คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 301 สู่ขอ แต่งกับเธอ
น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย ไม่ได้สูงหรือต่ำ พูดปกติ
แต่มักจะโจมตีถึงจิตใจ มีกระแสไฟติดมาด้วยตลอด
ความร้อนของชานมทะลุถ้วยกระดาษไปถึงฝ่ามือ ให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
เขาไม่เคยคิดว่าวันเกิดปีที่ยี่สิบสามจะได้ฉลองแบบนี้
เดิมทีคิดว่าจะผ่านไปแบบอึมครึมเหมือนเมื่อก่อน
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจียงมั่วหย่วนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้
สำหรับเขาแล้ว ท่าทางและคำพูดธรรมดาๆ ของอิ๋งจื่อจินแบบนี้กลับมีแรงโจมตีมหาศาล
หัวใจหดเกร็งเป็นระลอก ชวนให้รู้สึกหายใจติดขัด
“เจียงมั่วหย่วน อายุมากแล้ว อย่าลืมซื้อประกันนะ ดูแลสุขภาพหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
“อย่าหมายตาคนที่นายไม่คู่ควร”
รถมาเซราติถูกขับออกไป ทิ้งไอเสียใส่ตัวเจียงมั่วหย่วน
เขายืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้าย่ำแย่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เจียงมั่วหย่วนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้
ถึงขนาดที่ว่าตอนอิ๋งจื่อจินปาบัตรธนาคารใส่ตัวเขา เขาก็แค่คิดว่าเธองอนแบบเด็กๆ อย่างไรเสียเขาพาเธอมาฮู่เฉิง คนที่เธอพึ่งพาได้มากที่สุดในตอนแรกก็มีแค่เขา
แต่ระหว่างนั้นกลับมีฟู่อวิ๋นเซินโผล่มา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายเพียงสิ่งเดียว
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปาก กลับเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป
…
บนรถมาเซราติ
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินขับรถ ขับมาได้ระยะหนึ่งเธอก็คล่องแล้ว
แต่ก็ได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่างไรเสียเธอก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งข้างคนขับ
แดดนอกหน้าต่างค่อนข้างแรงตกกระทบบนใบหน้าของเขา อาบใบหน้าจนกลายเป็นสีทอง
ใช่ว่าช่วงไม่กี่ปีนั้นเขาจะอยู่เมืองนอกตลอด วันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายนของทุกปีเขาจะกลับมาไหว้หลุมศพของเหยียนเย่ว์หวากับฟู่หลิวอิ๋ง
ทุกครั้งที่อยู่บนเขาแห่งนั้นก็จะอยู่ทั้งวัน
ราวกับว่ามีเพียงการทำแบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะรู้สึกว่าฟู่หลิวอิ๋งยังอยู่
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า เพิ่งนึกอยากอ่านข้อความวีแชทที่ค้างไว้
มีคนถามสารทุกข์สุขดิบของเขามากมาย เกินร้อยข้อความ ยังไม่รวมในแอปอื่นๆ
สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย กดเปิดหน้าต่างสนทนากับเนี่ยเฉา
[ไงเพื่อน โอเคอยู่ไหม]
[ฉันเพิ่งถูกตาแก่ที่บ้านปล่อยออกมา กำลังจะไปหานายที่ฮู่เฉิง รอนะเพื่อน ฉันเอาไวน์มาสองขวด ไม่สิ ฉันลืมไปนายลดละเลิกแอลกอฮอล์แล้ว (อีโมชันใจสลาย)]
ก่อนหน้านี้เนี่ยเฉาถูกผู้เฒ่าเนี่ยส่งคนมามัดตัวกลับตี้ตู
เนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยอีจื้อ เข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเนี่ยไม่ได้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
ผู้เฒ่าเนี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงลดเงื่อนไขลงแล้วเริ่มปลุกปั้นเนี่ยเฉา
ถึงแม้เนี่ยเฉาจะดูไม่เป็นโล้เป็นพายแต่ก็ฉลาดมาก ก็แค่ไม่ยอมเดินในทางที่ถูกที่ควร
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ไม่ตอบ แต่ถามกลับ
[สาวคนหนึ่งบอกจะเลี้ยงดูนาย หมายความว่าอย่างไร]
เขายังไม่เคยเห็นเด็กน้อยของเขาเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ใช้น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์พูดคำพูดที่ชวนให้ใจฟู
อะไรที่ควรพูด ไม่ควรพูด เธอก็พูดออกมาหมด
เนี่ยเฉาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[อย่างไรเพื่อน มีเศรษฐินีมาขอเลี้ยงดูนายเหรอ โอ้โหเฮะ นายจะโชคดีเกินไปแล้วหรือเปล่า แนะนำฉันบ้างสิ ฉันอยากได้ ฉันถูกตาแก่ที่บ้านหักบัตรธนาคารทิ้งแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเลย หิวข้าว ขอข้าวหน่อย]
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินจับจ้องที่คำว่า ‘แนะนำฉันบ้างสิ’ ดวงตาดอกท้อหรี่ลง
[พูดไร้สาระอีกจะบล็อก]
เนี่ยเฉาส่งสติกเกอร์คุกเข่ากลับมาทันที
[ผมผิดไปแล้วครับ นายว่าต่อสิ]
ฟู่อวิ๋นเซินถึงพิมพ์ตอบกลับ
[แบบนี้ถือว่าชอบหรือเปล่า]
เขาเดาทางเด็กน้อยของเขาไม่ถูกจริงๆ
เนี่ยเฉาเจอผู้หญิงมาหลายแบบ ถึงจะถูกเขี่ยทิ้งตลอด แต่ก็น่าจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ทางเลือกสุดท้าย
[คุณชายเจ็ด นายนี่ไม่ไหวเลยนะ เสียแรงที่เป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอ ฉันว่าที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะชอบนายหรอก ถ้าชอบนาย เธอต้องให้นายเลี้ยงดูสิ ผู้หญิงน่ะชอบให้คนปกป้องทั้งนั้น แบบนี้ถึงจะรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นฉันคิดว่าที่เธอบอกว่าจะเลี้ยงดูนายมีได้สาเหตุเดียว]
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
หนึ่งวินาทีถัดมาก็มีข้อความตามมา
[เธออาจจะแค่อยากเป็นพ่อนาย]
“…”
…
คฤหาสน์ตระกูลเจียง
เยี่ยซู่เหอกำลังชงชา
พอได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็หยุด เงยหน้าขึ้น
“มั่วหย่วนมีอะไรเหรอ ใครทำให้ไม่พอใจ ทำไมสีหน้าดูแย่แบบนี้”
เจียงมั่วหย่วนเป็นคนไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามาตลอด เขามักจะมีใบหน้าเย็นชาเสมอ
แต่เยี่ยซู่เหอจะไม่รู้จักลูกชายตัวเองได้อย่างไร เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยน เธอก็มองออก
“แม่ครับ” เจียงมั่วหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงฝั่งตรงข้ามคุณนายผู้เฒ่าเจียง คลายเนคไทออกด้วยความหงุดหงิดค่อยๆ ถอนหายใจ
“ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนตระกูลฟู่เหรอครับ”
ฟู่หมิงเฉิงพูดออกมาเต็มปากหลังพิธีฝังศพ ตอนนี้คนในวงการไฮโซของฮู่เฉิงก็มีแต่อยากเหยียบย่ำฟู่อวิ๋นเซิน
เขาลองคิดดูดีๆ ถ้าฟู่อวิ๋นเซินไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แม้แต่น้อย ทำไมผู้เฒ่าฟู่ต้องดีกับเขาขนาดนั้นด้วย
“ถ้าในทางสายเลือด เขาใช่” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยซู่เหอรู้เรื่องภายในตระกูลฟู่ “แต่ตอนนี้ฟู่หมิงเฉิงต่างหากที่เป็นนายใหญ่ตระกูลฟู่ เขาต้องการไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูล งั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่ใช่คนตระกูลฟู่”
เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “งั้นเขาเป็นลูกใครกันแน่”
เยี่ยซู่เหอจิบชา “คุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิงในตอนนั้น ฟู่หลิวอิ๋ง”
“ฟู่หลิวอิ๋งเหรอครับ” เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “มีคนคนนี้ด้วยเหรอครับ”
“ลูกจะไม่เคยได้ยินชื่อก็เป็นเรื่องปกติ” เยี่ยซู่เหอพูดอย่างใจเย็น
“ตอนนั้นลูกยังไม่เกิด พอลูกเกิดฟู่หลิวอิ๋งก็ไม่อยู่ฮู่เฉิงแล้ว เธอตายยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนพูดถึง”
เยี่ยซู่เหอไม่ชอบเจียงฮว่าผิงย่อมไม่ชอบฟู่หลิวอิ๋งที่สนิทกับเจียงฮว่าผิงไปด้วย
สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนผ่อนคลายลง
ที่แท้ก็ตายแล้ว งั้นก็แสดงว่าไม่มีสถานะอะไรหลงเหลืออีก
เขาเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็พูดขึ้น “ผมมีคนที่อยากแต่งงานด้วยครับแม่”
“ใครเหรอ” เยี่ยซู่เหอได้ฟังก็ตกใจเล็กน้อย “ลูกสาวตระกูลไหน”
“จะตระกูลไหนก็ช่าง” เจียงมั่วหย่วนนวดขมับ “ผมอยากแต่งานกับอิ๋งจื่อจิน”
เยี่ยซู่เหอตะลึง
“ลูกบอกว่าอยากแต่งงานกับใครนะ”
เจียงมั่วหย่วนพูดซ้ำอีกครั้ง “อิ๋งจื่อจินครับ”
“ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นน่ะเหรอ” สีหน้าของเยี่ยซู่เหอขรึมลง
“มั่วหย่วน แม่ตามใจลูกทุกเรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้ลูกเหลวไหลแบบนี้”
เธอวางถ้วยชากระแทก
“ถ้าลูกอยากแต่งกับคุณหนูตระกูลเล็กๆ แม่จะไม่ว่าอะไรเลย แต่เด็กคนนั้นเนี่ยนะ แม้แต่คุณหนูก็ไม่ใช่”
เยี่ยซู่เหอย่อมเคยได้ยินชื่อของอิ๋งจื่อจินมาหลายครั้งเพราะอิ๋งลู่เวย
ก็แค่ลูกเลี้ยงคนเดียว ไม่มีค่าให้เธอสนใจ
“ผมจำเป็นต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ด้วยเหรอครับ” สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนเย็นชา
“ไม่ใช่ว่าผมอยากแต่งงานกับใครก็ได้เหรอครับ”
สายตาของเยี่ยซู่เหอขรึมลง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็พูดขึ้น “ในเมื่อลูกคิดแบบนี้ แม่ก็จะไม่ว่าอะไร ถึงแม้เธอจะออกจากตระกูลอิ๋งแล้ว ลูกอยากแต่งงานด้วย ก็ต้องไปสู่ขอกับตระกูลอิ๋ง”
ขณะพูดเธอได้เอื้อมหยิบปฏิทินที่อยู่ด้านข้างยื่นให้เจียงมั่วหย่วน “เลือกวันมงคลเอาเองแล้วกัน
…
อีกด้านหนึ่ง ฟู่หมิงเฉิงรับซูเหลียงฮุยจากสนามบินแล้ว
เรื่องที่ซูเหลียงฮุยมาฮู่เฉิง แม้แต่ลูกสาวอย่างซูหร่วนก็ไม่รู้
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ซูเหลียงฮุยยื่นมือออกไปจับมือฟู่หมิงเฉิง ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยครับ ในที่สุดก็มีวันนี้”
ฟู่หมิงเฉิงก็ยิ้ม “ที่ไหนกันครับ ยังขาดความช่วยเหลือจากคุณอยู่”
จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองพอเจอหน้ากันก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี
“วันนี้บ่ายคุณจะไปพบประธานบีไมน์ของโซนเอเชียแปซิฟิกใช่ไหมครับ” ซูเหลียงฮุยครุ่นคิด
“งั้นเวลาของพวกเราอาจไม่พอ”
บีไมน์เป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทที่แข็งแกร่งระดับโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ยุโรป ความร่วมมือครั้งนี้ ประธานของโซนเอเชียแปซิฟิกจะมาด้วยตัวเองถือเป็นการลดเกียรติมาพบ
ฟู่หมิงเฉิงเตรียมตัวสร้างความสัมพันธ์กับประธานบีไมน์โซนเอเชียแปซิฟิกคนนี้ไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่หมิงเฉิงส่ายมือ พูดด้วยความมั่นใจ “ผมให้ทางบริษัทดำเนินการไปก่อนแล้ว จะมีประกาศออกไปใช้วิธีเหมือนวงการบันเทิงแหละครับ เรื่องของพวกเศรษฐีชาวเน็ตก็ชอบอ่านเหมือนกัน”
ซูเหลียงฮุยพยักหน้า
“ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ”
ถ้าฟู่หมิงเฉิงพ่ายแพ้ สถานะของเขาในตระกูลซูก็จะหล่นวูบ ถึงขั้นที่อาจยับเยินถูกไล่ออกจากตระกูลซูได้ การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลซูที่อยู่ตี้ตูไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลฟู่
“วางใจได้ครับ” รอยยิ้มของฟู่หมิงเฉิงกว้างกว่าเดิม
“ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียเปรียบแน่นอน”
ทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านตระกูลฟู่ แต่ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
“ผมติดต่อเด็กคนนั้นไว้แล้ว” ฟู่หมิงเฉิงวางกระเป๋าเอกสาร
“เกี่ยวข้องกับท่านผู้เฒ่า ไม่มีทางที่เขาจะไม่มา”
ซูเหลียงฮุยได้ฟังก็พยักหน้า นั่งพิงโซฟาหลับตาลง
ยี่สิบนาทีต่อมาฟู่หมิงเฉิงหันหน้าไป “เขามาแล้วครับ”
ซูเหลียงฮุยลืมตาแล้วมองตามไป
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 301 สู่ขอ แต่งกับเธอ
น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย ไม่ได้สูงหรือต่ำ พูดปกติ
แต่มักจะโจมตีถึงจิตใจ มีกระแสไฟติดมาด้วยตลอด
ความร้อนของชานมทะลุถ้วยกระดาษไปถึงฝ่ามือ ให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
เขาไม่เคยคิดว่าวันเกิดปีที่ยี่สิบสามจะได้ฉลองแบบนี้
เดิมทีคิดว่าจะผ่านไปแบบอึมครึมเหมือนเมื่อก่อน
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจียงมั่วหย่วนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้
สำหรับเขาแล้ว ท่าทางและคำพูดธรรมดาๆ ของอิ๋งจื่อจินแบบนี้กลับมีแรงโจมตีมหาศาล
หัวใจหดเกร็งเป็นระลอก ชวนให้รู้สึกหายใจติดขัด
“เจียงมั่วหย่วน อายุมากแล้ว อย่าลืมซื้อประกันนะ ดูแลสุขภาพหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
“อย่าหมายตาคนที่นายไม่คู่ควร”
รถมาเซราติถูกขับออกไป ทิ้งไอเสียใส่ตัวเจียงมั่วหย่วน
เขายืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้าย่ำแย่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เจียงมั่วหย่วนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้
ถึงขนาดที่ว่าตอนอิ๋งจื่อจินปาบัตรธนาคารใส่ตัวเขา เขาก็แค่คิดว่าเธองอนแบบเด็กๆ อย่างไรเสียเขาพาเธอมาฮู่เฉิง คนที่เธอพึ่งพาได้มากที่สุดในตอนแรกก็มีแค่เขา
แต่ระหว่างนั้นกลับมีฟู่อวิ๋นเซินโผล่มา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายเพียงสิ่งเดียว
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปาก กลับเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป
…
บนรถมาเซราติ
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินขับรถ ขับมาได้ระยะหนึ่งเธอก็คล่องแล้ว
แต่ก็ได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่างไรเสียเธอก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งข้างคนขับ
แดดนอกหน้าต่างค่อนข้างแรงตกกระทบบนใบหน้าของเขา อาบใบหน้าจนกลายเป็นสีทอง
ใช่ว่าช่วงไม่กี่ปีนั้นเขาจะอยู่เมืองนอกตลอด วันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายนของทุกปีเขาจะกลับมาไหว้หลุมศพของเหยียนเย่ว์หวากับฟู่หลิวอิ๋ง
ทุกครั้งที่อยู่บนเขาแห่งนั้นก็จะอยู่ทั้งวัน
ราวกับว่ามีเพียงการทำแบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะรู้สึกว่าฟู่หลิวอิ๋งยังอยู่
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า เพิ่งนึกอยากอ่านข้อความวีแชทที่ค้างไว้
มีคนถามสารทุกข์สุขดิบของเขามากมาย เกินร้อยข้อความ ยังไม่รวมในแอปอื่นๆ
สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย กดเปิดหน้าต่างสนทนากับเนี่ยเฉา
[ไงเพื่อน โอเคอยู่ไหม]
[ฉันเพิ่งถูกตาแก่ที่บ้านปล่อยออกมา กำลังจะไปหานายที่ฮู่เฉิง รอนะเพื่อน ฉันเอาไวน์มาสองขวด ไม่สิ ฉันลืมไปนายลดละเลิกแอลกอฮอล์แล้ว (อีโมชันใจสลาย)]
ก่อนหน้านี้เนี่ยเฉาถูกผู้เฒ่าเนี่ยส่งคนมามัดตัวกลับตี้ตู
เนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยอีจื้อ เข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเนี่ยไม่ได้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
ผู้เฒ่าเนี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงลดเงื่อนไขลงแล้วเริ่มปลุกปั้นเนี่ยเฉา
ถึงแม้เนี่ยเฉาจะดูไม่เป็นโล้เป็นพายแต่ก็ฉลาดมาก ก็แค่ไม่ยอมเดินในทางที่ถูกที่ควร
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ไม่ตอบ แต่ถามกลับ
[สาวคนหนึ่งบอกจะเลี้ยงดูนาย หมายความว่าอย่างไร]
เขายังไม่เคยเห็นเด็กน้อยของเขาเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ใช้น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์พูดคำพูดที่ชวนให้ใจฟู
อะไรที่ควรพูด ไม่ควรพูด เธอก็พูดออกมาหมด
เนี่ยเฉาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[อย่างไรเพื่อน มีเศรษฐินีมาขอเลี้ยงดูนายเหรอ โอ้โหเฮะ นายจะโชคดีเกินไปแล้วหรือเปล่า แนะนำฉันบ้างสิ ฉันอยากได้ ฉันถูกตาแก่ที่บ้านหักบัตรธนาคารทิ้งแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเลย หิวข้าว ขอข้าวหน่อย]
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินจับจ้องที่คำว่า ‘แนะนำฉันบ้างสิ’ ดวงตาดอกท้อหรี่ลง
[พูดไร้สาระอีกจะบล็อก]
เนี่ยเฉาส่งสติกเกอร์คุกเข่ากลับมาทันที
[ผมผิดไปแล้วครับ นายว่าต่อสิ]
ฟู่อวิ๋นเซินถึงพิมพ์ตอบกลับ
[แบบนี้ถือว่าชอบหรือเปล่า]
เขาเดาทางเด็กน้อยของเขาไม่ถูกจริงๆ
เนี่ยเฉาเจอผู้หญิงมาหลายแบบ ถึงจะถูกเขี่ยทิ้งตลอด แต่ก็น่าจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ทางเลือกสุดท้าย
[คุณชายเจ็ด นายนี่ไม่ไหวเลยนะ เสียแรงที่เป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอ ฉันว่าที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะชอบนายหรอก ถ้าชอบนาย เธอต้องให้นายเลี้ยงดูสิ ผู้หญิงน่ะชอบให้คนปกป้องทั้งนั้น แบบนี้ถึงจะรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นฉันคิดว่าที่เธอบอกว่าจะเลี้ยงดูนายมีได้สาเหตุเดียว]
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
หนึ่งวินาทีถัดมาก็มีข้อความตามมา
[เธออาจจะแค่อยากเป็นพ่อนาย]
“…”
…
คฤหาสน์ตระกูลเจียง
เยี่ยซู่เหอกำลังชงชา
พอได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็หยุด เงยหน้าขึ้น
“มั่วหย่วนมีอะไรเหรอ ใครทำให้ไม่พอใจ ทำไมสีหน้าดูแย่แบบนี้”
เจียงมั่วหย่วนเป็นคนไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามาตลอด เขามักจะมีใบหน้าเย็นชาเสมอ
แต่เยี่ยซู่เหอจะไม่รู้จักลูกชายตัวเองได้อย่างไร เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยน เธอก็มองออก
“แม่ครับ” เจียงมั่วหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงฝั่งตรงข้ามคุณนายผู้เฒ่าเจียง คลายเนคไทออกด้วยความหงุดหงิดค่อยๆ ถอนหายใจ
“ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนตระกูลฟู่เหรอครับ”
ฟู่หมิงเฉิงพูดออกมาเต็มปากหลังพิธีฝังศพ ตอนนี้คนในวงการไฮโซของฮู่เฉิงก็มีแต่อยากเหยียบย่ำฟู่อวิ๋นเซิน
เขาลองคิดดูดีๆ ถ้าฟู่อวิ๋นเซินไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แม้แต่น้อย ทำไมผู้เฒ่าฟู่ต้องดีกับเขาขนาดนั้นด้วย
“ถ้าในทางสายเลือด เขาใช่” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยซู่เหอรู้เรื่องภายในตระกูลฟู่ “แต่ตอนนี้ฟู่หมิงเฉิงต่างหากที่เป็นนายใหญ่ตระกูลฟู่ เขาต้องการไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูล งั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่ใช่คนตระกูลฟู่”
เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “งั้นเขาเป็นลูกใครกันแน่”
เยี่ยซู่เหอจิบชา “คุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิงในตอนนั้น ฟู่หลิวอิ๋ง”
“ฟู่หลิวอิ๋งเหรอครับ” เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “มีคนคนนี้ด้วยเหรอครับ”
“ลูกจะไม่เคยได้ยินชื่อก็เป็นเรื่องปกติ” เยี่ยซู่เหอพูดอย่างใจเย็น
“ตอนนั้นลูกยังไม่เกิด พอลูกเกิดฟู่หลิวอิ๋งก็ไม่อยู่ฮู่เฉิงแล้ว เธอตายยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนพูดถึง”
เยี่ยซู่เหอไม่ชอบเจียงฮว่าผิงย่อมไม่ชอบฟู่หลิวอิ๋งที่สนิทกับเจียงฮว่าผิงไปด้วย
สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนผ่อนคลายลง
ที่แท้ก็ตายแล้ว งั้นก็แสดงว่าไม่มีสถานะอะไรหลงเหลืออีก
เขาเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็พูดขึ้น “ผมมีคนที่อยากแต่งงานด้วยครับแม่”
“ใครเหรอ” เยี่ยซู่เหอได้ฟังก็ตกใจเล็กน้อย “ลูกสาวตระกูลไหน”
“จะตระกูลไหนก็ช่าง” เจียงมั่วหย่วนนวดขมับ “ผมอยากแต่งานกับอิ๋งจื่อจิน”
เยี่ยซู่เหอตะลึง
“ลูกบอกว่าอยากแต่งงานกับใครนะ”
เจียงมั่วหย่วนพูดซ้ำอีกครั้ง “อิ๋งจื่อจินครับ”
“ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นน่ะเหรอ” สีหน้าของเยี่ยซู่เหอขรึมลง
“มั่วหย่วน แม่ตามใจลูกทุกเรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้ลูกเหลวไหลแบบนี้”
เธอวางถ้วยชากระแทก
“ถ้าลูกอยากแต่งกับคุณหนูตระกูลเล็กๆ แม่จะไม่ว่าอะไรเลย แต่เด็กคนนั้นเนี่ยนะ แม้แต่คุณหนูก็ไม่ใช่”
เยี่ยซู่เหอย่อมเคยได้ยินชื่อของอิ๋งจื่อจินมาหลายครั้งเพราะอิ๋งลู่เวย
ก็แค่ลูกเลี้ยงคนเดียว ไม่มีค่าให้เธอสนใจ
“ผมจำเป็นต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ด้วยเหรอครับ” สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนเย็นชา
“ไม่ใช่ว่าผมอยากแต่งงานกับใครก็ได้เหรอครับ”
สายตาของเยี่ยซู่เหอขรึมลง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็พูดขึ้น “ในเมื่อลูกคิดแบบนี้ แม่ก็จะไม่ว่าอะไร ถึงแม้เธอจะออกจากตระกูลอิ๋งแล้ว ลูกอยากแต่งงานด้วย ก็ต้องไปสู่ขอกับตระกูลอิ๋ง”
ขณะพูดเธอได้เอื้อมหยิบปฏิทินที่อยู่ด้านข้างยื่นให้เจียงมั่วหย่วน “เลือกวันมงคลเอาเองแล้วกัน
…
อีกด้านหนึ่ง ฟู่หมิงเฉิงรับซูเหลียงฮุยจากสนามบินแล้ว
เรื่องที่ซูเหลียงฮุยมาฮู่เฉิง แม้แต่ลูกสาวอย่างซูหร่วนก็ไม่รู้
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ซูเหลียงฮุยยื่นมือออกไปจับมือฟู่หมิงเฉิง ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยครับ ในที่สุดก็มีวันนี้”
ฟู่หมิงเฉิงก็ยิ้ม “ที่ไหนกันครับ ยังขาดความช่วยเหลือจากคุณอยู่”
จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองพอเจอหน้ากันก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี
“วันนี้บ่ายคุณจะไปพบประธานบีไมน์ของโซนเอเชียแปซิฟิกใช่ไหมครับ” ซูเหลียงฮุยครุ่นคิด
“งั้นเวลาของพวกเราอาจไม่พอ”
บีไมน์เป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทที่แข็งแกร่งระดับโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ยุโรป ความร่วมมือครั้งนี้ ประธานของโซนเอเชียแปซิฟิกจะมาด้วยตัวเองถือเป็นการลดเกียรติมาพบ
ฟู่หมิงเฉิงเตรียมตัวสร้างความสัมพันธ์กับประธานบีไมน์โซนเอเชียแปซิฟิกคนนี้ไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่หมิงเฉิงส่ายมือ พูดด้วยความมั่นใจ “ผมให้ทางบริษัทดำเนินการไปก่อนแล้ว จะมีประกาศออกไปใช้วิธีเหมือนวงการบันเทิงแหละครับ เรื่องของพวกเศรษฐีชาวเน็ตก็ชอบอ่านเหมือนกัน”
ซูเหลียงฮุยพยักหน้า
“ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ”
ถ้าฟู่หมิงเฉิงพ่ายแพ้ สถานะของเขาในตระกูลซูก็จะหล่นวูบ ถึงขั้นที่อาจยับเยินถูกไล่ออกจากตระกูลซูได้ การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลซูที่อยู่ตี้ตูไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลฟู่
“วางใจได้ครับ” รอยยิ้มของฟู่หมิงเฉิงกว้างกว่าเดิม
“ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียเปรียบแน่นอน”
ทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านตระกูลฟู่ แต่ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
“ผมติดต่อเด็กคนนั้นไว้แล้ว” ฟู่หมิงเฉิงวางกระเป๋าเอกสาร
“เกี่ยวข้องกับท่านผู้เฒ่า ไม่มีทางที่เขาจะไม่มา”
ซูเหลียงฮุยได้ฟังก็พยักหน้า นั่งพิงโซฟาหลับตาลง
ยี่สิบนาทีต่อมาฟู่หมิงเฉิงหันหน้าไป “เขามาแล้วครับ”
ซูเหลียงฮุยลืมตาแล้วมองตามไป
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 301 สู่ขอ แต่งกับเธอ
น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย ไม่ได้สูงหรือต่ำ พูดปกติ
แต่มักจะโจมตีถึงจิตใจ มีกระแสไฟติดมาด้วยตลอด
ความร้อนของชานมทะลุถ้วยกระดาษไปถึงฝ่ามือ ให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
เขาไม่เคยคิดว่าวันเกิดปีที่ยี่สิบสามจะได้ฉลองแบบนี้
เดิมทีคิดว่าจะผ่านไปแบบอึมครึมเหมือนเมื่อก่อน
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจียงมั่วหย่วนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้
สำหรับเขาแล้ว ท่าทางและคำพูดธรรมดาๆ ของอิ๋งจื่อจินแบบนี้กลับมีแรงโจมตีมหาศาล
หัวใจหดเกร็งเป็นระลอก ชวนให้รู้สึกหายใจติดขัด
“เจียงมั่วหย่วน อายุมากแล้ว อย่าลืมซื้อประกันนะ ดูแลสุขภาพหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
“อย่าหมายตาคนที่นายไม่คู่ควร”
รถมาเซราติถูกขับออกไป ทิ้งไอเสียใส่ตัวเจียงมั่วหย่วน
เขายืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้าย่ำแย่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เจียงมั่วหย่วนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้
ถึงขนาดที่ว่าตอนอิ๋งจื่อจินปาบัตรธนาคารใส่ตัวเขา เขาก็แค่คิดว่าเธองอนแบบเด็กๆ อย่างไรเสียเขาพาเธอมาฮู่เฉิง คนที่เธอพึ่งพาได้มากที่สุดในตอนแรกก็มีแค่เขา
แต่ระหว่างนั้นกลับมีฟู่อวิ๋นเซินโผล่มา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายเพียงสิ่งเดียว
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปาก กลับเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป
…
บนรถมาเซราติ
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินขับรถ ขับมาได้ระยะหนึ่งเธอก็คล่องแล้ว
แต่ก็ได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่างไรเสียเธอก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งข้างคนขับ
แดดนอกหน้าต่างค่อนข้างแรงตกกระทบบนใบหน้าของเขา อาบใบหน้าจนกลายเป็นสีทอง
ใช่ว่าช่วงไม่กี่ปีนั้นเขาจะอยู่เมืองนอกตลอด วันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายนของทุกปีเขาจะกลับมาไหว้หลุมศพของเหยียนเย่ว์หวากับฟู่หลิวอิ๋ง
ทุกครั้งที่อยู่บนเขาแห่งนั้นก็จะอยู่ทั้งวัน
ราวกับว่ามีเพียงการทำแบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะรู้สึกว่าฟู่หลิวอิ๋งยังอยู่
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า เพิ่งนึกอยากอ่านข้อความวีแชทที่ค้างไว้
มีคนถามสารทุกข์สุขดิบของเขามากมาย เกินร้อยข้อความ ยังไม่รวมในแอปอื่นๆ
สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย กดเปิดหน้าต่างสนทนากับเนี่ยเฉา
[ไงเพื่อน โอเคอยู่ไหม]
[ฉันเพิ่งถูกตาแก่ที่บ้านปล่อยออกมา กำลังจะไปหานายที่ฮู่เฉิง รอนะเพื่อน ฉันเอาไวน์มาสองขวด ไม่สิ ฉันลืมไปนายลดละเลิกแอลกอฮอล์แล้ว (อีโมชันใจสลาย)]
ก่อนหน้านี้เนี่ยเฉาถูกผู้เฒ่าเนี่ยส่งคนมามัดตัวกลับตี้ตู
เนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยอีจื้อ เข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเนี่ยไม่ได้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
ผู้เฒ่าเนี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงลดเงื่อนไขลงแล้วเริ่มปลุกปั้นเนี่ยเฉา
ถึงแม้เนี่ยเฉาจะดูไม่เป็นโล้เป็นพายแต่ก็ฉลาดมาก ก็แค่ไม่ยอมเดินในทางที่ถูกที่ควร
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ไม่ตอบ แต่ถามกลับ
[สาวคนหนึ่งบอกจะเลี้ยงดูนาย หมายความว่าอย่างไร]
เขายังไม่เคยเห็นเด็กน้อยของเขาเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ใช้น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์พูดคำพูดที่ชวนให้ใจฟู
อะไรที่ควรพูด ไม่ควรพูด เธอก็พูดออกมาหมด
เนี่ยเฉาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[อย่างไรเพื่อน มีเศรษฐินีมาขอเลี้ยงดูนายเหรอ โอ้โหเฮะ นายจะโชคดีเกินไปแล้วหรือเปล่า แนะนำฉันบ้างสิ ฉันอยากได้ ฉันถูกตาแก่ที่บ้านหักบัตรธนาคารทิ้งแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเลย หิวข้าว ขอข้าวหน่อย]
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินจับจ้องที่คำว่า ‘แนะนำฉันบ้างสิ’ ดวงตาดอกท้อหรี่ลง
[พูดไร้สาระอีกจะบล็อก]
เนี่ยเฉาส่งสติกเกอร์คุกเข่ากลับมาทันที
[ผมผิดไปแล้วครับ นายว่าต่อสิ]
ฟู่อวิ๋นเซินถึงพิมพ์ตอบกลับ
[แบบนี้ถือว่าชอบหรือเปล่า]
เขาเดาทางเด็กน้อยของเขาไม่ถูกจริงๆ
เนี่ยเฉาเจอผู้หญิงมาหลายแบบ ถึงจะถูกเขี่ยทิ้งตลอด แต่ก็น่าจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ทางเลือกสุดท้าย
[คุณชายเจ็ด นายนี่ไม่ไหวเลยนะ เสียแรงที่เป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอ ฉันว่าที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะชอบนายหรอก ถ้าชอบนาย เธอต้องให้นายเลี้ยงดูสิ ผู้หญิงน่ะชอบให้คนปกป้องทั้งนั้น แบบนี้ถึงจะรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นฉันคิดว่าที่เธอบอกว่าจะเลี้ยงดูนายมีได้สาเหตุเดียว]
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
หนึ่งวินาทีถัดมาก็มีข้อความตามมา
[เธออาจจะแค่อยากเป็นพ่อนาย]
“…”
…
คฤหาสน์ตระกูลเจียง
เยี่ยซู่เหอกำลังชงชา
พอได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็หยุด เงยหน้าขึ้น
“มั่วหย่วนมีอะไรเหรอ ใครทำให้ไม่พอใจ ทำไมสีหน้าดูแย่แบบนี้”
เจียงมั่วหย่วนเป็นคนไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามาตลอด เขามักจะมีใบหน้าเย็นชาเสมอ
แต่เยี่ยซู่เหอจะไม่รู้จักลูกชายตัวเองได้อย่างไร เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยน เธอก็มองออก
“แม่ครับ” เจียงมั่วหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงฝั่งตรงข้ามคุณนายผู้เฒ่าเจียง คลายเนคไทออกด้วยความหงุดหงิดค่อยๆ ถอนหายใจ
“ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนตระกูลฟู่เหรอครับ”
ฟู่หมิงเฉิงพูดออกมาเต็มปากหลังพิธีฝังศพ ตอนนี้คนในวงการไฮโซของฮู่เฉิงก็มีแต่อยากเหยียบย่ำฟู่อวิ๋นเซิน
เขาลองคิดดูดีๆ ถ้าฟู่อวิ๋นเซินไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แม้แต่น้อย ทำไมผู้เฒ่าฟู่ต้องดีกับเขาขนาดนั้นด้วย
“ถ้าในทางสายเลือด เขาใช่” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยซู่เหอรู้เรื่องภายในตระกูลฟู่ “แต่ตอนนี้ฟู่หมิงเฉิงต่างหากที่เป็นนายใหญ่ตระกูลฟู่ เขาต้องการไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูล งั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่ใช่คนตระกูลฟู่”
เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “งั้นเขาเป็นลูกใครกันแน่”
เยี่ยซู่เหอจิบชา “คุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิงในตอนนั้น ฟู่หลิวอิ๋ง”
“ฟู่หลิวอิ๋งเหรอครับ” เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “มีคนคนนี้ด้วยเหรอครับ”
“ลูกจะไม่เคยได้ยินชื่อก็เป็นเรื่องปกติ” เยี่ยซู่เหอพูดอย่างใจเย็น
“ตอนนั้นลูกยังไม่เกิด พอลูกเกิดฟู่หลิวอิ๋งก็ไม่อยู่ฮู่เฉิงแล้ว เธอตายยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนพูดถึง”
เยี่ยซู่เหอไม่ชอบเจียงฮว่าผิงย่อมไม่ชอบฟู่หลิวอิ๋งที่สนิทกับเจียงฮว่าผิงไปด้วย
สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนผ่อนคลายลง
ที่แท้ก็ตายแล้ว งั้นก็แสดงว่าไม่มีสถานะอะไรหลงเหลืออีก
เขาเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็พูดขึ้น “ผมมีคนที่อยากแต่งงานด้วยครับแม่”
“ใครเหรอ” เยี่ยซู่เหอได้ฟังก็ตกใจเล็กน้อย “ลูกสาวตระกูลไหน”
“จะตระกูลไหนก็ช่าง” เจียงมั่วหย่วนนวดขมับ “ผมอยากแต่งานกับอิ๋งจื่อจิน”
เยี่ยซู่เหอตะลึง
“ลูกบอกว่าอยากแต่งงานกับใครนะ”
เจียงมั่วหย่วนพูดซ้ำอีกครั้ง “อิ๋งจื่อจินครับ”
“ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นน่ะเหรอ” สีหน้าของเยี่ยซู่เหอขรึมลง
“มั่วหย่วน แม่ตามใจลูกทุกเรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้ลูกเหลวไหลแบบนี้”
เธอวางถ้วยชากระแทก
“ถ้าลูกอยากแต่งกับคุณหนูตระกูลเล็กๆ แม่จะไม่ว่าอะไรเลย แต่เด็กคนนั้นเนี่ยนะ แม้แต่คุณหนูก็ไม่ใช่”
เยี่ยซู่เหอย่อมเคยได้ยินชื่อของอิ๋งจื่อจินมาหลายครั้งเพราะอิ๋งลู่เวย
ก็แค่ลูกเลี้ยงคนเดียว ไม่มีค่าให้เธอสนใจ
“ผมจำเป็นต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ด้วยเหรอครับ” สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนเย็นชา
“ไม่ใช่ว่าผมอยากแต่งงานกับใครก็ได้เหรอครับ”
สายตาของเยี่ยซู่เหอขรึมลง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็พูดขึ้น “ในเมื่อลูกคิดแบบนี้ แม่ก็จะไม่ว่าอะไร ถึงแม้เธอจะออกจากตระกูลอิ๋งแล้ว ลูกอยากแต่งงานด้วย ก็ต้องไปสู่ขอกับตระกูลอิ๋ง”
ขณะพูดเธอได้เอื้อมหยิบปฏิทินที่อยู่ด้านข้างยื่นให้เจียงมั่วหย่วน “เลือกวันมงคลเอาเองแล้วกัน
…
อีกด้านหนึ่ง ฟู่หมิงเฉิงรับซูเหลียงฮุยจากสนามบินแล้ว
เรื่องที่ซูเหลียงฮุยมาฮู่เฉิง แม้แต่ลูกสาวอย่างซูหร่วนก็ไม่รู้
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ซูเหลียงฮุยยื่นมือออกไปจับมือฟู่หมิงเฉิง ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยครับ ในที่สุดก็มีวันนี้”
ฟู่หมิงเฉิงก็ยิ้ม “ที่ไหนกันครับ ยังขาดความช่วยเหลือจากคุณอยู่”
จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองพอเจอหน้ากันก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี
“วันนี้บ่ายคุณจะไปพบประธานบีไมน์ของโซนเอเชียแปซิฟิกใช่ไหมครับ” ซูเหลียงฮุยครุ่นคิด
“งั้นเวลาของพวกเราอาจไม่พอ”
บีไมน์เป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทที่แข็งแกร่งระดับโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ยุโรป ความร่วมมือครั้งนี้ ประธานของโซนเอเชียแปซิฟิกจะมาด้วยตัวเองถือเป็นการลดเกียรติมาพบ
ฟู่หมิงเฉิงเตรียมตัวสร้างความสัมพันธ์กับประธานบีไมน์โซนเอเชียแปซิฟิกคนนี้ไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่หมิงเฉิงส่ายมือ พูดด้วยความมั่นใจ “ผมให้ทางบริษัทดำเนินการไปก่อนแล้ว จะมีประกาศออกไปใช้วิธีเหมือนวงการบันเทิงแหละครับ เรื่องของพวกเศรษฐีชาวเน็ตก็ชอบอ่านเหมือนกัน”
ซูเหลียงฮุยพยักหน้า
“ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ”
ถ้าฟู่หมิงเฉิงพ่ายแพ้ สถานะของเขาในตระกูลซูก็จะหล่นวูบ ถึงขั้นที่อาจยับเยินถูกไล่ออกจากตระกูลซูได้ การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลซูที่อยู่ตี้ตูไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลฟู่
“วางใจได้ครับ” รอยยิ้มของฟู่หมิงเฉิงกว้างกว่าเดิม
“ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียเปรียบแน่นอน”
ทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านตระกูลฟู่ แต่ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
“ผมติดต่อเด็กคนนั้นไว้แล้ว” ฟู่หมิงเฉิงวางกระเป๋าเอกสาร
“เกี่ยวข้องกับท่านผู้เฒ่า ไม่มีทางที่เขาจะไม่มา”
ซูเหลียงฮุยได้ฟังก็พยักหน้า นั่งพิงโซฟาหลับตาลง
ยี่สิบนาทีต่อมาฟู่หมิงเฉิงหันหน้าไป “เขามาแล้วครับ”
ซูเหลียงฮุยลืมตาแล้วมองตามไป
Comments
คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 301 สู่ขอ แต่งกับเธอ
น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย ไม่ได้สูงหรือต่ำ พูดปกติ
แต่มักจะโจมตีถึงจิตใจ มีกระแสไฟติดมาด้วยตลอด
ความร้อนของชานมทะลุถ้วยกระดาษไปถึงฝ่ามือ ให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
เขาไม่เคยคิดว่าวันเกิดปีที่ยี่สิบสามจะได้ฉลองแบบนี้
เดิมทีคิดว่าจะผ่านไปแบบอึมครึมเหมือนเมื่อก่อน
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจียงมั่วหย่วนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้
สำหรับเขาแล้ว ท่าทางและคำพูดธรรมดาๆ ของอิ๋งจื่อจินแบบนี้กลับมีแรงโจมตีมหาศาล
หัวใจหดเกร็งเป็นระลอก ชวนให้รู้สึกหายใจติดขัด
“เจียงมั่วหย่วน อายุมากแล้ว อย่าลืมซื้อประกันนะ ดูแลสุขภาพหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อโค้งมน แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
“อย่าหมายตาคนที่นายไม่คู่ควร”
รถมาเซราติถูกขับออกไป ทิ้งไอเสียใส่ตัวเจียงมั่วหย่วน
เขายืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้าย่ำแย่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เจียงมั่วหย่วนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้
ถึงขนาดที่ว่าตอนอิ๋งจื่อจินปาบัตรธนาคารใส่ตัวเขา เขาก็แค่คิดว่าเธองอนแบบเด็กๆ อย่างไรเสียเขาพาเธอมาฮู่เฉิง คนที่เธอพึ่งพาได้มากที่สุดในตอนแรกก็มีแค่เขา
แต่ระหว่างนั้นกลับมีฟู่อวิ๋นเซินโผล่มา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายเพียงสิ่งเดียว
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปาก กลับเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป
…
บนรถมาเซราติ
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินขับรถ ขับมาได้ระยะหนึ่งเธอก็คล่องแล้ว
แต่ก็ได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่างไรเสียเธอก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งข้างคนขับ
แดดนอกหน้าต่างค่อนข้างแรงตกกระทบบนใบหน้าของเขา อาบใบหน้าจนกลายเป็นสีทอง
ใช่ว่าช่วงไม่กี่ปีนั้นเขาจะอยู่เมืองนอกตลอด วันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายนของทุกปีเขาจะกลับมาไหว้หลุมศพของเหยียนเย่ว์หวากับฟู่หลิวอิ๋ง
ทุกครั้งที่อยู่บนเขาแห่งนั้นก็จะอยู่ทั้งวัน
ราวกับว่ามีเพียงการทำแบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะรู้สึกว่าฟู่หลิวอิ๋งยังอยู่
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า เพิ่งนึกอยากอ่านข้อความวีแชทที่ค้างไว้
มีคนถามสารทุกข์สุขดิบของเขามากมาย เกินร้อยข้อความ ยังไม่รวมในแอปอื่นๆ
สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย กดเปิดหน้าต่างสนทนากับเนี่ยเฉา
[ไงเพื่อน โอเคอยู่ไหม]
[ฉันเพิ่งถูกตาแก่ที่บ้านปล่อยออกมา กำลังจะไปหานายที่ฮู่เฉิง รอนะเพื่อน ฉันเอาไวน์มาสองขวด ไม่สิ ฉันลืมไปนายลดละเลิกแอลกอฮอล์แล้ว (อีโมชันใจสลาย)]
ก่อนหน้านี้เนี่ยเฉาถูกผู้เฒ่าเนี่ยส่งคนมามัดตัวกลับตี้ตู
เนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยอีจื้อ เข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเนี่ยไม่ได้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
ผู้เฒ่าเนี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงลดเงื่อนไขลงแล้วเริ่มปลุกปั้นเนี่ยเฉา
ถึงแม้เนี่ยเฉาจะดูไม่เป็นโล้เป็นพายแต่ก็ฉลาดมาก ก็แค่ไม่ยอมเดินในทางที่ถูกที่ควร
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ไม่ตอบ แต่ถามกลับ
[สาวคนหนึ่งบอกจะเลี้ยงดูนาย หมายความว่าอย่างไร]
เขายังไม่เคยเห็นเด็กน้อยของเขาเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ใช้น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์พูดคำพูดที่ชวนให้ใจฟู
อะไรที่ควรพูด ไม่ควรพูด เธอก็พูดออกมาหมด
เนี่ยเฉาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[อย่างไรเพื่อน มีเศรษฐินีมาขอเลี้ยงดูนายเหรอ โอ้โหเฮะ นายจะโชคดีเกินไปแล้วหรือเปล่า แนะนำฉันบ้างสิ ฉันอยากได้ ฉันถูกตาแก่ที่บ้านหักบัตรธนาคารทิ้งแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเลย หิวข้าว ขอข้าวหน่อย]
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินจับจ้องที่คำว่า ‘แนะนำฉันบ้างสิ’ ดวงตาดอกท้อหรี่ลง
[พูดไร้สาระอีกจะบล็อก]
เนี่ยเฉาส่งสติกเกอร์คุกเข่ากลับมาทันที
[ผมผิดไปแล้วครับ นายว่าต่อสิ]
ฟู่อวิ๋นเซินถึงพิมพ์ตอบกลับ
[แบบนี้ถือว่าชอบหรือเปล่า]
เขาเดาทางเด็กน้อยของเขาไม่ถูกจริงๆ
เนี่ยเฉาเจอผู้หญิงมาหลายแบบ ถึงจะถูกเขี่ยทิ้งตลอด แต่ก็น่าจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ทางเลือกสุดท้าย
[คุณชายเจ็ด นายนี่ไม่ไหวเลยนะ เสียแรงที่เป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอ ฉันว่าที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะชอบนายหรอก ถ้าชอบนาย เธอต้องให้นายเลี้ยงดูสิ ผู้หญิงน่ะชอบให้คนปกป้องทั้งนั้น แบบนี้ถึงจะรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นฉันคิดว่าที่เธอบอกว่าจะเลี้ยงดูนายมีได้สาเหตุเดียว]
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
หนึ่งวินาทีถัดมาก็มีข้อความตามมา
[เธออาจจะแค่อยากเป็นพ่อนาย]
“…”
…
คฤหาสน์ตระกูลเจียง
เยี่ยซู่เหอกำลังชงชา
พอได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็หยุด เงยหน้าขึ้น
“มั่วหย่วนมีอะไรเหรอ ใครทำให้ไม่พอใจ ทำไมสีหน้าดูแย่แบบนี้”
เจียงมั่วหย่วนเป็นคนไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามาตลอด เขามักจะมีใบหน้าเย็นชาเสมอ
แต่เยี่ยซู่เหอจะไม่รู้จักลูกชายตัวเองได้อย่างไร เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยน เธอก็มองออก
“แม่ครับ” เจียงมั่วหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงฝั่งตรงข้ามคุณนายผู้เฒ่าเจียง คลายเนคไทออกด้วยความหงุดหงิดค่อยๆ ถอนหายใจ
“ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนตระกูลฟู่เหรอครับ”
ฟู่หมิงเฉิงพูดออกมาเต็มปากหลังพิธีฝังศพ ตอนนี้คนในวงการไฮโซของฮู่เฉิงก็มีแต่อยากเหยียบย่ำฟู่อวิ๋นเซิน
เขาลองคิดดูดีๆ ถ้าฟู่อวิ๋นเซินไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แม้แต่น้อย ทำไมผู้เฒ่าฟู่ต้องดีกับเขาขนาดนั้นด้วย
“ถ้าในทางสายเลือด เขาใช่” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยซู่เหอรู้เรื่องภายในตระกูลฟู่ “แต่ตอนนี้ฟู่หมิงเฉิงต่างหากที่เป็นนายใหญ่ตระกูลฟู่ เขาต้องการไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูล งั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่ใช่คนตระกูลฟู่”
เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว “งั้นเขาเป็นลูกใครกันแน่”
เยี่ยซู่เหอจิบชา “คุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิงในตอนนั้น ฟู่หลิวอิ๋ง”
“ฟู่หลิวอิ๋งเหรอครับ” เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “มีคนคนนี้ด้วยเหรอครับ”
“ลูกจะไม่เคยได้ยินชื่อก็เป็นเรื่องปกติ” เยี่ยซู่เหอพูดอย่างใจเย็น
“ตอนนั้นลูกยังไม่เกิด พอลูกเกิดฟู่หลิวอิ๋งก็ไม่อยู่ฮู่เฉิงแล้ว เธอตายยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนพูดถึง”
เยี่ยซู่เหอไม่ชอบเจียงฮว่าผิงย่อมไม่ชอบฟู่หลิวอิ๋งที่สนิทกับเจียงฮว่าผิงไปด้วย
สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนผ่อนคลายลง
ที่แท้ก็ตายแล้ว งั้นก็แสดงว่าไม่มีสถานะอะไรหลงเหลืออีก
เขาเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็พูดขึ้น “ผมมีคนที่อยากแต่งงานด้วยครับแม่”
“ใครเหรอ” เยี่ยซู่เหอได้ฟังก็ตกใจเล็กน้อย “ลูกสาวตระกูลไหน”
“จะตระกูลไหนก็ช่าง” เจียงมั่วหย่วนนวดขมับ “ผมอยากแต่งานกับอิ๋งจื่อจิน”
เยี่ยซู่เหอตะลึง
“ลูกบอกว่าอยากแต่งงานกับใครนะ”
เจียงมั่วหย่วนพูดซ้ำอีกครั้ง “อิ๋งจื่อจินครับ”
“ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นน่ะเหรอ” สีหน้าของเยี่ยซู่เหอขรึมลง
“มั่วหย่วน แม่ตามใจลูกทุกเรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้ลูกเหลวไหลแบบนี้”
เธอวางถ้วยชากระแทก
“ถ้าลูกอยากแต่งกับคุณหนูตระกูลเล็กๆ แม่จะไม่ว่าอะไรเลย แต่เด็กคนนั้นเนี่ยนะ แม้แต่คุณหนูก็ไม่ใช่”
เยี่ยซู่เหอย่อมเคยได้ยินชื่อของอิ๋งจื่อจินมาหลายครั้งเพราะอิ๋งลู่เวย
ก็แค่ลูกเลี้ยงคนเดียว ไม่มีค่าให้เธอสนใจ
“ผมจำเป็นต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ด้วยเหรอครับ” สีหน้าของเจียงมั่วหย่วนเย็นชา
“ไม่ใช่ว่าผมอยากแต่งงานกับใครก็ได้เหรอครับ”
สายตาของเยี่ยซู่เหอขรึมลง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็พูดขึ้น “ในเมื่อลูกคิดแบบนี้ แม่ก็จะไม่ว่าอะไร ถึงแม้เธอจะออกจากตระกูลอิ๋งแล้ว ลูกอยากแต่งงานด้วย ก็ต้องไปสู่ขอกับตระกูลอิ๋ง”
ขณะพูดเธอได้เอื้อมหยิบปฏิทินที่อยู่ด้านข้างยื่นให้เจียงมั่วหย่วน “เลือกวันมงคลเอาเองแล้วกัน
…
อีกด้านหนึ่ง ฟู่หมิงเฉิงรับซูเหลียงฮุยจากสนามบินแล้ว
เรื่องที่ซูเหลียงฮุยมาฮู่เฉิง แม้แต่ลูกสาวอย่างซูหร่วนก็ไม่รู้
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ซูเหลียงฮุยยื่นมือออกไปจับมือฟู่หมิงเฉิง ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยครับ ในที่สุดก็มีวันนี้”
ฟู่หมิงเฉิงก็ยิ้ม “ที่ไหนกันครับ ยังขาดความช่วยเหลือจากคุณอยู่”
จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองพอเจอหน้ากันก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี
“วันนี้บ่ายคุณจะไปพบประธานบีไมน์ของโซนเอเชียแปซิฟิกใช่ไหมครับ” ซูเหลียงฮุยครุ่นคิด
“งั้นเวลาของพวกเราอาจไม่พอ”
บีไมน์เป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทที่แข็งแกร่งระดับโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ยุโรป ความร่วมมือครั้งนี้ ประธานของโซนเอเชียแปซิฟิกจะมาด้วยตัวเองถือเป็นการลดเกียรติมาพบ
ฟู่หมิงเฉิงเตรียมตัวสร้างความสัมพันธ์กับประธานบีไมน์โซนเอเชียแปซิฟิกคนนี้ไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่หมิงเฉิงส่ายมือ พูดด้วยความมั่นใจ “ผมให้ทางบริษัทดำเนินการไปก่อนแล้ว จะมีประกาศออกไปใช้วิธีเหมือนวงการบันเทิงแหละครับ เรื่องของพวกเศรษฐีชาวเน็ตก็ชอบอ่านเหมือนกัน”
ซูเหลียงฮุยพยักหน้า
“ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ”
ถ้าฟู่หมิงเฉิงพ่ายแพ้ สถานะของเขาในตระกูลซูก็จะหล่นวูบ ถึงขั้นที่อาจยับเยินถูกไล่ออกจากตระกูลซูได้ การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลซูที่อยู่ตี้ตูไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลฟู่
“วางใจได้ครับ” รอยยิ้มของฟู่หมิงเฉิงกว้างกว่าเดิม
“ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียเปรียบแน่นอน”
ทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านตระกูลฟู่ แต่ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
“ผมติดต่อเด็กคนนั้นไว้แล้ว” ฟู่หมิงเฉิงวางกระเป๋าเอกสาร
“เกี่ยวข้องกับท่านผู้เฒ่า ไม่มีทางที่เขาจะไม่มา”
ซูเหลียงฮุยได้ฟังก็พยักหน้า นั่งพิงโซฟาหลับตาลง
ยี่สิบนาทีต่อมาฟู่หมิงเฉิงหันหน้าไป “เขามาแล้วครับ”
ซูเหลียงฮุยลืมตาแล้วมองตามไป
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :