คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 281 ป้อนให้ ประเด็นบนเวยปั๋ว
“เยาเยา”
“ตื่นแล้ว” อิ๋งจื่อจินเอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่ง “ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เธอลงจากเตียงหยิบชุดที่ใหม่ที่ถูกพับไว้ด้านข้างแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
เปลี่ยนเสร็จเธอก็ไปเปิดประตู
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นแก้วน้ำให้เธอ “น้ำเกลืออุ่นๆ”
อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วค่อยๆ ดื่ม
ฟู่อวิ๋นเซินเข้าไป จากนั้นก็ถามขึ้น “ยังเจ็บมืออยู่หรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็ยกมือซ้ายให้เขาดู “พอไหว แผลเล็กน้อย เลือดไม่ไหลแล้ว”
กุญแจมือที่ตี้อู่ฮุยเอามาใช้คุณภาพไม่ได้เรื่องไม่รู้ว่าผลิตที่ไหน
เธอถูกหนามที่อยู่บนนั้นทิ่มจนมีบาดแผลเล็กน้อยหลายจุด ไม่ใช่เพราะถูกรัดแน่นเกินไป
อิ๋งจื่อจินนึกถึงโสมหลิงเป่าที่เมื่อวานตี้อู่ฝานให้มา เธอเดินไปที่เตียงแล้วล้วงหากล่องจากใต้หมอน
“อันนี้ให้”
“อะไรเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ลองดมดู “ยาเหรอ”
“โสมหลิงเป่า” อิ๋งจื่อจินเปิดกล่องออก พูดสั้นๆ “ช่วยฟื้นฟูร่างกายถึงแก่นแท้ได้”
แก่นแท้ของร่างกายเป็นการเรียกรวมๆ
นี่เป็นคำพูดที่ใช้ในวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณ
คนยุคปัจจุบันไม่พูดกัน
จิตวิญญาณ และอายุขัยของคนคนหนึ่ง สามารถจัดอยู่ในแก่นแท้ของร่างกายได้
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก
เขาเคยได้ยินโสมหลิงเป่า
ในวงการแพทย์แผนโบราณมีคนปลูกมันโดยเฉพาะทั้งหมดมีอยู่สามต้น
อีกสองต้นยังไม่โตเต็มที่ ต้นที่ตี้อู่ฝานซื้อกลับมานี้เพิ่งจะโตเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้
เดิมทีวงการแพทย์แผนโบราณจะส่งโสมหลิงเป่าต้นนี้ไปที่วงการจอมยุทธ์ แต่ก็ถูกตี้อู่ฝานเอามาเสียก่อน
ตี้อู่ฝานซื้อโสมหลิงเป่ากลับมาก็เพื่อต่อชีวิตให้ตี้อู่เย่ว์
แต่หลังจากที่ดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์ถูกแก้ไข ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โสมหลิงเป่าต้นนี้อีกต่อไป
ตี้อู่ฝานรู้ว่าต่อให้อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนดวงชะตา เธอก็จะต้องสูญเสียกำลังถึงแก่นแท้ของร่างกาย เขาจึงยกโสมหลิงเป่าให้
“พี่ชายไม่เอา” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ เขาลูบหัวเธออย่างใจเย็น “เด็กน้อย ถึงแม้บางเรื่องพี่ชายจะสู้เธอไม่ได้ แต่ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเธอนะ” หยุดเล็กน้อย เขายิ้ม “เธอช่วยพี่ชายไว้มาก พี่ชายจะทนเห็นเธอบาดเจ็บได้อย่างไร เธอกินให้หมดเถอะ”
ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจินครั้งก่อนผู้เฒ่าฟู่ก็คงจะไม่อยู่แล้ว
เขาดีกับเธอขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอดีกับเขามาก
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นไม่ได้ดึงมือกลับ
เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาบ่งบอกทุกสิ่ง
จะกินไม่กิน
สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินก็เลือกที่จะประนีประนอม
เขากุมขมับ พูดอย่างจนปัญญา “คนละครึ่งนะ”
เขามองออกว่า ถ้าเขาไม่กินเธอสามารถเอาโสมหลิงเป่านี้กลับไปคืนได้
อิ๋งจื่อจินถึงได้หยิบโสมหลิงเป่าออกมาจากกล่อง
บางครั้งยิ่งเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างมาก เมื่อมองดูกลับเหมือโสมธรรมดาๆ ถึงแม้โสมหลิงเป่าจะมีคำว่าโสมอยู่ในตัว แต่หน้าตากลับไม่เหมือนโสมเลยสักนิด
คล้ายผักใบเขียวมากกว่า
อิ๋งจื่อจินฉีกกลาง
ฟู่อวิ๋นเซินมองท่าทางของเธอ “เยาเยา นี่มันไม่ใช่ครึ่งนึง มันสองในสามฉีกเบี้ยวแล้ว”
อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้า พูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นนักเรียนสายวิทย์ ฉันรู้ดีกว่า”
ฟู่อวิ๋นเซินยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เธอก็เอาโสมหลิงเป่าฝั่งที่เป็นสองในสามส่วนวางใส่มือของเขา
ดวงตาของเขาขยับหลุบตาลง มองยาในมือแต่ไม่ได้กินทันที
โสมหลิงเป่าจะให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว รสชาติคล้ายแอปเปิ้ล
อิ๋งจื่อจินกินเสร็จก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่ขยับ “คิดอะไรอยู่”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินดึงความคิดกลับมา “นึกถึงเรื่องในอดีต ไม่เคยมีใครแบ่งอาหารให้พี่ชาย”
เขาไม่ชอบนึกถึงเรื่องในอดีต แต่ความทรงจำก็เหมือนกรงขังทำให้คนติดอยู่ในนั้น
แต่ปีนี้เขาไม่ค่อยฝันถึงการนองเลือดแล้วสภาพอารมณ์ก็เริ่มคงที่
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินกินโสมหลิงเป่าเสร็จก็ยืนขึ้น ใช้มืออีกข้างลูบศีรษะของเธอริมฝีปากโค้งมนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณนะเยาเยา พี่ชายดีใจมาก”
…
ถึงแม้จะมีโสมหลิงเป่าที่ตี้อู่ฝานให้มา แต่ก็ใช่ว่าร่างกายจะฟื้นกลับมาได้ในวันสองวัน
ฟู่อวิ๋นเซินช่วยอิ๋งจื่อจินลาป่วยกับทางค่ายติวแล้วอยู่ดูแลเธอที่รักษาตัวอยู่ในบ้านของตระกูลตี้อู่
ตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลนักพยากรณ์ ที่ตั้งของบ้านย่อมอยู่ในทำเลที่ฮวงจุ้ยดี
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลตี้อู่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง คนที่อยู่บ้านเก่ามีน้อยมากเหมาะกับการรักษาตัวอย่างสงบ
อวิ๋นซานถูกส่งออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้ว่า คุณชายของเขาที่ช่วงนี้อยู่ในบ้านตระกูลตี้อู่ได้เล่านิทานให้อิ๋งจื่อจินฟังทุกวัน
เล่าเรื่องตำนานเคลติก
“ฉันไม่อยากฟังนิทานเด็ก” พอฟังถึงวันที่สิบ ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เล่าอะไรที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม ผู้บัญชาการ”
“เยาเยา ถ้าพี่ชายนับไม่ผิด…” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหนังสือ
“วันนี้เป็นวันที่สามตุลาคม วันเกิดของเธอคือวันที่ยี่สิบสี่มีนาคม”
“ยังอีกเกือบห้าเดือนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ เด็กน้อยควรฟังเรื่องที่ควรฟัง”
“ไม่ฟัง” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กอดหมอนเดินออกไปพูดอย่างไร้เยื่อใย “ฉันจะไปดูทีวี”
บ้านตระกูลตี้อู่มีโทรทัศน์ แต่ก็วางทิ้งไว้เฉยๆ อยู่ตลอด
มีแค่ตี้อู่เย่ว์ที่ดู
อิ๋งจื่อจินไปหาตี้อู่เย่ว์เห็นโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องรับแขกเปิดอยู่ตามคาด
แต่ตี้อู่เย่ว์ไม่อยู่
เธอเข้าไปนั่งบนโซฟา
“พี่สาว ฉันทำของอร่อยมาให้” พอได้ยินเสียงจากห้องรับแขก ตี้อู่เย่ว์ก็เดินถือจานออกมาจากในครัว
“ฉันตั้งใจใช้โสมร้อยปีด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป เธอเห็นก้อนสีดำๆ อยู่ในจาน “…”
เธอกลัวว่ากินเข้าไปแล้วจะตาย
ฟู่อวิ๋นเซินที่เดินตามมาก็เห็นเหมือนกัน
เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปครึ่งแขน “ฉันดีกว่า เยาเยา ดูโทรทัศน์ไปก่อนนะ”
ขณะพูดเขาก็เดินเข้าครัว
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “เธอกินเถอะ”
“อ้อ งั้นก็ได้ เมื่อก่อนคุณปู่ไม่ให้ฉันแตะต้องโสมร้อยปีเลยนะ แต่พอได้ยินว่าฉันจะทำอาหารให้พี่กิน ถึงเอาให้ฉันมา” ตี้อู่เย่ว์ประคองจานด้วยความดีใจ
เธอหยิบตะเกียบพอกินเข้าไปคำแรกก็คายทิ้งทันที ทำหน้าอี๋ “ตายๆ ฉันจะฆ่าตัวเอง ทำไมรสชาติห่วยแตกแบบนี้”
ตี้อู่เย่ว์รีบเทอาหารในจานทิ้งลงถังขยะทันที
โชคดีที่ไม่ได้ให้พี่สาวกิน ไม่อย่างนั้นได้ตายของจริงแน่
ตี้อู่เย่ว์นั่งท้อแท้อยู่บนโซฟา แต่ดูได้สักพักก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม “พี่สาวเคยดูเรื่องนี้เหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เคยดูนิดหน่อย”
ในโทรทัศน์กำลังฉายเรื่องสปายเลอโฉมที่ซังเย่าจือแสดง
เคยฉายไปแล้วตอนปิดเทอมหน้าร้อนตอนนี้เอามาฉายรอบสอง
เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมาก หลังจากที่ชูกวงมีเดียซื้อกิจการของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ สปายเลอโฉมก็ย่อมตกมาอยู่ในมือของชูกวงมีเดีย
เอาแค่ฉายรอบแรกก็ทำกำไรให้ชูกวงมีเดียแล้วถึงห้าร้อยล้าน
ฉายาราชาภาพยนตร์อันดับหนึ่งไม่ได้ได้มาเล่นๆ และก็เพราะเรื่องสปายเลอโฉม ทำให้เยี่ยซีที่เป็นนางเอกของเรื่องได้กลายเป็นดาราดังเป็นพลุแตกในตอนนี้
“พี่สาว ไม่ชอบดูเหรอ” ตี้อู่เย่ว์เห็นอิ๋งจื่อจินดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไร
“สนุกจะตาย ฉันอยากรู้มากว่าใครเป็นคนทรยศกันแน่”
“อืม ไม่ชอบ”
“งั้นพี่ชอบอะไร เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้”
“ละครน้ำเน่า”
“…”
ตี้อู่เย่ว์เปลี่ยนช่องให้อย่างเงียบๆ
ดูไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่าละครน้ำเน่าสนุกจริงๆ
สามสิบนาทีต่อมา
ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมา กับข้าวสามอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง เป็นกับข้าวบ้านๆ ทั่วไป แต่มีครบทั้งหน้าตา และความหอม กระตุ้นน้ำย่อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เยาเยา เลิกดูก่อนมากินสิ”
อิ๋งจื่อจินล้างมือเสร็จก็เดินไป
ตี้อู่เย่ว์กลับไม่ได้เดินมา
เธอมองอาหารบนโต๊ะแล้วลูบท้อง ทำเสียงหึ “ช่างเถอะ ฉันอิ่มแล้ว ไปท่องหนังสือดีกว่า”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “เธอไม่ได้กินอะไรเลยแต่อิ่มแล้วเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเช็ดมือแล้วนั่งลง “สงสัยจะกินแกลบมา”
ตี้อู่เย่ว์ที่เพิ่งลุกขึ้นก็ได้ยินชัดเจน “…”
เธอโมโหจนนั่งลงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเวยปั๋ว
เธอรู้สึกว่าเทคโนโลยีมันดีจริงๆ จึงไม่ค่อยเข้าใจพวกพี่ๆ ว่าทำไมไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ
ตี้อู่เย่ว์ชอบเล่นเวยปั๋ว ดูคลิปต่างๆ
เธอมีเวยปั๋วของตัวเอง แนะนำตัวว่าเป็นปรมาจารย์ทำนายดวงชะตา และก็มีคนมาให้เธอดูดวงจริงๆ
แต่เป็นแบบที่ดูลายมือกับโหงวเฮ้ง ง่ายมากๆ
“พี่สาว” ขณะที่ไถดูไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นตี้อู่เย่ว์ก็เงยหน้าขึ้น ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่สาว นี่ใช่พี่หรือเปล่า” ในโทรศัพท์เป็นโพสต์บนเวยปั๋ว
แอทลูกกวาดแสนหวานของบ้านเบบี๋เหยียน : [เอามาให้ทุกคนดูโฉมหน้าที่แท้จริงของเด็กเทพบางคน ชอบใช้ความรุนแรงขนาดนี้ ซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ยังอาการไม่ดีขึ้น เอาแค่นี้จะเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีเลยเหรอ]
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 281 ป้อนให้ ประเด็นบนเวยปั๋ว
“เยาเยา”
“ตื่นแล้ว” อิ๋งจื่อจินเอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่ง “ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เธอลงจากเตียงหยิบชุดที่ใหม่ที่ถูกพับไว้ด้านข้างแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
เปลี่ยนเสร็จเธอก็ไปเปิดประตู
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นแก้วน้ำให้เธอ “น้ำเกลืออุ่นๆ”
อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วค่อยๆ ดื่ม
ฟู่อวิ๋นเซินเข้าไป จากนั้นก็ถามขึ้น “ยังเจ็บมืออยู่หรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็ยกมือซ้ายให้เขาดู “พอไหว แผลเล็กน้อย เลือดไม่ไหลแล้ว”
กุญแจมือที่ตี้อู่ฮุยเอามาใช้คุณภาพไม่ได้เรื่องไม่รู้ว่าผลิตที่ไหน
เธอถูกหนามที่อยู่บนนั้นทิ่มจนมีบาดแผลเล็กน้อยหลายจุด ไม่ใช่เพราะถูกรัดแน่นเกินไป
อิ๋งจื่อจินนึกถึงโสมหลิงเป่าที่เมื่อวานตี้อู่ฝานให้มา เธอเดินไปที่เตียงแล้วล้วงหากล่องจากใต้หมอน
“อันนี้ให้”
“อะไรเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ลองดมดู “ยาเหรอ”
“โสมหลิงเป่า” อิ๋งจื่อจินเปิดกล่องออก พูดสั้นๆ “ช่วยฟื้นฟูร่างกายถึงแก่นแท้ได้”
แก่นแท้ของร่างกายเป็นการเรียกรวมๆ
นี่เป็นคำพูดที่ใช้ในวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณ
คนยุคปัจจุบันไม่พูดกัน
จิตวิญญาณ และอายุขัยของคนคนหนึ่ง สามารถจัดอยู่ในแก่นแท้ของร่างกายได้
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก
เขาเคยได้ยินโสมหลิงเป่า
ในวงการแพทย์แผนโบราณมีคนปลูกมันโดยเฉพาะทั้งหมดมีอยู่สามต้น
อีกสองต้นยังไม่โตเต็มที่ ต้นที่ตี้อู่ฝานซื้อกลับมานี้เพิ่งจะโตเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้
เดิมทีวงการแพทย์แผนโบราณจะส่งโสมหลิงเป่าต้นนี้ไปที่วงการจอมยุทธ์ แต่ก็ถูกตี้อู่ฝานเอามาเสียก่อน
ตี้อู่ฝานซื้อโสมหลิงเป่ากลับมาก็เพื่อต่อชีวิตให้ตี้อู่เย่ว์
แต่หลังจากที่ดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์ถูกแก้ไข ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โสมหลิงเป่าต้นนี้อีกต่อไป
ตี้อู่ฝานรู้ว่าต่อให้อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนดวงชะตา เธอก็จะต้องสูญเสียกำลังถึงแก่นแท้ของร่างกาย เขาจึงยกโสมหลิงเป่าให้
“พี่ชายไม่เอา” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ เขาลูบหัวเธออย่างใจเย็น “เด็กน้อย ถึงแม้บางเรื่องพี่ชายจะสู้เธอไม่ได้ แต่ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเธอนะ” หยุดเล็กน้อย เขายิ้ม “เธอช่วยพี่ชายไว้มาก พี่ชายจะทนเห็นเธอบาดเจ็บได้อย่างไร เธอกินให้หมดเถอะ”
ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจินครั้งก่อนผู้เฒ่าฟู่ก็คงจะไม่อยู่แล้ว
เขาดีกับเธอขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอดีกับเขามาก
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นไม่ได้ดึงมือกลับ
เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาบ่งบอกทุกสิ่ง
จะกินไม่กิน
สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินก็เลือกที่จะประนีประนอม
เขากุมขมับ พูดอย่างจนปัญญา “คนละครึ่งนะ”
เขามองออกว่า ถ้าเขาไม่กินเธอสามารถเอาโสมหลิงเป่านี้กลับไปคืนได้
อิ๋งจื่อจินถึงได้หยิบโสมหลิงเป่าออกมาจากกล่อง
บางครั้งยิ่งเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างมาก เมื่อมองดูกลับเหมือโสมธรรมดาๆ ถึงแม้โสมหลิงเป่าจะมีคำว่าโสมอยู่ในตัว แต่หน้าตากลับไม่เหมือนโสมเลยสักนิด
คล้ายผักใบเขียวมากกว่า
อิ๋งจื่อจินฉีกกลาง
ฟู่อวิ๋นเซินมองท่าทางของเธอ “เยาเยา นี่มันไม่ใช่ครึ่งนึง มันสองในสามฉีกเบี้ยวแล้ว”
อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้า พูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นนักเรียนสายวิทย์ ฉันรู้ดีกว่า”
ฟู่อวิ๋นเซินยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เธอก็เอาโสมหลิงเป่าฝั่งที่เป็นสองในสามส่วนวางใส่มือของเขา
ดวงตาของเขาขยับหลุบตาลง มองยาในมือแต่ไม่ได้กินทันที
โสมหลิงเป่าจะให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว รสชาติคล้ายแอปเปิ้ล
อิ๋งจื่อจินกินเสร็จก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่ขยับ “คิดอะไรอยู่”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินดึงความคิดกลับมา “นึกถึงเรื่องในอดีต ไม่เคยมีใครแบ่งอาหารให้พี่ชาย”
เขาไม่ชอบนึกถึงเรื่องในอดีต แต่ความทรงจำก็เหมือนกรงขังทำให้คนติดอยู่ในนั้น
แต่ปีนี้เขาไม่ค่อยฝันถึงการนองเลือดแล้วสภาพอารมณ์ก็เริ่มคงที่
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินกินโสมหลิงเป่าเสร็จก็ยืนขึ้น ใช้มืออีกข้างลูบศีรษะของเธอริมฝีปากโค้งมนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณนะเยาเยา พี่ชายดีใจมาก”
…
ถึงแม้จะมีโสมหลิงเป่าที่ตี้อู่ฝานให้มา แต่ก็ใช่ว่าร่างกายจะฟื้นกลับมาได้ในวันสองวัน
ฟู่อวิ๋นเซินช่วยอิ๋งจื่อจินลาป่วยกับทางค่ายติวแล้วอยู่ดูแลเธอที่รักษาตัวอยู่ในบ้านของตระกูลตี้อู่
ตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลนักพยากรณ์ ที่ตั้งของบ้านย่อมอยู่ในทำเลที่ฮวงจุ้ยดี
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลตี้อู่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง คนที่อยู่บ้านเก่ามีน้อยมากเหมาะกับการรักษาตัวอย่างสงบ
อวิ๋นซานถูกส่งออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้ว่า คุณชายของเขาที่ช่วงนี้อยู่ในบ้านตระกูลตี้อู่ได้เล่านิทานให้อิ๋งจื่อจินฟังทุกวัน
เล่าเรื่องตำนานเคลติก
“ฉันไม่อยากฟังนิทานเด็ก” พอฟังถึงวันที่สิบ ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เล่าอะไรที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม ผู้บัญชาการ”
“เยาเยา ถ้าพี่ชายนับไม่ผิด…” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหนังสือ
“วันนี้เป็นวันที่สามตุลาคม วันเกิดของเธอคือวันที่ยี่สิบสี่มีนาคม”
“ยังอีกเกือบห้าเดือนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ เด็กน้อยควรฟังเรื่องที่ควรฟัง”
“ไม่ฟัง” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กอดหมอนเดินออกไปพูดอย่างไร้เยื่อใย “ฉันจะไปดูทีวี”
บ้านตระกูลตี้อู่มีโทรทัศน์ แต่ก็วางทิ้งไว้เฉยๆ อยู่ตลอด
มีแค่ตี้อู่เย่ว์ที่ดู
อิ๋งจื่อจินไปหาตี้อู่เย่ว์เห็นโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องรับแขกเปิดอยู่ตามคาด
แต่ตี้อู่เย่ว์ไม่อยู่
เธอเข้าไปนั่งบนโซฟา
“พี่สาว ฉันทำของอร่อยมาให้” พอได้ยินเสียงจากห้องรับแขก ตี้อู่เย่ว์ก็เดินถือจานออกมาจากในครัว
“ฉันตั้งใจใช้โสมร้อยปีด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป เธอเห็นก้อนสีดำๆ อยู่ในจาน “…”
เธอกลัวว่ากินเข้าไปแล้วจะตาย
ฟู่อวิ๋นเซินที่เดินตามมาก็เห็นเหมือนกัน
เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปครึ่งแขน “ฉันดีกว่า เยาเยา ดูโทรทัศน์ไปก่อนนะ”
ขณะพูดเขาก็เดินเข้าครัว
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “เธอกินเถอะ”
“อ้อ งั้นก็ได้ เมื่อก่อนคุณปู่ไม่ให้ฉันแตะต้องโสมร้อยปีเลยนะ แต่พอได้ยินว่าฉันจะทำอาหารให้พี่กิน ถึงเอาให้ฉันมา” ตี้อู่เย่ว์ประคองจานด้วยความดีใจ
เธอหยิบตะเกียบพอกินเข้าไปคำแรกก็คายทิ้งทันที ทำหน้าอี๋ “ตายๆ ฉันจะฆ่าตัวเอง ทำไมรสชาติห่วยแตกแบบนี้”
ตี้อู่เย่ว์รีบเทอาหารในจานทิ้งลงถังขยะทันที
โชคดีที่ไม่ได้ให้พี่สาวกิน ไม่อย่างนั้นได้ตายของจริงแน่
ตี้อู่เย่ว์นั่งท้อแท้อยู่บนโซฟา แต่ดูได้สักพักก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม “พี่สาวเคยดูเรื่องนี้เหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เคยดูนิดหน่อย”
ในโทรทัศน์กำลังฉายเรื่องสปายเลอโฉมที่ซังเย่าจือแสดง
เคยฉายไปแล้วตอนปิดเทอมหน้าร้อนตอนนี้เอามาฉายรอบสอง
เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมาก หลังจากที่ชูกวงมีเดียซื้อกิจการของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ สปายเลอโฉมก็ย่อมตกมาอยู่ในมือของชูกวงมีเดีย
เอาแค่ฉายรอบแรกก็ทำกำไรให้ชูกวงมีเดียแล้วถึงห้าร้อยล้าน
ฉายาราชาภาพยนตร์อันดับหนึ่งไม่ได้ได้มาเล่นๆ และก็เพราะเรื่องสปายเลอโฉม ทำให้เยี่ยซีที่เป็นนางเอกของเรื่องได้กลายเป็นดาราดังเป็นพลุแตกในตอนนี้
“พี่สาว ไม่ชอบดูเหรอ” ตี้อู่เย่ว์เห็นอิ๋งจื่อจินดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไร
“สนุกจะตาย ฉันอยากรู้มากว่าใครเป็นคนทรยศกันแน่”
“อืม ไม่ชอบ”
“งั้นพี่ชอบอะไร เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้”
“ละครน้ำเน่า”
“…”
ตี้อู่เย่ว์เปลี่ยนช่องให้อย่างเงียบๆ
ดูไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่าละครน้ำเน่าสนุกจริงๆ
สามสิบนาทีต่อมา
ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมา กับข้าวสามอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง เป็นกับข้าวบ้านๆ ทั่วไป แต่มีครบทั้งหน้าตา และความหอม กระตุ้นน้ำย่อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เยาเยา เลิกดูก่อนมากินสิ”
อิ๋งจื่อจินล้างมือเสร็จก็เดินไป
ตี้อู่เย่ว์กลับไม่ได้เดินมา
เธอมองอาหารบนโต๊ะแล้วลูบท้อง ทำเสียงหึ “ช่างเถอะ ฉันอิ่มแล้ว ไปท่องหนังสือดีกว่า”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “เธอไม่ได้กินอะไรเลยแต่อิ่มแล้วเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเช็ดมือแล้วนั่งลง “สงสัยจะกินแกลบมา”
ตี้อู่เย่ว์ที่เพิ่งลุกขึ้นก็ได้ยินชัดเจน “…”
เธอโมโหจนนั่งลงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเวยปั๋ว
เธอรู้สึกว่าเทคโนโลยีมันดีจริงๆ จึงไม่ค่อยเข้าใจพวกพี่ๆ ว่าทำไมไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ
ตี้อู่เย่ว์ชอบเล่นเวยปั๋ว ดูคลิปต่างๆ
เธอมีเวยปั๋วของตัวเอง แนะนำตัวว่าเป็นปรมาจารย์ทำนายดวงชะตา และก็มีคนมาให้เธอดูดวงจริงๆ
แต่เป็นแบบที่ดูลายมือกับโหงวเฮ้ง ง่ายมากๆ
“พี่สาว” ขณะที่ไถดูไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นตี้อู่เย่ว์ก็เงยหน้าขึ้น ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่สาว นี่ใช่พี่หรือเปล่า” ในโทรศัพท์เป็นโพสต์บนเวยปั๋ว
แอทลูกกวาดแสนหวานของบ้านเบบี๋เหยียน : [เอามาให้ทุกคนดูโฉมหน้าที่แท้จริงของเด็กเทพบางคน ชอบใช้ความรุนแรงขนาดนี้ ซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ยังอาการไม่ดีขึ้น เอาแค่นี้จะเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีเลยเหรอ]
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 281 ป้อนให้ ประเด็นบนเวยปั๋ว
“เยาเยา”
“ตื่นแล้ว” อิ๋งจื่อจินเอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่ง “ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เธอลงจากเตียงหยิบชุดที่ใหม่ที่ถูกพับไว้ด้านข้างแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
เปลี่ยนเสร็จเธอก็ไปเปิดประตู
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นแก้วน้ำให้เธอ “น้ำเกลืออุ่นๆ”
อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วค่อยๆ ดื่ม
ฟู่อวิ๋นเซินเข้าไป จากนั้นก็ถามขึ้น “ยังเจ็บมืออยู่หรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็ยกมือซ้ายให้เขาดู “พอไหว แผลเล็กน้อย เลือดไม่ไหลแล้ว”
กุญแจมือที่ตี้อู่ฮุยเอามาใช้คุณภาพไม่ได้เรื่องไม่รู้ว่าผลิตที่ไหน
เธอถูกหนามที่อยู่บนนั้นทิ่มจนมีบาดแผลเล็กน้อยหลายจุด ไม่ใช่เพราะถูกรัดแน่นเกินไป
อิ๋งจื่อจินนึกถึงโสมหลิงเป่าที่เมื่อวานตี้อู่ฝานให้มา เธอเดินไปที่เตียงแล้วล้วงหากล่องจากใต้หมอน
“อันนี้ให้”
“อะไรเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ลองดมดู “ยาเหรอ”
“โสมหลิงเป่า” อิ๋งจื่อจินเปิดกล่องออก พูดสั้นๆ “ช่วยฟื้นฟูร่างกายถึงแก่นแท้ได้”
แก่นแท้ของร่างกายเป็นการเรียกรวมๆ
นี่เป็นคำพูดที่ใช้ในวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณ
คนยุคปัจจุบันไม่พูดกัน
จิตวิญญาณ และอายุขัยของคนคนหนึ่ง สามารถจัดอยู่ในแก่นแท้ของร่างกายได้
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก
เขาเคยได้ยินโสมหลิงเป่า
ในวงการแพทย์แผนโบราณมีคนปลูกมันโดยเฉพาะทั้งหมดมีอยู่สามต้น
อีกสองต้นยังไม่โตเต็มที่ ต้นที่ตี้อู่ฝานซื้อกลับมานี้เพิ่งจะโตเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้
เดิมทีวงการแพทย์แผนโบราณจะส่งโสมหลิงเป่าต้นนี้ไปที่วงการจอมยุทธ์ แต่ก็ถูกตี้อู่ฝานเอามาเสียก่อน
ตี้อู่ฝานซื้อโสมหลิงเป่ากลับมาก็เพื่อต่อชีวิตให้ตี้อู่เย่ว์
แต่หลังจากที่ดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์ถูกแก้ไข ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โสมหลิงเป่าต้นนี้อีกต่อไป
ตี้อู่ฝานรู้ว่าต่อให้อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนดวงชะตา เธอก็จะต้องสูญเสียกำลังถึงแก่นแท้ของร่างกาย เขาจึงยกโสมหลิงเป่าให้
“พี่ชายไม่เอา” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ เขาลูบหัวเธออย่างใจเย็น “เด็กน้อย ถึงแม้บางเรื่องพี่ชายจะสู้เธอไม่ได้ แต่ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเธอนะ” หยุดเล็กน้อย เขายิ้ม “เธอช่วยพี่ชายไว้มาก พี่ชายจะทนเห็นเธอบาดเจ็บได้อย่างไร เธอกินให้หมดเถอะ”
ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจินครั้งก่อนผู้เฒ่าฟู่ก็คงจะไม่อยู่แล้ว
เขาดีกับเธอขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอดีกับเขามาก
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นไม่ได้ดึงมือกลับ
เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาบ่งบอกทุกสิ่ง
จะกินไม่กิน
สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินก็เลือกที่จะประนีประนอม
เขากุมขมับ พูดอย่างจนปัญญา “คนละครึ่งนะ”
เขามองออกว่า ถ้าเขาไม่กินเธอสามารถเอาโสมหลิงเป่านี้กลับไปคืนได้
อิ๋งจื่อจินถึงได้หยิบโสมหลิงเป่าออกมาจากกล่อง
บางครั้งยิ่งเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างมาก เมื่อมองดูกลับเหมือโสมธรรมดาๆ ถึงแม้โสมหลิงเป่าจะมีคำว่าโสมอยู่ในตัว แต่หน้าตากลับไม่เหมือนโสมเลยสักนิด
คล้ายผักใบเขียวมากกว่า
อิ๋งจื่อจินฉีกกลาง
ฟู่อวิ๋นเซินมองท่าทางของเธอ “เยาเยา นี่มันไม่ใช่ครึ่งนึง มันสองในสามฉีกเบี้ยวแล้ว”
อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้า พูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นนักเรียนสายวิทย์ ฉันรู้ดีกว่า”
ฟู่อวิ๋นเซินยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เธอก็เอาโสมหลิงเป่าฝั่งที่เป็นสองในสามส่วนวางใส่มือของเขา
ดวงตาของเขาขยับหลุบตาลง มองยาในมือแต่ไม่ได้กินทันที
โสมหลิงเป่าจะให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว รสชาติคล้ายแอปเปิ้ล
อิ๋งจื่อจินกินเสร็จก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่ขยับ “คิดอะไรอยู่”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินดึงความคิดกลับมา “นึกถึงเรื่องในอดีต ไม่เคยมีใครแบ่งอาหารให้พี่ชาย”
เขาไม่ชอบนึกถึงเรื่องในอดีต แต่ความทรงจำก็เหมือนกรงขังทำให้คนติดอยู่ในนั้น
แต่ปีนี้เขาไม่ค่อยฝันถึงการนองเลือดแล้วสภาพอารมณ์ก็เริ่มคงที่
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินกินโสมหลิงเป่าเสร็จก็ยืนขึ้น ใช้มืออีกข้างลูบศีรษะของเธอริมฝีปากโค้งมนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณนะเยาเยา พี่ชายดีใจมาก”
…
ถึงแม้จะมีโสมหลิงเป่าที่ตี้อู่ฝานให้มา แต่ก็ใช่ว่าร่างกายจะฟื้นกลับมาได้ในวันสองวัน
ฟู่อวิ๋นเซินช่วยอิ๋งจื่อจินลาป่วยกับทางค่ายติวแล้วอยู่ดูแลเธอที่รักษาตัวอยู่ในบ้านของตระกูลตี้อู่
ตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลนักพยากรณ์ ที่ตั้งของบ้านย่อมอยู่ในทำเลที่ฮวงจุ้ยดี
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลตี้อู่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง คนที่อยู่บ้านเก่ามีน้อยมากเหมาะกับการรักษาตัวอย่างสงบ
อวิ๋นซานถูกส่งออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้ว่า คุณชายของเขาที่ช่วงนี้อยู่ในบ้านตระกูลตี้อู่ได้เล่านิทานให้อิ๋งจื่อจินฟังทุกวัน
เล่าเรื่องตำนานเคลติก
“ฉันไม่อยากฟังนิทานเด็ก” พอฟังถึงวันที่สิบ ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เล่าอะไรที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม ผู้บัญชาการ”
“เยาเยา ถ้าพี่ชายนับไม่ผิด…” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหนังสือ
“วันนี้เป็นวันที่สามตุลาคม วันเกิดของเธอคือวันที่ยี่สิบสี่มีนาคม”
“ยังอีกเกือบห้าเดือนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ เด็กน้อยควรฟังเรื่องที่ควรฟัง”
“ไม่ฟัง” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กอดหมอนเดินออกไปพูดอย่างไร้เยื่อใย “ฉันจะไปดูทีวี”
บ้านตระกูลตี้อู่มีโทรทัศน์ แต่ก็วางทิ้งไว้เฉยๆ อยู่ตลอด
มีแค่ตี้อู่เย่ว์ที่ดู
อิ๋งจื่อจินไปหาตี้อู่เย่ว์เห็นโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องรับแขกเปิดอยู่ตามคาด
แต่ตี้อู่เย่ว์ไม่อยู่
เธอเข้าไปนั่งบนโซฟา
“พี่สาว ฉันทำของอร่อยมาให้” พอได้ยินเสียงจากห้องรับแขก ตี้อู่เย่ว์ก็เดินถือจานออกมาจากในครัว
“ฉันตั้งใจใช้โสมร้อยปีด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป เธอเห็นก้อนสีดำๆ อยู่ในจาน “…”
เธอกลัวว่ากินเข้าไปแล้วจะตาย
ฟู่อวิ๋นเซินที่เดินตามมาก็เห็นเหมือนกัน
เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปครึ่งแขน “ฉันดีกว่า เยาเยา ดูโทรทัศน์ไปก่อนนะ”
ขณะพูดเขาก็เดินเข้าครัว
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “เธอกินเถอะ”
“อ้อ งั้นก็ได้ เมื่อก่อนคุณปู่ไม่ให้ฉันแตะต้องโสมร้อยปีเลยนะ แต่พอได้ยินว่าฉันจะทำอาหารให้พี่กิน ถึงเอาให้ฉันมา” ตี้อู่เย่ว์ประคองจานด้วยความดีใจ
เธอหยิบตะเกียบพอกินเข้าไปคำแรกก็คายทิ้งทันที ทำหน้าอี๋ “ตายๆ ฉันจะฆ่าตัวเอง ทำไมรสชาติห่วยแตกแบบนี้”
ตี้อู่เย่ว์รีบเทอาหารในจานทิ้งลงถังขยะทันที
โชคดีที่ไม่ได้ให้พี่สาวกิน ไม่อย่างนั้นได้ตายของจริงแน่
ตี้อู่เย่ว์นั่งท้อแท้อยู่บนโซฟา แต่ดูได้สักพักก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม “พี่สาวเคยดูเรื่องนี้เหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เคยดูนิดหน่อย”
ในโทรทัศน์กำลังฉายเรื่องสปายเลอโฉมที่ซังเย่าจือแสดง
เคยฉายไปแล้วตอนปิดเทอมหน้าร้อนตอนนี้เอามาฉายรอบสอง
เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมาก หลังจากที่ชูกวงมีเดียซื้อกิจการของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ สปายเลอโฉมก็ย่อมตกมาอยู่ในมือของชูกวงมีเดีย
เอาแค่ฉายรอบแรกก็ทำกำไรให้ชูกวงมีเดียแล้วถึงห้าร้อยล้าน
ฉายาราชาภาพยนตร์อันดับหนึ่งไม่ได้ได้มาเล่นๆ และก็เพราะเรื่องสปายเลอโฉม ทำให้เยี่ยซีที่เป็นนางเอกของเรื่องได้กลายเป็นดาราดังเป็นพลุแตกในตอนนี้
“พี่สาว ไม่ชอบดูเหรอ” ตี้อู่เย่ว์เห็นอิ๋งจื่อจินดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไร
“สนุกจะตาย ฉันอยากรู้มากว่าใครเป็นคนทรยศกันแน่”
“อืม ไม่ชอบ”
“งั้นพี่ชอบอะไร เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้”
“ละครน้ำเน่า”
“…”
ตี้อู่เย่ว์เปลี่ยนช่องให้อย่างเงียบๆ
ดูไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่าละครน้ำเน่าสนุกจริงๆ
สามสิบนาทีต่อมา
ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมา กับข้าวสามอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง เป็นกับข้าวบ้านๆ ทั่วไป แต่มีครบทั้งหน้าตา และความหอม กระตุ้นน้ำย่อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เยาเยา เลิกดูก่อนมากินสิ”
อิ๋งจื่อจินล้างมือเสร็จก็เดินไป
ตี้อู่เย่ว์กลับไม่ได้เดินมา
เธอมองอาหารบนโต๊ะแล้วลูบท้อง ทำเสียงหึ “ช่างเถอะ ฉันอิ่มแล้ว ไปท่องหนังสือดีกว่า”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “เธอไม่ได้กินอะไรเลยแต่อิ่มแล้วเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเช็ดมือแล้วนั่งลง “สงสัยจะกินแกลบมา”
ตี้อู่เย่ว์ที่เพิ่งลุกขึ้นก็ได้ยินชัดเจน “…”
เธอโมโหจนนั่งลงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเวยปั๋ว
เธอรู้สึกว่าเทคโนโลยีมันดีจริงๆ จึงไม่ค่อยเข้าใจพวกพี่ๆ ว่าทำไมไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ
ตี้อู่เย่ว์ชอบเล่นเวยปั๋ว ดูคลิปต่างๆ
เธอมีเวยปั๋วของตัวเอง แนะนำตัวว่าเป็นปรมาจารย์ทำนายดวงชะตา และก็มีคนมาให้เธอดูดวงจริงๆ
แต่เป็นแบบที่ดูลายมือกับโหงวเฮ้ง ง่ายมากๆ
“พี่สาว” ขณะที่ไถดูไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นตี้อู่เย่ว์ก็เงยหน้าขึ้น ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่สาว นี่ใช่พี่หรือเปล่า” ในโทรศัพท์เป็นโพสต์บนเวยปั๋ว
แอทลูกกวาดแสนหวานของบ้านเบบี๋เหยียน : [เอามาให้ทุกคนดูโฉมหน้าที่แท้จริงของเด็กเทพบางคน ชอบใช้ความรุนแรงขนาดนี้ ซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ยังอาการไม่ดีขึ้น เอาแค่นี้จะเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีเลยเหรอ]
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 281 ป้อนให้ ประเด็นบนเวยปั๋ว
“เยาเยา”
“ตื่นแล้ว” อิ๋งจื่อจินเอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่ง “ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เธอลงจากเตียงหยิบชุดที่ใหม่ที่ถูกพับไว้ด้านข้างแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
เปลี่ยนเสร็จเธอก็ไปเปิดประตู
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นแก้วน้ำให้เธอ “น้ำเกลืออุ่นๆ”
อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วค่อยๆ ดื่ม
ฟู่อวิ๋นเซินเข้าไป จากนั้นก็ถามขึ้น “ยังเจ็บมืออยู่หรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็ยกมือซ้ายให้เขาดู “พอไหว แผลเล็กน้อย เลือดไม่ไหลแล้ว”
กุญแจมือที่ตี้อู่ฮุยเอามาใช้คุณภาพไม่ได้เรื่องไม่รู้ว่าผลิตที่ไหน
เธอถูกหนามที่อยู่บนนั้นทิ่มจนมีบาดแผลเล็กน้อยหลายจุด ไม่ใช่เพราะถูกรัดแน่นเกินไป
อิ๋งจื่อจินนึกถึงโสมหลิงเป่าที่เมื่อวานตี้อู่ฝานให้มา เธอเดินไปที่เตียงแล้วล้วงหากล่องจากใต้หมอน
“อันนี้ให้”
“อะไรเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ลองดมดู “ยาเหรอ”
“โสมหลิงเป่า” อิ๋งจื่อจินเปิดกล่องออก พูดสั้นๆ “ช่วยฟื้นฟูร่างกายถึงแก่นแท้ได้”
แก่นแท้ของร่างกายเป็นการเรียกรวมๆ
นี่เป็นคำพูดที่ใช้ในวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณ
คนยุคปัจจุบันไม่พูดกัน
จิตวิญญาณ และอายุขัยของคนคนหนึ่ง สามารถจัดอยู่ในแก่นแท้ของร่างกายได้
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก
เขาเคยได้ยินโสมหลิงเป่า
ในวงการแพทย์แผนโบราณมีคนปลูกมันโดยเฉพาะทั้งหมดมีอยู่สามต้น
อีกสองต้นยังไม่โตเต็มที่ ต้นที่ตี้อู่ฝานซื้อกลับมานี้เพิ่งจะโตเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้
เดิมทีวงการแพทย์แผนโบราณจะส่งโสมหลิงเป่าต้นนี้ไปที่วงการจอมยุทธ์ แต่ก็ถูกตี้อู่ฝานเอามาเสียก่อน
ตี้อู่ฝานซื้อโสมหลิงเป่ากลับมาก็เพื่อต่อชีวิตให้ตี้อู่เย่ว์
แต่หลังจากที่ดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์ถูกแก้ไข ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โสมหลิงเป่าต้นนี้อีกต่อไป
ตี้อู่ฝานรู้ว่าต่อให้อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนดวงชะตา เธอก็จะต้องสูญเสียกำลังถึงแก่นแท้ของร่างกาย เขาจึงยกโสมหลิงเป่าให้
“พี่ชายไม่เอา” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ เขาลูบหัวเธออย่างใจเย็น “เด็กน้อย ถึงแม้บางเรื่องพี่ชายจะสู้เธอไม่ได้ แต่ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเธอนะ” หยุดเล็กน้อย เขายิ้ม “เธอช่วยพี่ชายไว้มาก พี่ชายจะทนเห็นเธอบาดเจ็บได้อย่างไร เธอกินให้หมดเถอะ”
ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจินครั้งก่อนผู้เฒ่าฟู่ก็คงจะไม่อยู่แล้ว
เขาดีกับเธอขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอดีกับเขามาก
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นไม่ได้ดึงมือกลับ
เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาบ่งบอกทุกสิ่ง
จะกินไม่กิน
สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินก็เลือกที่จะประนีประนอม
เขากุมขมับ พูดอย่างจนปัญญา “คนละครึ่งนะ”
เขามองออกว่า ถ้าเขาไม่กินเธอสามารถเอาโสมหลิงเป่านี้กลับไปคืนได้
อิ๋งจื่อจินถึงได้หยิบโสมหลิงเป่าออกมาจากกล่อง
บางครั้งยิ่งเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างมาก เมื่อมองดูกลับเหมือโสมธรรมดาๆ ถึงแม้โสมหลิงเป่าจะมีคำว่าโสมอยู่ในตัว แต่หน้าตากลับไม่เหมือนโสมเลยสักนิด
คล้ายผักใบเขียวมากกว่า
อิ๋งจื่อจินฉีกกลาง
ฟู่อวิ๋นเซินมองท่าทางของเธอ “เยาเยา นี่มันไม่ใช่ครึ่งนึง มันสองในสามฉีกเบี้ยวแล้ว”
อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้า พูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นนักเรียนสายวิทย์ ฉันรู้ดีกว่า”
ฟู่อวิ๋นเซินยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เธอก็เอาโสมหลิงเป่าฝั่งที่เป็นสองในสามส่วนวางใส่มือของเขา
ดวงตาของเขาขยับหลุบตาลง มองยาในมือแต่ไม่ได้กินทันที
โสมหลิงเป่าจะให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว รสชาติคล้ายแอปเปิ้ล
อิ๋งจื่อจินกินเสร็จก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่ขยับ “คิดอะไรอยู่”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินดึงความคิดกลับมา “นึกถึงเรื่องในอดีต ไม่เคยมีใครแบ่งอาหารให้พี่ชาย”
เขาไม่ชอบนึกถึงเรื่องในอดีต แต่ความทรงจำก็เหมือนกรงขังทำให้คนติดอยู่ในนั้น
แต่ปีนี้เขาไม่ค่อยฝันถึงการนองเลือดแล้วสภาพอารมณ์ก็เริ่มคงที่
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินกินโสมหลิงเป่าเสร็จก็ยืนขึ้น ใช้มืออีกข้างลูบศีรษะของเธอริมฝีปากโค้งมนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณนะเยาเยา พี่ชายดีใจมาก”
…
ถึงแม้จะมีโสมหลิงเป่าที่ตี้อู่ฝานให้มา แต่ก็ใช่ว่าร่างกายจะฟื้นกลับมาได้ในวันสองวัน
ฟู่อวิ๋นเซินช่วยอิ๋งจื่อจินลาป่วยกับทางค่ายติวแล้วอยู่ดูแลเธอที่รักษาตัวอยู่ในบ้านของตระกูลตี้อู่
ตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลนักพยากรณ์ ที่ตั้งของบ้านย่อมอยู่ในทำเลที่ฮวงจุ้ยดี
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลตี้อู่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง คนที่อยู่บ้านเก่ามีน้อยมากเหมาะกับการรักษาตัวอย่างสงบ
อวิ๋นซานถูกส่งออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้ว่า คุณชายของเขาที่ช่วงนี้อยู่ในบ้านตระกูลตี้อู่ได้เล่านิทานให้อิ๋งจื่อจินฟังทุกวัน
เล่าเรื่องตำนานเคลติก
“ฉันไม่อยากฟังนิทานเด็ก” พอฟังถึงวันที่สิบ ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เล่าอะไรที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม ผู้บัญชาการ”
“เยาเยา ถ้าพี่ชายนับไม่ผิด…” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหนังสือ
“วันนี้เป็นวันที่สามตุลาคม วันเกิดของเธอคือวันที่ยี่สิบสี่มีนาคม”
“ยังอีกเกือบห้าเดือนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ เด็กน้อยควรฟังเรื่องที่ควรฟัง”
“ไม่ฟัง” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กอดหมอนเดินออกไปพูดอย่างไร้เยื่อใย “ฉันจะไปดูทีวี”
บ้านตระกูลตี้อู่มีโทรทัศน์ แต่ก็วางทิ้งไว้เฉยๆ อยู่ตลอด
มีแค่ตี้อู่เย่ว์ที่ดู
อิ๋งจื่อจินไปหาตี้อู่เย่ว์เห็นโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องรับแขกเปิดอยู่ตามคาด
แต่ตี้อู่เย่ว์ไม่อยู่
เธอเข้าไปนั่งบนโซฟา
“พี่สาว ฉันทำของอร่อยมาให้” พอได้ยินเสียงจากห้องรับแขก ตี้อู่เย่ว์ก็เดินถือจานออกมาจากในครัว
“ฉันตั้งใจใช้โสมร้อยปีด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป เธอเห็นก้อนสีดำๆ อยู่ในจาน “…”
เธอกลัวว่ากินเข้าไปแล้วจะตาย
ฟู่อวิ๋นเซินที่เดินตามมาก็เห็นเหมือนกัน
เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปครึ่งแขน “ฉันดีกว่า เยาเยา ดูโทรทัศน์ไปก่อนนะ”
ขณะพูดเขาก็เดินเข้าครัว
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “เธอกินเถอะ”
“อ้อ งั้นก็ได้ เมื่อก่อนคุณปู่ไม่ให้ฉันแตะต้องโสมร้อยปีเลยนะ แต่พอได้ยินว่าฉันจะทำอาหารให้พี่กิน ถึงเอาให้ฉันมา” ตี้อู่เย่ว์ประคองจานด้วยความดีใจ
เธอหยิบตะเกียบพอกินเข้าไปคำแรกก็คายทิ้งทันที ทำหน้าอี๋ “ตายๆ ฉันจะฆ่าตัวเอง ทำไมรสชาติห่วยแตกแบบนี้”
ตี้อู่เย่ว์รีบเทอาหารในจานทิ้งลงถังขยะทันที
โชคดีที่ไม่ได้ให้พี่สาวกิน ไม่อย่างนั้นได้ตายของจริงแน่
ตี้อู่เย่ว์นั่งท้อแท้อยู่บนโซฟา แต่ดูได้สักพักก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม “พี่สาวเคยดูเรื่องนี้เหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เคยดูนิดหน่อย”
ในโทรทัศน์กำลังฉายเรื่องสปายเลอโฉมที่ซังเย่าจือแสดง
เคยฉายไปแล้วตอนปิดเทอมหน้าร้อนตอนนี้เอามาฉายรอบสอง
เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมาก หลังจากที่ชูกวงมีเดียซื้อกิจการของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ สปายเลอโฉมก็ย่อมตกมาอยู่ในมือของชูกวงมีเดีย
เอาแค่ฉายรอบแรกก็ทำกำไรให้ชูกวงมีเดียแล้วถึงห้าร้อยล้าน
ฉายาราชาภาพยนตร์อันดับหนึ่งไม่ได้ได้มาเล่นๆ และก็เพราะเรื่องสปายเลอโฉม ทำให้เยี่ยซีที่เป็นนางเอกของเรื่องได้กลายเป็นดาราดังเป็นพลุแตกในตอนนี้
“พี่สาว ไม่ชอบดูเหรอ” ตี้อู่เย่ว์เห็นอิ๋งจื่อจินดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไร
“สนุกจะตาย ฉันอยากรู้มากว่าใครเป็นคนทรยศกันแน่”
“อืม ไม่ชอบ”
“งั้นพี่ชอบอะไร เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้”
“ละครน้ำเน่า”
“…”
ตี้อู่เย่ว์เปลี่ยนช่องให้อย่างเงียบๆ
ดูไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่าละครน้ำเน่าสนุกจริงๆ
สามสิบนาทีต่อมา
ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมา กับข้าวสามอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง เป็นกับข้าวบ้านๆ ทั่วไป แต่มีครบทั้งหน้าตา และความหอม กระตุ้นน้ำย่อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เยาเยา เลิกดูก่อนมากินสิ”
อิ๋งจื่อจินล้างมือเสร็จก็เดินไป
ตี้อู่เย่ว์กลับไม่ได้เดินมา
เธอมองอาหารบนโต๊ะแล้วลูบท้อง ทำเสียงหึ “ช่างเถอะ ฉันอิ่มแล้ว ไปท่องหนังสือดีกว่า”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “เธอไม่ได้กินอะไรเลยแต่อิ่มแล้วเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเช็ดมือแล้วนั่งลง “สงสัยจะกินแกลบมา”
ตี้อู่เย่ว์ที่เพิ่งลุกขึ้นก็ได้ยินชัดเจน “…”
เธอโมโหจนนั่งลงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเวยปั๋ว
เธอรู้สึกว่าเทคโนโลยีมันดีจริงๆ จึงไม่ค่อยเข้าใจพวกพี่ๆ ว่าทำไมไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ
ตี้อู่เย่ว์ชอบเล่นเวยปั๋ว ดูคลิปต่างๆ
เธอมีเวยปั๋วของตัวเอง แนะนำตัวว่าเป็นปรมาจารย์ทำนายดวงชะตา และก็มีคนมาให้เธอดูดวงจริงๆ
แต่เป็นแบบที่ดูลายมือกับโหงวเฮ้ง ง่ายมากๆ
“พี่สาว” ขณะที่ไถดูไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นตี้อู่เย่ว์ก็เงยหน้าขึ้น ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่สาว นี่ใช่พี่หรือเปล่า” ในโทรศัพท์เป็นโพสต์บนเวยปั๋ว
แอทลูกกวาดแสนหวานของบ้านเบบี๋เหยียน : [เอามาให้ทุกคนดูโฉมหน้าที่แท้จริงของเด็กเทพบางคน ชอบใช้ความรุนแรงขนาดนี้ ซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ยังอาการไม่ดีขึ้น เอาแค่นี้จะเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีเลยเหรอ]
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :