คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 166 ภาพลักษณ์ยับเยิน ตระกูลเจียงถอนหมั้น

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 166 ภาพลักษณ์ยับเยิน ตระกูลเจียงถอนหมั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…”

ปลายสายนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้ เงียบไปชั่วขณะ

ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่รีบร้อน เขาพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้ามองไปนอกหน้าต่าง

แสงแดดเจิดจ้า ราวกับเวลาข้ามผ่านมานานหลายปี

หลังจากที่เงียบไปนาน ทันใดนั้นก็มีเสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

“ในทางทฤษฎีเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์” ปลายสายพูด “โลกนี้ไม่เหมือนที่พวกเราเห็น มันมีสิ่งที่เหนือธรรมชาติอยู่จริงๆ”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ปลายสายพูดต่อ “ไม่อย่างนั้นคงไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุ หมอโบราณ จอมยุทธ์โบราณปรากฏหรอก ทางตันของวิทยาศาสตร์ก็คือเทววิทยา จนถึงตอนนี้ยังไขปริศนาลึกลับทั้งหมดของชีวิตมนุษย์ไม่ได้เลย”

“ดังนั้น…” ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิดพลางมองกระทู้ที่มีคนตอบพันกว่าแล้ว “แสดงว่ามีอยู่จริง”

“ฉันพูดไปแล้วว่าความเป็นไปได้คือศูนย์ ต่อให้เหนือธรรมชาติยังไงก็ต้องอิงวิทยาศาสตร์”

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย เลื่อนเม้าส์ รีเฟรชกระทู้แล้วเลื่อนไปที่ล่างสุด

คอนเมนต์ 1241 : [ไม่โทษเจ้าของกระทู้ที่คิดแบบนี้ โน้ตเพลงบทเพลงแห่งฟลอเรนซ์เหมือนไม่มีอยู่ ถ้าไม่ใช่ตัววีร่า โฮลท์ซเองจะรู้ได้ยังไง]

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับเล็กน้อย

นั่นสิ

ตอนที่เขาได้ยินอิ๋งจื่อจินเล่นเพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คิดอยู่นาน

แต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องมีหลักฐาน เขาแค่คาดเดาลอยๆ ไม่มีประโยชน์อะไร

แต่เรื่องแบบนี้จะไปถามเจ้าตัวโดยตรงก็ไม่ได้

ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่ เตรียมโพสต์บ้าง

ทันใดนั้นกลับมีกระทู้ใหม่ปรากฏ

กระทู้นี้เน้นสีแดงโดยอัตโนมัติ เพียงแต่ไม่ได้ปักหมุด

แต่ไอดีไหนก็ตามที่มีบัญชีใช้งานระดับดับเบิ้ลเอสขึ้นไปล้วนมีสิทธิพิเศษนี้

แอทรักแค่เงิน : [แยกย้ายๆ ตายแล้วคืนชีพอะไรกัน เพ้อเจ้อจริงๆ พวกนายบอกไม่มีโน้ตเพลงงั้นเหรอ ขอโทษเถอะ ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งจะขายโน้ตเพลงออกไป มีคนทางประเทศจีนมาซื้อ ไม่เชื่อไปถามพวกคนในเว็บบอร์ดได้เลย พวกเขาก็ซื้อไป]

ขอเพียงแต่ไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ภายในพื้นที่ปิดก็ไม่มีใครไม่รู้จักบัญชีผู้ใช้ไอดีนี้

นี่เป็นไอดีของผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์

แน่นอนว่ากระทู้นี้ย่อมไม่ใช่ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์เป็นคนโพสต์

อย่างไรเสียผู้กุมอำนาจท่านนี้ก็สนใจแค่เงิน เรื่องอื่นจะมอบให้ลูกน้องทำทั้งหมด

บัญชีผู้ใช้ระดับดับเบิ้ลเอสโพสต์กระทู้ ระบบของเอ็นโอเคจะมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานทุกคนอีกด้วย

คราวนี้เว็บบอร์ดแทบแตก

คอมเมนต์ 1 : [โอ้โห สะเทือนไปถึงบอสใหญ่]

คอมเมนต์ 2 : [อะไรนะ ตระกูลลอเรนท์มีโน้ตเพลงเหรอ]

คอมเมนต์ 77 : [ตระกูลลอเรนท์มีโน้ตเพลงมันแปลกเหรอ วีร่า โฮลท์ซเป็นศิลปินที่ตระกูลลอเรนท์เคยให้การสนับสนุนมาก่อน]

คอมเมนต์ 78 : […ฉันลืมไปแล้วว่าได้ยินใครพูดมา เพลงบทเพลงแห่งฟลอเรนซ์เป็นเพลงที่วีร่า โฮลท์ซแต่งให้ตระกูลลอเรนท์]

คอมเมนต์ 79 : [ที่แท้ก็แบบนี้ งั้นก็ไม่แปลกแล้ว พูดได้เพียงว่านักเปียโนคนนั้นของประเทศจีนมีพรสวรรค์]

คอมเมนต์ 109 : [โวะ สมกับเป็นตระกูลลอเรนท์ นี่ก็ขายได้เงินด้วยเหรอ]

คอมเมนต์ 110 : [ไปขายโน้ตเพลงของเขา ฉันล่ะกลัววีร่าลุกขึ้นมาจากหลุมศพบีบคอพวกคุณตาย]

บ่าวรับใช้หนุ่มที่โพสต์กระทู้พอเห็นคอมเมนต์นี้ก็แอบปาดเหงื่อ

ถ้าไม่พูดแบบนี้จะปิดบังได้อย่างไร

แบบนี้พวกเขาถึงจะไม่ตายต่างหาก

บ่าวรับใช้หนุ่มล๊อกเอ๊าออก รู้สึกโล่งอก

ในที่สุดก็จัดการเรื่องในจดหมายเสร็จเรียบร้อย รายงานเจ้านายได้แล้ว

คนพวกนั้นเดาถูก นั่นคือวีร่า โฮลท์ซ ตัวจริง

แต่น่าเสียดายที่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่จะให้โลกภายนอกรู้

ตอนเที่ยง

เจียงมั่วหย่วนยังทำงานไม่เสร็จก็มีสายจากคฤหาสน์ตระกูลเจียงโทรเข้ามา

คุณนายผู้เฒ่าเจียงโทรหาเขา

นับตั้งแต่ผู้เฒ่าเจียงจากไป คุณนายผู้เฒ่าเจียงก็ย้ายเข้าไปอยู่ในหอพระ

ตั้งใจกินเจสวดมนต์ ไม่พบใครทั้งนั้น

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณนายผู้เฒ่าเจียงโทรหาเขา

เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว

น้ำเสียงของคุณนายผู้เฒ่าเจียงไม่สู้ดีนัก แต่ไม่ได้พูดอะไรมากในสาย พูดเพียงว่าให้เขารีบไปหาตอนนี้

“บอกคนอื่นว่าผมมีธุระ ประชุมตอนบ่ายเลื่อนออกไปก่อน” เจียงมั่วหย่วนมองนาฬิกาบนข้อมือ เรียกเลขาเข้ามา “ออเดอร์นั้นระวังหน่อย”

เลขารีบพยักหน้า นิ่งไปเล็กน้อยแล้วกระซิบบอก “ท่านสามครับ คุณลู่เวยรออยู่ข้างนอกนานแล้วครับ”

พอได้ยินประโยคนี้มือของเจียงมั่วหย่วนที่กำลังจะเปิดประตูก็หยุด

เลขาก้มหน้า ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

เรื่องเมื่อวานมันเหนือความคาดหมายจริงๆ

ไม่มีใครคาดคิดว่าลูกเลี้ยงที่มาจากบ้านนอกจะมีฝีมือเล่นเปียโนถึงขั้นที่พวกนักเปียโนชั้นแนวหน้าพวกนั้นต่างชื่นชม

อิ๋งลู่เวยจึงกลายเป็นตัวตลกทันที

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระแสในเน็ต ขุดเรื่องที่เธอเคยทำออกมาแฉกันรัวๆ

ภายนอกดูเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ภายในโหดเหี้ยมอำมหิต

ไม่คู่ควรกับเจียงมั่วหย่วนสักนิด

“เข้าใจแล้ว” เจียงมั่วหย่วนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาเดินออกไป

อิ๋งลู่เวยนั่งรออยู่ตรงโซนด้านนอกร้องไห้มานานมาก พอเห็นเจียงมั่วหย่วนออกมาเธอเช็ดน้ำตา รีบเข้าไปกอดเขาทันที พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ “มั่วหย่วน!”

เลขาที่เดินตามออกมาเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว

หากเป็นเมื่อก่อนทำแบบนี้ไม่เป็นไร

แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของอิ๋งลู่เวยพังพินาศขนาดนี้ ฝีมือการเล่นเปียโนที่เอาไว้โอ้อวดก็เป็นแค่การโฆษณา ทำไมยังจะมีหน้ามากอดท่านสามของพวกเขาอีก

เลขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณลู่เวย คุณ…”

เขายังไม่ทันพูดจบ

ก็เห็นเจียงมั่วหย่วนดันตัวอิ๋งลู่เวยออกโดยไม่สงสารแม้แต่น้อย แล้วดึงแขนของตัวเองออกจากการกอดของเธอ

ร่างกายคว้าลมอย่างกะทันหัน อิ๋งลู่เวยอึ้งไปก่อน จากนั้นก็มองเขาอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา พูดเสียงสั่น “…มั่วหย่วน”

“พวกเรายังไม่ได้จัดงานแต่ง เป็นแค่การหมั้น” สายตาที่เจียงมั่วหย่วนมองเธอไม่มีความอ่อนโยนแบบยามปกติ เหลือเพียงความเย็นชา “บริษัทเป็นที่ทำงาน ช่วยสำรวมด้วย”

พูดจบเจียงมั่วหย่วนก็ไม่สนว่าอิ๋งลู่เวยมีสีหน้าอย่างไร เขารับเสื้อสูทมาจากเลขาแล้วสาวเท้าเดินออกไป

เลขาไปส่งเจียงมั่วหย่วนที่ประตู จากนั้นก็หันมายิ้มเป็นเชิงขอโทษให้อิ๋งลู่เวย “คุณลู่เวยครับ กรุณาดูสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ด้วย ตระกูลอิ๋งปกป้องคุณ แต่ตระกูลเจียงไม่ครับ”

น้ำเสียงทั้งเกรงใจทั้งดูถูก ไม่ต่างจากที่พูดกับอิ๋งจื่อจินเมื่อก่อนนี้

อิ๋งลู่เวยหน้าซีดลงทันที “คุณ…คุณหมายความว่าไง”

เลขาไม่พูดต่อ ให้คนมาเชิญอิ๋งลู่เวยออกไป

ตอนที่เจียงมั่วหย่วนไปถึงหอพระ คุณนายผู้เฒ่าเจียงหันหลังให้เขา คุกเข่าอยู่บนเบาะรองนั่ง กำลังสวดมนต์

ไม่กี่นาทีต่อมาคุณนายผู้เฒ่าเจียงถึงค่อยๆ ลุกขึ้น “มั่วหย่วน มีอยู่เรื่องที่แม่รู้สึกว่าให้ลูกรู้จะดีกว่า”

เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรเหรอครับแม่”

สีหน้าของคุณนายผู้เฒ่าเจียงเย็นชาลง โยนจดหมายฉบับหนึ่งมาตรงหน้าเขา “นี่เป็นจดหมายที่วันนี้มีคนเอามาส่งให้ที่หอพระแต่เช้า ลูกดูเอาเองแล้วกัน”

เจียงมั่วหย่วนรับมา ใช้เวลาถึงสิบนาทีเต็มๆ กว่าจะอ่านเรื่องในจดหมายจบ

ร่างกายของเขาหดเกร็งขึ้นมาทันที เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตัวแข็งทื่อ

เรื่องนี้มันเป็นไปได้ยังไง…

“ตระกูลเจียงไม่ต้องการนายหญิงที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้” คุณนายผู้เฒ่าเจียงนั่งลง เม้มริมฝีปากจิบชา “เดิมทีแม่ก็ไม่พอใจในตัวผู้หญิงคนนี้ ฮู่เฉิงมีคุณหนูตั้งมากมาย จะหาคนปกติไม่ได้เลยเหรอ”

ขณะพูดเธอก็ถอนหายใจ “แต่ก็แล้วแต่ลูกชอบ ถ้าลูกยังดึงดันจะชอบเธอต่อ งั้น…”

“เรื่องนี้ให้แม่ตัดสินใจครับ” เจียงมั่วหย่วนขัดจังหวะคำพูดของคุณนายผู้เฒ่าเจียง “ผมฟังแม่ทุกอย่างครับ”

“ดีๆๆ” คุณนายผู้เฒ่าเจียงถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา “ยังไงซะสัญญาหมั้นหมายนี้พ่อของลูกก็เป็นคนกำหนด ลูกออกหน้าคงไม่ค่อยดี แม่จะช่วยเอง”

เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปากบาง

ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกโล่งอก

“ไว้วันไหนแม่จะไปเยี่ยมตระกูลอิ๋งสักหน่อย” คุณนายผู้เฒ่าเจียงพูดต่อ “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งจดหมายนี้มา แต่ทางพวกเขาก็น่าจะรู้แล้วแน่นอน”

“เรื่องนี้ตระกูลอิ๋งก็เสียหายเหมือนกัน เสี่ยวเซวียนที่น่าสงสาร เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง”

คุณนายผู้เฒ่าเจียงเจอคนมามาก แต่ยังไม่เคยเจอคนที่จิตใจโหดร้ายตั้งแต่เด็กแบบอิ๋งลู่เวยมาก่อน

ริมฝีปากของเจียงมั่วหย่วนขยับ แต่ไม่ได้พูดอะไร

เขารู้เรื่องคุณหนูตัวจริงตัวปลอมของตระกูลอิ๋ง และก็รู้ว่าเด็กที่ตอนนั้นถูกอิ๋งลู่เวยขโมยออกมาทิ้งคืออิ๋งจื่อจิน

ดังนั้นเมื่อครู่เขาถึงทั้งโมโหทั้งเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่เรื่องแบบนี้ขนาดตระกูลอิ๋งยังไม่คิดจะเปิดเผยให้ทุกคนรู้ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณนายผู้เฒ่าเจียง

เลิกเรียนตอนบ่าย เด็กนักเรียนห้องสิบเก้าไปร่วมงานเลี้ยงฉลองของอิ๋งจื่อจิน

ตอนที่พวกเขาไปถึงโรงแรมที่จองไว้ต่างก็ตะลึง

เดิมทีคิดว่าเป็นร้านอาหารธรรมดาที่ดูหรูหราหน่อย ไม่คิดว่าจะเป็นร้านฮั่นเก๋อ

วันนี้คนที่กระจัดกระจายมาร่วมงานเลี้ยงฉลองเมื่อรวมกันก็มีทั้งหมดแปดสิบคน เทียบเท่าปริมาณลูกค้าที่ฮั่นเก๋อต้อนรับในหนึ่งเดือน

ลูกน้องตื่นเต้นมาก พูดกระซิบ “พ่ออิ๋ง กิ๊กกับเจ้าของฮั่นเก๋อใช่ไหม”

ฮั่นเก๋อเป็นร้านที่ไม่สนแม้กระทั่งเศรษฐีจากตี้ตู ถ้าไม่ใช่เจ้าของเอ่ยปาก พวกเขาก็ไม่มีทางจองได้

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอเหลือบมองผู้ชายที่กำลังคุยกับบริกรพลางครุ่นคิดแล้วตอบอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ถึงกับกิ๊กกัน”

ลูกน้องงง “หา?”

“อย่างมากก็แค่จีบๆ”

“…”

ลูกน้องเกาหัว เลิกคิดดีกว่า “ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่ได้ควัก จะกินให้หนำใจเลย”

เขาเดินเฉิดฉายเข้าไป กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

“จึ๊ ถึงฉันจะไม่ได้อะไรกับการกินมาก แต่ฮั่นเก๋อก็ถือเป็นสุดยอดในบรรดาร้านอาหาร” ซิวอวี่วางมือบนบ่าของอิ๋งจื่อจิน “แต่พ่ออิ๋งชอบกินขนาดนี้ ต่อไปจะหาแฟนทำอาหารเก่งใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ จากนั้นก็เขี่ยมือเธอออก

“…” ซิวอวี่ละสายตามองเวยปั๋ว ขณะที่มองๆ อยู่ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “รีบดูเวยปั๋วเร็ว อิ๋งลู่เวย! งานงอกอีกแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 166 ภาพลักษณ์ยับเยิน ตระกูลเจียงถอนหมั้น

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 166 ภาพลักษณ์ยับเยิน ตระกูลเจียงถอนหมั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…”

ปลายสายนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้ เงียบไปชั่วขณะ

ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่รีบร้อน เขาพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้ามองไปนอกหน้าต่าง

แสงแดดเจิดจ้า ราวกับเวลาข้ามผ่านมานานหลายปี

หลังจากที่เงียบไปนาน ทันใดนั้นก็มีเสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

“ในทางทฤษฎีเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์” ปลายสายพูด “โลกนี้ไม่เหมือนที่พวกเราเห็น มันมีสิ่งที่เหนือธรรมชาติอยู่จริงๆ”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ปลายสายพูดต่อ “ไม่อย่างนั้นคงไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุ หมอโบราณ จอมยุทธ์โบราณปรากฏหรอก ทางตันของวิทยาศาสตร์ก็คือเทววิทยา จนถึงตอนนี้ยังไขปริศนาลึกลับทั้งหมดของชีวิตมนุษย์ไม่ได้เลย”

“ดังนั้น…” ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิดพลางมองกระทู้ที่มีคนตอบพันกว่าแล้ว “แสดงว่ามีอยู่จริง”

“ฉันพูดไปแล้วว่าความเป็นไปได้คือศูนย์ ต่อให้เหนือธรรมชาติยังไงก็ต้องอิงวิทยาศาสตร์”

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย เลื่อนเม้าส์ รีเฟรชกระทู้แล้วเลื่อนไปที่ล่างสุด

คอนเมนต์ 1241 : [ไม่โทษเจ้าของกระทู้ที่คิดแบบนี้ โน้ตเพลงบทเพลงแห่งฟลอเรนซ์เหมือนไม่มีอยู่ ถ้าไม่ใช่ตัววีร่า โฮลท์ซเองจะรู้ได้ยังไง]

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับเล็กน้อย

นั่นสิ

ตอนที่เขาได้ยินอิ๋งจื่อจินเล่นเพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คิดอยู่นาน

แต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องมีหลักฐาน เขาแค่คาดเดาลอยๆ ไม่มีประโยชน์อะไร

แต่เรื่องแบบนี้จะไปถามเจ้าตัวโดยตรงก็ไม่ได้

ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่ เตรียมโพสต์บ้าง

ทันใดนั้นกลับมีกระทู้ใหม่ปรากฏ

กระทู้นี้เน้นสีแดงโดยอัตโนมัติ เพียงแต่ไม่ได้ปักหมุด

แต่ไอดีไหนก็ตามที่มีบัญชีใช้งานระดับดับเบิ้ลเอสขึ้นไปล้วนมีสิทธิพิเศษนี้

แอทรักแค่เงิน : [แยกย้ายๆ ตายแล้วคืนชีพอะไรกัน เพ้อเจ้อจริงๆ พวกนายบอกไม่มีโน้ตเพลงงั้นเหรอ ขอโทษเถอะ ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งจะขายโน้ตเพลงออกไป มีคนทางประเทศจีนมาซื้อ ไม่เชื่อไปถามพวกคนในเว็บบอร์ดได้เลย พวกเขาก็ซื้อไป]

ขอเพียงแต่ไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ภายในพื้นที่ปิดก็ไม่มีใครไม่รู้จักบัญชีผู้ใช้ไอดีนี้

นี่เป็นไอดีของผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์

แน่นอนว่ากระทู้นี้ย่อมไม่ใช่ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์เป็นคนโพสต์

อย่างไรเสียผู้กุมอำนาจท่านนี้ก็สนใจแค่เงิน เรื่องอื่นจะมอบให้ลูกน้องทำทั้งหมด

บัญชีผู้ใช้ระดับดับเบิ้ลเอสโพสต์กระทู้ ระบบของเอ็นโอเคจะมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานทุกคนอีกด้วย

คราวนี้เว็บบอร์ดแทบแตก

คอมเมนต์ 1 : [โอ้โห สะเทือนไปถึงบอสใหญ่]

คอมเมนต์ 2 : [อะไรนะ ตระกูลลอเรนท์มีโน้ตเพลงเหรอ]

คอมเมนต์ 77 : [ตระกูลลอเรนท์มีโน้ตเพลงมันแปลกเหรอ วีร่า โฮลท์ซเป็นศิลปินที่ตระกูลลอเรนท์เคยให้การสนับสนุนมาก่อน]

คอมเมนต์ 78 : […ฉันลืมไปแล้วว่าได้ยินใครพูดมา เพลงบทเพลงแห่งฟลอเรนซ์เป็นเพลงที่วีร่า โฮลท์ซแต่งให้ตระกูลลอเรนท์]

คอมเมนต์ 79 : [ที่แท้ก็แบบนี้ งั้นก็ไม่แปลกแล้ว พูดได้เพียงว่านักเปียโนคนนั้นของประเทศจีนมีพรสวรรค์]

คอมเมนต์ 109 : [โวะ สมกับเป็นตระกูลลอเรนท์ นี่ก็ขายได้เงินด้วยเหรอ]

คอมเมนต์ 110 : [ไปขายโน้ตเพลงของเขา ฉันล่ะกลัววีร่าลุกขึ้นมาจากหลุมศพบีบคอพวกคุณตาย]

บ่าวรับใช้หนุ่มที่โพสต์กระทู้พอเห็นคอมเมนต์นี้ก็แอบปาดเหงื่อ

ถ้าไม่พูดแบบนี้จะปิดบังได้อย่างไร

แบบนี้พวกเขาถึงจะไม่ตายต่างหาก

บ่าวรับใช้หนุ่มล๊อกเอ๊าออก รู้สึกโล่งอก

ในที่สุดก็จัดการเรื่องในจดหมายเสร็จเรียบร้อย รายงานเจ้านายได้แล้ว

คนพวกนั้นเดาถูก นั่นคือวีร่า โฮลท์ซ ตัวจริง

แต่น่าเสียดายที่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่จะให้โลกภายนอกรู้

ตอนเที่ยง

เจียงมั่วหย่วนยังทำงานไม่เสร็จก็มีสายจากคฤหาสน์ตระกูลเจียงโทรเข้ามา

คุณนายผู้เฒ่าเจียงโทรหาเขา

นับตั้งแต่ผู้เฒ่าเจียงจากไป คุณนายผู้เฒ่าเจียงก็ย้ายเข้าไปอยู่ในหอพระ

ตั้งใจกินเจสวดมนต์ ไม่พบใครทั้งนั้น

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณนายผู้เฒ่าเจียงโทรหาเขา

เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว

น้ำเสียงของคุณนายผู้เฒ่าเจียงไม่สู้ดีนัก แต่ไม่ได้พูดอะไรมากในสาย พูดเพียงว่าให้เขารีบไปหาตอนนี้

“บอกคนอื่นว่าผมมีธุระ ประชุมตอนบ่ายเลื่อนออกไปก่อน” เจียงมั่วหย่วนมองนาฬิกาบนข้อมือ เรียกเลขาเข้ามา “ออเดอร์นั้นระวังหน่อย”

เลขารีบพยักหน้า นิ่งไปเล็กน้อยแล้วกระซิบบอก “ท่านสามครับ คุณลู่เวยรออยู่ข้างนอกนานแล้วครับ”

พอได้ยินประโยคนี้มือของเจียงมั่วหย่วนที่กำลังจะเปิดประตูก็หยุด

เลขาก้มหน้า ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

เรื่องเมื่อวานมันเหนือความคาดหมายจริงๆ

ไม่มีใครคาดคิดว่าลูกเลี้ยงที่มาจากบ้านนอกจะมีฝีมือเล่นเปียโนถึงขั้นที่พวกนักเปียโนชั้นแนวหน้าพวกนั้นต่างชื่นชม

อิ๋งลู่เวยจึงกลายเป็นตัวตลกทันที

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระแสในเน็ต ขุดเรื่องที่เธอเคยทำออกมาแฉกันรัวๆ

ภายนอกดูเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ภายในโหดเหี้ยมอำมหิต

ไม่คู่ควรกับเจียงมั่วหย่วนสักนิด

“เข้าใจแล้ว” เจียงมั่วหย่วนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาเดินออกไป

อิ๋งลู่เวยนั่งรออยู่ตรงโซนด้านนอกร้องไห้มานานมาก พอเห็นเจียงมั่วหย่วนออกมาเธอเช็ดน้ำตา รีบเข้าไปกอดเขาทันที พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ “มั่วหย่วน!”

เลขาที่เดินตามออกมาเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว

หากเป็นเมื่อก่อนทำแบบนี้ไม่เป็นไร

แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของอิ๋งลู่เวยพังพินาศขนาดนี้ ฝีมือการเล่นเปียโนที่เอาไว้โอ้อวดก็เป็นแค่การโฆษณา ทำไมยังจะมีหน้ามากอดท่านสามของพวกเขาอีก

เลขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณลู่เวย คุณ…”

เขายังไม่ทันพูดจบ

ก็เห็นเจียงมั่วหย่วนดันตัวอิ๋งลู่เวยออกโดยไม่สงสารแม้แต่น้อย แล้วดึงแขนของตัวเองออกจากการกอดของเธอ

ร่างกายคว้าลมอย่างกะทันหัน อิ๋งลู่เวยอึ้งไปก่อน จากนั้นก็มองเขาอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา พูดเสียงสั่น “…มั่วหย่วน”

“พวกเรายังไม่ได้จัดงานแต่ง เป็นแค่การหมั้น” สายตาที่เจียงมั่วหย่วนมองเธอไม่มีความอ่อนโยนแบบยามปกติ เหลือเพียงความเย็นชา “บริษัทเป็นที่ทำงาน ช่วยสำรวมด้วย”

พูดจบเจียงมั่วหย่วนก็ไม่สนว่าอิ๋งลู่เวยมีสีหน้าอย่างไร เขารับเสื้อสูทมาจากเลขาแล้วสาวเท้าเดินออกไป

เลขาไปส่งเจียงมั่วหย่วนที่ประตู จากนั้นก็หันมายิ้มเป็นเชิงขอโทษให้อิ๋งลู่เวย “คุณลู่เวยครับ กรุณาดูสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ด้วย ตระกูลอิ๋งปกป้องคุณ แต่ตระกูลเจียงไม่ครับ”

น้ำเสียงทั้งเกรงใจทั้งดูถูก ไม่ต่างจากที่พูดกับอิ๋งจื่อจินเมื่อก่อนนี้

อิ๋งลู่เวยหน้าซีดลงทันที “คุณ…คุณหมายความว่าไง”

เลขาไม่พูดต่อ ให้คนมาเชิญอิ๋งลู่เวยออกไป

ตอนที่เจียงมั่วหย่วนไปถึงหอพระ คุณนายผู้เฒ่าเจียงหันหลังให้เขา คุกเข่าอยู่บนเบาะรองนั่ง กำลังสวดมนต์

ไม่กี่นาทีต่อมาคุณนายผู้เฒ่าเจียงถึงค่อยๆ ลุกขึ้น “มั่วหย่วน มีอยู่เรื่องที่แม่รู้สึกว่าให้ลูกรู้จะดีกว่า”

เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรเหรอครับแม่”

สีหน้าของคุณนายผู้เฒ่าเจียงเย็นชาลง โยนจดหมายฉบับหนึ่งมาตรงหน้าเขา “นี่เป็นจดหมายที่วันนี้มีคนเอามาส่งให้ที่หอพระแต่เช้า ลูกดูเอาเองแล้วกัน”

เจียงมั่วหย่วนรับมา ใช้เวลาถึงสิบนาทีเต็มๆ กว่าจะอ่านเรื่องในจดหมายจบ

ร่างกายของเขาหดเกร็งขึ้นมาทันที เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตัวแข็งทื่อ

เรื่องนี้มันเป็นไปได้ยังไง…

“ตระกูลเจียงไม่ต้องการนายหญิงที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้” คุณนายผู้เฒ่าเจียงนั่งลง เม้มริมฝีปากจิบชา “เดิมทีแม่ก็ไม่พอใจในตัวผู้หญิงคนนี้ ฮู่เฉิงมีคุณหนูตั้งมากมาย จะหาคนปกติไม่ได้เลยเหรอ”

ขณะพูดเธอก็ถอนหายใจ “แต่ก็แล้วแต่ลูกชอบ ถ้าลูกยังดึงดันจะชอบเธอต่อ งั้น…”

“เรื่องนี้ให้แม่ตัดสินใจครับ” เจียงมั่วหย่วนขัดจังหวะคำพูดของคุณนายผู้เฒ่าเจียง “ผมฟังแม่ทุกอย่างครับ”

“ดีๆๆ” คุณนายผู้เฒ่าเจียงถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา “ยังไงซะสัญญาหมั้นหมายนี้พ่อของลูกก็เป็นคนกำหนด ลูกออกหน้าคงไม่ค่อยดี แม่จะช่วยเอง”

เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปากบาง

ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกโล่งอก

“ไว้วันไหนแม่จะไปเยี่ยมตระกูลอิ๋งสักหน่อย” คุณนายผู้เฒ่าเจียงพูดต่อ “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งจดหมายนี้มา แต่ทางพวกเขาก็น่าจะรู้แล้วแน่นอน”

“เรื่องนี้ตระกูลอิ๋งก็เสียหายเหมือนกัน เสี่ยวเซวียนที่น่าสงสาร เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง”

คุณนายผู้เฒ่าเจียงเจอคนมามาก แต่ยังไม่เคยเจอคนที่จิตใจโหดร้ายตั้งแต่เด็กแบบอิ๋งลู่เวยมาก่อน

ริมฝีปากของเจียงมั่วหย่วนขยับ แต่ไม่ได้พูดอะไร

เขารู้เรื่องคุณหนูตัวจริงตัวปลอมของตระกูลอิ๋ง และก็รู้ว่าเด็กที่ตอนนั้นถูกอิ๋งลู่เวยขโมยออกมาทิ้งคืออิ๋งจื่อจิน

ดังนั้นเมื่อครู่เขาถึงทั้งโมโหทั้งเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่เรื่องแบบนี้ขนาดตระกูลอิ๋งยังไม่คิดจะเปิดเผยให้ทุกคนรู้ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณนายผู้เฒ่าเจียง

เลิกเรียนตอนบ่าย เด็กนักเรียนห้องสิบเก้าไปร่วมงานเลี้ยงฉลองของอิ๋งจื่อจิน

ตอนที่พวกเขาไปถึงโรงแรมที่จองไว้ต่างก็ตะลึง

เดิมทีคิดว่าเป็นร้านอาหารธรรมดาที่ดูหรูหราหน่อย ไม่คิดว่าจะเป็นร้านฮั่นเก๋อ

วันนี้คนที่กระจัดกระจายมาร่วมงานเลี้ยงฉลองเมื่อรวมกันก็มีทั้งหมดแปดสิบคน เทียบเท่าปริมาณลูกค้าที่ฮั่นเก๋อต้อนรับในหนึ่งเดือน

ลูกน้องตื่นเต้นมาก พูดกระซิบ “พ่ออิ๋ง กิ๊กกับเจ้าของฮั่นเก๋อใช่ไหม”

ฮั่นเก๋อเป็นร้านที่ไม่สนแม้กระทั่งเศรษฐีจากตี้ตู ถ้าไม่ใช่เจ้าของเอ่ยปาก พวกเขาก็ไม่มีทางจองได้

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอเหลือบมองผู้ชายที่กำลังคุยกับบริกรพลางครุ่นคิดแล้วตอบอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ถึงกับกิ๊กกัน”

ลูกน้องงง “หา?”

“อย่างมากก็แค่จีบๆ”

“…”

ลูกน้องเกาหัว เลิกคิดดีกว่า “ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่ได้ควัก จะกินให้หนำใจเลย”

เขาเดินเฉิดฉายเข้าไป กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

“จึ๊ ถึงฉันจะไม่ได้อะไรกับการกินมาก แต่ฮั่นเก๋อก็ถือเป็นสุดยอดในบรรดาร้านอาหาร” ซิวอวี่วางมือบนบ่าของอิ๋งจื่อจิน “แต่พ่ออิ๋งชอบกินขนาดนี้ ต่อไปจะหาแฟนทำอาหารเก่งใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ จากนั้นก็เขี่ยมือเธอออก

“…” ซิวอวี่ละสายตามองเวยปั๋ว ขณะที่มองๆ อยู่ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “รีบดูเวยปั๋วเร็ว อิ๋งลู่เวย! งานงอกอีกแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+