คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 289 ฟู่หมิงเฉิง นี่คือซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ป
ความนิยมขนาดนี้ แม้แต่อันดับหนึ่งของโซนเกมที่เป็นที่ยอมรับกันก็ยังสู้ไม่ได้
บรรดาผู้ชมรู้ดีว่า ข้อมูลส่วนตัวแบบนี้ปลอมขึ้นมาไม่ได้ ใครกล้าปลอมแปลงได้ขายหน้าไปทั่วโลก
ไม่มีใครโง่ขนาดนั้น
[ของจริงว่ะ!]
[บอกแล้วว่าท่านเทพไม่มีทางหลอกลวง พวกตัวป่วนเข้าใจหรือยังล่ะ!]
[เดี๋ยวนะท่านเทพขอดูหน้าหน่อยได้ไหม จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่รู้แม้แต่เพศของท่านเทพเลยนะ]
อิ๋งจื่อจินไม่เห็นข้อความนี้ เธอล็อกเอาท์ออกไปแล้ว
เธอไม่เคยสนใจเรื่องเปิดเผยหน้าตา เปิดเผยไปเธอก็ไม่ได้เงินอะไร
ในเมื่อเป็นไลฟ์การเรียน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หลังจากที่อิ๋งจื่อจินจบการไลฟ์ ไม่เหนือความคาดหมาย ติดอันดับแฮชแท็กคำค้นยอดนิยมทันที
แฮชแท็กอันดับหนึ่งชาร์ตรวมทั่วโลก แฮชแท็กฉลามไลฟ์สด
แฮชแท็กสองคำนี้ได้ขึ้นอันดับหนึ่งคำค้นยอดนิยม
จากนั้นชาวเน็ตก็เริ่มขุดคุ้ยว่าเจ้าของไลฟ์ช่องนี้เป็นใคร ถึงขั้นที่มีคนไปถามฝ่ายบริหารของแพลตฟอร์มฉลามไลฟ์เลยทีเดียว
แต่กลับได้รับแจ้งว่า แม้แต่ฝ่ายบริหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของไลฟ์คนนี้เป็นใคร
พวกเขาเคยเชิญเจ้าของไลฟ์คนนี้มาร่วมกิจกรรมนอกไลฟ์ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับใดๆ
ฝ่ายบริหารมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ไม่กล้าพูด เนื่องจากพวกเขาส่งข้อความไปถี่มาก สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็เลยบล็อกพวกเขา
อิ๋งจื่อจินไม่ได้เล่นเน็ต จึงไม่รู้เรื่องที่ชาวเน็ตคุยกัน เธอออกไปตรวจร่างกายให้ผู้เฒ่าฟู่อีกรอบแล้ว
ผู้เฒ่าฟู่ตื่นแล้ว พอเห็นเธอมาก็ดีใจ “จื่อจิน อยู่กับเจ้าเจ็ดเป็นไงบ้าง”
“อืม ก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของผู้เฒ่าฟู่ ถ่ายทอดกำลังภายในอย่างไม่ให้รู้ตัว “เขาเป็นคนดีค่ะ”
ราวกับผู้เฒ่าฟู่โล่งอก “งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว”
พูดจบประโยคนี้เขาก็หลับตาลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว
เธอไม่พบความผิดปกติอะไรในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ ถ้าจะให้บอกความผิดปกติเล็กน้อยมันก็มีตามประสาคนอายุมาก
แต่ทำไมผู้เฒ่าฟู่ถึงง่วงบ่อยขนาดนี้
“คุณตาให้ปู่ฟู่พักอยู่ที่นี่สักระยะดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “คอยคุยเป็นเพื่อนด้วยบ่อยๆ”
ผู้เฒ่าจงขานรับ
เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ห่มผ้าให้ผู้เฒ่าฟู่ด้วยความเป็นห่วง
…
วันต่อมาเป็นสุดสัปดาห์
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินไปสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินเสร็จเธอก็ไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินใจกลางเมือง เดิมทีเธอไม่คิดจะซื้ออะไร จนกระทั่งสังเกตเห็นร้านขายหยก
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป ตรงไปที่ตู้กระจกแล้วพูดขึ้น “ฉันขอดูหยกชิ้นนี้หน่อยค่ะ”
พนักงานสาวที่รับหน้าที่ต้อนรับลูกค้าพอได้ยินแบบนี้ก็เปิดตู้กระจก หยิบจี้หยกออกมาจากหุ่นโชว์
อิ๋งจื่อจินรับมาหมุนดูในฝ่ามือ
สัมผัสเย็นเป็นหยกชั้นดี
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหยกชิ้นนี้กันภัยได้
หยกมีจิตวิญญาณ คนจีนสมัยโบราณมีการพูดกันแบบนี้
ถ้าหยกที่พกติดตัวมีรอยแตกร้าว ก็แสดงว่าช่วยเจ้าของป้องกันเภทภัยไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าหยกทุกชิ้นจะมีอานุภาพแบบนี้
อิ๋งจื่อจินก็เคยไปดูที่เฝ่ยชุ่ยไจ น่าเสียดายที่ไม่มีหยกที่ตรงตามความต้องการของเธอ
แต่หยกชิ้นนี้ไม่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ช่วยผู้ที่สวมใส่มันป้องกันอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตได้
พนักงานสาวเห็นเธอยังเด็กอยู่ อีกทั้งแต่งตัวด้วยชุดลำลองที่ธรรมดาๆ ไม่ใช่แบรนด์เนมอะไร
เธอคิดในใจว่าอิ๋งจื่อจินคงซื้อไม่ไหว
แต่ด้วยจรรยาบรรณในอาชีพ เธอไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า ยังคงพูดอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง เดี๋ยวฉันช่วยใส่ให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “จะซื้อไปให้คนอื่น”
พอได้ยินแบบนี้พนักงานก็เตือนอย่างอ้อมๆ “คุณผู้หญิงคะ หยกชิ้นนี้เพิ่งนำเข้าจากยุโรป ค่อนข้างแพง ราคาอยู่ที่แปดแสนแปดหมื่นค่ะ”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรอีก หยิบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ออกมา
“ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ” แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของใครคนหนึ่งเข้ามาแทรก “ห่อมาให้ฉัน”
พนักงานสาวอึ้งเงยหน้า พูดด้วยท่าทางนอบน้อมทันที “คุณนายน้อยฟู่”
“หนึ่งล้าน ไม่ต้องทอน” ซูหร่วนอยู่ในชุดมีผ้าคลุมไหล่สีแดง เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองอิ๋งจื่อจิน เธอเคาะบัตรธนาคาร “เงินที่เหลือเป็นค่าทิปให้เธอ”
พนักงานกลับลังเลไม่ขยับ
“ทำไม” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ฉันเป็นถึงลูกค้าวีไอพีของร้านนี้เลยนะ ไม่ขายให้ฉัน แต่จะขายให้คนนี้เหรอ”
พนักงานลังเล มองอิ๋งจื่อจิน ความหมายชัดเจนมาก
เมื่อเทียบกับลูกค้าทั่วไป เธอย่อมล่วงเกินซูหร่วนที่เป็นคุณนายน้อยตระกูลฟู่ไม่ได้
ซูหร่วนโล่งอก เงยหน้าด้วยความเชิดหยิ่ง
เพียงแต่ขนาดเธอใส่รองเท้าส้นสูงก็ยังเตี้ยกว่าอิ๋งจื่อจิน อยากทำเป็นมองต่ำแต่ก็ดูทุลักทุเล
แต่ซูหร่วนไม่แคร์ เธอพูดดูถูก “ต่อไปทางที่ดีเธออย่าให้ฉันเห็นว่าเธอซื้ออะไรจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอซื้อไม่สำเร็จ เข้าใจไหม”
ฟู่อี้หันเตือนเธอว่าให้อยู่ห่างๆ จากฟู่อวิ๋นเซิน อย่าไปยุ่งเรื่องของฟู่อวิ๋นเซิน
แต่อิ๋งจื่อจินก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว เธอยังจะรังแกไม่ได้อีกเหรอ
คิดว่าเธอไม่รู้เหรอว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงมีบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ ไม่ใช่เพราะฟู่อวิ๋นเซินให้มาหรือไง
เกาะผู้ชาย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน
ถ้าผู้เฒ่าฟู่จากไป ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินจะทำอย่างไรได้
หว่างนิ้วของอิ๋งจื่อจินยังคงคีบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์อยู่
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็เหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย
ซูหร่วนยังคงทำท่าทางอวดดีในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรต่อ ผู้จัดการร้านหยกกลับรีบเดินเข้ามา
ผู้จัดการโค้งตัวขอโทษอิ๋งจื่อจินก่อน จากนั้นถึงหันไปหาซูหร่วน
สีหน้ากลับไม่มีความนอบน้อม พูดอย่างสุภาพแต่ฟังดูห่างเหิน
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนายน้อยฟู่ พวกเราขายหยกชิ้นนี้ให้คุณไม่ได้ค่ะ”
ซูหร่วนสีหน้าเปลี่ยน รอยยิ้มที่มุมปากชะงัก “พวกคุณหมายความว่าไง”
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” ผู้จัดการร้านพูดไปแบบนั้น แต่กลับไม่ได้มีท่าทางขอโทษแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่คุณชายเจ็ดเพิ่งซื้อร้านนี้ เขาบอกว่าต่อไปของที่อยู่ในร้านนี้จะไม่ขายให้คุณนายน้อยฟู่ค่ะ”
ซูหร่วนหน้าบึ้งลงทันที
ฟู่อวิ๋นเซินอีกแล้ว!
ทุกครั้งที่เธอโดนหยามเกียรติแบบนี้ล้วนเป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซินทั้งนั้น
ซูหร่วนทนการถูกเหยียดหยามแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่มีหน้าจะอยู่ในร้านต่อไป ไม่หลงเหลือความอวดดีแบบเมื่อครู่ใบหน้าร้อนผ่าว ถือกระเป๋าเดินออกโดยไม่เหลือเค้าเดิมตอนเข้ามา
ผู้จัดการปาดเหงื่อ
ใครจะไปคิดว่าคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่ที่มีฉายา ‘จอมเสเพลอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง’ จะเล่นใหญ่ได้ขนาดนี้ ถึงกับซื้อร้านให้ผู้หญิง
กิจการร้านหยกแห่งนี้ไม่ได้แย่ ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินเจ้าของร้านไม่มีทางขาย
สาเหตุที่ถูกฟู่อวิ๋นเซินซื้อไปได้เป็นเพราะเขาให้ราคาสองเท่า
ร้านที่เดิมทีมีมูลค่าสามสิบล้าน เขาให้ราคาหกสิบล้าน
“คุณอิ๋งคะ คุณชายเจ็ดบอกแล้วว่า ถ้าคุณถูกใจชิ้นไหนก็เอาไปได้เลยค่ะ” ผู้จัดการมีท่าทางนอบน้อม
“เอาไปทุกชิ้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็มองหยกในมือ เข้าสู่ห้วงความเงียบ “…”
เธออยากซื้อหยกชิ้นนี้ให้เขาแล้วเอาไปเบิกเนตรเพื่อป้องกันเภทภัย ไหงกลายเป็นเขาซื้อร้านนี้ไปได้ล่ะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ห่อชิ้นนี้ให้ฉันก็พอ”
ถึงแม้หยกชิ้นอื่นจะดี แต่ช่วยกันภัยไม่ได้
เธอเอาไปก็ไม่มีประโยชน์
“ได้ค่ะได้” ผู้จัดการไม่ได้ให้พนักงานลงมือ เธอจัดการเอากล่องมาใส่หยกด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินถือถุงของขวัญเดินออกไป และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงประตูรถตามคาด
“เด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว พูดเสียงเนือยเช่นเคย ดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์
“ดูเหมือนเธอมีอะไรจะบอกพี่ชายนะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “มี”
“หืม?”
“ตัวล้างผลาญ”
“…”
อิ๋งจื่อจินยื่นถุงของขวัญให้เขา “ฉันให้”
“ให้พี่ชายเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแปลกใจนิดหน่อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ขอบคุณนะเยาเยา”
อิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ พิงหน้าต่างหาวออกมา “จะไปไหนเหรอ”
“ห้างเซ็นจูรี่” ฟู่อวิ๋นเซินขับรถออก
“เด็กน้อย เดี๋ยวเธออยู่บนรถนะ พี่ชายก็มีของจะให้นิดหน่อยเหมือนกัน ขออุบเป็นความลับก่อน”
…
ห้างเซ็นจูรี่
บีไมน์เป็นแบรนด์หรูแห่งศตวรรษ มีหน้าร้านอยู่แค่ในตี้ตูกับฮู่เฉิงเท่านั้น
ภายในห้างเซ็นจูรี่ย่อมมีหน้าร้านที่กว้างมากให้บีไมน์
ฟู่หมิงเฉิงอยู่ในนี้ เขานัดกับเจ้าหน้าที่ของบีไมน์เรียบร้อยแล้วอีกเดี๋ยวจะทำการประเมินน้ำหอมกับครีมที่อวี้เซียงฟังทำออกมา
เขาเห็นพนักงานในร้านดูเกร็งกันมากรวมถึงผู้จัดการสาขา
ฟู่หมิงเฉิงสงสัย อดถามขึ้นไม่ได้ “พวกคุณฝึกพนักงานกันอยู่เหรอครับ”
“อ๋อ นั่นเหรอครับ” พนักงานคนหนึ่งยิ้ม “คุณฟู่มาได้ประจวบเหมาะพอดีเลยครับ วันนี้ซีอีโอใหญ่จะมาตรวจที่นี่ พวกเขาก็เลยกังวลขนาดนั้น”
“ซีอีโอใหญ่เหรอครับ” สายตาของฟู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไป “ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปเหรอครับ”
ถ้าเป็นแค่ประธานของบีไมน์ พนักงานไม่มีทางเรียกแบบนี้ แต่บีไมน์เป็นแค่หนึ่งในแบรนด์ที่มีมากมายนับไม่ถ้วนของวีนัสกรุ๊ป อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแค่สาขาย่อยในประเทศจีน จะควรค่าให้ซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปมาด้วยตัวเองได้อย่างไร
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ถ้าพบซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปได้ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น
อย่าว่าแต่ตระกูลฟู่จะเข้าไปบุกตลาดตี้ตูเลย ระดับโลกก็ไม่เป็นปัญหา
ต่อให้เป็นฟู่หมิงเฉิงก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
เขาจัดเนคไทให้เรียบร้อยเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย พอหันไปก็เห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้างเซ็นจูรี่
ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาลงไปมากทั้งยังเจือไปด้วยความไม่พอใจ
ทำไมถึงเจอฟู่อวิ๋นเซินไปทั่ว
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 289 ฟู่หมิงเฉิง นี่คือซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ป
ความนิยมขนาดนี้ แม้แต่อันดับหนึ่งของโซนเกมที่เป็นที่ยอมรับกันก็ยังสู้ไม่ได้
บรรดาผู้ชมรู้ดีว่า ข้อมูลส่วนตัวแบบนี้ปลอมขึ้นมาไม่ได้ ใครกล้าปลอมแปลงได้ขายหน้าไปทั่วโลก
ไม่มีใครโง่ขนาดนั้น
[ของจริงว่ะ!]
[บอกแล้วว่าท่านเทพไม่มีทางหลอกลวง พวกตัวป่วนเข้าใจหรือยังล่ะ!]
[เดี๋ยวนะท่านเทพขอดูหน้าหน่อยได้ไหม จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่รู้แม้แต่เพศของท่านเทพเลยนะ]
อิ๋งจื่อจินไม่เห็นข้อความนี้ เธอล็อกเอาท์ออกไปแล้ว
เธอไม่เคยสนใจเรื่องเปิดเผยหน้าตา เปิดเผยไปเธอก็ไม่ได้เงินอะไร
ในเมื่อเป็นไลฟ์การเรียน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หลังจากที่อิ๋งจื่อจินจบการไลฟ์ ไม่เหนือความคาดหมาย ติดอันดับแฮชแท็กคำค้นยอดนิยมทันที
แฮชแท็กอันดับหนึ่งชาร์ตรวมทั่วโลก แฮชแท็กฉลามไลฟ์สด
แฮชแท็กสองคำนี้ได้ขึ้นอันดับหนึ่งคำค้นยอดนิยม
จากนั้นชาวเน็ตก็เริ่มขุดคุ้ยว่าเจ้าของไลฟ์ช่องนี้เป็นใคร ถึงขั้นที่มีคนไปถามฝ่ายบริหารของแพลตฟอร์มฉลามไลฟ์เลยทีเดียว
แต่กลับได้รับแจ้งว่า แม้แต่ฝ่ายบริหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของไลฟ์คนนี้เป็นใคร
พวกเขาเคยเชิญเจ้าของไลฟ์คนนี้มาร่วมกิจกรรมนอกไลฟ์ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับใดๆ
ฝ่ายบริหารมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ไม่กล้าพูด เนื่องจากพวกเขาส่งข้อความไปถี่มาก สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็เลยบล็อกพวกเขา
อิ๋งจื่อจินไม่ได้เล่นเน็ต จึงไม่รู้เรื่องที่ชาวเน็ตคุยกัน เธอออกไปตรวจร่างกายให้ผู้เฒ่าฟู่อีกรอบแล้ว
ผู้เฒ่าฟู่ตื่นแล้ว พอเห็นเธอมาก็ดีใจ “จื่อจิน อยู่กับเจ้าเจ็ดเป็นไงบ้าง”
“อืม ก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของผู้เฒ่าฟู่ ถ่ายทอดกำลังภายในอย่างไม่ให้รู้ตัว “เขาเป็นคนดีค่ะ”
ราวกับผู้เฒ่าฟู่โล่งอก “งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว”
พูดจบประโยคนี้เขาก็หลับตาลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว
เธอไม่พบความผิดปกติอะไรในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ ถ้าจะให้บอกความผิดปกติเล็กน้อยมันก็มีตามประสาคนอายุมาก
แต่ทำไมผู้เฒ่าฟู่ถึงง่วงบ่อยขนาดนี้
“คุณตาให้ปู่ฟู่พักอยู่ที่นี่สักระยะดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “คอยคุยเป็นเพื่อนด้วยบ่อยๆ”
ผู้เฒ่าจงขานรับ
เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ห่มผ้าให้ผู้เฒ่าฟู่ด้วยความเป็นห่วง
…
วันต่อมาเป็นสุดสัปดาห์
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินไปสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินเสร็จเธอก็ไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินใจกลางเมือง เดิมทีเธอไม่คิดจะซื้ออะไร จนกระทั่งสังเกตเห็นร้านขายหยก
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป ตรงไปที่ตู้กระจกแล้วพูดขึ้น “ฉันขอดูหยกชิ้นนี้หน่อยค่ะ”
พนักงานสาวที่รับหน้าที่ต้อนรับลูกค้าพอได้ยินแบบนี้ก็เปิดตู้กระจก หยิบจี้หยกออกมาจากหุ่นโชว์
อิ๋งจื่อจินรับมาหมุนดูในฝ่ามือ
สัมผัสเย็นเป็นหยกชั้นดี
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหยกชิ้นนี้กันภัยได้
หยกมีจิตวิญญาณ คนจีนสมัยโบราณมีการพูดกันแบบนี้
ถ้าหยกที่พกติดตัวมีรอยแตกร้าว ก็แสดงว่าช่วยเจ้าของป้องกันเภทภัยไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าหยกทุกชิ้นจะมีอานุภาพแบบนี้
อิ๋งจื่อจินก็เคยไปดูที่เฝ่ยชุ่ยไจ น่าเสียดายที่ไม่มีหยกที่ตรงตามความต้องการของเธอ
แต่หยกชิ้นนี้ไม่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ช่วยผู้ที่สวมใส่มันป้องกันอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตได้
พนักงานสาวเห็นเธอยังเด็กอยู่ อีกทั้งแต่งตัวด้วยชุดลำลองที่ธรรมดาๆ ไม่ใช่แบรนด์เนมอะไร
เธอคิดในใจว่าอิ๋งจื่อจินคงซื้อไม่ไหว
แต่ด้วยจรรยาบรรณในอาชีพ เธอไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า ยังคงพูดอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง เดี๋ยวฉันช่วยใส่ให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “จะซื้อไปให้คนอื่น”
พอได้ยินแบบนี้พนักงานก็เตือนอย่างอ้อมๆ “คุณผู้หญิงคะ หยกชิ้นนี้เพิ่งนำเข้าจากยุโรป ค่อนข้างแพง ราคาอยู่ที่แปดแสนแปดหมื่นค่ะ”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรอีก หยิบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ออกมา
“ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ” แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของใครคนหนึ่งเข้ามาแทรก “ห่อมาให้ฉัน”
พนักงานสาวอึ้งเงยหน้า พูดด้วยท่าทางนอบน้อมทันที “คุณนายน้อยฟู่”
“หนึ่งล้าน ไม่ต้องทอน” ซูหร่วนอยู่ในชุดมีผ้าคลุมไหล่สีแดง เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองอิ๋งจื่อจิน เธอเคาะบัตรธนาคาร “เงินที่เหลือเป็นค่าทิปให้เธอ”
พนักงานกลับลังเลไม่ขยับ
“ทำไม” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ฉันเป็นถึงลูกค้าวีไอพีของร้านนี้เลยนะ ไม่ขายให้ฉัน แต่จะขายให้คนนี้เหรอ”
พนักงานลังเล มองอิ๋งจื่อจิน ความหมายชัดเจนมาก
เมื่อเทียบกับลูกค้าทั่วไป เธอย่อมล่วงเกินซูหร่วนที่เป็นคุณนายน้อยตระกูลฟู่ไม่ได้
ซูหร่วนโล่งอก เงยหน้าด้วยความเชิดหยิ่ง
เพียงแต่ขนาดเธอใส่รองเท้าส้นสูงก็ยังเตี้ยกว่าอิ๋งจื่อจิน อยากทำเป็นมองต่ำแต่ก็ดูทุลักทุเล
แต่ซูหร่วนไม่แคร์ เธอพูดดูถูก “ต่อไปทางที่ดีเธออย่าให้ฉันเห็นว่าเธอซื้ออะไรจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอซื้อไม่สำเร็จ เข้าใจไหม”
ฟู่อี้หันเตือนเธอว่าให้อยู่ห่างๆ จากฟู่อวิ๋นเซิน อย่าไปยุ่งเรื่องของฟู่อวิ๋นเซิน
แต่อิ๋งจื่อจินก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว เธอยังจะรังแกไม่ได้อีกเหรอ
คิดว่าเธอไม่รู้เหรอว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงมีบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ ไม่ใช่เพราะฟู่อวิ๋นเซินให้มาหรือไง
เกาะผู้ชาย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน
ถ้าผู้เฒ่าฟู่จากไป ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินจะทำอย่างไรได้
หว่างนิ้วของอิ๋งจื่อจินยังคงคีบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์อยู่
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็เหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย
ซูหร่วนยังคงทำท่าทางอวดดีในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรต่อ ผู้จัดการร้านหยกกลับรีบเดินเข้ามา
ผู้จัดการโค้งตัวขอโทษอิ๋งจื่อจินก่อน จากนั้นถึงหันไปหาซูหร่วน
สีหน้ากลับไม่มีความนอบน้อม พูดอย่างสุภาพแต่ฟังดูห่างเหิน
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนายน้อยฟู่ พวกเราขายหยกชิ้นนี้ให้คุณไม่ได้ค่ะ”
ซูหร่วนสีหน้าเปลี่ยน รอยยิ้มที่มุมปากชะงัก “พวกคุณหมายความว่าไง”
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” ผู้จัดการร้านพูดไปแบบนั้น แต่กลับไม่ได้มีท่าทางขอโทษแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่คุณชายเจ็ดเพิ่งซื้อร้านนี้ เขาบอกว่าต่อไปของที่อยู่ในร้านนี้จะไม่ขายให้คุณนายน้อยฟู่ค่ะ”
ซูหร่วนหน้าบึ้งลงทันที
ฟู่อวิ๋นเซินอีกแล้ว!
ทุกครั้งที่เธอโดนหยามเกียรติแบบนี้ล้วนเป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซินทั้งนั้น
ซูหร่วนทนการถูกเหยียดหยามแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่มีหน้าจะอยู่ในร้านต่อไป ไม่หลงเหลือความอวดดีแบบเมื่อครู่ใบหน้าร้อนผ่าว ถือกระเป๋าเดินออกโดยไม่เหลือเค้าเดิมตอนเข้ามา
ผู้จัดการปาดเหงื่อ
ใครจะไปคิดว่าคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่ที่มีฉายา ‘จอมเสเพลอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง’ จะเล่นใหญ่ได้ขนาดนี้ ถึงกับซื้อร้านให้ผู้หญิง
กิจการร้านหยกแห่งนี้ไม่ได้แย่ ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินเจ้าของร้านไม่มีทางขาย
สาเหตุที่ถูกฟู่อวิ๋นเซินซื้อไปได้เป็นเพราะเขาให้ราคาสองเท่า
ร้านที่เดิมทีมีมูลค่าสามสิบล้าน เขาให้ราคาหกสิบล้าน
“คุณอิ๋งคะ คุณชายเจ็ดบอกแล้วว่า ถ้าคุณถูกใจชิ้นไหนก็เอาไปได้เลยค่ะ” ผู้จัดการมีท่าทางนอบน้อม
“เอาไปทุกชิ้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็มองหยกในมือ เข้าสู่ห้วงความเงียบ “…”
เธออยากซื้อหยกชิ้นนี้ให้เขาแล้วเอาไปเบิกเนตรเพื่อป้องกันเภทภัย ไหงกลายเป็นเขาซื้อร้านนี้ไปได้ล่ะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ห่อชิ้นนี้ให้ฉันก็พอ”
ถึงแม้หยกชิ้นอื่นจะดี แต่ช่วยกันภัยไม่ได้
เธอเอาไปก็ไม่มีประโยชน์
“ได้ค่ะได้” ผู้จัดการไม่ได้ให้พนักงานลงมือ เธอจัดการเอากล่องมาใส่หยกด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินถือถุงของขวัญเดินออกไป และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงประตูรถตามคาด
“เด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว พูดเสียงเนือยเช่นเคย ดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์
“ดูเหมือนเธอมีอะไรจะบอกพี่ชายนะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “มี”
“หืม?”
“ตัวล้างผลาญ”
“…”
อิ๋งจื่อจินยื่นถุงของขวัญให้เขา “ฉันให้”
“ให้พี่ชายเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแปลกใจนิดหน่อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ขอบคุณนะเยาเยา”
อิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ พิงหน้าต่างหาวออกมา “จะไปไหนเหรอ”
“ห้างเซ็นจูรี่” ฟู่อวิ๋นเซินขับรถออก
“เด็กน้อย เดี๋ยวเธออยู่บนรถนะ พี่ชายก็มีของจะให้นิดหน่อยเหมือนกัน ขออุบเป็นความลับก่อน”
…
ห้างเซ็นจูรี่
บีไมน์เป็นแบรนด์หรูแห่งศตวรรษ มีหน้าร้านอยู่แค่ในตี้ตูกับฮู่เฉิงเท่านั้น
ภายในห้างเซ็นจูรี่ย่อมมีหน้าร้านที่กว้างมากให้บีไมน์
ฟู่หมิงเฉิงอยู่ในนี้ เขานัดกับเจ้าหน้าที่ของบีไมน์เรียบร้อยแล้วอีกเดี๋ยวจะทำการประเมินน้ำหอมกับครีมที่อวี้เซียงฟังทำออกมา
เขาเห็นพนักงานในร้านดูเกร็งกันมากรวมถึงผู้จัดการสาขา
ฟู่หมิงเฉิงสงสัย อดถามขึ้นไม่ได้ “พวกคุณฝึกพนักงานกันอยู่เหรอครับ”
“อ๋อ นั่นเหรอครับ” พนักงานคนหนึ่งยิ้ม “คุณฟู่มาได้ประจวบเหมาะพอดีเลยครับ วันนี้ซีอีโอใหญ่จะมาตรวจที่นี่ พวกเขาก็เลยกังวลขนาดนั้น”
“ซีอีโอใหญ่เหรอครับ” สายตาของฟู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไป “ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปเหรอครับ”
ถ้าเป็นแค่ประธานของบีไมน์ พนักงานไม่มีทางเรียกแบบนี้ แต่บีไมน์เป็นแค่หนึ่งในแบรนด์ที่มีมากมายนับไม่ถ้วนของวีนัสกรุ๊ป อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแค่สาขาย่อยในประเทศจีน จะควรค่าให้ซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปมาด้วยตัวเองได้อย่างไร
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ถ้าพบซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปได้ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น
อย่าว่าแต่ตระกูลฟู่จะเข้าไปบุกตลาดตี้ตูเลย ระดับโลกก็ไม่เป็นปัญหา
ต่อให้เป็นฟู่หมิงเฉิงก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
เขาจัดเนคไทให้เรียบร้อยเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย พอหันไปก็เห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้างเซ็นจูรี่
ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาลงไปมากทั้งยังเจือไปด้วยความไม่พอใจ
ทำไมถึงเจอฟู่อวิ๋นเซินไปทั่ว
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 289 ฟู่หมิงเฉิง นี่คือซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ป
ความนิยมขนาดนี้ แม้แต่อันดับหนึ่งของโซนเกมที่เป็นที่ยอมรับกันก็ยังสู้ไม่ได้
บรรดาผู้ชมรู้ดีว่า ข้อมูลส่วนตัวแบบนี้ปลอมขึ้นมาไม่ได้ ใครกล้าปลอมแปลงได้ขายหน้าไปทั่วโลก
ไม่มีใครโง่ขนาดนั้น
[ของจริงว่ะ!]
[บอกแล้วว่าท่านเทพไม่มีทางหลอกลวง พวกตัวป่วนเข้าใจหรือยังล่ะ!]
[เดี๋ยวนะท่านเทพขอดูหน้าหน่อยได้ไหม จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่รู้แม้แต่เพศของท่านเทพเลยนะ]
อิ๋งจื่อจินไม่เห็นข้อความนี้ เธอล็อกเอาท์ออกไปแล้ว
เธอไม่เคยสนใจเรื่องเปิดเผยหน้าตา เปิดเผยไปเธอก็ไม่ได้เงินอะไร
ในเมื่อเป็นไลฟ์การเรียน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หลังจากที่อิ๋งจื่อจินจบการไลฟ์ ไม่เหนือความคาดหมาย ติดอันดับแฮชแท็กคำค้นยอดนิยมทันที
แฮชแท็กอันดับหนึ่งชาร์ตรวมทั่วโลก แฮชแท็กฉลามไลฟ์สด
แฮชแท็กสองคำนี้ได้ขึ้นอันดับหนึ่งคำค้นยอดนิยม
จากนั้นชาวเน็ตก็เริ่มขุดคุ้ยว่าเจ้าของไลฟ์ช่องนี้เป็นใคร ถึงขั้นที่มีคนไปถามฝ่ายบริหารของแพลตฟอร์มฉลามไลฟ์เลยทีเดียว
แต่กลับได้รับแจ้งว่า แม้แต่ฝ่ายบริหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของไลฟ์คนนี้เป็นใคร
พวกเขาเคยเชิญเจ้าของไลฟ์คนนี้มาร่วมกิจกรรมนอกไลฟ์ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับใดๆ
ฝ่ายบริหารมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ไม่กล้าพูด เนื่องจากพวกเขาส่งข้อความไปถี่มาก สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็เลยบล็อกพวกเขา
อิ๋งจื่อจินไม่ได้เล่นเน็ต จึงไม่รู้เรื่องที่ชาวเน็ตคุยกัน เธอออกไปตรวจร่างกายให้ผู้เฒ่าฟู่อีกรอบแล้ว
ผู้เฒ่าฟู่ตื่นแล้ว พอเห็นเธอมาก็ดีใจ “จื่อจิน อยู่กับเจ้าเจ็ดเป็นไงบ้าง”
“อืม ก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของผู้เฒ่าฟู่ ถ่ายทอดกำลังภายในอย่างไม่ให้รู้ตัว “เขาเป็นคนดีค่ะ”
ราวกับผู้เฒ่าฟู่โล่งอก “งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว”
พูดจบประโยคนี้เขาก็หลับตาลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว
เธอไม่พบความผิดปกติอะไรในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ ถ้าจะให้บอกความผิดปกติเล็กน้อยมันก็มีตามประสาคนอายุมาก
แต่ทำไมผู้เฒ่าฟู่ถึงง่วงบ่อยขนาดนี้
“คุณตาให้ปู่ฟู่พักอยู่ที่นี่สักระยะดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “คอยคุยเป็นเพื่อนด้วยบ่อยๆ”
ผู้เฒ่าจงขานรับ
เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ห่มผ้าให้ผู้เฒ่าฟู่ด้วยความเป็นห่วง
…
วันต่อมาเป็นสุดสัปดาห์
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินไปสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินเสร็จเธอก็ไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินใจกลางเมือง เดิมทีเธอไม่คิดจะซื้ออะไร จนกระทั่งสังเกตเห็นร้านขายหยก
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป ตรงไปที่ตู้กระจกแล้วพูดขึ้น “ฉันขอดูหยกชิ้นนี้หน่อยค่ะ”
พนักงานสาวที่รับหน้าที่ต้อนรับลูกค้าพอได้ยินแบบนี้ก็เปิดตู้กระจก หยิบจี้หยกออกมาจากหุ่นโชว์
อิ๋งจื่อจินรับมาหมุนดูในฝ่ามือ
สัมผัสเย็นเป็นหยกชั้นดี
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหยกชิ้นนี้กันภัยได้
หยกมีจิตวิญญาณ คนจีนสมัยโบราณมีการพูดกันแบบนี้
ถ้าหยกที่พกติดตัวมีรอยแตกร้าว ก็แสดงว่าช่วยเจ้าของป้องกันเภทภัยไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าหยกทุกชิ้นจะมีอานุภาพแบบนี้
อิ๋งจื่อจินก็เคยไปดูที่เฝ่ยชุ่ยไจ น่าเสียดายที่ไม่มีหยกที่ตรงตามความต้องการของเธอ
แต่หยกชิ้นนี้ไม่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ช่วยผู้ที่สวมใส่มันป้องกันอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตได้
พนักงานสาวเห็นเธอยังเด็กอยู่ อีกทั้งแต่งตัวด้วยชุดลำลองที่ธรรมดาๆ ไม่ใช่แบรนด์เนมอะไร
เธอคิดในใจว่าอิ๋งจื่อจินคงซื้อไม่ไหว
แต่ด้วยจรรยาบรรณในอาชีพ เธอไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า ยังคงพูดอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง เดี๋ยวฉันช่วยใส่ให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “จะซื้อไปให้คนอื่น”
พอได้ยินแบบนี้พนักงานก็เตือนอย่างอ้อมๆ “คุณผู้หญิงคะ หยกชิ้นนี้เพิ่งนำเข้าจากยุโรป ค่อนข้างแพง ราคาอยู่ที่แปดแสนแปดหมื่นค่ะ”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรอีก หยิบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ออกมา
“ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ” แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของใครคนหนึ่งเข้ามาแทรก “ห่อมาให้ฉัน”
พนักงานสาวอึ้งเงยหน้า พูดด้วยท่าทางนอบน้อมทันที “คุณนายน้อยฟู่”
“หนึ่งล้าน ไม่ต้องทอน” ซูหร่วนอยู่ในชุดมีผ้าคลุมไหล่สีแดง เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองอิ๋งจื่อจิน เธอเคาะบัตรธนาคาร “เงินที่เหลือเป็นค่าทิปให้เธอ”
พนักงานกลับลังเลไม่ขยับ
“ทำไม” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ฉันเป็นถึงลูกค้าวีไอพีของร้านนี้เลยนะ ไม่ขายให้ฉัน แต่จะขายให้คนนี้เหรอ”
พนักงานลังเล มองอิ๋งจื่อจิน ความหมายชัดเจนมาก
เมื่อเทียบกับลูกค้าทั่วไป เธอย่อมล่วงเกินซูหร่วนที่เป็นคุณนายน้อยตระกูลฟู่ไม่ได้
ซูหร่วนโล่งอก เงยหน้าด้วยความเชิดหยิ่ง
เพียงแต่ขนาดเธอใส่รองเท้าส้นสูงก็ยังเตี้ยกว่าอิ๋งจื่อจิน อยากทำเป็นมองต่ำแต่ก็ดูทุลักทุเล
แต่ซูหร่วนไม่แคร์ เธอพูดดูถูก “ต่อไปทางที่ดีเธออย่าให้ฉันเห็นว่าเธอซื้ออะไรจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอซื้อไม่สำเร็จ เข้าใจไหม”
ฟู่อี้หันเตือนเธอว่าให้อยู่ห่างๆ จากฟู่อวิ๋นเซิน อย่าไปยุ่งเรื่องของฟู่อวิ๋นเซิน
แต่อิ๋งจื่อจินก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว เธอยังจะรังแกไม่ได้อีกเหรอ
คิดว่าเธอไม่รู้เหรอว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงมีบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ ไม่ใช่เพราะฟู่อวิ๋นเซินให้มาหรือไง
เกาะผู้ชาย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน
ถ้าผู้เฒ่าฟู่จากไป ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินจะทำอย่างไรได้
หว่างนิ้วของอิ๋งจื่อจินยังคงคีบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์อยู่
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็เหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย
ซูหร่วนยังคงทำท่าทางอวดดีในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรต่อ ผู้จัดการร้านหยกกลับรีบเดินเข้ามา
ผู้จัดการโค้งตัวขอโทษอิ๋งจื่อจินก่อน จากนั้นถึงหันไปหาซูหร่วน
สีหน้ากลับไม่มีความนอบน้อม พูดอย่างสุภาพแต่ฟังดูห่างเหิน
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนายน้อยฟู่ พวกเราขายหยกชิ้นนี้ให้คุณไม่ได้ค่ะ”
ซูหร่วนสีหน้าเปลี่ยน รอยยิ้มที่มุมปากชะงัก “พวกคุณหมายความว่าไง”
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” ผู้จัดการร้านพูดไปแบบนั้น แต่กลับไม่ได้มีท่าทางขอโทษแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่คุณชายเจ็ดเพิ่งซื้อร้านนี้ เขาบอกว่าต่อไปของที่อยู่ในร้านนี้จะไม่ขายให้คุณนายน้อยฟู่ค่ะ”
ซูหร่วนหน้าบึ้งลงทันที
ฟู่อวิ๋นเซินอีกแล้ว!
ทุกครั้งที่เธอโดนหยามเกียรติแบบนี้ล้วนเป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซินทั้งนั้น
ซูหร่วนทนการถูกเหยียดหยามแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่มีหน้าจะอยู่ในร้านต่อไป ไม่หลงเหลือความอวดดีแบบเมื่อครู่ใบหน้าร้อนผ่าว ถือกระเป๋าเดินออกโดยไม่เหลือเค้าเดิมตอนเข้ามา
ผู้จัดการปาดเหงื่อ
ใครจะไปคิดว่าคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่ที่มีฉายา ‘จอมเสเพลอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง’ จะเล่นใหญ่ได้ขนาดนี้ ถึงกับซื้อร้านให้ผู้หญิง
กิจการร้านหยกแห่งนี้ไม่ได้แย่ ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินเจ้าของร้านไม่มีทางขาย
สาเหตุที่ถูกฟู่อวิ๋นเซินซื้อไปได้เป็นเพราะเขาให้ราคาสองเท่า
ร้านที่เดิมทีมีมูลค่าสามสิบล้าน เขาให้ราคาหกสิบล้าน
“คุณอิ๋งคะ คุณชายเจ็ดบอกแล้วว่า ถ้าคุณถูกใจชิ้นไหนก็เอาไปได้เลยค่ะ” ผู้จัดการมีท่าทางนอบน้อม
“เอาไปทุกชิ้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็มองหยกในมือ เข้าสู่ห้วงความเงียบ “…”
เธออยากซื้อหยกชิ้นนี้ให้เขาแล้วเอาไปเบิกเนตรเพื่อป้องกันเภทภัย ไหงกลายเป็นเขาซื้อร้านนี้ไปได้ล่ะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ห่อชิ้นนี้ให้ฉันก็พอ”
ถึงแม้หยกชิ้นอื่นจะดี แต่ช่วยกันภัยไม่ได้
เธอเอาไปก็ไม่มีประโยชน์
“ได้ค่ะได้” ผู้จัดการไม่ได้ให้พนักงานลงมือ เธอจัดการเอากล่องมาใส่หยกด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินถือถุงของขวัญเดินออกไป และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงประตูรถตามคาด
“เด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว พูดเสียงเนือยเช่นเคย ดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์
“ดูเหมือนเธอมีอะไรจะบอกพี่ชายนะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “มี”
“หืม?”
“ตัวล้างผลาญ”
“…”
อิ๋งจื่อจินยื่นถุงของขวัญให้เขา “ฉันให้”
“ให้พี่ชายเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแปลกใจนิดหน่อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ขอบคุณนะเยาเยา”
อิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ พิงหน้าต่างหาวออกมา “จะไปไหนเหรอ”
“ห้างเซ็นจูรี่” ฟู่อวิ๋นเซินขับรถออก
“เด็กน้อย เดี๋ยวเธออยู่บนรถนะ พี่ชายก็มีของจะให้นิดหน่อยเหมือนกัน ขออุบเป็นความลับก่อน”
…
ห้างเซ็นจูรี่
บีไมน์เป็นแบรนด์หรูแห่งศตวรรษ มีหน้าร้านอยู่แค่ในตี้ตูกับฮู่เฉิงเท่านั้น
ภายในห้างเซ็นจูรี่ย่อมมีหน้าร้านที่กว้างมากให้บีไมน์
ฟู่หมิงเฉิงอยู่ในนี้ เขานัดกับเจ้าหน้าที่ของบีไมน์เรียบร้อยแล้วอีกเดี๋ยวจะทำการประเมินน้ำหอมกับครีมที่อวี้เซียงฟังทำออกมา
เขาเห็นพนักงานในร้านดูเกร็งกันมากรวมถึงผู้จัดการสาขา
ฟู่หมิงเฉิงสงสัย อดถามขึ้นไม่ได้ “พวกคุณฝึกพนักงานกันอยู่เหรอครับ”
“อ๋อ นั่นเหรอครับ” พนักงานคนหนึ่งยิ้ม “คุณฟู่มาได้ประจวบเหมาะพอดีเลยครับ วันนี้ซีอีโอใหญ่จะมาตรวจที่นี่ พวกเขาก็เลยกังวลขนาดนั้น”
“ซีอีโอใหญ่เหรอครับ” สายตาของฟู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไป “ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปเหรอครับ”
ถ้าเป็นแค่ประธานของบีไมน์ พนักงานไม่มีทางเรียกแบบนี้ แต่บีไมน์เป็นแค่หนึ่งในแบรนด์ที่มีมากมายนับไม่ถ้วนของวีนัสกรุ๊ป อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแค่สาขาย่อยในประเทศจีน จะควรค่าให้ซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปมาด้วยตัวเองได้อย่างไร
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ถ้าพบซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปได้ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น
อย่าว่าแต่ตระกูลฟู่จะเข้าไปบุกตลาดตี้ตูเลย ระดับโลกก็ไม่เป็นปัญหา
ต่อให้เป็นฟู่หมิงเฉิงก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
เขาจัดเนคไทให้เรียบร้อยเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย พอหันไปก็เห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้างเซ็นจูรี่
ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาลงไปมากทั้งยังเจือไปด้วยความไม่พอใจ
ทำไมถึงเจอฟู่อวิ๋นเซินไปทั่ว
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 289 ฟู่หมิงเฉิง นี่คือซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ป
ความนิยมขนาดนี้ แม้แต่อันดับหนึ่งของโซนเกมที่เป็นที่ยอมรับกันก็ยังสู้ไม่ได้
บรรดาผู้ชมรู้ดีว่า ข้อมูลส่วนตัวแบบนี้ปลอมขึ้นมาไม่ได้ ใครกล้าปลอมแปลงได้ขายหน้าไปทั่วโลก
ไม่มีใครโง่ขนาดนั้น
[ของจริงว่ะ!]
[บอกแล้วว่าท่านเทพไม่มีทางหลอกลวง พวกตัวป่วนเข้าใจหรือยังล่ะ!]
[เดี๋ยวนะท่านเทพขอดูหน้าหน่อยได้ไหม จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่รู้แม้แต่เพศของท่านเทพเลยนะ]
อิ๋งจื่อจินไม่เห็นข้อความนี้ เธอล็อกเอาท์ออกไปแล้ว
เธอไม่เคยสนใจเรื่องเปิดเผยหน้าตา เปิดเผยไปเธอก็ไม่ได้เงินอะไร
ในเมื่อเป็นไลฟ์การเรียน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หลังจากที่อิ๋งจื่อจินจบการไลฟ์ ไม่เหนือความคาดหมาย ติดอันดับแฮชแท็กคำค้นยอดนิยมทันที
แฮชแท็กอันดับหนึ่งชาร์ตรวมทั่วโลก แฮชแท็กฉลามไลฟ์สด
แฮชแท็กสองคำนี้ได้ขึ้นอันดับหนึ่งคำค้นยอดนิยม
จากนั้นชาวเน็ตก็เริ่มขุดคุ้ยว่าเจ้าของไลฟ์ช่องนี้เป็นใคร ถึงขั้นที่มีคนไปถามฝ่ายบริหารของแพลตฟอร์มฉลามไลฟ์เลยทีเดียว
แต่กลับได้รับแจ้งว่า แม้แต่ฝ่ายบริหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของไลฟ์คนนี้เป็นใคร
พวกเขาเคยเชิญเจ้าของไลฟ์คนนี้มาร่วมกิจกรรมนอกไลฟ์ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับใดๆ
ฝ่ายบริหารมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ไม่กล้าพูด เนื่องจากพวกเขาส่งข้อความไปถี่มาก สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็เลยบล็อกพวกเขา
อิ๋งจื่อจินไม่ได้เล่นเน็ต จึงไม่รู้เรื่องที่ชาวเน็ตคุยกัน เธอออกไปตรวจร่างกายให้ผู้เฒ่าฟู่อีกรอบแล้ว
ผู้เฒ่าฟู่ตื่นแล้ว พอเห็นเธอมาก็ดีใจ “จื่อจิน อยู่กับเจ้าเจ็ดเป็นไงบ้าง”
“อืม ก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของผู้เฒ่าฟู่ ถ่ายทอดกำลังภายในอย่างไม่ให้รู้ตัว “เขาเป็นคนดีค่ะ”
ราวกับผู้เฒ่าฟู่โล่งอก “งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว”
พูดจบประโยคนี้เขาก็หลับตาลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว
เธอไม่พบความผิดปกติอะไรในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ ถ้าจะให้บอกความผิดปกติเล็กน้อยมันก็มีตามประสาคนอายุมาก
แต่ทำไมผู้เฒ่าฟู่ถึงง่วงบ่อยขนาดนี้
“คุณตาให้ปู่ฟู่พักอยู่ที่นี่สักระยะดีกว่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “คอยคุยเป็นเพื่อนด้วยบ่อยๆ”
ผู้เฒ่าจงขานรับ
เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ห่มผ้าให้ผู้เฒ่าฟู่ด้วยความเป็นห่วง
…
วันต่อมาเป็นสุดสัปดาห์
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินไปสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินเสร็จเธอก็ไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินใจกลางเมือง เดิมทีเธอไม่คิดจะซื้ออะไร จนกระทั่งสังเกตเห็นร้านขายหยก
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป ตรงไปที่ตู้กระจกแล้วพูดขึ้น “ฉันขอดูหยกชิ้นนี้หน่อยค่ะ”
พนักงานสาวที่รับหน้าที่ต้อนรับลูกค้าพอได้ยินแบบนี้ก็เปิดตู้กระจก หยิบจี้หยกออกมาจากหุ่นโชว์
อิ๋งจื่อจินรับมาหมุนดูในฝ่ามือ
สัมผัสเย็นเป็นหยกชั้นดี
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหยกชิ้นนี้กันภัยได้
หยกมีจิตวิญญาณ คนจีนสมัยโบราณมีการพูดกันแบบนี้
ถ้าหยกที่พกติดตัวมีรอยแตกร้าว ก็แสดงว่าช่วยเจ้าของป้องกันเภทภัยไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าหยกทุกชิ้นจะมีอานุภาพแบบนี้
อิ๋งจื่อจินก็เคยไปดูที่เฝ่ยชุ่ยไจ น่าเสียดายที่ไม่มีหยกที่ตรงตามความต้องการของเธอ
แต่หยกชิ้นนี้ไม่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ช่วยผู้ที่สวมใส่มันป้องกันอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตได้
พนักงานสาวเห็นเธอยังเด็กอยู่ อีกทั้งแต่งตัวด้วยชุดลำลองที่ธรรมดาๆ ไม่ใช่แบรนด์เนมอะไร
เธอคิดในใจว่าอิ๋งจื่อจินคงซื้อไม่ไหว
แต่ด้วยจรรยาบรรณในอาชีพ เธอไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า ยังคงพูดอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง เดี๋ยวฉันช่วยใส่ให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “จะซื้อไปให้คนอื่น”
พอได้ยินแบบนี้พนักงานก็เตือนอย่างอ้อมๆ “คุณผู้หญิงคะ หยกชิ้นนี้เพิ่งนำเข้าจากยุโรป ค่อนข้างแพง ราคาอยู่ที่แปดแสนแปดหมื่นค่ะ”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรอีก หยิบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ออกมา
“ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ” แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของใครคนหนึ่งเข้ามาแทรก “ห่อมาให้ฉัน”
พนักงานสาวอึ้งเงยหน้า พูดด้วยท่าทางนอบน้อมทันที “คุณนายน้อยฟู่”
“หนึ่งล้าน ไม่ต้องทอน” ซูหร่วนอยู่ในชุดมีผ้าคลุมไหล่สีแดง เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองอิ๋งจื่อจิน เธอเคาะบัตรธนาคาร “เงินที่เหลือเป็นค่าทิปให้เธอ”
พนักงานกลับลังเลไม่ขยับ
“ทำไม” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ฉันเป็นถึงลูกค้าวีไอพีของร้านนี้เลยนะ ไม่ขายให้ฉัน แต่จะขายให้คนนี้เหรอ”
พนักงานลังเล มองอิ๋งจื่อจิน ความหมายชัดเจนมาก
เมื่อเทียบกับลูกค้าทั่วไป เธอย่อมล่วงเกินซูหร่วนที่เป็นคุณนายน้อยตระกูลฟู่ไม่ได้
ซูหร่วนโล่งอก เงยหน้าด้วยความเชิดหยิ่ง
เพียงแต่ขนาดเธอใส่รองเท้าส้นสูงก็ยังเตี้ยกว่าอิ๋งจื่อจิน อยากทำเป็นมองต่ำแต่ก็ดูทุลักทุเล
แต่ซูหร่วนไม่แคร์ เธอพูดดูถูก “ต่อไปทางที่ดีเธออย่าให้ฉันเห็นว่าเธอซื้ออะไรจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอซื้อไม่สำเร็จ เข้าใจไหม”
ฟู่อี้หันเตือนเธอว่าให้อยู่ห่างๆ จากฟู่อวิ๋นเซิน อย่าไปยุ่งเรื่องของฟู่อวิ๋นเซิน
แต่อิ๋งจื่อจินก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว เธอยังจะรังแกไม่ได้อีกเหรอ
คิดว่าเธอไม่รู้เหรอว่าทำไมอิ๋งจื่อจินถึงมีบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์ ไม่ใช่เพราะฟู่อวิ๋นเซินให้มาหรือไง
เกาะผู้ชาย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน
ถ้าผู้เฒ่าฟู่จากไป ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินจะทำอย่างไรได้
หว่างนิ้วของอิ๋งจื่อจินยังคงคีบบัตรสีดำทองของธนาคารลอเรนท์อยู่
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็เหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย
ซูหร่วนยังคงทำท่าทางอวดดีในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรต่อ ผู้จัดการร้านหยกกลับรีบเดินเข้ามา
ผู้จัดการโค้งตัวขอโทษอิ๋งจื่อจินก่อน จากนั้นถึงหันไปหาซูหร่วน
สีหน้ากลับไม่มีความนอบน้อม พูดอย่างสุภาพแต่ฟังดูห่างเหิน
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนายน้อยฟู่ พวกเราขายหยกชิ้นนี้ให้คุณไม่ได้ค่ะ”
ซูหร่วนสีหน้าเปลี่ยน รอยยิ้มที่มุมปากชะงัก “พวกคุณหมายความว่าไง”
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” ผู้จัดการร้านพูดไปแบบนั้น แต่กลับไม่ได้มีท่าทางขอโทษแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่คุณชายเจ็ดเพิ่งซื้อร้านนี้ เขาบอกว่าต่อไปของที่อยู่ในร้านนี้จะไม่ขายให้คุณนายน้อยฟู่ค่ะ”
ซูหร่วนหน้าบึ้งลงทันที
ฟู่อวิ๋นเซินอีกแล้ว!
ทุกครั้งที่เธอโดนหยามเกียรติแบบนี้ล้วนเป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซินทั้งนั้น
ซูหร่วนทนการถูกเหยียดหยามแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่มีหน้าจะอยู่ในร้านต่อไป ไม่หลงเหลือความอวดดีแบบเมื่อครู่ใบหน้าร้อนผ่าว ถือกระเป๋าเดินออกโดยไม่เหลือเค้าเดิมตอนเข้ามา
ผู้จัดการปาดเหงื่อ
ใครจะไปคิดว่าคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่ที่มีฉายา ‘จอมเสเพลอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง’ จะเล่นใหญ่ได้ขนาดนี้ ถึงกับซื้อร้านให้ผู้หญิง
กิจการร้านหยกแห่งนี้ไม่ได้แย่ ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินเจ้าของร้านไม่มีทางขาย
สาเหตุที่ถูกฟู่อวิ๋นเซินซื้อไปได้เป็นเพราะเขาให้ราคาสองเท่า
ร้านที่เดิมทีมีมูลค่าสามสิบล้าน เขาให้ราคาหกสิบล้าน
“คุณอิ๋งคะ คุณชายเจ็ดบอกแล้วว่า ถ้าคุณถูกใจชิ้นไหนก็เอาไปได้เลยค่ะ” ผู้จัดการมีท่าทางนอบน้อม
“เอาไปทุกชิ้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็มองหยกในมือ เข้าสู่ห้วงความเงียบ “…”
เธออยากซื้อหยกชิ้นนี้ให้เขาแล้วเอาไปเบิกเนตรเพื่อป้องกันเภทภัย ไหงกลายเป็นเขาซื้อร้านนี้ไปได้ล่ะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ห่อชิ้นนี้ให้ฉันก็พอ”
ถึงแม้หยกชิ้นอื่นจะดี แต่ช่วยกันภัยไม่ได้
เธอเอาไปก็ไม่มีประโยชน์
“ได้ค่ะได้” ผู้จัดการไม่ได้ให้พนักงานลงมือ เธอจัดการเอากล่องมาใส่หยกด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินถือถุงของขวัญเดินออกไป และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงประตูรถตามคาด
“เด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว พูดเสียงเนือยเช่นเคย ดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์
“ดูเหมือนเธอมีอะไรจะบอกพี่ชายนะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “มี”
“หืม?”
“ตัวล้างผลาญ”
“…”
อิ๋งจื่อจินยื่นถุงของขวัญให้เขา “ฉันให้”
“ให้พี่ชายเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแปลกใจนิดหน่อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ขอบคุณนะเยาเยา”
อิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ พิงหน้าต่างหาวออกมา “จะไปไหนเหรอ”
“ห้างเซ็นจูรี่” ฟู่อวิ๋นเซินขับรถออก
“เด็กน้อย เดี๋ยวเธออยู่บนรถนะ พี่ชายก็มีของจะให้นิดหน่อยเหมือนกัน ขออุบเป็นความลับก่อน”
…
ห้างเซ็นจูรี่
บีไมน์เป็นแบรนด์หรูแห่งศตวรรษ มีหน้าร้านอยู่แค่ในตี้ตูกับฮู่เฉิงเท่านั้น
ภายในห้างเซ็นจูรี่ย่อมมีหน้าร้านที่กว้างมากให้บีไมน์
ฟู่หมิงเฉิงอยู่ในนี้ เขานัดกับเจ้าหน้าที่ของบีไมน์เรียบร้อยแล้วอีกเดี๋ยวจะทำการประเมินน้ำหอมกับครีมที่อวี้เซียงฟังทำออกมา
เขาเห็นพนักงานในร้านดูเกร็งกันมากรวมถึงผู้จัดการสาขา
ฟู่หมิงเฉิงสงสัย อดถามขึ้นไม่ได้ “พวกคุณฝึกพนักงานกันอยู่เหรอครับ”
“อ๋อ นั่นเหรอครับ” พนักงานคนหนึ่งยิ้ม “คุณฟู่มาได้ประจวบเหมาะพอดีเลยครับ วันนี้ซีอีโอใหญ่จะมาตรวจที่นี่ พวกเขาก็เลยกังวลขนาดนั้น”
“ซีอีโอใหญ่เหรอครับ” สายตาของฟู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไป “ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปเหรอครับ”
ถ้าเป็นแค่ประธานของบีไมน์ พนักงานไม่มีทางเรียกแบบนี้ แต่บีไมน์เป็นแค่หนึ่งในแบรนด์ที่มีมากมายนับไม่ถ้วนของวีนัสกรุ๊ป อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแค่สาขาย่อยในประเทศจีน จะควรค่าให้ซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปมาด้วยตัวเองได้อย่างไร
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ถ้าพบซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปได้ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น
อย่าว่าแต่ตระกูลฟู่จะเข้าไปบุกตลาดตี้ตูเลย ระดับโลกก็ไม่เป็นปัญหา
ต่อให้เป็นฟู่หมิงเฉิงก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
เขาจัดเนคไทให้เรียบร้อยเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย พอหันไปก็เห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้างเซ็นจูรี่
ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาลงไปมากทั้งยังเจือไปด้วยความไม่พอใจ
ทำไมถึงเจอฟู่อวิ๋นเซินไปทั่ว
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :