คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 19 มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 19 มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กหนุ่มรูปร่าง บ่ากว้าง ขายาว ยืนอยู่ที่ลานบ้าน เขานิ่งไปหลายวินาทีทันใดนั้นก็ได้หันตัววิ่งหนี

เวินเฟิงเหมียนตกใจ ตะโกนขึ้น “อวี้อวี้ จะวิ่งไปไหนน่ะ”

แต่เด็กหนุ่มได้วิ่งหายไปแล้ว

“แค่กๆๆ…” เวินเฟิงเหมียนโมโห ไอออกมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ “ดูสิ ทำไมพอลูกกลับมาเขาก็วิ่งหนีล่ะ”

“พ่อสุขภาพไม่ดี เข้าไปก่อนดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินตบหลังของเขาเบาๆ “เดี๋ยวหนูไปดูเอง”

อวี้อวี้เป็นลูกชายแท้ๆ ของเวินเฟิงเหมียน ชื่อจริงว่าเวินทิงหลาน เนื่องจากขี้โรคตั้งแต่เด็ก ถึงได้มีชื่อเล่นเป็นชื่อนี้

พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน แต่ความผูกพันระหว่างกันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ

“เยาเยา…” เวินเฟิงเหมียนอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป ผ่านไปสักพักถึงถอนหายใจ “ก็ดีเหมือนกัน”

เขายิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาอ่อนโยน “งั้นพ่อจะไปทำอาหารให้นะ อีกเดี๋ยวกลับมาจะได้กินกัน”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ต้มบัวลอยก็พอค่ะ” สัมผัสควันจากน้ำมันทำอาหาร อย่าแม้แต่จะคิด

สมุนไพรของที่นี่อายุน้อยเกินไป เธอจึงจำเป็นต้องปรับสมดุลร่างกายของเวินเฟิงเหมียนในทุกๆ ด้าน

เวินเฟิงเหมียนมีอาการไอเล็กน้อย ค่อนข้างเกร็ง “พ่อรู้แล้ว ลูกรีบไปตามหาอวี้อวี้เถอะ” ประหนึ่งต้องการไล่ไป

“ถ้าหนูกลับมาแล้วเห็น…” อิ๋งจื่อจินกวาดตามองทางห้องครัว น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน “พ่อรู้นะคะว่าควรทำยังไง”

เวินเฟิงเหมียนที่รู้สึกว่าลูกสาวกลับมาครั้งนี้เหมือนจะดุขึ้น “…”

ครึ่งหนึ่งเขารู้สึกจนปัญญา อีกครึ่งก็รู้สึกขำ “ได้ พ่อฟังลูก”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วถึงออกไป

มองตามหลังลูกสาวที่เดินออกไปไกล เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกสับสน ขอบตาเริ่มแดง

มีเหรอที่เขาจะมองไม่ออก ลูกกลับมาครั้งนี้ผอมลงไปมาก เมื่อก่อนบ้านยากจน แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูกๆ อดอยาก หลังจากเยาเยากลับไปอยู่บ้านตระกูลอิ๋งได้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนั้นตระกูลอิ๋งพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าจะรับเธอกลับไปใช้ชีวิตดีๆ

เวินเฟิงเหมียนหน้านิ่ง กดหน้าอกไว้แล้วไอออกมาอีกเขาเป็นห่วงมาก

ตอนนี้อิ๋งจื่อจินเจอตัวอวี้อวี้เขายืนอยู่ที่ริมแม่น้ำคนเดียว มองพลุที่อยู่ไกลๆ อย่างเงียบๆ ดวงตาดำขลับ แน่นิ่งเปล่งประกาย

ค่ำคืนราตรีอันมืดสนิท สายลมเอื่อยเฉื่อย ผิวน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง สะท้อนดวงจันทร์กลมมน

เด็กหนุ่มดุจสายลม แผ่นหลังยืดตรงเสื้อขาวกางเกงดำ บุคลิกงามสง่า เป็นแบบที่เด็กสาวในโรงเรียนเห็นแล้วต้องใจสั่น

อิ๋งจื่อจินเดินขึ้นหน้า หยิบอมยิ้มออกมาจากกระเป๋าอันหนึ่งแล้วยื่นให้เขา “รสท้อน้ำผึ้ง”

แต่อวี้อวี้ไม่รับ ไม่แม้แต่จะขยับ

เขากำลังหัวเราะ หัวเราะอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าพี่จะไม่กลับมาอีกแล้วตลอดชีวิต พี่กลับมาทำไม”

ไม่ได้รับคำตอบ

ผ่านไปสิบนาทีเต็มๆ เด็กหนุ่มก็หันมามองด้วยสายตาเย็นชา

แต่เมื่อมองในระยะใกล้ขนาดนี้ แววตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

รูปร่างของเธอผอมบางลงกว่าเมื่อก่อนหนึ่งปีก่อนตอนจากลาอย่างเห็นได้ชัด อาศัยแสงจันทร์ เขาเห็นบนแขนของเธอมีรอยเข็ม

ยุบยับหนาแน่น เยอะมาก นับไม่ถ้วนเดิมทีไม่ชัดเจน แต่เนื่องจากผิวพรรณของเธอที่ขาวซีดเหมือนคนป่วย กลับทำให้เห็นชัดขึ้นชวนให้ตกใจ

อวี้อวี้ตัวแข็งทื่อ เขามองรอยเข็มพวกนั้นอย่างอึ้งๆ พอเอ่ยปาก น้ำเสียงก็แหบแห้ง “พี่ พี่…ป่วยเหรอ”

พี่ไม่กลับมาหนึ่งปี ที่แท้เพราะป่วยเหรอ

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ หยิบอมยิ้มออกมาอีกครั้ง เลิกคิ้ว “ไม่โกรธแล้วเหรอ”

น้องชายเธอคนนี้ เนื่องจากเพราะเรื่องบางอย่างทำให้มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่รุนแรงมาก ปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก

หลังสิบขวบถึงอาการดีขึ้น แต่ก็ได้ทำให้เขาเป็นคนมีนิสัยเย็นชาเก็บงำความรู้สึก ช่วงแรกเวินเฟิงเหมียนเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย การที่เธอหายไปอย่างไร้ข่าวคราวในหนึ่งปีนี้ได้สร้างความสะเทือนใจให้เขาไม่น้อย

มองทะเลฟังเสียงคลื่นเกิดเพราะลม ทะยานขึ้นฝ่าไปเก้าหมื่นลี้

เวินทิงหลาน ชื่อนี้ได้แบกความหวังของอวี้อวี้เอาไว้

“เกิดอะไรขึ้น” อวี้อวี้ไม่รับอมยิ้มของเธอ ดวงตาของเขาดำสนิท

“พี่ ตระกูลอิ๋งไม่ดีกับพี่เหรอ พวกเขาทำอะไร”

“เปล่า ก็โอเคดี” อิ๋งจื่อจินเตะก้อนหินบนพื้น ยิ้มบางๆ “นายตั้งใจเรียนให้ดี ไม่ต้องสนเรื่องอื่น”

อวี้อวี้เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ อายุสิบสามถึงเพิ่งเริ่มเข้าเรียน แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นเขาก็กระโดดข้ามไปหลายระดับชั้นเรียนได้

เด็กกว่าเธอหนึ่งปี ปีนี้อยู่มอหกแล้ว เดือนหกก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

พอฟังถึงตรงนี้อวี้อวี้ก็เม้มริมฝีปากแน่น แขนของเขาสั่น รับอมยิ้มอันนั้นมา ฉีกกระดาษห่อออก เอาเข้าปาก กัดให้แตก หวานมากเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยเปลี่ยน แต่เขากลับอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก

ต่อให้ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่เคยลืมสีหน้าที่น่าขยะแขยงของคนพวกนั้นเมื่อหนึ่งปีก่อน

‘เวินจื่อจินอะไรกัน จื่อจินเป็นลูกสาวของตระกูลอิ๋ง ก็ต้องแซ่อิ๋งสิ พวกคุณอย่ามานับญาติส่งเดช’

‘ถ้าให้พวกนักเรียนที่ชิงจื้อรู้เข้าว่าเธอมีพ่อบ้านนอกกับน้องชาย พวกเขาจะคิดกับเธอยังไง’

‘นี่เงินหนึ่งแสน ลืมซะว่าเคยมีลูกสาวต่อไปเธอก็จะไม่มาเจอพวกคุณอีก พวกคุณมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของเธอ เข้าใจใช่ไหม’

จากนั้นพี่สาวของเขาก็ไม่กลับมาหนึ่งปีจริงๆ ไม่แม้แต่จะโทรมา เขารอแล้วรอเล่าจนเลิกรอ

เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากพี่สาวไปอยู่เมืองฮู่เฉิงแล้วก็ลืมพวกเขา

แต่ดูจากตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลอิ๋งทำอะไรบางอย่างกับเธอ อีกทั้งชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีด้วย

อวี้อวี้เม้มริมฝีปากอีกครั้ง พูดเสียงเบา “พี่ ผมขอโทษ ผมไม่ควรตำหนิพี่”

เขารู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวช อารมณ์รุนแรงไม่น้อย แต่เขาควบคุมไม่ได้ เด็กหนุ่มหลุบตาลง กำมือแน่นเขาพยายามเปลี่ยนแล้วเขาอยากกลายเป็นคนปกติได้ อยากมากๆ

“ไม่โทษนายหรอก” สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า “กลับกันเถอะ พ่อน่าจะร้อนใจแล้ว”

พอปมในใจคลี่คลาย ร่างกายที่หดเกร็งของอวี้อวี้ก็ผ่อนคลายลง พูดคุยเหมือนสิบกว่าปีที่ผ่านมา

“อันที่จริงวันนี้บ่ายผมไม่ได้เข้าเรียน ผมลา”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “หนีไปซื้อเนื้อที่ตลาดนัดในเมืองมาเหรอ”

“อืม” เวินทิงหลานเงียบไป พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พ่ออาการแย่ลงเรื่อยๆ ผมอยากบำรุงพ่อหน่อย”

ยามปกติต่อให้มีเนื้อกิน เวินเฟิงเหมียนก็ไม่มีทางกิน

อิ๋งจื่อจินคิดอยู่สักพัก “แล้วนายคิดดีหรือยังว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน”

“คิดแล้ว” พอพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาดำขลับของเด็กหนุ่มก็เปล่งประกาย สว่างยิ่งกว่าดวงจันทร์กับดวงดาว “พี่ ผมอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู”

มหาวิทยาลัยตี้ตู มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศจีน นักเรียนนับพันนับหมื่นอยากเข้าที่นั่น

อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายกับคำตอบนี้ ด้วยความสามารถของอวี้อวี้ ต่อให้ไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ที่เพียงพอก็สามารถสอบเข้าได้อย่างง่ายดาย

อวี้อวี้พูดต่อ “แต่อันที่จริงมหาวิทยาลัยที่ผมอยากเข้าที่สุดคือมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่ถ้าไม่มีจดหมายแนะนำจากผู้อำนวยการโรงเรียนก็ไปไม่ได้”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงักไปชั่วขณะ “มหาลัยอะไรนะ”

“มหาวิทยาลัยนอร์ตัน” อวี้อวี้คิดว่าพี่สาวไม่รู้จัก จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเสิร์ชให้เธอดู “ที่นี่ไง ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกไม่เคยเปลี่ยน”

อิ๋งจื่อจินมองหน้าจอ ตกอยู่ในห้วงความเงียบ หลังจากเธอกลับมาครั้งนี้รู้สึกว่าเรื่องแปลกๆ เยอะเหลือเกิน ตระกูลลอเรนท์ขยายกิจการธนาคารไปทั่วโลกยังไม่เท่าไร ยังไงซะคนงกก็เก็บเงินเร็ว

แต่ทำไมคนบ้าที่ศึกษาแค่เทววิทยาถึงเปิดมหาวิทยาลัยจนขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของโลกได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 19 มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 19 มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กหนุ่มรูปร่าง บ่ากว้าง ขายาว ยืนอยู่ที่ลานบ้าน เขานิ่งไปหลายวินาทีทันใดนั้นก็ได้หันตัววิ่งหนี

เวินเฟิงเหมียนตกใจ ตะโกนขึ้น “อวี้อวี้ จะวิ่งไปไหนน่ะ”

แต่เด็กหนุ่มได้วิ่งหายไปแล้ว

“แค่กๆๆ…” เวินเฟิงเหมียนโมโห ไอออกมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ “ดูสิ ทำไมพอลูกกลับมาเขาก็วิ่งหนีล่ะ”

“พ่อสุขภาพไม่ดี เข้าไปก่อนดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินตบหลังของเขาเบาๆ “เดี๋ยวหนูไปดูเอง”

อวี้อวี้เป็นลูกชายแท้ๆ ของเวินเฟิงเหมียน ชื่อจริงว่าเวินทิงหลาน เนื่องจากขี้โรคตั้งแต่เด็ก ถึงได้มีชื่อเล่นเป็นชื่อนี้

พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน แต่ความผูกพันระหว่างกันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ

“เยาเยา…” เวินเฟิงเหมียนอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป ผ่านไปสักพักถึงถอนหายใจ “ก็ดีเหมือนกัน”

เขายิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาอ่อนโยน “งั้นพ่อจะไปทำอาหารให้นะ อีกเดี๋ยวกลับมาจะได้กินกัน”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ต้มบัวลอยก็พอค่ะ” สัมผัสควันจากน้ำมันทำอาหาร อย่าแม้แต่จะคิด

สมุนไพรของที่นี่อายุน้อยเกินไป เธอจึงจำเป็นต้องปรับสมดุลร่างกายของเวินเฟิงเหมียนในทุกๆ ด้าน

เวินเฟิงเหมียนมีอาการไอเล็กน้อย ค่อนข้างเกร็ง “พ่อรู้แล้ว ลูกรีบไปตามหาอวี้อวี้เถอะ” ประหนึ่งต้องการไล่ไป

“ถ้าหนูกลับมาแล้วเห็น…” อิ๋งจื่อจินกวาดตามองทางห้องครัว น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน “พ่อรู้นะคะว่าควรทำยังไง”

เวินเฟิงเหมียนที่รู้สึกว่าลูกสาวกลับมาครั้งนี้เหมือนจะดุขึ้น “…”

ครึ่งหนึ่งเขารู้สึกจนปัญญา อีกครึ่งก็รู้สึกขำ “ได้ พ่อฟังลูก”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วถึงออกไป

มองตามหลังลูกสาวที่เดินออกไปไกล เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกสับสน ขอบตาเริ่มแดง

มีเหรอที่เขาจะมองไม่ออก ลูกกลับมาครั้งนี้ผอมลงไปมาก เมื่อก่อนบ้านยากจน แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูกๆ อดอยาก หลังจากเยาเยากลับไปอยู่บ้านตระกูลอิ๋งได้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนั้นตระกูลอิ๋งพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าจะรับเธอกลับไปใช้ชีวิตดีๆ

เวินเฟิงเหมียนหน้านิ่ง กดหน้าอกไว้แล้วไอออกมาอีกเขาเป็นห่วงมาก

ตอนนี้อิ๋งจื่อจินเจอตัวอวี้อวี้เขายืนอยู่ที่ริมแม่น้ำคนเดียว มองพลุที่อยู่ไกลๆ อย่างเงียบๆ ดวงตาดำขลับ แน่นิ่งเปล่งประกาย

ค่ำคืนราตรีอันมืดสนิท สายลมเอื่อยเฉื่อย ผิวน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง สะท้อนดวงจันทร์กลมมน

เด็กหนุ่มดุจสายลม แผ่นหลังยืดตรงเสื้อขาวกางเกงดำ บุคลิกงามสง่า เป็นแบบที่เด็กสาวในโรงเรียนเห็นแล้วต้องใจสั่น

อิ๋งจื่อจินเดินขึ้นหน้า หยิบอมยิ้มออกมาจากกระเป๋าอันหนึ่งแล้วยื่นให้เขา “รสท้อน้ำผึ้ง”

แต่อวี้อวี้ไม่รับ ไม่แม้แต่จะขยับ

เขากำลังหัวเราะ หัวเราะอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าพี่จะไม่กลับมาอีกแล้วตลอดชีวิต พี่กลับมาทำไม”

ไม่ได้รับคำตอบ

ผ่านไปสิบนาทีเต็มๆ เด็กหนุ่มก็หันมามองด้วยสายตาเย็นชา

แต่เมื่อมองในระยะใกล้ขนาดนี้ แววตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

รูปร่างของเธอผอมบางลงกว่าเมื่อก่อนหนึ่งปีก่อนตอนจากลาอย่างเห็นได้ชัด อาศัยแสงจันทร์ เขาเห็นบนแขนของเธอมีรอยเข็ม

ยุบยับหนาแน่น เยอะมาก นับไม่ถ้วนเดิมทีไม่ชัดเจน แต่เนื่องจากผิวพรรณของเธอที่ขาวซีดเหมือนคนป่วย กลับทำให้เห็นชัดขึ้นชวนให้ตกใจ

อวี้อวี้ตัวแข็งทื่อ เขามองรอยเข็มพวกนั้นอย่างอึ้งๆ พอเอ่ยปาก น้ำเสียงก็แหบแห้ง “พี่ พี่…ป่วยเหรอ”

พี่ไม่กลับมาหนึ่งปี ที่แท้เพราะป่วยเหรอ

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ หยิบอมยิ้มออกมาอีกครั้ง เลิกคิ้ว “ไม่โกรธแล้วเหรอ”

น้องชายเธอคนนี้ เนื่องจากเพราะเรื่องบางอย่างทำให้มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่รุนแรงมาก ปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก

หลังสิบขวบถึงอาการดีขึ้น แต่ก็ได้ทำให้เขาเป็นคนมีนิสัยเย็นชาเก็บงำความรู้สึก ช่วงแรกเวินเฟิงเหมียนเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย การที่เธอหายไปอย่างไร้ข่าวคราวในหนึ่งปีนี้ได้สร้างความสะเทือนใจให้เขาไม่น้อย

มองทะเลฟังเสียงคลื่นเกิดเพราะลม ทะยานขึ้นฝ่าไปเก้าหมื่นลี้

เวินทิงหลาน ชื่อนี้ได้แบกความหวังของอวี้อวี้เอาไว้

“เกิดอะไรขึ้น” อวี้อวี้ไม่รับอมยิ้มของเธอ ดวงตาของเขาดำสนิท

“พี่ ตระกูลอิ๋งไม่ดีกับพี่เหรอ พวกเขาทำอะไร”

“เปล่า ก็โอเคดี” อิ๋งจื่อจินเตะก้อนหินบนพื้น ยิ้มบางๆ “นายตั้งใจเรียนให้ดี ไม่ต้องสนเรื่องอื่น”

อวี้อวี้เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ อายุสิบสามถึงเพิ่งเริ่มเข้าเรียน แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นเขาก็กระโดดข้ามไปหลายระดับชั้นเรียนได้

เด็กกว่าเธอหนึ่งปี ปีนี้อยู่มอหกแล้ว เดือนหกก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

พอฟังถึงตรงนี้อวี้อวี้ก็เม้มริมฝีปากแน่น แขนของเขาสั่น รับอมยิ้มอันนั้นมา ฉีกกระดาษห่อออก เอาเข้าปาก กัดให้แตก หวานมากเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยเปลี่ยน แต่เขากลับอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก

ต่อให้ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่เคยลืมสีหน้าที่น่าขยะแขยงของคนพวกนั้นเมื่อหนึ่งปีก่อน

‘เวินจื่อจินอะไรกัน จื่อจินเป็นลูกสาวของตระกูลอิ๋ง ก็ต้องแซ่อิ๋งสิ พวกคุณอย่ามานับญาติส่งเดช’

‘ถ้าให้พวกนักเรียนที่ชิงจื้อรู้เข้าว่าเธอมีพ่อบ้านนอกกับน้องชาย พวกเขาจะคิดกับเธอยังไง’

‘นี่เงินหนึ่งแสน ลืมซะว่าเคยมีลูกสาวต่อไปเธอก็จะไม่มาเจอพวกคุณอีก พวกคุณมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของเธอ เข้าใจใช่ไหม’

จากนั้นพี่สาวของเขาก็ไม่กลับมาหนึ่งปีจริงๆ ไม่แม้แต่จะโทรมา เขารอแล้วรอเล่าจนเลิกรอ

เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากพี่สาวไปอยู่เมืองฮู่เฉิงแล้วก็ลืมพวกเขา

แต่ดูจากตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลอิ๋งทำอะไรบางอย่างกับเธอ อีกทั้งชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีด้วย

อวี้อวี้เม้มริมฝีปากอีกครั้ง พูดเสียงเบา “พี่ ผมขอโทษ ผมไม่ควรตำหนิพี่”

เขารู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวช อารมณ์รุนแรงไม่น้อย แต่เขาควบคุมไม่ได้ เด็กหนุ่มหลุบตาลง กำมือแน่นเขาพยายามเปลี่ยนแล้วเขาอยากกลายเป็นคนปกติได้ อยากมากๆ

“ไม่โทษนายหรอก” สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า “กลับกันเถอะ พ่อน่าจะร้อนใจแล้ว”

พอปมในใจคลี่คลาย ร่างกายที่หดเกร็งของอวี้อวี้ก็ผ่อนคลายลง พูดคุยเหมือนสิบกว่าปีที่ผ่านมา

“อันที่จริงวันนี้บ่ายผมไม่ได้เข้าเรียน ผมลา”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “หนีไปซื้อเนื้อที่ตลาดนัดในเมืองมาเหรอ”

“อืม” เวินทิงหลานเงียบไป พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พ่ออาการแย่ลงเรื่อยๆ ผมอยากบำรุงพ่อหน่อย”

ยามปกติต่อให้มีเนื้อกิน เวินเฟิงเหมียนก็ไม่มีทางกิน

อิ๋งจื่อจินคิดอยู่สักพัก “แล้วนายคิดดีหรือยังว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน”

“คิดแล้ว” พอพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาดำขลับของเด็กหนุ่มก็เปล่งประกาย สว่างยิ่งกว่าดวงจันทร์กับดวงดาว “พี่ ผมอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู”

มหาวิทยาลัยตี้ตู มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศจีน นักเรียนนับพันนับหมื่นอยากเข้าที่นั่น

อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายกับคำตอบนี้ ด้วยความสามารถของอวี้อวี้ ต่อให้ไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ที่เพียงพอก็สามารถสอบเข้าได้อย่างง่ายดาย

อวี้อวี้พูดต่อ “แต่อันที่จริงมหาวิทยาลัยที่ผมอยากเข้าที่สุดคือมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่ถ้าไม่มีจดหมายแนะนำจากผู้อำนวยการโรงเรียนก็ไปไม่ได้”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงักไปชั่วขณะ “มหาลัยอะไรนะ”

“มหาวิทยาลัยนอร์ตัน” อวี้อวี้คิดว่าพี่สาวไม่รู้จัก จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเสิร์ชให้เธอดู “ที่นี่ไง ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกไม่เคยเปลี่ยน”

อิ๋งจื่อจินมองหน้าจอ ตกอยู่ในห้วงความเงียบ หลังจากเธอกลับมาครั้งนี้รู้สึกว่าเรื่องแปลกๆ เยอะเหลือเกิน ตระกูลลอเรนท์ขยายกิจการธนาคารไปทั่วโลกยังไม่เท่าไร ยังไงซะคนงกก็เก็บเงินเร็ว

แต่ทำไมคนบ้าที่ศึกษาแค่เทววิทยาถึงเปิดมหาวิทยาลัยจนขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของโลกได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+