คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า

มีกระแสแล้วไม่เกาะคือคนโง่

บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ก็ได้ผลงาน อาศัยเกาะกระแสเวลานี้เพื่อให้ได้โบนัส

มีนักข่าวหลายคนยังได้ไปหาเฉินหลีโดยเฉพาะ

เนื่องจากเธอยืนยันว่าผู้ช่วยคนนั้นไม่ใช่อิ๋งจื่อจินแน่นอน

อย่าว่าแต่เฉินหลีเลย ชาวเน็ตที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ก็ไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะหนีไปเป็นผู้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์

ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า คนที่เข้าเน็ตมีไม่มาก มีคนดูไลฟ์สดอยู่ไม่เท่าไร

แต่ก็ไม่เป็นไร ไว้อีกเดี๋ยวนักข่าวกับปาปารัซซี่เหล่านี้ก็จะตัดต่อทำเป็นคลิปโพสต์ลงในเน็ตอีกครั้ง

นักข่าวคนนี้ก็แค่ลองถามดู เตรียมใจนานแล้วว่าคำตอบจะเป็นการปฏิเสธ

อีกฝ่ายเป็นถึงเด็กเรียนเทพ จะสนใจวงการบันเทิงเหรอ

แม้แต่อวิ๋นเหอเย่ว์เป็นใครคงไม่รู้ด้วยซ้ำ

อิ๋งจื่อจินถอยหลังเล็กน้อยหนึ่งก้าว ดึงผ้าพันคอไปด้านหลัง สองมือล้วงกระเป๋าอีกครั้ง

ใบหน้าของเธอทั้งหมดปรากฏต่อหน้ากล้อง

บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่มารออยู่ที่นี่ล้วนคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงนานแล้ว คนสวยแบบไหนก็เจอมาหมด

แต่พวกเขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในระยะใกล้แบบนี้

แตกต่างจากใบหน้าที่เหมาะเล่นจอเงินของเซี่ยมั่นอวี่ นี่คือใบหน้าที่ถ่ายมุมไหนก็รอดอย่างแท้จริง

กล้องซูมเข้าไปยิ่งสวยจนตะลึงวิญญาณหลุดออกจากร่าง ชวนให้ยากที่จะต้านทาน

“อืม ฉันเองค่ะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น ตามองกล้อง น้ำเสียงใจเย็น “บ้านยากจน ต้องทำงานพิเศษ ไม่ได้เหรอคะ”

คำตอบนี้ทำให้บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่เตรียมตัวมาดีแล้วถึงกับงง

“ช่วยหลบด้วยค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบเสร็จกลับไม่อยากอยู่ต่อ “ขอบคุณค่ะ”

พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่เปิดทางให้อย่างงงๆ ลืมคำพูดไปเสียสนิท

ผ่านไปสักพักพวกเขาถึงได้สติกลับมา แบกกล้องเดินออกไป

จั่วหลีอยู่ไกล ไม่ได้ยิน

เขาเห็นอิ๋งจื่อจินพูดอะไรไม่รู้ นักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นก็ทำท่าเหมือนโดนฟ้าผ่า

จั่วหลีถามด้วยความสงสัย “พวกเขาเป็นอะไร”

“คนซื่อบื้อ” อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่ต้องสนใจค่ะ”

จั่วหลี “…”

เขารู้สึกว่าเธอมองเขาเป็นคนซื่อบื้อ

จั่วหลีก็ขี้เกียจจะสนใจว่านักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เมื่อวานไม่เปียกใช่ไหม ฝนตกหนักมากจริงๆ กระจกบ้านอาจารย์แตกไปหนึ่งบาน”

ฝนเมื่อวานมาได้แปลกประหลาดมาก ตรงกันข้ามกับพยากรณ์อากาศอย่างสิ้นเชิง หลายคนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้พกร่ม เปียกฝนเป็นไก่ตกหม้อน้ำซุปกันหมด

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีพูด “เดี๋ยวนี้พยากรณ์อากาศไม่แม่นเลยจริงๆ”

เวลาสิบโมงเช้า ประเด็นใหม่ก็ปรากฏบนชาร์ตคำค้นยอดนิยม

#เทพอิ๋งเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์#

คลิปก็ตัดต่อมาจากไลฟ์สดเมื่อเช้า โพสต์โดยเจ้าของแอ๊กเคานท์เวยปั๋วสายบันเทิงที่มีแฟนคลับยี่สิบล้านคน

แฟนคลับของเยี่ยซีได้ข่าวก็แห่กันมา

[เนี่ยน่ะเหรออิ๋งจื่อจินอะไรนั่น หน้าตาก็งั้นๆ แต่งตัวไม่เห็นจะดีไปกว่าซีซีของพวกเรา]

[น้องเขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง อีกอย่าง ขอเตือนด้วยความหวังดี ผ้าพันคอที่อยู่บนคอนั่นเป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นปีนี้ของแบรนด์เอส ราคาสามหมื่นดอลลาร์นะจ๊ะ(ยิ้ม)]

แบรนด์เอสเป็นแบรนด์เสื้อผ้าระดับหรู ซึ่งก็อยู่ในเครือของวีนัสกรุ๊ปเช่นกัน

[หึๆ ของปลอมล่ะไม่ว่า อิ๋งจื่อจินเป็นนักเรียนของชิงจื้ออันนี้ไม่เถียง ได้ทุนการศึกษาอีกต่างหาก แต่ฐานะไม่ใช่แค่แย่แบบธรรมดา ยังจะใช้ผ้าพันคอผืนละสามหมื่นได้เลยเหรอ ล้อเล่นอะไรน่ะ]

แฟนคลับของเยี่ยซีไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้แซะให้หลุดลอยไปจนกระทั่งเด็กสาวที่อยู่ในคลิปดึงผ้าพันคอออก

[…]

[ฉินหลิงอวี๋เป็นนางมารบนโลกมนุษย์ อิ๋งจื่อจินก็เป็นเทพสินะ สวยระดับนี้ สุด]

[ใช่ๆๆ เลยมีแค่ประธานฟู่ของฉันที่คู่ควร เปิดแผงขายคู่จิ้นยาวิเศษจ้า]

[ตัวประหลาดอะไรปะปนเข้ามาน่ะ]

ภายในคลิปเป็นเสียงโทนเย็นชาของอิ๋งจื่อจิน พูดชัดเจน

“ทำไม ไม่ได้เหรอคะ”

“ทำงานพิเศษ”

ข้อความเลื่อนหายเกลี้ยงในชั่วพริบตา

ไม่มีอะไรสร้างแรงสะเทือนได้เท่าคำตอบของอิ๋งจื่อจินที่ยอมรับโดยตรง

แฟนคลับของเยี่ยซีไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะอยู่ต่อไป เผ่นแนบกันหมดแล้ว

[ขอโทษนะ เทพอิ๋งไม่จำเป็นต้องอิจฉาหน้าตาของเยี่ยซี เยี่ยซีอยู่คนละระดับกับเธอ ทำงานพิเศษยังถูกโจมตีได้ สวยแล้วคนอิจฉาเยอะจริงๆ]

[เยี่ยซีน่าขยะแขยงจริงๆ เธอโตอายุยี่สิบสี่แล้ว จำเป็นต้องใส่ร้ายเด็กนักเรียนด้วยเหรอ หรือว่าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้ กรรมเลยตามสนอง]

แต่แฟนคลับของรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้

[อิ๋งเยาเยา ไม่ต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวเจ้เลี้ยงเอง!]

[เทพอิ๋งของฉันไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินเลยต้องไปทำงานพิเศษเหรอ ค่ายติวช่วยให้ข้าวครบสามมื้อได้ไหม พวกคุณรังแกเด็กเหรอ]

อ่านถึงตรงนี้ในที่สุดจั่วหลีก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเช้าพวกนักข่าวกับปาปารัซซี่กลุ่มนั้นถึงได้มีท่าทางเหมือนถูกฟ้าผ่า

เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองอิ๋งจื่อจิน “ทำงานพิเศษงั้นเหรอ พวกเราไม่ให้ข้าวกินงั้นเหรอ”

เขาจำได้แม่นว่าโจทย์กลศาสตร์ควอนตัมข้อนั้นของศูนย์ฟิสิกส์สากลมีเงินรางวัลให้ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์

