้องพูดออกมา พระองค์ทรงสังหารเหล่าท่านอ๋อง การกระทำนี้เป็นการบิดเบือน เป็นโทษจากสวรรค์! ฝ่าบาท พระองค์ทรงเป็นคนบาปของต้าเว่ย ยิ่งเป็นคนบาปของเซียวฮูหยิน หากแผ่นนี้เกิดความโกลาหลขึ้น พระองค์ย่อมเป็นต้นเหตุ พระองค์ต้องปลิดชีพตนเองที่สุสานหลวง ทุกคนที่อยู่ในตำหนักนี้ พวกเจ้าล้วนเป็นคนบาป ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเจ้ามีนิสัยที่โฉดชั่วเสมือนหมาป่า ข้ามองเห็นได้อย่างชัดเจน พวกเจ้าหลอกลวงฝ่าบาทให้ตัดพระกรของตนเอง ย่อมต้องไม่ตายดี! ล้วนไม่ตายดี!”

“ลากออกไป! ปิดปากเขาแล้วลากออกไป!”

ฮ่องเต้ตะโกนลั่นด้วยความโกรธ

มือของเขาจับด้ามดาบ หากไม่ใช่ซุนปังเหนียนรั้งเขาเอาไว้ เขาคงถือดาบสังหารใต้เท้าไท่ฉางชิงกับมือของตนเองแล้ว

แม่ทัพใหญ่ต้าฮั่นรีบเข้าไปในตำหนัก จับใต้เท้าไท่ฉางชิงเอาไว้ ลากเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

ใต้เท้าไท่ฉางชิงยังคงหัวเราะ “ฮ่าๆๆ …พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นคนบาปของแผ่นดิน พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องไม่ตายดี!”

คนถูกลากออกจากตำหนักไปแล้ว เสียงของเขาก็ไกลออกไป

แต่ภายในหูของขุนนางทุกคนล้วนดังก้องไปด้วยคำว่า “ไม่ตายดี!”

ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่ดีนัก!

ฮ่องเต้โกรธจนปวดใจ สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

ซุนปังเหนียนตะโกนเสียงดัง “เลิกประชุม!”

จากนั้นรีบไล่ตามฮ่องเต้ไป

“น่าโมโหยิ่งนัก!”

ฮ่องเต้สะบัดดาบคม ฟันไปทั่วในตำหนักซิงชิ่ง

คนในวังต่างหลบหนี

แม้แต่ซุนปังเหนียนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวถูกทำร้ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ!

เถาฮองเฮาถูกเชิญมาที่ตำหนักซิงชิ่งก็หมดหนทางเกลี้ยกล่อม

เวลานี้ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของผู้ใดทั้งนั้น

ภายในใจของเขามีแต่ความโกรธที่ต้องการระบายออกมา

เวลาผ่านไปหนึ่งถึงสองชั่วยาม ในที่สุดฮ่องเต้ก็สงบลง

เขาถามซุนปังเหนียน “คนขังไว้ที่ใด”

ซุนปังเหนียนตอบอย่างระมัดระวัง “ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าไท่ฉางชิงถูกขังไว้ในวัดจงเจิ้งพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้พูดด้วยความโกรธ “รับสั่งลงไปทันที เพิกถอนตำแหน่งขุนนางและศักดินาของเขา”

บังอาจลูบเกล็ดมังกร!

แม้จะเป็นผู้อาวุโส หากบังอาจชี้หน้าด่าเขาว่าไม่ตายดี เป็นคนบาปของแผ่นดิน อีกทั้งฮ่องเต้ไม่ใช่คนใจกว้าง จะอดทนได้อย่างไร

เขาไม่ได้รับสั่งให้ประหารใต้เท้าไท่ฉางชิงทันทีก็ถือว่าอดกลั้นอย่างมากแล้ว

ซุนปังเหนียนโบกมือ ให้บุตรชายบุญธรรมที่เฝ้ารออยู่ด้านหน้าประตูพระตำหนักรีบลงไปถ่ายทอดพระดำรัส เพิกถอนตำแหน่งขุนนางและตำแหน่งศักดินาของใต้เท้าไท่ฉางชิง

จากนั้น เขาวางน้ำชาอุณหภูมิพอเหมาะไว้ข้างมือของฮ่องเต้

“ฝ่าบาททรงเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เสวยน้ำชาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ยกแก้วชาขึ้นดื่ม ก่อนจะตระหนักได้ว่าตนเองกระหายน้ำเพียงใด

เขาโกรธจนหลงลืมไปแล้ว

ระบายเป็นเวลานานจนไม่ได้ดื่มน้ำสักคำ มิน่าคอแห้งจนเจ็บคอ

เมื่อดื่มน้ำชาแล้วฮ่องเต้ก็กัดฟันพูด “เขาบังอาจบอกว่าข้าเป็นคนบาปของต้าเว่ย ข้าย่อมไม่ทำให้เขาสมหวัง ข้าจะทำให้แผ่นดินสงบสุข เรียกคืนพื้นที่ศักดินา อำนาจทหาร อากรส่วย…ราชสำนักรายรับน้อยกว่ารายจ่าย มีแต่เหล่าท่านอ๋องและแม่ทัพที่ร่ำรวยมั่งคั่ง มีกองเงินกองทอง ความร่ำรวยของพวกเขา เดิมทีเป็นของราชสำนัก ข้าฆ่าพวกเขา เหตุใดจึงไม่ได้!”

“กระหม่อมรู้ว่าทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำล้วนเพื่อแผ่นดิน คนเหล่านั้นไม่เข้าใจพระองค์ กระหม่อมเข้าใจ! จักรพรรดิแต่ละสมัย ไม่มีผู้ใดขยันยิ่งกว่าฝ่าบาท! กระหม่อมน้อยใจแทนฝ่าบาทเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนปังเหนียนพูดพลางร้องไห้โฮออกมา

เมื่อเขาร่ำไห้ อารมณ์ของฮ่องเต้กลับสงบลง

“ข้ายังไม่ร้อง เหตุใดเจ้าจึงร้อง”

ซุนปังเหนียนร้องไห้สะอึกสะอื้น “กระหม่อมเห็นใจฝ่าบาท! ฝ่าบาททรงอุทิศแรงกายแรงใจ เหตุใดพวกเขาจึงไม่เข้าใจความเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ เสียดายที่ใต้เท้าไท่ฉางชิงเป็นถึงพระบรมวงศานุวงศ์ เขาดูไม่ออกว่าบนแผ่นดินมีสิ่งเลวร้ายสะสมมากมายหรือ เขาบังอาจสาปแช่งพระองค์ เขาสมควรตาย!”

“เขาสมควรตาย!” ฮ่องเต้โมโหขึ้นอีกครั้ง เพียงเพราะคำพูดของใต้เท้าไท่ฉางชิงนั้น เรียกได้ว่าสังหารคนด้วยการทิ่มแทงหัวใจ

ทำให้หัวใจของฮ่องเต้เลือดไหลอาบ เจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง

ซุนปังเหนียนพูดอย่างระมัดระวัง “หรือไม่กระหม่อมเดินทางไปวัดจงเจิ้งด้วยตนเอง พระราชทานยาแทนฝ่าบาท”

พระราชทานยาที่ว่าย่อมต้องเป็นยาพิษ

ยาพิษขวดหนึ่งย่อมสามารถจัดการตาเฒ่านั้นในทันที

ฮ่องเต้ส่ายหน้า “ยังไม่ฆ่าเขา! ขังเขาเอาไว้ก่อน ข้าจะให้เขาดู แผ่นดินนี้อยู่ในมือข้าย่อมต้องมีความเจริญรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง”

“ฝ่าบาททรงเมตตา! ไว้ชีวิตเขา ให้เขาสำนึกผิด เมื่อถึงเวลาเรียกเขาให้มาก้มกราบรับโทษต่อหน้าพระองค์”

“ฮ่าๆๆ …”

เห็นได้ชัด ซุนปังเหนียนทำให้ฮ่องเต้พึงพอใจ

ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดังด้วยความดีใจ

ซุนปังเหนียนหัวเราะตามขึ้นมา

ในฐานะบ่าวรับใช้อันดับหนึ่งของฮ่องเต้ การทำให้ฮ่องเต้ดีใจ ย่อมเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

หลายวันผ่านไป เมืองหลวงฟื้นคืนระเบียบ

สามัญชนหลั่งไหลเข้ามาบนถนนเพื่อทำงานหาเงิน

ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป อาหารเป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนต่างไม่ว่างสนใจเรื่องบ้านเมือง

เรื่องของบ้านเมืองย่อมมีขุนนางราชสำนักดูแล

ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยเปิดกิจการอีกครั้ง อีกทั้งยังบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการขายอีกครั้ง

ดูท่าทางกฎอัยการศึกหลายวันนี้ทำให้ทุกคนต่างอดกลั้นอย่างมาก

ซูจั่งกุ้ยจากร้านผักดองมักชอบวิ่งมาร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยฝั่งตรงข้ามเมื่อมีเวลาว่าง

เขาชอบคุยกับจี้ผิงผู้เป็นจั่งกุ้ย เวลาจี้ผิงพูด เขาฟังแล้วสนุก

เขาพูดอย่างทอดถอนใจ “ได้ยินว่าคืนหนึ่งมีท่านอ๋องตายไปห้าคน อนาถอย่างมาก! ผ่านความโกลาหลช่วงนี้ไป คงไม่วุ่นวายอีกแล้วใช่หรือไม่!”

จี้ผิงยิ้มให้เขา “ไม่แน่! เรื่องของแผ่นดิน สามัญชนอย่างพวกเราจะมองทะลุได้อย่างไร”

“เจ้าพูดมีเหตุผล! ข้าเพียงแค่หวังว่าเมืองหลวงอย่าได้เกิดความวุ่นวายอีก หลายวันนี้ ข้าฝันร้ายทุกคืน เมื่อหลับตาลง ภายในหัวก็มีเสียงตะโกนเข่นฆ่าดังขึ้น น่ากลัวยิ่งนัก ได้ยินว่าตายไปอย่างน้อยหลายพันคน”

จะเพียงแค่หลายพันคนได้อย่างไร อย่างน้อยนับหมื่นคน

จี้ผิงพูดในใจ

ภายนอก เขาคล้อยตามซูจั่งกุ้ย ฟังเขาพูดโอ้อวดด้านข่าวสาร

เขาเหม่อลอยเล็กน้อย!

ได้ยินเยียนมู่ผู้เป็นจั่งกุ้ยใหญ่บอกว่าคุณหนูสี่ตัดสินใจเปิดรับองครักษ์ล่วงหน้า

เขาอยากจะสมัครต้องทำอย่างไร

แต่เขาก็เสียดายงานร้านน้ำแกงเครื่องใน

เขากลุ้มใจยิ่งนัก!

เรือนด้านหลังจวนท่านหญิงจู้หยาง

เยียนอวิ๋นเกอนั่งลงบนพื้น บริเวณรอบหลอดลมยังคงฝังเต็มไปด้วยเข็มเงิน

แม่นมชิวกำลังฝังเข็ม

“ยาที่นายน้อยเซียวมอบให้ บ่าวได้ตรวจดูแล้ว ตรงกับอาการเจ้าค่ะ! วันนี้จะใช้ยาของนายน้อยเซียว อาจจะมีเจ็บบ้าง คุณหนูอดทนหน่อยนะเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอกะพริบตา บอกให้แม่นมชิวลงมือได้อย่างวางใจ นางไม่กลัวเจ็บ

หากสามารถรักษาให้หายดี สามารถเปิดปากพูดได้ ความเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ

นางนั่งตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อน เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อการฝังเข็มของแม่นมชิว

เวลาผ่านไปทีละน้อย

เยียนอวิ๋นเกอสัมผัสได้ถึงความปวดร้อนบริเวณคอ

ความเจ็บนั้นมาอย่างรุนแรง ทำให้นางเกร็งไปทั้งตัว

แม่นมชิวเตือน “คุณหนูอดทนไว้! บ่าวกำลังกรอกยาลงคอ!”

เยียนอวิ๋นเกออดทนได้!

ทนไม่ได้ก็ต้องทน!

การรักษาครั้งหนึ่งเสียเวลาครึ่งชั่วยาม

ดึงเข็ม กรอกยา

ยาขมมาก แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยจากยาที่เคยดื่ม

แม่นมชิวพูด “เมื่อมียาของนายน้อยเซียว บ่าวจึงใช้โอกาสนี้ปรับปรุงยาด้วยเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า ดื่มยาที่เหลือจนหมด

อาเป่ยถามด้วยความกังวล “แม่นมชิว คอของคุณหนูจะหายดีหรือไม่”

แม่นมชิวพูดด้วยรอยยิ้ม “มียาของนายน้อยเซียว บ่าวมีความมั่นใจว่าจะรักษาคุณหนูได้”

“หากพูดเช่นนี้ แสดงว่าคุณหนูจะเปิดปากพูดได้ในไม่ช้า” อาเป่ยทำหน้าดีใจ

แม่นมชิวพยักหน้า “หากราบรื่น เดือนหน้าทุกคนอาจได้ยินเสียงของคุณหนู”

“ดีเสียจริง!”

สาวรับใช้ทั้งหลายต่างแสดงความดีใจ

เยียนอวิ๋นเกอลูบไล้บริเวณหลอดลมเบาๆ อีกหนึ่งเดือนนางจะพูดได้หรือ

นางแทบจะลืมความรู้สึกของการพูดไปแล้ว

อีกทั้งจำไม่ได้ว่าเสียงของตนเองเป็นอย่างไร

เมื่อนางพูดได้แล้ว เสียงของนางจะแหบแห้งหรือไม่

ถึงแม้จะแหบแห้งก็ไม่สำคัญ

เพียงแค่พูดได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนางก็ยอมรับได้

เมื่อนางพูดได้ หากพบกับคนที่มีตาแต่หามีแววไม่อีก นางจะตอกกลับอีกฝ่ายอย่างสาสม

นางจะพ่นทุกคำที่สะสมในหลายปีนี้ออกมาให้หมด

สาวรับใช้อาสี่พูดขึ้น “นายน้อยเซียวดีกับคุณหนูของพวกเราเสียจริง เห็นคุณหนูพูดไม่ได้ก็วิ่งเอายามาให้”

สาวรับใช้อาเย่ว์พูดเสริม “บ่าวก็รู้สึกว่านายน้อยเซียวมีความรักใคร่ต่อคุณหนู!”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงไม่พอใจ!

สาวรับใช้ทั้งสองตาบอดหรือ

พวกนางใช้ตาข้างใดเห็นความดีของเซียวอี้

เซียวอี้แย่งมีดสั้นของนางไปหนึ่งเล่ม นางยังจำได้เสมอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด