คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 250 คุณหนูใหญ่ตระกูลซิว เดี๋ยวจะพาบิน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 250 คุณหนูใหญ่ตระกูลซิว เดี๋ยวจะพาบิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เฟิงเย่ว์ เถิงอวิ้นเมิ่ง พวกเธอแน่ใจนะว่าอยากเปลี่ยนกลุ่ม”

“อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้อยากเปลี่ยนนะครับ” เฟิงเย่ว์ถอนหายใจ “ก็แค่อาจารย์เมิ่งบอกว่าผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินเป็นของปลอม อยากให้พวกเราเปลี่ยน พวกเราเถียงไม่ได้ก็เลยมาขอเปลี่ยนครับ”

อาจารย์เมิ่งก็คืออาจารย์โรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูอีกคนที่เมื่อวานดูผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินพร้อมอาจารย์มั่ว

จั่วหลีถึงนึกขึ้นได้ เมื่อก่อนผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินโชว์ใครไม่ได้เลยจริงๆ

การที่อาจารย์เมิ่งคิดแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ อย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยคลุกคลีกับอิ๋งจื่อจิน

“เปลี่ยนกลุ่มค่อนข้างยุ่งยาก เพราะพวกศาสตราจารย์แบ่งกันเสร็จหมดแล้ว” จั่วหลีเงียบไปชั่วครู่ “เอาแบบนี้ รออิ๋งจื่อจินมาก่อนแล้วพวกเธอปรึกษากันดู”

“ช่างเถอะๆ ไม่เปลี่ยนแล้วค่ะ” เถิงอวิ้นเมิ่งส่ายหน้า “อาจารย์เมิ่งไม่เคยเจออิ๋งจื่อจินเสียหน่อย ก็แค่พูดไปตามความคิดของตัวเอง ต่อให้ผลคะแนนของอิ๋งจื่อจินไม่ดี พวกเราสองคนก็ช่วยเธอได้”

“เปลี่ยนกลุ่มตอนนี้ก็ไม่ดีกับเธอด้วย”

ต่อให้พวกเขาไม่ได้คิดจริงว่าอิ๋งจื่อจินจะมาเป็นตัวถ่วง แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็มีความหมายแบบนั้นในสายตาคนอื่น

เฟิงเย่ว์ตบหน้าอก “ใช่ พวกเราช่วยเธอได้”

ถ้าพวกเขากลับไปแล้วถูกอาจารย์เมิ่งถาม พวกเขาก็พูดได้ว่าขอร้องอาจารย์จั่วอยู่นาน แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้

เรื่องนี้โทษพวกเขาไม่ได้

เขานี่ฉลาดจริงๆ

ทันใดนั้นจั่วหลีก็จามออกมา เขาถูจมูก พูดพึมพำ “ใครนินทาฉัน”

เฟิงเย่ว์รีบปรับสีหน้า ไม่ให้จั่วหลีสังเกตเห็น

จั่วหลีก็ไม่ได้ใส่ใจ เขากระแอม สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “งั้นพวกเธอก็ช่วยชี้แนะเธอด้วยนะ”

“รบกวนศาสตราจารย์จั่วแล้วค่ะ” เถิงอวิ้นเมิ่งพยักหน้า “พวกเรากลับก่อนนะคะ”

จั่วหลีโบกมือเพื่อบอกว่าตามสบาย

หลังจากสองคนนั้นออกไปเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งวีแชทหาอิ๋งจื่อจิน

[ถึงค่ายติวหรือยัง]

สิบนาทีต่อมาถึงมีข้อความตอบกลับ

[เพิ่งถึงหอพักค่ะ]

เนื่องจากมีนักเรียนมาร่วมติวทั้งหมดแค่สิบสองคน ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูจึงเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดเอาไว้ให้

พักห้องละคน มีห้องน้ำในตัว ทั้งยังมีห้องครัว เทียบได้กับโรงแรมห้าดาว

ชั้นดาดฟ้ายังมีสวนลอยฟ้าอีกด้วย

[อาจารย์เพิ่งนึกขึ้นมาได้ มีอยู่เรื่องที่ไม่เข้าใจ อาจารย์อยากเชิญเธอมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตูแต่เธอบอกไม่อยากมา บอกเหนื่อย แล้วนี่เข้าร่วมไอเอสซีไม่เหนื่อยเหรอ ทำไมเธอยังมาล่ะ]

จั่วหลีเห็นการถามตอบครั้งนั้นที่ชิงจื้อด้วยสองตาของตัวเอง ผ่านมาหลายเดือนแล้วเขาก็ยังคงตราตรึง

ถ้าจะให้บอกว่าตัวแทนจากประเทศจีนคนไหนที่จะสามารถทำผลงานได้ดีในงานแข่งขันระดับนานาชาติของไอเอสซี ก็ต้องเป็นอิ๋งจื่อจินอยู่แล้ว

ในสายตาของเขา ไอเอสซีมีระดับความยากที่สูงมาก แต่ยังห่างชั้นกับพวกหัวกะทิที่แท้จริงในวงการวิชาการอยู่อีกมาก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานสำหรับเด็กมัธยมปลาย

แต่งานแข่งขันของไอเอสซีก็กินเวลาถึงแปดเดือน ยุ่งยากมากจริงๆ

[เพราะผู้อำนวยการใกล้หัวล้านเต็มทีแล้วค่ะ]

[?]

แต่จั่วหลีเข้าใจแล้ว

แสดงว่าผู้อำนวยการโรงเรียนขอร้อง อิ๋งจื่อจินถึงได้มา

เขาอดส่งไปถามอีกครั้งไม่ได้

[พูดตามตรงนะ อาจารย์ก็ใกล้หัวล้านแล้วเหมือนกัน เธอก็รู้ว่าคนทำงานเกี่ยวกับฟิสิกส์จะผมร่วงได้ง่าย เธอจะเห็นแก่ที่ผมของอาจารย์เหลืออยู่บางเบา ช่วยมาอยู่มหาวิทยาลัยตี้ตูได้ไหม]

จั่วหลีกลัวจริงๆ ว่าเพชรน้ำงามที่พวกเขาถูกใจแบบที่หาได้ยาก จะถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันคาบไปกินอีกครั้ง

เดือนที่แล้วหลังจากที่เวินทิงหลานไปมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ฝ่ายรับนักศึกษาก็โมโหฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว เขายังถูกด่าไปหนึ่งยก

[หนูมียาสระผมที่ช่วยปลูกผม ราคาปกติ 188 ศาสตราจารย์จั่วกับหนูรู้จักกัน ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งได้ค่ะ เห็นผลในเจ็ดวัน ไม่พอใจยินดีคืนเงินค่ะ]

[?]

จั่วหลีรู้สึกว่าเขากับอิ๋งจื่อจินเริ่มคุยกันลำบาก

เขาไม่ได้กำลังเผชิญกับเทพในวงการวิชาการ แต่เป็นฝ่ายบริการลูกค้าในเถาเป่า

เขาตอบกลับอย่างหมดแรง

[เอาล่ะ ไม่รบกวนแล้ว รีบพักผ่อนนะ]

ส่งข้อความนี้เสร็จจั่วหลีก็นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ คำนวณโจทย์ฟิสิกส์ต่อ

พอทำเสร็จเขาก็อดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

[ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง สิบขวดก็เก้าร้อยสี่สิบใช่ไหม]

[(อั่งเปา)]

ภายในหอพัก

หลังจากอิ๋งจื่อจินได้รับอั่งเปา เธอก็เอาชื่อกับที่อยู่ของจั่วหลีส่งไปให้ทางโรงพยาบาลเซ่าเหริน

อย่างไรเสียไม่ว่าจะยาสระผมที่ช่วยปลูกผม หรือยาเม็ดรักษาไต ก็ล้วนแต่ผลิตโดยโรงพยาบาลเซ่าเหริน เธอมีหน้าที่แค่ส่งส่วนผสมตัวยาให้

ทั้งสองอย่างนี้ขายดีที่สุด

อิ๋งจื่อจินเอายางมัดผมรวบผม เตรียมไปอาบน้ำ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

เธอลุกไปเปิดประตู

มีนักเรียนหญิงหน้าเด็กคนหนึ่งอยู่ในชุดโรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตู

พอเห็นเธอ นักเรียนหญิงก็ยืนอึ้งไปชั่วครู่

จากนั้นก็ยื่นมือออกมา พยายามออกแรงหยิกตัวเอง อดร้องซี้ดด้วยความเจ็บไม่ได้

ในระหว่างเรียนหนังสือเถิงอวิ้นเมิ่งก็มีเล่นเน็ตบ้าง ถึงแม้เธอจะไม่ตามดารา แต่ก็ชอบดูดาราที่หน้าตาดี

แต่เธอเห็นมาก็มาก ยังไม่มีคนไหนที่สวยตะลึงได้เท่ากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้

โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระยะใกล้ สวยจนตะลึงทำให้วิญญาณหลุดจากร่างก็เกิดขึ้นได้

คล้ายดอกซากุระที่เบ่งบานสะพรั่งเริ่มร่วงโรยปลิวไปทั่ว

เถิงอวิ้นเมิ่งถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอถึงเริ่มได้สติ ยื่นมือออกไป “หวัดดี อิ๋งจื่อจิน ฉันชื่อเถิงอวิ้นเมิ่ง อยู่ทีมเดียวกับเธอ”

อิ๋งจื่อจินจับมือกับเธอพลางพยักหน้า “หวัดดี”

“ขอโทษนะอิ๋งจื่อจิน” เถิงอวิ้นเมิ่งรู้สึกผิด “เธออาจไม่รู้ว่าเมื่อครู่พวกเราไปขอให้ศาสตราจารย์จั่วช่วยเปลี่ยนกลุ่มมา ถึงจะไม่ใช่ความต้องการของพวกเรา แต่ก็เกือบทำร้ายเธอแล้ว”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจได้ เมื่อก่อนฉันเรียนไม่เอาไหนจริงๆ”

เดิมทีเธอมาถึงโลกมนุษย์ตั้งแต่สิบเจ็ดปีก่อน

ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ฟื้นสภาพโดยสมบูรณ์ แต่นั่นก็คือเธอ

“แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยน” พอเห็นเธอไม่คิดเล็กคิดน้อย เถิงอวิ้นเมิ่งก็ดีใจมาก “ต้องเข้าค่ายหนึ่งเดือน พวกเรามาแลกเปลี่ยนวีแชทกันนะ”

“ได้”

อิ๋งจื่อจินเปิดวีแชท กดคิวอาร์โค้ด

เถิงอวิ้นเมิ่งเอาโทรศัพท์มาสแกน

จากนั้นก็ขึ้นหน้าจอจ่ายเงิน “…”

เธอเงยหน้าขึ้น “นี่คือ?”

“โทษที” อิ๋งจื่อจินจับหัว “กดจนชินน่ะ”

เธอปิดคิวอาร์โค้ดรับเงินแล้วเปิดอันใหม่

ติ๊ง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว

“ฉันอยู่ห้องข้างๆ” เถิงอวิ้นเมิ่งบอก “เธอเป็นคนฮู่เฉิง ไม่ค่อยรู้จักตี้ตู มีเรื่องอะไรก็มาถามฉันได้ วางใจได้ ไม่มีทางส่งผลต่อการเรียนของฉัน เพราะฉันก็ไม่ได้ชอบเรียนเท่าไร”

พวกอัจฉริยะจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่อย่าง ไม่ต้องตั้งใจมากก็เรียนเข้าใจ

“เกรงใจเกินไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินเดินกลับเข้าห้อง หยิบกล่องสองกล่องออกมาจากกระเป๋าเป้ “ให้เธอ”

เถิงอวิ้นเมิ่งรับมาดูพร้อมกรี๊ด “อ๊าๆๆ นี่มันมาร์คหน้าขาวใสในเครือฮวาเสี่ยงหรง จื่อจินเธอมือไวมาก!”

“หืม?” อิ๋งจื่อจินเอียงศีรษะ “ทำไมเหรอ”

ฮวาเสี่ยงหรงเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่อยู่ในเครือโรงพยาบาลเซ่าเหริน มาจากคำกลอนที่ว่า ‘เมฆอยากห่มอาภรณ์ บุปผาอยากงามโฉม’

“ฉันสั่งจองไป แต่ก็ไม่ได้เลย” เถิงอวิ้นเมิ่งจับมืออิ๋งจื่อจินด้วยความตื่นเต้น “แต่ของขวัญชิ้นนี้มันแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้”

ขณะพูดเธอก็ดันมาร์คหน้าขาวใสสองกล่องกลับไป

“ไม่เป็นไร รับไว้เถอะ” อิ๋งจื่อจินไม่ใส่ใจ “ไหนว่าจะแนะนำตี้ตูให้ฉันรู้จักไม่ใช่เหรอ”

อย่างไรซะในห้องนอนเธอก็ยังมีอีกหลายลัง

ก็แค่มันหนักเลยไม่ได้เอามา

“ไม่ได้ๆ กล่องนึงไม่ใช่ถูกๆ” เถิงอวิ้นเมิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งอั่งเปา “พวกเรายังมีสมาชิกในทีมอีกคนชื่อเฟิงเย่ว์ เขาอยู่หอพักชายด้านนั้น พรุ่งนี้เธอก็จะได้เจอเขาแล้ว”

เธอแอบกำมือ ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องดูแลอิ๋งจื่อจินให้ดี

นี่เป็นหน้าตาของทีมเธอเลยนะ

ในเวลาสองวันก็มีนักเรียนคนอื่นๆ ทยอยกันมาถึง

ในสิบสองคนมีนักเรียนหญิงห้าคน

แต่นอกจากอิ๋งจื่อจินกับเถิงอวิ้นเมิ่งแล้ว นักเรียนหญิงที่เหลืออีกสามคนไม่ได้ได้โควตาเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย แค่ทางโรงเรียนส่งมาร่วมติว

ตอนบ่ายของวันที่สาม นักเรียนหญิงคนสุดท้ายก็มาถึง

เธอสวมเสื้อยืดของ Burberry กางเกงขาสั้นเข็มขัดหนังแกะของ Chanel

สวมแว่นกันแดดของ Gucci กระเป๋าสะพายเป็นของ Hermes

ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม เยอะจนละลานตา

ด้านหลังนักเรียนหญิงคนนี้ยังมีคนตามมาอีกสองสามคน คนหนึ่งกางร่มให้เธอ อีกสองคนช่วยเธอลากกระเป๋าสัมภาระ

หลังจากที่สองคนนั้นเอากระเป๋าสัมภาระมาไว้หน้าหอพักเสร็จก็ออกไป

“อ๋า!” เถิงอวิ้นเมิ่งมองนักเรียนหญิงคนนั้นที่ถูกแว่นกันแดดบังไปครึ่งหน้าอยู่ไม่กี่วินาที ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “ฉันนึกออกแล้ว เธอคือซิวเหยียน”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้หันไปมอง เธอดึงปีกหมวกลง “ไม่เคยได้ยิน”

“ดาราที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่นาน แต่ดังมากเลยนะ” เถิงอวิ้นเมิ่งบอก “เธอได้อันดับสองในรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 แต่เนื่องจากเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิว ตอนนี้เธอเลยได้เป็นเซ็นเตอร์ หัวหน้าวงยังต้องชิดซ้าย”

พอได้ยินประโยคนี้อิ๋งจื่อจินถึงหันหน้ามา

“มีคนอยู่พอดี” ซิวเหยียนถอดแว่นกันแดดออก เชิดหน้าขึ้น “พวกเธอสองคนมายกสัมภาระของฉันขึ้นไปหน่อยสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 250 คุณหนูใหญ่ตระกูลซิว เดี๋ยวจะพาบิน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 250 คุณหนูใหญ่ตระกูลซิว เดี๋ยวจะพาบิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เฟิงเย่ว์ เถิงอวิ้นเมิ่ง พวกเธอแน่ใจนะว่าอยากเปลี่ยนกลุ่ม”

“อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้อยากเปลี่ยนนะครับ” เฟิงเย่ว์ถอนหายใจ “ก็แค่อาจารย์เมิ่งบอกว่าผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินเป็นของปลอม อยากให้พวกเราเปลี่ยน พวกเราเถียงไม่ได้ก็เลยมาขอเปลี่ยนครับ”

อาจารย์เมิ่งก็คืออาจารย์โรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูอีกคนที่เมื่อวานดูผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินพร้อมอาจารย์มั่ว

จั่วหลีถึงนึกขึ้นได้ เมื่อก่อนผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินโชว์ใครไม่ได้เลยจริงๆ

การที่อาจารย์เมิ่งคิดแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ อย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยคลุกคลีกับอิ๋งจื่อจิน

“เปลี่ยนกลุ่มค่อนข้างยุ่งยาก เพราะพวกศาสตราจารย์แบ่งกันเสร็จหมดแล้ว” จั่วหลีเงียบไปชั่วครู่ “เอาแบบนี้ รออิ๋งจื่อจินมาก่อนแล้วพวกเธอปรึกษากันดู”

“ช่างเถอะๆ ไม่เปลี่ยนแล้วค่ะ” เถิงอวิ้นเมิ่งส่ายหน้า “อาจารย์เมิ่งไม่เคยเจออิ๋งจื่อจินเสียหน่อย ก็แค่พูดไปตามความคิดของตัวเอง ต่อให้ผลคะแนนของอิ๋งจื่อจินไม่ดี พวกเราสองคนก็ช่วยเธอได้”

“เปลี่ยนกลุ่มตอนนี้ก็ไม่ดีกับเธอด้วย”

ต่อให้พวกเขาไม่ได้คิดจริงว่าอิ๋งจื่อจินจะมาเป็นตัวถ่วง แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็มีความหมายแบบนั้นในสายตาคนอื่น

เฟิงเย่ว์ตบหน้าอก “ใช่ พวกเราช่วยเธอได้”

ถ้าพวกเขากลับไปแล้วถูกอาจารย์เมิ่งถาม พวกเขาก็พูดได้ว่าขอร้องอาจารย์จั่วอยู่นาน แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้

เรื่องนี้โทษพวกเขาไม่ได้

เขานี่ฉลาดจริงๆ

ทันใดนั้นจั่วหลีก็จามออกมา เขาถูจมูก พูดพึมพำ “ใครนินทาฉัน”

เฟิงเย่ว์รีบปรับสีหน้า ไม่ให้จั่วหลีสังเกตเห็น

จั่วหลีก็ไม่ได้ใส่ใจ เขากระแอม สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “งั้นพวกเธอก็ช่วยชี้แนะเธอด้วยนะ”

“รบกวนศาสตราจารย์จั่วแล้วค่ะ” เถิงอวิ้นเมิ่งพยักหน้า “พวกเรากลับก่อนนะคะ”

จั่วหลีโบกมือเพื่อบอกว่าตามสบาย

หลังจากสองคนนั้นออกไปเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งวีแชทหาอิ๋งจื่อจิน

[ถึงค่ายติวหรือยัง]

สิบนาทีต่อมาถึงมีข้อความตอบกลับ

[เพิ่งถึงหอพักค่ะ]

เนื่องจากมีนักเรียนมาร่วมติวทั้งหมดแค่สิบสองคน ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูจึงเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดเอาไว้ให้

พักห้องละคน มีห้องน้ำในตัว ทั้งยังมีห้องครัว เทียบได้กับโรงแรมห้าดาว

ชั้นดาดฟ้ายังมีสวนลอยฟ้าอีกด้วย

[อาจารย์เพิ่งนึกขึ้นมาได้ มีอยู่เรื่องที่ไม่เข้าใจ อาจารย์อยากเชิญเธอมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตูแต่เธอบอกไม่อยากมา บอกเหนื่อย แล้วนี่เข้าร่วมไอเอสซีไม่เหนื่อยเหรอ ทำไมเธอยังมาล่ะ]

จั่วหลีเห็นการถามตอบครั้งนั้นที่ชิงจื้อด้วยสองตาของตัวเอง ผ่านมาหลายเดือนแล้วเขาก็ยังคงตราตรึง

ถ้าจะให้บอกว่าตัวแทนจากประเทศจีนคนไหนที่จะสามารถทำผลงานได้ดีในงานแข่งขันระดับนานาชาติของไอเอสซี ก็ต้องเป็นอิ๋งจื่อจินอยู่แล้ว

ในสายตาของเขา ไอเอสซีมีระดับความยากที่สูงมาก แต่ยังห่างชั้นกับพวกหัวกะทิที่แท้จริงในวงการวิชาการอยู่อีกมาก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานสำหรับเด็กมัธยมปลาย

แต่งานแข่งขันของไอเอสซีก็กินเวลาถึงแปดเดือน ยุ่งยากมากจริงๆ

[เพราะผู้อำนวยการใกล้หัวล้านเต็มทีแล้วค่ะ]

[?]

แต่จั่วหลีเข้าใจแล้ว

แสดงว่าผู้อำนวยการโรงเรียนขอร้อง อิ๋งจื่อจินถึงได้มา

เขาอดส่งไปถามอีกครั้งไม่ได้

[พูดตามตรงนะ อาจารย์ก็ใกล้หัวล้านแล้วเหมือนกัน เธอก็รู้ว่าคนทำงานเกี่ยวกับฟิสิกส์จะผมร่วงได้ง่าย เธอจะเห็นแก่ที่ผมของอาจารย์เหลืออยู่บางเบา ช่วยมาอยู่มหาวิทยาลัยตี้ตูได้ไหม]

จั่วหลีกลัวจริงๆ ว่าเพชรน้ำงามที่พวกเขาถูกใจแบบที่หาได้ยาก จะถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันคาบไปกินอีกครั้ง

เดือนที่แล้วหลังจากที่เวินทิงหลานไปมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ฝ่ายรับนักศึกษาก็โมโหฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว เขายังถูกด่าไปหนึ่งยก

[หนูมียาสระผมที่ช่วยปลูกผม ราคาปกติ 188 ศาสตราจารย์จั่วกับหนูรู้จักกัน ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งได้ค่ะ เห็นผลในเจ็ดวัน ไม่พอใจยินดีคืนเงินค่ะ]

[?]

จั่วหลีรู้สึกว่าเขากับอิ๋งจื่อจินเริ่มคุยกันลำบาก

เขาไม่ได้กำลังเผชิญกับเทพในวงการวิชาการ แต่เป็นฝ่ายบริการลูกค้าในเถาเป่า

เขาตอบกลับอย่างหมดแรง

[เอาล่ะ ไม่รบกวนแล้ว รีบพักผ่อนนะ]

ส่งข้อความนี้เสร็จจั่วหลีก็นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ คำนวณโจทย์ฟิสิกส์ต่อ

พอทำเสร็จเขาก็อดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

[ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง สิบขวดก็เก้าร้อยสี่สิบใช่ไหม]

[(อั่งเปา)]

ภายในหอพัก

หลังจากอิ๋งจื่อจินได้รับอั่งเปา เธอก็เอาชื่อกับที่อยู่ของจั่วหลีส่งไปให้ทางโรงพยาบาลเซ่าเหริน

อย่างไรเสียไม่ว่าจะยาสระผมที่ช่วยปลูกผม หรือยาเม็ดรักษาไต ก็ล้วนแต่ผลิตโดยโรงพยาบาลเซ่าเหริน เธอมีหน้าที่แค่ส่งส่วนผสมตัวยาให้

ทั้งสองอย่างนี้ขายดีที่สุด

อิ๋งจื่อจินเอายางมัดผมรวบผม เตรียมไปอาบน้ำ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

เธอลุกไปเปิดประตู

มีนักเรียนหญิงหน้าเด็กคนหนึ่งอยู่ในชุดโรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตู

พอเห็นเธอ นักเรียนหญิงก็ยืนอึ้งไปชั่วครู่

จากนั้นก็ยื่นมือออกมา พยายามออกแรงหยิกตัวเอง อดร้องซี้ดด้วยความเจ็บไม่ได้

ในระหว่างเรียนหนังสือเถิงอวิ้นเมิ่งก็มีเล่นเน็ตบ้าง ถึงแม้เธอจะไม่ตามดารา แต่ก็ชอบดูดาราที่หน้าตาดี

แต่เธอเห็นมาก็มาก ยังไม่มีคนไหนที่สวยตะลึงได้เท่ากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้

โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระยะใกล้ สวยจนตะลึงทำให้วิญญาณหลุดจากร่างก็เกิดขึ้นได้

คล้ายดอกซากุระที่เบ่งบานสะพรั่งเริ่มร่วงโรยปลิวไปทั่ว

เถิงอวิ้นเมิ่งถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอถึงเริ่มได้สติ ยื่นมือออกไป “หวัดดี อิ๋งจื่อจิน ฉันชื่อเถิงอวิ้นเมิ่ง อยู่ทีมเดียวกับเธอ”

อิ๋งจื่อจินจับมือกับเธอพลางพยักหน้า “หวัดดี”

“ขอโทษนะอิ๋งจื่อจิน” เถิงอวิ้นเมิ่งรู้สึกผิด “เธออาจไม่รู้ว่าเมื่อครู่พวกเราไปขอให้ศาสตราจารย์จั่วช่วยเปลี่ยนกลุ่มมา ถึงจะไม่ใช่ความต้องการของพวกเรา แต่ก็เกือบทำร้ายเธอแล้ว”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจได้ เมื่อก่อนฉันเรียนไม่เอาไหนจริงๆ”

เดิมทีเธอมาถึงโลกมนุษย์ตั้งแต่สิบเจ็ดปีก่อน

ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ฟื้นสภาพโดยสมบูรณ์ แต่นั่นก็คือเธอ

“แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยน” พอเห็นเธอไม่คิดเล็กคิดน้อย เถิงอวิ้นเมิ่งก็ดีใจมาก “ต้องเข้าค่ายหนึ่งเดือน พวกเรามาแลกเปลี่ยนวีแชทกันนะ”

“ได้”

อิ๋งจื่อจินเปิดวีแชท กดคิวอาร์โค้ด

เถิงอวิ้นเมิ่งเอาโทรศัพท์มาสแกน

จากนั้นก็ขึ้นหน้าจอจ่ายเงิน “…”

เธอเงยหน้าขึ้น “นี่คือ?”

“โทษที” อิ๋งจื่อจินจับหัว “กดจนชินน่ะ”

เธอปิดคิวอาร์โค้ดรับเงินแล้วเปิดอันใหม่

ติ๊ง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว

“ฉันอยู่ห้องข้างๆ” เถิงอวิ้นเมิ่งบอก “เธอเป็นคนฮู่เฉิง ไม่ค่อยรู้จักตี้ตู มีเรื่องอะไรก็มาถามฉันได้ วางใจได้ ไม่มีทางส่งผลต่อการเรียนของฉัน เพราะฉันก็ไม่ได้ชอบเรียนเท่าไร”

พวกอัจฉริยะจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่อย่าง ไม่ต้องตั้งใจมากก็เรียนเข้าใจ

“เกรงใจเกินไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินเดินกลับเข้าห้อง หยิบกล่องสองกล่องออกมาจากกระเป๋าเป้ “ให้เธอ”

เถิงอวิ้นเมิ่งรับมาดูพร้อมกรี๊ด “อ๊าๆๆ นี่มันมาร์คหน้าขาวใสในเครือฮวาเสี่ยงหรง จื่อจินเธอมือไวมาก!”

“หืม?” อิ๋งจื่อจินเอียงศีรษะ “ทำไมเหรอ”

ฮวาเสี่ยงหรงเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่อยู่ในเครือโรงพยาบาลเซ่าเหริน มาจากคำกลอนที่ว่า ‘เมฆอยากห่มอาภรณ์ บุปผาอยากงามโฉม’

“ฉันสั่งจองไป แต่ก็ไม่ได้เลย” เถิงอวิ้นเมิ่งจับมืออิ๋งจื่อจินด้วยความตื่นเต้น “แต่ของขวัญชิ้นนี้มันแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้”

ขณะพูดเธอก็ดันมาร์คหน้าขาวใสสองกล่องกลับไป

“ไม่เป็นไร รับไว้เถอะ” อิ๋งจื่อจินไม่ใส่ใจ “ไหนว่าจะแนะนำตี้ตูให้ฉันรู้จักไม่ใช่เหรอ”

อย่างไรซะในห้องนอนเธอก็ยังมีอีกหลายลัง

ก็แค่มันหนักเลยไม่ได้เอามา

“ไม่ได้ๆ กล่องนึงไม่ใช่ถูกๆ” เถิงอวิ้นเมิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งอั่งเปา “พวกเรายังมีสมาชิกในทีมอีกคนชื่อเฟิงเย่ว์ เขาอยู่หอพักชายด้านนั้น พรุ่งนี้เธอก็จะได้เจอเขาแล้ว”

เธอแอบกำมือ ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องดูแลอิ๋งจื่อจินให้ดี

นี่เป็นหน้าตาของทีมเธอเลยนะ

ในเวลาสองวันก็มีนักเรียนคนอื่นๆ ทยอยกันมาถึง

ในสิบสองคนมีนักเรียนหญิงห้าคน

แต่นอกจากอิ๋งจื่อจินกับเถิงอวิ้นเมิ่งแล้ว นักเรียนหญิงที่เหลืออีกสามคนไม่ได้ได้โควตาเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย แค่ทางโรงเรียนส่งมาร่วมติว

ตอนบ่ายของวันที่สาม นักเรียนหญิงคนสุดท้ายก็มาถึง

เธอสวมเสื้อยืดของ Burberry กางเกงขาสั้นเข็มขัดหนังแกะของ Chanel

สวมแว่นกันแดดของ Gucci กระเป๋าสะพายเป็นของ Hermes

ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม เยอะจนละลานตา

ด้านหลังนักเรียนหญิงคนนี้ยังมีคนตามมาอีกสองสามคน คนหนึ่งกางร่มให้เธอ อีกสองคนช่วยเธอลากกระเป๋าสัมภาระ

หลังจากที่สองคนนั้นเอากระเป๋าสัมภาระมาไว้หน้าหอพักเสร็จก็ออกไป

“อ๋า!” เถิงอวิ้นเมิ่งมองนักเรียนหญิงคนนั้นที่ถูกแว่นกันแดดบังไปครึ่งหน้าอยู่ไม่กี่วินาที ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “ฉันนึกออกแล้ว เธอคือซิวเหยียน”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้หันไปมอง เธอดึงปีกหมวกลง “ไม่เคยได้ยิน”

“ดาราที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่นาน แต่ดังมากเลยนะ” เถิงอวิ้นเมิ่งบอก “เธอได้อันดับสองในรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 แต่เนื่องจากเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิว ตอนนี้เธอเลยได้เป็นเซ็นเตอร์ หัวหน้าวงยังต้องชิดซ้าย”

พอได้ยินประโยคนี้อิ๋งจื่อจินถึงหันหน้ามา

“มีคนอยู่พอดี” ซิวเหยียนถอดแว่นกันแดดออก เชิดหน้าขึ้น “พวกเธอสองคนมายกสัมภาระของฉันขึ้นไปหน่อยสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+