คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 191 พ่ออิ๋งลงมือจัดการ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 191 พ่ออิ๋งลงมือจัดการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอหาตัวอิ๋งจื่อจินไม่เจอ ตำรวจยังจะหาไม่เจอได้เหรอ

เรื่องอย่างลักขโมย เกิดลือออกไปได้ขายหน้าแย่

แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางที่จะเลี่ยงไม่เจอหน้ากันได้จริงๆ จงมั่นหวาบอกจะแจ้งตำรวจก็แค่ขู่อิ๋งจื่อจินไปเท่านั้น

ขอเพียงแต่อิ๋งจื่อจินยอมกลับมาดีๆ มาเป็นคุณหนูรองของตระกูลอิ๋ง เธอย่อมไม่มีทางแจ้งตำรวจ

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่เข้าใจการกระทำของจงมั่นหวาเลยจริงๆ เธอตะลึงมาก “แม่คะ…ยังไม่ถามให้รู้เรื่อง แถมไม่มีหลักฐาน แม่ก็ตัดสินว่าน้องทำแล้วเหรอคะ” แบบนี้ได้ด้วยเหรอ

“เสี่ยวเซวียน เรื่องนี้ลูกไม่ต้องยุ่ง” จงมั่นหวากดโทรหาชิงจื้อ เดินไปโทรที่ระเบียง พูดอย่างเลือดเย็น

“เด็กคนนั้นคิดอะไรอยู่แม่รู้ดีที่สุด” เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงไปจากบ้านนี้

ก็คงหนีไม่พ้นเป็นเพราะเธอกับอิ๋งเจิ้นถิงไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอิ๋งจื่อจิน รักอิ๋งเย่ว์เซวียนมากกว่า เลยรู้สึกน้อยใจ

แต่คนที่เลี้ยงมาสิบกว่าปี เทียบกับคนที่เลี้ยงมาปีเดียวได้เหรอ ตอนที่อิ๋งจื่อจินกลับมาเธอก็เคยพูดแล้วว่า พวกเขาผูกพันกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก อีกทั้งยังได้ให้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปอยู่ยุโรปหนึ่งปีเพื่อให้อิ๋งจื่อจินเข้ากับครอบครัวอิ๋งได้เร็วขึ้น นอกจากเรื่องบริจาคเลือดที่ทำโดยไร้ศีลธรรม เรื่องอื่นก็ไม่เห็นมีอะไร ปรากฏว่าอิ๋งจื่อจินตัดขาดความสัมพันธ์ แล้วพวกเขาที่เป็นพ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน

พอเห็นจงมั่นหวาเดินออกไป อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น

เธอลังเล จากนั้นจึงกระซิบถาม “คุณอาพ่อบ้านคะ ระยะนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ ก่อนหนูไปแม่ไม่เห็นเป็นแบบนี้”

พ่อบ้านยังไม่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินตัดความสัมพันธ์กับตระกูลอิ๋งแล้ว แม้แต่ชื่อในทะเบียนบ้านก็ย้ายออกไป

เขาพูดอย่างลังเล “คุณหนูรองค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ทำให้คุณนายกลุ้มใจ คุณหนูใหญ่ก็ทราบว่าเดิมทีคุณนายเป็นคนหัวแข็ง ขายหน้าไม่ได้”

“แต่ก็ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนรับไม่ได้ “น้องเป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณแม่ ไม่ใช่ศัตรูเสียหน่อย ทำไมถึงกับจะแจ้งตำรวจเลย” พ่อบ้านไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว

เรื่องของเจ้านาย เขาเป็นบ่าวจะไปทำอะไรได้

“นี่ขนาดน้อง แม่ยังแจ้งตำรวจ” อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าเริ่มซีด “ถ้าเป็นหนู แม่ไม่จับส่งเข้าคุกเลยเหรอ”

“คุณหนูใหญ่!” พ่อบ้านตกใจ “คุณหนูใหญ่ ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะครับ คุณนายกับคุณท่านจะเสียใจ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “งั้นคุณแม่ไม่คิดว่าน้องจะเสียใจบ้างเหรอคะ”

มิน่าเธอกลับมาครั้งนี้ถึงไม่เห็นอิ๋งจื่อจินอันที่จริงพวกเธอได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง อิ๋งจื่อจินถูกรับกลับมาเธอถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง เธอจะไปจากที่นี่ แต่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรั้งเธอเอาไว้ บอกว่าเธอไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ไปจากตระกูลอิ๋งจะไปอยู่ที่ไหนได้

ครั้นแล้วเธอก็ทำได้เพียงถอยห่างออกมา สมัครโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนของชิงจื้อไปอยู่ยุโรป

“คุณหนูใหญ่ เรื่องนี้จะโทษคุณนายก็ไม่ได้นะครับ” พ่อบ้านเกลี้ยกล่อม “เอาเป็นว่า เฮ้อ คุณหนูรองจะเทียบกับคุณหนูใหญ่ได้อย่างไรครับ คุณนายก็แค่ไม่เจอเธอนานแล้วเลยอยากเจอเธอน่ะครับ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่พูดอะไรอีก “ไปถามคนใช้ก่อนว่าเพชรสีชมพูของหนูไปอยู่ไหนแล้วกันแน่ มีใครเผลอหยิบติดมือไปหรือเปล่า”

พ่อบ้านขานรับ “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

แต่ละโรงเรียนใหญ่ๆ ต่างทราบข่าวกันแล้ว ชิงจื้อก็เช่นกัน

แต่นับตั้งแต่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อก่อตั้งเป็นต้นมา ก็ไม่เคยพลาดตำแหน่งคะแนนสอบเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเท่าไร

ข้อสอบทั้งประเทศในปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว แต่ยังมีคนได้คะแนนเต็มวิชาวิทยาศาสตร์ พวกเขาก็เห็นข้อสอบแล้ว วิธีแก้โจทย์สุดหินจริงๆ

ดังนั้นทางโรงเรียนก็รับสายแทบไม่หวาดไม่ไหวเหมือนกัน ก็คงหนีไม่พ้นอยากให้เวินทิงหลานเลือกมหาวิทยาลัยของพวกเขาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งยังรับปากเรื่องทุนการศึกษาและสวัสดิการอย่างเต็มที่

แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยตี้ตูก็ไม่เว้น

“เฮ้อ…” ผู้อำนวยการวางสาย รู้สึกกลุ้มใจ

“นี่ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว มหาวิทยาลัยตี้ตูยังต่างคนต่างอยู่อีกเหรอ”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการถอนหายใจ

“นั่นน่ะสิครับ ได้ยินว่าสาขาฟิสิกส์กับสาขาคณิตศาสตร์ทะเลาะกันเพราะเรื่องนักศึกษาทุกเดือน ก่อนหน้านี้มีนักศึกษาคนนึงอยากย้ายไปสาขาฟิสิกส์ สาขาคณิตศาสตร์เลยโมโหใหญ่”

“แต่ว่าเรื่องนี้ให้นักเรียนเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า” ผู้อำนวยการรู้สึกว่าตัวเองมีหัวก้าวหน้า

“โชคดีที่นักเรียนเวินทิงหลานย้ายมาที่ชิงจื้อของเราแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งของปีนี้คงไม่อยู่ที่พวกเรา”

นักเรียนอัจฉริยะบางคนไม่จำเป็นต้องให้ครูไปสอน และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทางการศึกษาเท่าไร ก็สามารถสลัดคนอื่นทิ้งชนิดไม่เห็นฝุ่น

“เขาต้องเลือกมหาวิทยาลัยตี้ตูแน่นอน” อาจารย์ฝ่ายวิชาการพยักหน้า “แต่จะเลือดคณะไหนอันนี้ไม่รู้แล้ว” พวกเขาเองก็ได้ทำการวิเคราะห์เวินทิงหลานในด้านต่างๆ สุดท้ายก็พบว่า…มีคนที่เรียนเก่งทุกด้านจริงๆ ยกเว้นด้านภาษาศาสตร์ล้วนๆ

“น่าเสียดาย ความคิดแรกของผมเลยคืออยากให้นักเรียนเวินทิงหลานไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน” ผู้อำนวยการส่ายหน้า “ต่อไปอาจมีโอกาสก็ได้มั้ง”

ขณะที่พูดอยู่นั้นโทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น ผู้อำนวยการรับสาย แต่ฟังแค่ไม่กี่ประโยค สีหน้าก็แย่ลงไปมาก เขาไม่พูดพล่ามทำเพลง พูดเพียงว่า

“ผมจะช่วยติดต่อให้ครับ ส่วนเธอจะไปพบคุณหรือไม่นั่นก็เป็นเรื่องของเธอแล้วครับ”

หลังจากวางสายอาจารย์ฝ่ายวิชาการก็รีบถาม “มหา’ลัยไหนอีกเหรอครับ”

“ไม่ใช่ คุณนายอิ๋ง” ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว “เห็นบอกว่านักเรียนอิ๋งจื่อจินหยิบเอาเพชรสีชมพูของนักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียนไป พวกเขาหาตัวไม่เจอเลยโทรมาที่พวกเรา”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการนึกไม่ออกในทันที สามวินาทีต่อมาถึงร้องอ๋อ “คนที่ปรมาจารย์กวาดล้างเรียกว่าคุณนายไฮโซที่มีแนวโน้มชอบความรุนแรงนั่นน่ะเหรอครับ”

อาจารย์ฝ่ายปกครองบอกว่า เขาเจอผู้ปกครองมาก็มาก แต่คนอย่างจงมั่นหวาที่ลงมือตีลูกโดยไม่ฟังเหตุผลให้ดีก่อน เขาเพิ่งเคยเจอเป็นคนแรก

“ครอบครัวพวกเขาก็แปลกจริงๆ” ผู้อำนวยการเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ “ถ้าไม่ชอบนักเรียนอิ๋งจื่อจิน จะรับเลี้ยงไปทำไม ตอนนี้อิ๋งลู่เวยก็ติดคุกแล้ว ยังจะถือสาหาความอะไรกันอีก”

“อะแฮ่ม!” อาจารย์ฝ่ายวิชาการกระแอมหนึ่งที พูดเสียงขรึม “ผู้อำนวยการ จากประสบการณ์ดูละครมาหลายปีของผม ตระกูลอิ๋งจะต้องมีแผนชั่วร้ายอย่างแน่นอน!”

มือของผู้อำนวยการที่กำลังกดเบอร์หยุดชะงัก หันไปมองเขา

“ละครน้ำเน่าขาดศีลธรรมในครอบครัวน่ะเหรอ”

“…”

ณ บ้านตระกูลเวิน

อิ๋งจื่อจินกำลังดูเวินทิงหลานทำโจทย์

ไม่ใช่โจทย์ฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ แต่เป็นโจทย์ทดสอบตรรกะความคิดที่ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันออกโดยเฉพาะ ทั้งยังถูกไอบีไอเอาไปหนึ่งชุด บอกว่าจะเอาไว้ใช้รับสมัครสายสืบ

โจทย์แบบนี้ช่วยเรื่องอาการของเวินทิงหลานได้มาก

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้น อิ๋งจื่อจินเหลือบมองแล้วกดรับ “ค่ะผู้อำนวยการ”

“นักเรียนอิ๋ง มีเรื่องนิดหน่อย” ผู้อำนวยการคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เล่าเรื่องที่คุยกับจงมั่นหวาทั้งหมดให้ฟัง “ทางโรงเรียนจะไม่เข้าไปยุ่ง เธอตัดสินใจเองได้เลยนะ”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย “รบกวนผู้อำนวยการแล้วค่ะ”

หลังจากเธอออกจากตระกูลอิ๋งก็ไม่ได้ไปยุ่งด้วยอีก เธอเองก็ไม่มีเวลาพยากรณ์เรื่องของตระกูลอิ๋งโดยเฉพาะ

จึ๊ วุ่นวายจริง…

เวินทิงหลานเงยหน้า “พี่?”

ตอนนี้เขารู้สึกว่าพี่สาวของเขาอาจเป็นหมอดู ถึงขนาดที่ทำนายได้แม้กระทั่งคะแนนสอบได้เป๊ะแบบไม่เพี้ยนเลยสักนิด

“ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น ค่อยๆ บิดขี้เกียจ “เดี๋ยวพ่อกลับมาพวกเราออกไปกินข้าวกัน”

ตั้งแต่เที่ยงถึงเย็น จงมั่นหวาก็ยังไม่เห็นวี่แววของอิ๋งจื่อจินหรือแม้กระทั่งโทรมา เธอโทรหาชิงจื้ออีกครั้ง แต่ชิงจื้อกลับบอกว่าพวกเขาไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว จงมั่นหวาโมโหจนนั่งรถไปโรงพัก

เวลานี้ตำรวจเลิกงานกันแล้ว มีแค่ตำรวจเข้าเวรสองคน ตำรวจหญิงคนหนึ่งต้อนรับจงมั่นหวา พาเธอไปห้องสอบสวน

“คุณนายอิ๋งใจเย็นก่อนนะคะ” ตำรวจหญิงรินน้ำให้เธอแล้วหยิบกระดาษกับปากกา

“รบกวนช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังทีค่ะ”

“วันนี้ลูกสาวของฉันกลับมาบ้านก็พบว่าเพชรสีชมพูของตัวเองหายไปค่ะ” น้ำเสียงของจงมั่นหวาเย็นชา “หาในบ้านไม่เจอ ถูกขโมยไปแล้ว คนที่ขโมยเพชรสีชมพูไปก็คือลูกสาวอีกคนของฉันค่ะ”

ฟังถึงตรงนี้ตำรวจหญิงก็เงยหน้าด้วยความตกใจ “คุณแน่ใจเหรอคะ”

จงมั่นหวาถูกเธอมองด้วยสายตาแบบนั้นก็กระอักกระอ่วน สีหน้าไม่ค่อยดี “แน่ใจค่ะ”

ตำรวจหญิงไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอเตือนอ้อมๆ “เรื่องแบบนี้คุณโทรหาลูกสาวก่อนได้นะคะ”

เรื่องส่วนตัวในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นขึ้นโรงพัก

“เธอไม่มาเจอฉันค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้จงมั่นหวาก็หงุดหงิด “ถ้าเธอไม่ร้อนตัว มีเหรอจะไม่มา”

ตำรวจหญิงส่ายหน้า หยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง “แรงจูงใจก่อคดี พยานหลักฐาน บอกมาด้วยค่ะ”

“แรงจูงใจก่อคดีก็ต้องเป็นเพราะเธออิจฉาเสี่ยวเซวียน ถึงได้เอาเพชรสีชมพูไป” จงมั่นหวาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “ฉันนี่แหละคะพยาน พวกคุณรีบช่วยติดต่อเธอให้ทีบอกให้เธอมาตอนนี้เลยนะคะ”

ตำรวจหญิงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณนายอิ๋งคะ ฉันจำเป็นต้องถามคุณอีกครั้ง คุณแน่ใจว่าลูกสาวคนรองของคุณขโมยเพชรสีชมพูของลูกสาวคนโตไปนะคะ”

เพชรสีชมพูชิ้นนี้มูลค่าแปดล้าน ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ถ้าเป็นการใส่ร้ายก็คือผิดกฎหมาย จงมั่นหวาตอบโดยไม่ต้องคิด “แน่ใจค่ะ”

ตำรวจหญิงพยักหน้า ออกไปติดต่อคน

สักพักเธอก็กลับมา “คุณรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวก็มาแล้วค่ะ”

จงมั่นหวาทำสีหน้าอวดดี เธออุตส่าห์พูดดีๆ บอกให้อิ๋งจื่อจินกลับมาแต่ไม่กลับ ต้องรอให้เธอมาแจ้งตำรวจอิ๋งจื่อจินถึงจะมา แบบนี้เรียกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

ยี่สิบนาทีต่อมาประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก

จงมั่นหวาหันไป เตรียมจะอ้าปากสั่งสอน แต่ทว่าคนที่มากลับเป็นชายหนุ่มพร้อมกระเป๋าเอกสาร

เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ บุคลิกน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา สีหน้าของจงมั่นหวาเปลี่ยนไป

“คุณเป็นใคร อิ๋งจื่อจินล่ะ”

“สวัสดีครับ ผมเป็นทนายความของคุณอิ๋งครับ” ชายหนุ่มวางกระเป๋าเอกสาร ไม่สนใจจงมั่นหวา แต่พยักหน้าให้ตำรวจหญิงที่มีหน้าที่บันทึกคำให้การอย่างสุภาพ “นี่นามบัตรของผมครับ”

เขาวางนามบัตรบนโต๊ะ สำนักงานทนายความซีเฟิงแห่งตี้ตู ‘ทนายสีเหวยหวน’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 191 พ่ออิ๋งลงมือจัดการ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 191 พ่ออิ๋งลงมือจัดการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอหาตัวอิ๋งจื่อจินไม่เจอ ตำรวจยังจะหาไม่เจอได้เหรอ

เรื่องอย่างลักขโมย เกิดลือออกไปได้ขายหน้าแย่

แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางที่จะเลี่ยงไม่เจอหน้ากันได้จริงๆ จงมั่นหวาบอกจะแจ้งตำรวจก็แค่ขู่อิ๋งจื่อจินไปเท่านั้น

ขอเพียงแต่อิ๋งจื่อจินยอมกลับมาดีๆ มาเป็นคุณหนูรองของตระกูลอิ๋ง เธอย่อมไม่มีทางแจ้งตำรวจ

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่เข้าใจการกระทำของจงมั่นหวาเลยจริงๆ เธอตะลึงมาก “แม่คะ…ยังไม่ถามให้รู้เรื่อง แถมไม่มีหลักฐาน แม่ก็ตัดสินว่าน้องทำแล้วเหรอคะ” แบบนี้ได้ด้วยเหรอ

“เสี่ยวเซวียน เรื่องนี้ลูกไม่ต้องยุ่ง” จงมั่นหวากดโทรหาชิงจื้อ เดินไปโทรที่ระเบียง พูดอย่างเลือดเย็น

“เด็กคนนั้นคิดอะไรอยู่แม่รู้ดีที่สุด” เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงไปจากบ้านนี้

ก็คงหนีไม่พ้นเป็นเพราะเธอกับอิ๋งเจิ้นถิงไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอิ๋งจื่อจิน รักอิ๋งเย่ว์เซวียนมากกว่า เลยรู้สึกน้อยใจ

แต่คนที่เลี้ยงมาสิบกว่าปี เทียบกับคนที่เลี้ยงมาปีเดียวได้เหรอ ตอนที่อิ๋งจื่อจินกลับมาเธอก็เคยพูดแล้วว่า พวกเขาผูกพันกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก อีกทั้งยังได้ให้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปอยู่ยุโรปหนึ่งปีเพื่อให้อิ๋งจื่อจินเข้ากับครอบครัวอิ๋งได้เร็วขึ้น นอกจากเรื่องบริจาคเลือดที่ทำโดยไร้ศีลธรรม เรื่องอื่นก็ไม่เห็นมีอะไร ปรากฏว่าอิ๋งจื่อจินตัดขาดความสัมพันธ์ แล้วพวกเขาที่เป็นพ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน

พอเห็นจงมั่นหวาเดินออกไป อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น

เธอลังเล จากนั้นจึงกระซิบถาม “คุณอาพ่อบ้านคะ ระยะนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ ก่อนหนูไปแม่ไม่เห็นเป็นแบบนี้”

พ่อบ้านยังไม่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินตัดความสัมพันธ์กับตระกูลอิ๋งแล้ว แม้แต่ชื่อในทะเบียนบ้านก็ย้ายออกไป

เขาพูดอย่างลังเล “คุณหนูรองค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ทำให้คุณนายกลุ้มใจ คุณหนูใหญ่ก็ทราบว่าเดิมทีคุณนายเป็นคนหัวแข็ง ขายหน้าไม่ได้”

“แต่ก็ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนรับไม่ได้ “น้องเป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณแม่ ไม่ใช่ศัตรูเสียหน่อย ทำไมถึงกับจะแจ้งตำรวจเลย” พ่อบ้านไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว

เรื่องของเจ้านาย เขาเป็นบ่าวจะไปทำอะไรได้

“นี่ขนาดน้อง แม่ยังแจ้งตำรวจ” อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าเริ่มซีด “ถ้าเป็นหนู แม่ไม่จับส่งเข้าคุกเลยเหรอ”

“คุณหนูใหญ่!” พ่อบ้านตกใจ “คุณหนูใหญ่ ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะครับ คุณนายกับคุณท่านจะเสียใจ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “งั้นคุณแม่ไม่คิดว่าน้องจะเสียใจบ้างเหรอคะ”

มิน่าเธอกลับมาครั้งนี้ถึงไม่เห็นอิ๋งจื่อจินอันที่จริงพวกเธอได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง อิ๋งจื่อจินถูกรับกลับมาเธอถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง เธอจะไปจากที่นี่ แต่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรั้งเธอเอาไว้ บอกว่าเธอไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ไปจากตระกูลอิ๋งจะไปอยู่ที่ไหนได้

ครั้นแล้วเธอก็ทำได้เพียงถอยห่างออกมา สมัครโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนของชิงจื้อไปอยู่ยุโรป

“คุณหนูใหญ่ เรื่องนี้จะโทษคุณนายก็ไม่ได้นะครับ” พ่อบ้านเกลี้ยกล่อม “เอาเป็นว่า เฮ้อ คุณหนูรองจะเทียบกับคุณหนูใหญ่ได้อย่างไรครับ คุณนายก็แค่ไม่เจอเธอนานแล้วเลยอยากเจอเธอน่ะครับ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่พูดอะไรอีก “ไปถามคนใช้ก่อนว่าเพชรสีชมพูของหนูไปอยู่ไหนแล้วกันแน่ มีใครเผลอหยิบติดมือไปหรือเปล่า”

พ่อบ้านขานรับ “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

แต่ละโรงเรียนใหญ่ๆ ต่างทราบข่าวกันแล้ว ชิงจื้อก็เช่นกัน

แต่นับตั้งแต่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อก่อตั้งเป็นต้นมา ก็ไม่เคยพลาดตำแหน่งคะแนนสอบเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเท่าไร

ข้อสอบทั้งประเทศในปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว แต่ยังมีคนได้คะแนนเต็มวิชาวิทยาศาสตร์ พวกเขาก็เห็นข้อสอบแล้ว วิธีแก้โจทย์สุดหินจริงๆ

ดังนั้นทางโรงเรียนก็รับสายแทบไม่หวาดไม่ไหวเหมือนกัน ก็คงหนีไม่พ้นอยากให้เวินทิงหลานเลือกมหาวิทยาลัยของพวกเขาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งยังรับปากเรื่องทุนการศึกษาและสวัสดิการอย่างเต็มที่

แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยตี้ตูก็ไม่เว้น

“เฮ้อ…” ผู้อำนวยการวางสาย รู้สึกกลุ้มใจ

“นี่ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว มหาวิทยาลัยตี้ตูยังต่างคนต่างอยู่อีกเหรอ”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการถอนหายใจ

“นั่นน่ะสิครับ ได้ยินว่าสาขาฟิสิกส์กับสาขาคณิตศาสตร์ทะเลาะกันเพราะเรื่องนักศึกษาทุกเดือน ก่อนหน้านี้มีนักศึกษาคนนึงอยากย้ายไปสาขาฟิสิกส์ สาขาคณิตศาสตร์เลยโมโหใหญ่”

“แต่ว่าเรื่องนี้ให้นักเรียนเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า” ผู้อำนวยการรู้สึกว่าตัวเองมีหัวก้าวหน้า

“โชคดีที่นักเรียนเวินทิงหลานย้ายมาที่ชิงจื้อของเราแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งของปีนี้คงไม่อยู่ที่พวกเรา”

นักเรียนอัจฉริยะบางคนไม่จำเป็นต้องให้ครูไปสอน และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทางการศึกษาเท่าไร ก็สามารถสลัดคนอื่นทิ้งชนิดไม่เห็นฝุ่น

“เขาต้องเลือกมหาวิทยาลัยตี้ตูแน่นอน” อาจารย์ฝ่ายวิชาการพยักหน้า “แต่จะเลือดคณะไหนอันนี้ไม่รู้แล้ว” พวกเขาเองก็ได้ทำการวิเคราะห์เวินทิงหลานในด้านต่างๆ สุดท้ายก็พบว่า…มีคนที่เรียนเก่งทุกด้านจริงๆ ยกเว้นด้านภาษาศาสตร์ล้วนๆ

“น่าเสียดาย ความคิดแรกของผมเลยคืออยากให้นักเรียนเวินทิงหลานไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน” ผู้อำนวยการส่ายหน้า “ต่อไปอาจมีโอกาสก็ได้มั้ง”

ขณะที่พูดอยู่นั้นโทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น ผู้อำนวยการรับสาย แต่ฟังแค่ไม่กี่ประโยค สีหน้าก็แย่ลงไปมาก เขาไม่พูดพล่ามทำเพลง พูดเพียงว่า

“ผมจะช่วยติดต่อให้ครับ ส่วนเธอจะไปพบคุณหรือไม่นั่นก็เป็นเรื่องของเธอแล้วครับ”

หลังจากวางสายอาจารย์ฝ่ายวิชาการก็รีบถาม “มหา’ลัยไหนอีกเหรอครับ”

“ไม่ใช่ คุณนายอิ๋ง” ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว “เห็นบอกว่านักเรียนอิ๋งจื่อจินหยิบเอาเพชรสีชมพูของนักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียนไป พวกเขาหาตัวไม่เจอเลยโทรมาที่พวกเรา”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการนึกไม่ออกในทันที สามวินาทีต่อมาถึงร้องอ๋อ “คนที่ปรมาจารย์กวาดล้างเรียกว่าคุณนายไฮโซที่มีแนวโน้มชอบความรุนแรงนั่นน่ะเหรอครับ”

อาจารย์ฝ่ายปกครองบอกว่า เขาเจอผู้ปกครองมาก็มาก แต่คนอย่างจงมั่นหวาที่ลงมือตีลูกโดยไม่ฟังเหตุผลให้ดีก่อน เขาเพิ่งเคยเจอเป็นคนแรก

“ครอบครัวพวกเขาก็แปลกจริงๆ” ผู้อำนวยการเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ “ถ้าไม่ชอบนักเรียนอิ๋งจื่อจิน จะรับเลี้ยงไปทำไม ตอนนี้อิ๋งลู่เวยก็ติดคุกแล้ว ยังจะถือสาหาความอะไรกันอีก”

“อะแฮ่ม!” อาจารย์ฝ่ายวิชาการกระแอมหนึ่งที พูดเสียงขรึม “ผู้อำนวยการ จากประสบการณ์ดูละครมาหลายปีของผม ตระกูลอิ๋งจะต้องมีแผนชั่วร้ายอย่างแน่นอน!”

มือของผู้อำนวยการที่กำลังกดเบอร์หยุดชะงัก หันไปมองเขา

“ละครน้ำเน่าขาดศีลธรรมในครอบครัวน่ะเหรอ”

“…”

ณ บ้านตระกูลเวิน

อิ๋งจื่อจินกำลังดูเวินทิงหลานทำโจทย์

ไม่ใช่โจทย์ฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ แต่เป็นโจทย์ทดสอบตรรกะความคิดที่ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันออกโดยเฉพาะ ทั้งยังถูกไอบีไอเอาไปหนึ่งชุด บอกว่าจะเอาไว้ใช้รับสมัครสายสืบ

โจทย์แบบนี้ช่วยเรื่องอาการของเวินทิงหลานได้มาก

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้น อิ๋งจื่อจินเหลือบมองแล้วกดรับ “ค่ะผู้อำนวยการ”

“นักเรียนอิ๋ง มีเรื่องนิดหน่อย” ผู้อำนวยการคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เล่าเรื่องที่คุยกับจงมั่นหวาทั้งหมดให้ฟัง “ทางโรงเรียนจะไม่เข้าไปยุ่ง เธอตัดสินใจเองได้เลยนะ”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย “รบกวนผู้อำนวยการแล้วค่ะ”

หลังจากเธอออกจากตระกูลอิ๋งก็ไม่ได้ไปยุ่งด้วยอีก เธอเองก็ไม่มีเวลาพยากรณ์เรื่องของตระกูลอิ๋งโดยเฉพาะ

จึ๊ วุ่นวายจริง…

เวินทิงหลานเงยหน้า “พี่?”

ตอนนี้เขารู้สึกว่าพี่สาวของเขาอาจเป็นหมอดู ถึงขนาดที่ทำนายได้แม้กระทั่งคะแนนสอบได้เป๊ะแบบไม่เพี้ยนเลยสักนิด

“ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น ค่อยๆ บิดขี้เกียจ “เดี๋ยวพ่อกลับมาพวกเราออกไปกินข้าวกัน”

ตั้งแต่เที่ยงถึงเย็น จงมั่นหวาก็ยังไม่เห็นวี่แววของอิ๋งจื่อจินหรือแม้กระทั่งโทรมา เธอโทรหาชิงจื้ออีกครั้ง แต่ชิงจื้อกลับบอกว่าพวกเขาไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว จงมั่นหวาโมโหจนนั่งรถไปโรงพัก

เวลานี้ตำรวจเลิกงานกันแล้ว มีแค่ตำรวจเข้าเวรสองคน ตำรวจหญิงคนหนึ่งต้อนรับจงมั่นหวา พาเธอไปห้องสอบสวน

“คุณนายอิ๋งใจเย็นก่อนนะคะ” ตำรวจหญิงรินน้ำให้เธอแล้วหยิบกระดาษกับปากกา

“รบกวนช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังทีค่ะ”

“วันนี้ลูกสาวของฉันกลับมาบ้านก็พบว่าเพชรสีชมพูของตัวเองหายไปค่ะ” น้ำเสียงของจงมั่นหวาเย็นชา “หาในบ้านไม่เจอ ถูกขโมยไปแล้ว คนที่ขโมยเพชรสีชมพูไปก็คือลูกสาวอีกคนของฉันค่ะ”

ฟังถึงตรงนี้ตำรวจหญิงก็เงยหน้าด้วยความตกใจ “คุณแน่ใจเหรอคะ”

จงมั่นหวาถูกเธอมองด้วยสายตาแบบนั้นก็กระอักกระอ่วน สีหน้าไม่ค่อยดี “แน่ใจค่ะ”

ตำรวจหญิงไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอเตือนอ้อมๆ “เรื่องแบบนี้คุณโทรหาลูกสาวก่อนได้นะคะ”

เรื่องส่วนตัวในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นขึ้นโรงพัก

“เธอไม่มาเจอฉันค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้จงมั่นหวาก็หงุดหงิด “ถ้าเธอไม่ร้อนตัว มีเหรอจะไม่มา”

ตำรวจหญิงส่ายหน้า หยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง “แรงจูงใจก่อคดี พยานหลักฐาน บอกมาด้วยค่ะ”

“แรงจูงใจก่อคดีก็ต้องเป็นเพราะเธออิจฉาเสี่ยวเซวียน ถึงได้เอาเพชรสีชมพูไป” จงมั่นหวาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “ฉันนี่แหละคะพยาน พวกคุณรีบช่วยติดต่อเธอให้ทีบอกให้เธอมาตอนนี้เลยนะคะ”

ตำรวจหญิงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณนายอิ๋งคะ ฉันจำเป็นต้องถามคุณอีกครั้ง คุณแน่ใจว่าลูกสาวคนรองของคุณขโมยเพชรสีชมพูของลูกสาวคนโตไปนะคะ”

เพชรสีชมพูชิ้นนี้มูลค่าแปดล้าน ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ถ้าเป็นการใส่ร้ายก็คือผิดกฎหมาย จงมั่นหวาตอบโดยไม่ต้องคิด “แน่ใจค่ะ”

ตำรวจหญิงพยักหน้า ออกไปติดต่อคน

สักพักเธอก็กลับมา “คุณรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวก็มาแล้วค่ะ”

จงมั่นหวาทำสีหน้าอวดดี เธออุตส่าห์พูดดีๆ บอกให้อิ๋งจื่อจินกลับมาแต่ไม่กลับ ต้องรอให้เธอมาแจ้งตำรวจอิ๋งจื่อจินถึงจะมา แบบนี้เรียกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

ยี่สิบนาทีต่อมาประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก

จงมั่นหวาหันไป เตรียมจะอ้าปากสั่งสอน แต่ทว่าคนที่มากลับเป็นชายหนุ่มพร้อมกระเป๋าเอกสาร

เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ บุคลิกน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา สีหน้าของจงมั่นหวาเปลี่ยนไป

“คุณเป็นใคร อิ๋งจื่อจินล่ะ”

“สวัสดีครับ ผมเป็นทนายความของคุณอิ๋งครับ” ชายหนุ่มวางกระเป๋าเอกสาร ไม่สนใจจงมั่นหวา แต่พยักหน้าให้ตำรวจหญิงที่มีหน้าที่บันทึกคำให้การอย่างสุภาพ “นี่นามบัตรของผมครับ”

เขาวางนามบัตรบนโต๊ะ สำนักงานทนายความซีเฟิงแห่งตี้ตู ‘ทนายสีเหวยหวน’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+