โจทย์ข้อนี้อิ๋งจื่อจินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็แก้เสร็จ

ไปเป็นผู้ช่วยจะได้สักกี่ตังค์

เศรษฐินีรุ่นเล็ก ยังจะกล้าบอกว่าบ้านยากจน

เขาเชื่อก็บ้าแล้ว

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วแก้คำพูดอย่างจริงจัง “หนูก็แค่เกาะกระแส”

จั่วหลี “…”

ภายในโรงแรม

ฟู่อวิ๋นเซินก็ได้ดูคลิปนี้แล้ว

เดิมทีเขาเอาแต่มองหน้าอิ๋งจื่อจิน จนกระทั่งสังเกตเห็นข้อความเลื่อนข้อความหนึ่ง

[คอมเมนต์ก่อนหน้าหลีกทางให้หมด! บนโลกนี้ถ้าจะมีใครที่เลี้ยงดูเทพอิ๋งได้ ก็ต้องเป็นประธานฟู่ของฉันคนเดียวเท่านั้น พวกเธอรวยกว่าประธานฟู่หรือไง เทพอิ๋งของฉันสูงส่งขนาดนี้ต้องเลี้ยงดูให้ดี!]

ข้อความเลื่อนแบบนี้ถูกกลบอย่างรวดเร็ว

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว นั่งพิงเก้าอี้

ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ

ก็ยังมีคนดวงตาเฉียบคม เพียงแต่คนแบบนี้น้อยเหลือเกิน

เขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นยาวิเศษได้สองเดือนกว่าแล้ว จำนวนสมาชิกเพิ่งจะทะลุสามร้อย

เขาอ่านโพสต์ใหม่ทุกวัน แต่น่าเสียดายที่น้อยจนน่าสงสาร

ใช้คำพูดของแฟนคลับคนอื่นก็คือ ไม่มีข้าวให้กิน เป็นช่วงหิวโหย

อย่างไรเสียไม่ว่าจะเขาหรืออิ๋งจื่อจินต่างก็ไม่ชอบเปิดเผยตัวตน เว้นเสียแต่จำเป็น

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย แคปหน้าจอข้อความนี้ไว้แล้วส่งให้คนเดียวที่เขาปักหมุดไว้บนสุด

[เด็กน้อย มีคนบอกว่าพวกเราดูเหมาะสมกันมาก]

[พี่ชายก็เลี้ยงดูเธอจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเลี้ยงไม่ไหว อันที่จริงราคาตับหมูจานนั้นเกินหมื่นนะ]

[เธอว่าเธอควรให้รางวัลพี่ชายหรือเปล่า เป็นต้นว่าให้พี่ชายหยิกแก้ม]

ตอนที่เห็นสามข้อความนี้อิ๋งจื่อจินกำลังอธิบายโจทย์ให้เถิงอวิ้นเมิ่งฟัง

พอเธออ่านจบก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย โค้งนิดหน่อยแบบที่สังเกตเห็นได้ยาก

แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ อีก ลมหายใจก็ผ่อนคลาย

เถิงอวิ้นเมิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน เธอแอบงง “จื่อจินเป็นอะไรไป”

เธอรู้สึกอยู่บ่อยๆ ว่าเจออิ๋งจื่อจินครั้งนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม

ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เย็นชาห่างเหิน

ให้คนใกล้ชิดเธอได้ แต่เข้าไม่ถึงใจเธอ

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือลง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจอคนที่ดีแต่เอาอกเอาใจ หลอกเก่งน่ะ”

หยุดเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดเสริม “เอาใจไปหมดทุกคน แม้แต่หมา”

คำพูดของผู้ชายคนนี้บางครั้งก็เชื่อไม่ได้

เถิงอวิ้นเมิ่ง “?”

เอาใจหมานี่ทำไงเหรอ

เถิงอวิ้นเมิ่งงง ทำโจทย์ฟิสิกส์ต่อ

เธอพบว่าทำโจทย์สนุกกว่า

เวลานี้ที่สำนักงานใหญ่เทียนสิงมีเดีย

เฉินหลีกับเยี่ยซีต่างถูกเรียกไปที่ห้องทำงานของลั่วเหวินปินประธานเทียนสิงมีเดีย

ทั้งสองคนหน้าซีด เหงื่อออกตลอด แม้แต่ยืนก็ยังเกือบยืนไม่อยู่

“เฉินหลี ผมเคยพูดไว้ว่าไง” ลั่วเหวินปินตวาดเสียง “บอกให้คุณสงบเสงี่ยมไว้ไม่ใช่เหรอ แล้วดูซิ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว”

เขากระแทกเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง โมโหจนหัวเราะ “คุณยังจะมาบอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทอง เก่งจริงนะ ยื่นหน้าไปให้เขาตบเฉย เนี่ยน่ะเหรอผู้จัดการส่วนตัวมือทอง หา!”

เฉินหลีปากสั่นฟันสบกันดังกึกๆ หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม “ประ ประธานลั่วคะ นั่นมัน มัน…”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็พูดว่าไม่สมเหตุสมผลไม่ออก

เด็กเรียนเก่งที่กำลังจะเข้าร่วมงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติ ทำไมถึงมาเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์ได้!

นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรกัน

แต่ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มีทางซื้อตัวเด็กเรียนเก่งได้

หลังจากที่เห็นคลิปในเน็ต สมองของเฉินหลีก็ตื้อไปหมด จนถึงตอนนี้สติก็ยังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์

“หุบปาก!” ลั่วเหวินปินตวาดเสียงอีกครั้ง “ตอนนี้คุณทำทุกอย่างพังแล้ว บริษัทลงทุนไปกับเยี่ยซีตั้งเท่าไร กว่าจะดันเธอสู่ตำแหน่งดารายอดนิยมได้ แล้วคุณดูตอนนี้ในเน็ตด่าเธอว่ายังไง!”

“เห็นหรือยัง หา” เขาชี้คอมพิวเตอร์ สีหน้าบึ้งตึง “ถ้าไม่เห็น อยากให้ผมอ่านให้ฟังไหม”

พอเยี่ยซีอ่านก็ทรุดลงไปกองบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า

มีกระแสแล้วไม่เกาะคือคนโง่

บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ก็ได้ผลงาน อาศัยเกาะกระแสเวลานี้เพื่อให้ได้โบนัส

มีนักข่าวหลายคนยังได้ไปหาเฉินหลีโดยเฉพาะ

เนื่องจากเธอยืนยันว่าผู้ช่วยคนนั้นไม่ใช่อิ๋งจื่อจินแน่นอน

อย่าว่าแต่เฉินหลีเลย ชาวเน็ตที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ก็ไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะหนีไปเป็นผู้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์

ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า คนที่เข้าเน็ตมีไม่มาก มีคนดูไลฟ์สดอยู่ไม่เท่าไร

แต่ก็ไม่เป็นไร ไว้อีกเดี๋ยวนักข่าวกับปาปารัซซี่เหล่านี้ก็จะตัดต่อทำเป็นคลิปโพสต์ลงในเน็ตอีกครั้ง

นักข่าวคนนี้ก็แค่ลองถามดู เตรียมใจนานแล้วว่าคำตอบจะเป็นการปฏิเสธ

อีกฝ่ายเป็นถึงเด็กเรียนเทพ จะสนใจวงการบันเทิงเหรอ

แม้แต่อวิ๋นเหอเย่ว์เป็นใครคงไม่รู้ด้วยซ้ำ

อิ๋งจื่อจินถอยหลังเล็กน้อยหนึ่งก้าว ดึงผ้าพันคอไปด้านหลัง สองมือล้วงกระเป๋าอีกครั้ง

ใบหน้าของเธอทั้งหมดปรากฏต่อหน้ากล้อง

บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่มารออยู่ที่นี่ล้วนคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงนานแล้ว คนสวยแบบไหนก็เจอมาหมด

แต่พวกเขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในระยะใกล้แบบนี้

แตกต่างจากใบหน้าที่เหมาะเล่นจอเงินของเซี่ยมั่นอวี่ นี่คือใบหน้าที่ถ่ายมุมไหนก็รอดอย่างแท้จริง

กล้องซูมเข้าไปยิ่งสวยจนตะลึงวิญญาณหลุดออกจากร่าง ชวนให้ยากที่จะต้านทาน

“อืม ฉันเองค่ะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น ตามองกล้อง น้ำเสียงใจเย็น “บ้านยากจน ต้องทำงานพิเศษ ไม่ได้เหรอคะ”

คำตอบนี้ทำให้บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่เตรียมตัวมาดีแล้วถึงกับงง

“ช่วยหลบด้วยค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบเสร็จกลับไม่อยากอยู่ต่อ “ขอบคุณค่ะ”

พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่เปิดทางให้อย่างงงๆ ลืมคำพูดไปเสียสนิท

ผ่านไปสักพักพวกเขาถึงได้สติกลับมา แบกกล้องเดินออกไป

จั่วหลีอยู่ไกล ไม่ได้ยิน

เขาเห็นอิ๋งจื่อจินพูดอะไรไม่รู้ นักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นก็ทำท่าเหมือนโดนฟ้าผ่า

จั่วหลีถามด้วยความสงสัย “พวกเขาเป็นอะไร”

“คนซื่อบื้อ” อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่ต้องสนใจค่ะ”

จั่วหลี “…”

เขารู้สึกว่าเธอมองเขาเป็นคนซื่อบื้อ

จั่วหลีก็ขี้เกียจจะสนใจว่านักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เมื่อวานไม่เปียกใช่ไหม ฝนตกหนักมากจริงๆ กระจกบ้านอาจารย์แตกไปหนึ่งบาน”

ฝนเมื่อวานมาได้แปลกประหลาดมาก ตรงกันข้ามกับพยากรณ์อากาศอย่างสิ้นเชิง หลายคนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้พกร่ม เปียกฝนเป็นไก่ตกหม้อน้ำซุปกันหมด

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีพูด “เดี๋ยวนี้พยากรณ์อากาศไม่แม่นเลยจริงๆ”

เวลาสิบโมงเช้า ประเด็นใหม่ก็ปรากฏบนชาร์ตคำค้นยอดนิยม

#เทพอิ๋งเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์#

คลิปก็ตัดต่อมาจากไลฟ์สดเมื่อเช้า โพสต์โดยเจ้าของแอ๊กเคานท์เวยปั๋วสายบันเทิงที่มีแฟนคลับยี่สิบล้านคน

แฟนคลับของเยี่ยซีได้ข่าวก็แห่กันมา

[เนี่ยน่ะเหรออิ๋งจื่อจินอะไรนั่น หน้าตาก็งั้นๆ แต่งตัวไม่เห็นจะดีไปกว่าซีซีของพวกเรา]

[น้องเขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง อีกอย่าง ขอเตือนด้วยความหวังดี ผ้าพันคอที่อยู่บนคอนั่นเป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นปีนี้ของแบรนด์เอส ราคาสามหมื่นดอลลาร์นะจ๊ะ(ยิ้ม)]

แบรนด์เอสเป็นแบรนด์เสื้อผ้าระดับหรู ซึ่งก็อยู่ในเครือของวีนัสกรุ๊ปเช่นกัน

[หึๆ ของปลอมล่ะไม่ว่า อิ๋งจื่อจินเป็นนักเรียนของชิงจื้ออันนี้ไม่เถียง ได้ทุนการศึกษาอีกต่างหาก แต่ฐานะไม่ใช่แค่แย่แบบธรรมดา ยังจะใช้ผ้าพันคอผืนละสามหมื่นได้เลยเหรอ ล้อเล่นอะไรน่ะ]

แฟนคลับของเยี่ยซีไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้แซะให้หลุดลอยไปจนกระทั่งเด็กสาวที่อยู่ในคลิปดึงผ้าพันคอออก

[…]

[ฉินหลิงอวี๋เป็นนางมารบนโลกมนุษย์ อิ๋งจื่อจินก็เป็นเทพสินะ สวยระดับนี้ สุด]

[ใช่ๆๆ เลยมีแค่ประธานฟู่ของฉันที่คู่ควร เปิดแผงขายคู่จิ้นยาวิเศษจ้า]

[ตัวประหลาดอะไรปะปนเข้ามาน่ะ]

ภายในคลิปเป็นเสียงโทนเย็นชาของอิ๋งจื่อจิน พูดชัดเจน

“ทำไม ไม่ได้เหรอคะ”

“ทำงานพิเศษ”

ข้อความเลื่อนหายเกลี้ยงในชั่วพริบตา

ไม่มีอะไรสร้างแรงสะเทือนได้เท่าคำตอบของอิ๋งจื่อจินที่ยอมรับโดยตรง

แฟนคลับของเยี่ยซีไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะอยู่ต่อไป เผ่นแนบกันหมดแล้ว

[ขอโทษนะ เทพอิ๋งไม่จำเป็นต้องอิจฉาหน้าตาของเยี่ยซี เยี่ยซีอยู่คนละระดับกับเธอ ทำงานพิเศษยังถูกโจมตีได้ สวยแล้วคนอิจฉาเยอะจริงๆ]

[เยี่ยซีน่าขยะแขยงจริงๆ เธอโตอายุยี่สิบสี่แล้ว จำเป็นต้องใส่ร้ายเด็กนักเรียนด้วยเหรอ หรือว่าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้ กรรมเลยตามสนอง]

แต่แฟนคลับของรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้

[อิ๋งเยาเยา ไม่ต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวเจ้เลี้ยงเอง!]

[เทพอิ๋งของฉันไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินเลยต้องไปทำงานพิเศษเหรอ ค่ายติวช่วยให้ข้าวครบสามมื้อได้ไหม พวกคุณรังแกเด็กเหรอ]

อ่านถึงตรงนี้ในที่สุดจั่วหลีก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเช้าพวกนักข่าวกับปาปารัซซี่กลุ่มนั้นถึงได้มีท่าทางเหมือนถูกฟ้าผ่า

เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองอิ๋งจื่อจิน “ทำงานพิเศษงั้นเหรอ พวกเราไม่ให้ข้าวกินงั้นเหรอ”

เขาจำได้แม่นว่าโจทย์กลศาสตร์ควอนตัมข้อนั้นของศูนย์ฟิสิกส์สากลมีเงินรางวัลให้ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์

โจทย์ข้อนี้อิ๋งจื่อจินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็แก้เสร็จ

ไปเป็นผู้ช่วยจะได้สักกี่ตังค์

เศรษฐินีรุ่นเล็ก ยังจะกล้าบอกว่าบ้านยากจน

เขาเชื่อก็บ้าแล้ว

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วแก้คำพูดอย่างจริงจัง “หนูก็แค่เกาะกระแส”

จั่วหลี “…”

ภายในโรงแรม

ฟู่อวิ๋นเซินก็ได้ดูคลิปนี้แล้ว

เดิมทีเขาเอาแต่มองหน้าอิ๋งจื่อจิน จนกระทั่งสังเกตเห็นข้อความเลื่อนข้อความหนึ่ง

[คอมเมนต์ก่อนหน้าหลีกทางให้หมด! บนโลกนี้ถ้าจะมีใครที่เลี้ยงดูเทพอิ๋งได้ ก็ต้องเป็นประธานฟู่ของฉันคนเดียวเท่านั้น พวกเธอรวยกว่าประธานฟู่หรือไง เทพอิ๋งของฉันสูงส่งขนาดนี้ต้องเลี้ยงดูให้ดี!]

ข้อความเลื่อนแบบนี้ถูกกลบอย่างรวดเร็ว

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว นั่งพิงเก้าอี้

ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ

ก็ยังมีคนดวงตาเฉียบคม เพียงแต่คนแบบนี้น้อยเหลือเกิน

เขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นยาวิเศษได้สองเดือนกว่าแล้ว จำนวนสมาชิกเพิ่งจะทะลุสามร้อย

เขาอ่านโพสต์ใหม่ทุกวัน แต่น่าเสียดายที่น้อยจนน่าสงสาร

ใช้คำพูดของแฟนคลับคนอื่นก็คือ ไม่มีข้าวให้กิน เป็นช่วงหิวโหย

อย่างไรเสียไม่ว่าจะเขาหรืออิ๋งจื่อจินต่างก็ไม่ชอบเปิดเผยตัวตน เว้นเสียแต่จำเป็น

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย แคปหน้าจอข้อความนี้ไว้แล้วส่งให้คนเดียวที่เขาปักหมุดไว้บนสุด

[เด็กน้อย มีคนบอกว่าพวกเราดูเหมาะสมกันมาก]

[พี่ชายก็เลี้ยงดูเธอจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเลี้ยงไม่ไหว อันที่จริงราคาตับหมูจานนั้นเกินหมื่นนะ]

[เธอว่าเธอควรให้รางวัลพี่ชายหรือเปล่า เป็นต้นว่าให้พี่ชายหยิกแก้ม]

ตอนที่เห็นสามข้อความนี้อิ๋งจื่อจินกำลังอธิบายโจทย์ให้เถิงอวิ้นเมิ่งฟัง

พอเธออ่านจบก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย โค้งนิดหน่อยแบบที่สังเกตเห็นได้ยาก

แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ อีก ลมหายใจก็ผ่อนคลาย

เถิงอวิ้นเมิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน เธอแอบงง “จื่อจินเป็นอะไรไป”

เธอรู้สึกอยู่บ่อยๆ ว่าเจออิ๋งจื่อจินครั้งนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม

ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เย็นชาห่างเหิน

ให้คนใกล้ชิดเธอได้ แต่เข้าไม่ถึงใจเธอ

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือลง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจอคนที่ดีแต่เอาอกเอาใจ หลอกเก่งน่ะ”

หยุดเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดเสริม “เอาใจไปหมดทุกคน แม้แต่หมา”

คำพูดของผู้ชายคนนี้บางครั้งก็เชื่อไม่ได้

เถิงอวิ้นเมิ่ง “?”

เอาใจหมานี่ทำไงเหรอ

เถิงอวิ้นเมิ่งงง ทำโจทย์ฟิสิกส์ต่อ

เธอพบว่าทำโจทย์สนุกกว่า

เวลานี้ที่สำนักงานใหญ่เทียนสิงมีเดีย

เฉินหลีกับเยี่ยซีต่างถูกเรียกไปที่ห้องทำงานของลั่วเหวินปินประธานเทียนสิงมีเดีย

ทั้งสองคนหน้าซีด เหงื่อออกตลอด แม้แต่ยืนก็ยังเกือบยืนไม่อยู่

“เฉินหลี ผมเคยพูดไว้ว่าไง” ลั่วเหวินปินตวาดเสียง “บอกให้คุณสงบเสงี่ยมไว้ไม่ใช่เหรอ แล้วดูซิ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว”

เขากระแทกเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง โมโหจนหัวเราะ “คุณยังจะมาบอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทอง เก่งจริงนะ ยื่นหน้าไปให้เขาตบเฉย เนี่ยน่ะเหรอผู้จัดการส่วนตัวมือทอง หา!”

เฉินหลีปากสั่นฟันสบกันดังกึกๆ หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม “ประ ประธานลั่วคะ นั่นมัน มัน…”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็พูดว่าไม่สมเหตุสมผลไม่ออก

เด็กเรียนเก่งที่กำลังจะเข้าร่วมงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติ ทำไมถึงมาเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์ได้!

นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรกัน

แต่ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มีทางซื้อตัวเด็กเรียนเก่งได้

หลังจากที่เห็นคลิปในเน็ต สมองของเฉินหลีก็ตื้อไปหมด จนถึงตอนนี้สติก็ยังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์

“หุบปาก!” ลั่วเหวินปินตวาดเสียงอีกครั้ง “ตอนนี้คุณทำทุกอย่างพังแล้ว บริษัทลงทุนไปกับเยี่ยซีตั้งเท่าไร กว่าจะดันเธอสู่ตำแหน่งดารายอดนิยมได้ แล้วคุณดูตอนนี้ในเน็ตด่าเธอว่ายังไง!”

“เห็นหรือยัง หา” เขาชี้คอมพิวเตอร์ สีหน้าบึ้งตึง “ถ้าไม่เห็น อยากให้ผมอ่านให้ฟังไหม”

พอเยี่ยซีอ่านก็ทรุดลงไปกองบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+