คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’

ตระกูลเนี่ยยังมีคฤหาสน์ใหญ่อีกหนึ่งแห่งอยู่ในวงแหวนรอบสอง คนตระกูลเนี่ยส่วนใหญ่จะพักอยู่ในเขตเมืองเพราะต้องทำงาน

หลังจากผู้เฒ่าเนี่ยยกบริษัทให้เนี่ยเฉาก็ถือว่าเกษียณตัวเองแล้ว ถึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านเก่า

ใกล้ถึงวันตรุษจีน คนรับใช้ส่วนหนึ่งกลับบ้านไปกันแล้ว

ตอนนี้เป็นตอนเย็น ผู้เฒ่าเนี่ยอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขกคนเดียว

พวกแม่ครัวทำงานกันอยู่ในครัวเพื่อเตรียมมื้อดึกให้เนี่ยเฉา

ผู้เฒ่าเนี่ยไม่คิดว่าจะเป็นเนี่ยเฉา

เนี่ยเฉามีกุญแจบ้าน เปิดเข้ามาเองได้

ตระกูลเนี่ยอบรมสั่งสอนกันอย่างเข้มงวด เขาไม่มีทางใช้วิธีเคาะประตูแบบนี้

ผู้เฒ่าเนี่ยรู้สึกแปลกใจมาก

จนกระทั่งเขาเปิดประตูออกแล้วเห็นคนที่นอนอยู่บนพื้น

พลังฝ่ามือของชายวัยกลางคนเดิมทีก็ทำให้เนี่ยเฉาอาการสาหัสอยู่แล้ว

คนหนุ่มสามคนนั้นหามเนี่ยเฉามาตลอดทางก็ไม่ได้มีการช่วยป้องกันอะไร อาการจึงยิ่งสาหัสกว่าเดิม

เพื่อให้แน่ใจว่าเนี่ยเฉาไม่มีทางตาย ชายวัยกลางคนยังได้ถ่ายทอดกำลังภายในให้เล็กน้อยเพื่อปกป้องชีพจรหัวใจ

เพียงแต่กำลังภายในที่ว่านี้สลายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันสลายไป อาการก็ทรุดยิ่งกว่าเดิม

ไม่ว่าอย่างไรเนี่ยเฉาก็เป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ตายในมือพวกเขา หากจะตายก็ต้องตายที่โรงพยาบาล

เนี่ยเฉานอนแน่นิ่งอยู่บนบันได ใบหน้าของเขาไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ทั้งยังมีเลือดไหลตรงมุมปาก

ผู้เฒ่าเนี่ยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน สมัยหนุ่มๆ ชอบออกไปฝึกฝนตัวเอง มีเหรอจะไม่เคยบาดเจ็บ บาดแผลบนตัวเขาจะเจ็บ แต่เขาทนไหว

แต่นี่ไม่เหมือนกัน

นี่คือหลานชายของเขา

น้ำตาไหลออกมาทันที

อันที่จริงเนี่ยเฉาไม่รู้ว่า บางครั้งผู้เฒ่าเนี่ยก็ลำเอียงรักเขามากกว่า เพราะตระกูลเนี่ยมีเนี่ยอี้แบกไว้อยู่ ขอแค่เนี่ยเฉาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว

ผู้เฒ่าเนี่ยนั่งลงตัวสั่น เขายื่นมือออกไป แต่กลับไม่กล้าแตะ “ไอ้หลานบ้า” เนี่ยเฉาไม่ตอบสนอง

ลมหายใจแผ่วเบา

“คุณท่าน!” พ่อบ้านเดินออกมาจากข้างสวนหย่อม เขาเพิ่งสั่งงานคนสวนเสร็จ

พอเสร็จงานก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาตื่นตระหนกราวกับมีฟ้าผ่ากลางหัว

“คุณท่าน คุณชายรอง…”

เนี่ยเฉาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย คนที่คิดเล่นงานเขามีอยู่ไม่น้อย

จ้างนักฆ่าหรือนักแม่นปืนมาแอบลอบฆ่าเขา แต่ก็ส่วนใหญ่ก็เป็นชั้นปลายแถวทั้งนั้น ตระกูลเนี่ยรับมือได้ แต่ตอนนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเนี่ยเฉา พวกเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียง

พ่อบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ในตี้ตูมีคนกล้าลงมือกับผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ยจริงๆ เหรอ

ทว่าผู้เฒ่าเนี่ยเดาไม่ออก คนที่ทำได้ถึงขั้นที่เงียบเชียบไร้เสียง มีแค่จอมยุทธ อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธที่ฝึกมาอย่างน้อยยี่สิบปี

พ่อบ้านร้อนรนรีบโทรเรียกรถฉุกเฉิน มือก็สั่นไม่หยุด

พวกเขาปฐมพยาบาลไม่เป็น ตอนนี้เนี่ยเฉาสลบไม่ได้สติ แทบไม่มีลมหายใจ ยิ่งไม่กล้าแตะต้องเข้าไปใหญ่

พ่อบ้านโทรหนึ่งสองศูนย์เรียกรถฉุกเฉินเสร็จก็โทรหาเนี่ยอี้ทั้งที่มือยังสั่นอยู่ เขาพูดเสียงสะอื้น

“คุณชายใหญ่ครับ รีบกลับมาเถอะครับ เกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายรองแล้ว…”

ในเวลาเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง

ฟู่อวิ๋นเซินเพิ่งรับอิ๋งจื่อจินกลับมาจากค่ายติวไอเอสซี

ค่ายติวไอเอสซีครั้งที่สองจบลงแล้ว

พอพ้นตรุษจีน รอบคัดเลือกรอบที่สองของไอเอสซีก็จะจบลง เดือนพฤษภาคมจะเป็นการเริ่มรอบตัดสินระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการ สุดท้ายจะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยคนจากทั่วโลกไปยืนอยู่ในสนามแข่งขันรอบตัดสินระดับนานาชาติ เพื่อประลองหาผู้ชนะ

หลังจากอิ๋งจื่อจินอ่านข้อมูลที่จั่วหลีส่งมาให้เสร็จ เธอหันไปก็เห็นฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาดอกท้อที่ลุ่มลึกกำลังมองเธออยู่

ราวกับมีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

อิ๋งจื่อจินชะงัก “ทำอะไร”

“เปล่า” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ เก็บอาการ “กำลังคิดว่าทำไมพี่ชายไม่เด็กกว่านี้สักสองสามปี”

เขาเพิ่งอ่านวรรณกรรมที่เข้ากับชีวิต

เขียนถึงการแอบรักในรั้วโรงเรียน ส่วนเขาเป็นนักเรียนมอปลาย

เขียนใช้ได้เลยทีเดียว ชวนให้เข้าถึงความรู้สึก

อิ๋งจื่อจินตอบแบบขอไปที “ช่วงนี้ฉันไม่ได้บอกว่าคุณแก่”

“อืม แน่ล่ะว่าแก่ไม่ได้” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้วเล็กน้อย

“พอแก่ตัวเอวกับขาจะไม่ดี ต่อไปถ้าเธอหลับจะอุ้มยังไง”

บางครั้งคำพูดของบางคนก็สะกิดใจให้หวั่นไหวได้

ก็ไม่รู้ว่าพอพูดจนชินแล้วจะมีใจหรือไม่ตั้งใจ

อิ๋งจื่อจินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “งั้นคุณก็แก่ไปเถอะ”

“เดี๋ยวนะเด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ใจดำขนาดนี้เลยเหรอ”

อิ๋งจื่อจินหยิบหมอนบนเตียงปาออกไป

โดนเขาอย่างแม่นยำ

“เอาล่ะ ไม่แกล้งแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินเลือกที่จะยอมแพ้ เขารับหมอนไว้

“พี่ชายน่ะ ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยว ขาดคู่เต้นรำในงานเลี้ยงตรุษจีนของตระกูลเนี่ย เยาเยา?”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา ค่อยๆ พูดขึ้น “ขอโทษจริงๆ ฉันเต้นรำไม่เป็น”

เมื่อก่อนช่วงที่เธอพักอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์ใหญ่ๆ ในยุโรป ดูพวกเจ้าชายเจ้าหญิงเต้นรำกันในพระราชวังจนเบื่อแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงโซฟา สีหน้าเรื่อยเปื่อย

“ไม่เป็นไร อะไรที่เธอไม่เป็น พี่ชายสอนให้ได้ทั้งนั้น”

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้นในเวลานี้ ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ

ฟู่อวิ๋นเซินมองเบอร์ที่โทรเข้ามา แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากดรับ “ว่าไง”

เขาฟังเสียงที่ลอดออกมา รอยยิ้มในดวงตาดอกท้อหายไปทีละนิด จนกระทั่งเย็นชาสนิท

ความเย็นชาแผ่ซ่านรอบตัวเขาในชั่วพริบตา จนถึงขีดจำกัด

ทว่าน้ำเสียงของเขากลับยังคงใจเย็น ถึงขั้นที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

แต่กลับยิ่งทวีความน่ากลัว น้ำนิ่งไหลลึก

สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินพูดว่า “เข้าใจแล้ว”

อิ๋งจื่อจินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ”

“เกิดเรื่องขึ้นกับเนี่ยเฉาแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินยังคงสุขุม เขาสวมเสื้อโค้ท

“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลตี้ตู บอดี้การ์ดของเขาก็ยังไม่ได้สติ”

“ในร่างกายของเขามีกำลังภายในหลงเหลืออยู่ เพื่อปกป้องไม่ให้เขาตายในเวลาอันสั้น”

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก

ยาที่เธอให้เนี่ยเฉาถูกพวกจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณเห็นเข้าเหรอ

ถ้าเป็นจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณ แค่ได้กลิ่นก็สามารถรู้สึกได้ถึงความพิเศษของยาเม็ดนั้น

เธอใช้หลิงจือหิมะกับสมุนไพรหายากบางอย่างปรุงออกมาจนได้ยาชนิดนี้ สามารถทำให้คนธรรมดามีพรสวรรค์ที่จะฝึกเป็นจอมยุทธ สามารถทำให้จอมยุทธที่อยู่ในจุดอิ่มตัวทะลุผ่านจุดนั้นได้ ช่วยบำรุงถึงแก่นแท้ของร่างกายแพทย์แผนโบราณ

เพียงแต่สูตรปรุงยาชนิดนี้เป็นแค่ของเธอเท่านั้น ครั้งก่อนที่เธอมาโลกมนุษย์ก็ไม่เคยเปิดเผยสูตรยานี้ออกไปทั้งหมด เผยแค่นิดเดียว

ตอนนั้นเมิ่งจิ่งอวี้ต้องการหลิงจือหิมะต้นนี้ก็เป็นเพราะหลิงจือหิมะสามารถช่วยให้จอมยุทธพ้นจุดอิ่มตัวได้

เพียงแต่ถ้าทำตามสูตรของแพทย์แผนโบราณจะไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์

เธอถึงได้บอกเนี่ยเฉาว่ายาเม็ดนี้สำคัญมาก ห้ามเปิดให้คนนอกเห็น

สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลงเล็กน้อย

ผิดแผนแล้ว

เธอควรจะให้เนี่ยเฉากินทันทีที่เธอเอาให้

แต่ติดตรงที่ผลข้างเคียงเพียงอย่างเดียวของยาชนิดนี้คือ จะทำให้คนหลับยาวสิบห้าชั่วโมง

“เยาเยา ไม่ใช่ความผิดของเธอ” ฟู่อวิ๋นเซินจับมือเธอ แววตาขรึมลง

“พี่ชายไม่เคยเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าเก่งมากจะมีภัย”

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้สะบัดมือเขาออก แต่กลับจับไว้พลางพูด “ไปด้วย”

ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เหตุเกิดเพราะเธอ

เธอไม่มีทางปล่อยให้เนี่ยเฉาเป็นอะไรไป

ณ โรงพยาบาลตี้ตู

ภายในห้องไอซียู

แพทย์เจ้าของไข้ ผู้ช่วย พยาบาล ต่างกำลังยุ่งหัวหมุน เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

พวกเขาไม่เคยเห็นอาการบาดเจ็บที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน

มองจากภายนอกไม่มีร่องรอยอะไร แต่กระดูกและอวัยวะที่อยู่ภายในกลับแตกเละเทะ และที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ คนป่วยก็ยังมีลมหายใจอยู่ พยาบาลมองคลื่นหัวใจ พูดด้วยความร้อนรน

“หมอคะ สัญญาณชีพผู้ป่วยอ่อนแอมาก หัวใจหยุดเต้นค่ะ”

หมอเจ้าของไข้รีบสั่งทันที “รีบเอาเครื่องกระตุ้นหัวใจมา”

แต่พวกเขาก็ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจลำบาก

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ที่หน้าห้องไอซียู ผู้เฒ่าเนี่ยรอด้วยความกระวนกระวายใจ เดินไปเดินมาไม่หยุด

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงไฟของห้องผ่าตัดถึงดับลง

ประตูเปิดออก มีหมอเดินออกมาหนึ่งคน

ผู้เฒ่าเนี่ยรีบเข้าไปหา “เป็นไงบ้างครับ”

“กระดูกและอวัยวะภายในของผู้ป่วยบาดเจ็บสาหัส ขอให้ญาติ…” หมอหยุดเล็กน้อย จากนั้นถึงพูดต่อด้วยความยากลำบาก

“ทำใจไว้หน่อยนะครับ”

ผู้เฒ่าเนี่ยได้ยินแบบนี้ก็เป็นลมทันที

พ่อบ้านตกใจหน้าถอดสี “คุณท่าน!”

เวลานี้มีเสียงเย็นชาพูดขึ้น “ขอห้องพักผู้ป่วยอีกห้องครับ”

พ่อบ้านเงยหน้าทันที เห็นเนี่ยอี้ที่สีหน้าสุขุมเย็นชาเดินเข้ามา เขาถึงโล่งอกขึ้นมาบ้าง “คุณชายใหญ่”

เนี่ยอี้ให้ผู้เฒ่าเนี่ยกินยาหนึ่งเม็ดก่อน จากนั้นถึงให้หมอพาไปส่งห้องพักผู้ป่วย

แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผู้เฒ่าเนี่ยก็ฟื้น รีบร้อนลงจากเตียง

“อี้เอ๋อร์ ปู่จะไปเชิญหมอแผนโบราณที่ตระกูลเมิ่งให้มารักษาน้องชายของแก ปกป้องชีพจรหัวใจของเขาไว้ก่อน”

เนี่ยอี้เงียบไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ พูดขึ้น

“เกรงว่าตระกูลเมิ่งคงไม่มีทางออกหน้าครับ”

ร่างกายของผู้เฒ่าเนี่ยหดเกร็ง สีหน้าก็ซีดลง

ถูกต้อง

จะจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณต่างเหมือนกัน ความขัดแย้งภายในมีมาก แต่เมื่อเผชิญกับโลกภายนอกกลับสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว

เนี่ยเฉาถูกจอมยุทธทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ตระกูลเมิ่งมีเหรอจะยอมเป็นศัตรูกับตระกูลจอมยุทธเพื่อช่วยเขา

ร่างกายของผู้เฒ่าเนี่ยโงนเงน

หรือว่าจะต้อง…

มีเสียงพูดดังขึ้น เย็นชาดุจหิมะ “เนี่ยเฉาอยู่ที่ไหน”

เนี่ยอี้ชะงัก หันไปมอง

อิ๋งจื่อจินอยู่ในชุดปลอดเชื้อ สวมถุงมือเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของเธอเย็นชาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ความเย็นชาแบบนี้ทำให้เนี่ยอี้รู้สึกหนาวสุดขั้ว

แววตาของเนี่ยอี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณอิ๋ง?”

เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟู่อวิ๋นเซินฟัง

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันจะเข้าไป เขาไม่มีทางเป็นอะไร”

บรรดาหมอเจ้าของไข้ของโรงพยาบาลตี้ตูต่างรู้จักอิ๋งจื่อจิน

ตอนนี้เห็นเธอมาแล้วต่างรู้สึกโล่งอกแบบไม่ได้นัดหมาย

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกและปิดลงอีกครั้ง

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเข้าไป ไม่กี่นาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ขึ้นมา

เขาพูดเข้าประเด็น “ตระกูลไหน”

แววตาของเนี่ยอี้เย็นชา “ร่องรอยถูกลบไปหมดแล้ว”

ตรงทางเข้าสวนแห่งนั้นมีกล้องวงจรปิด แต่ด้านในไม่มี

ตอนนี้เป็นหน้าหนาว สองทุ่มฟ้าก็มืดจนมองไม่เห็นแล้ว

จอมยุทธแค่ใช้กำลังภายในก็จัดการร่องรอยได้ทั้งหมด ถึงขั้นที่แม้แต่ใบไม้ร่วงก็สามารถเอากลับที่เดิมได้ ต่อให้พนักงานสอบสวนไปดูด้วยตัวเองก็สืบไม่พบอะไร

นี่ก็คือจุดแข็งของจอมยุทธ

ด้วยเหตุนี้วงการจอมยุทธถึงได้มีกฎตายตัวที่ว่า จอมยุทธห้ามข้องเกี่ยวเรื่องของปุถุชนเด็ดขาด

มิฉะนั้นโลกจะเกิดความโกลาหล

เนี่ยอี้สันนิษฐานว่า จอมยุทธที่ทำร้ายเนี่ยเฉาเป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธ์มามากกว่ายี่สิบปี ฝีมือระดับนี้หากเป็นในตระกูลหลิงอย่างมากก็แค่ระดับกลางๆ

ถ้าสำหรับตระกูลหลินยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่

แต่ถ้าเป็นในตระกูลเล็กๆ ถือว่าอยู่ในระดับทีมคุ้มกันได้แล้ว

หากคิดจะควานหาตัวไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร

“ถูกลบเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม เขาพูด “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร “ไปสืบดู เมื่อวานมีตระกูลไหนออกจากโลกจอมยุทธบ้าง ขอรายชื่อ ห้ามตกหล่นแม้แต่คนเดียว เอามาภายในห้านาที”

ผู้เฒ่าเนี่ยนั่งนิ่ง เอาแต่จ้องประตูห้องผ่าตัด ไม่ได้ยินว่าคนรอบตัวพูดอะไร

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกอีกครั้ง

อิ๋งจื่อจินเดินออกมา หน้าซีดเล็กน้อย

ฟู่อวิ๋นเซินรีบเข้าไปประคองเธอไว้ “เยาเยา?”

อิ๋งจื่อจินผ่อนลมหายใจ “ฉันไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย”

“วางใจได้ พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่เป็นอะไร” อิ๋งจื่อจินเช็ดเหงื่อบนศีรษะ

“แต่ยังไม่ฟื้น น่าจะอีกหลายวัน”

โชคดีที่เนี่ยเฉากินยาที่เธอให้ลงไปแล้ว

ในเวลาหนึ่งวันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเกิดกำลังภายในขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ไม่อย่างนั้นจะทิ้งอาการเรื้อรังที่สาหัสมากเอาไว้

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยที่อกสั่นขวัญแขวนก็โล่งอก เขาพึมพำ

“งั้นก็ดี…งั้นก็ดี”

อิ๋งจื่อจินถอดชุดผ่าตัด เงยหน้าขึ้น “ตระกูลไหน”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ตระกูลอวี๋”

“งั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกอะไร น้ำเสียงไร้ความอ่อนโยน “จัดการให้สิ้นซาก”

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยก็อดตกใจไม่ได้ “ไม่ได้เด็ดขาดครับคุณอิ๋ง”

เนี่ยเฉาปลอดภัย เขาก็ตัดสินใจถอยแล้ว

จะลากคนอื่นเข้ามาพัวพันไม่ได้

“ปู่เนี่ยวางใจได้ครับ” มือของฟู่อวิ๋นเซินจับบ่าอิ๋งจื่อจิน

“ถ้าเยาเยาบอกว่าให้จัดการ งั้นตระกูลอวี๋ก็จะไม่เหลือซากครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 373 อิ๋งจื่อจินออกโรง ‘จัดการตระกูลอวี๋ให้สิ้นซาก’

ตระกูลเนี่ยยังมีคฤหาสน์ใหญ่อีกหนึ่งแห่งอยู่ในวงแหวนรอบสอง คนตระกูลเนี่ยส่วนใหญ่จะพักอยู่ในเขตเมืองเพราะต้องทำงาน

หลังจากผู้เฒ่าเนี่ยยกบริษัทให้เนี่ยเฉาก็ถือว่าเกษียณตัวเองแล้ว ถึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านเก่า

ใกล้ถึงวันตรุษจีน คนรับใช้ส่วนหนึ่งกลับบ้านไปกันแล้ว

ตอนนี้เป็นตอนเย็น ผู้เฒ่าเนี่ยอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขกคนเดียว

พวกแม่ครัวทำงานกันอยู่ในครัวเพื่อเตรียมมื้อดึกให้เนี่ยเฉา

ผู้เฒ่าเนี่ยไม่คิดว่าจะเป็นเนี่ยเฉา

เนี่ยเฉามีกุญแจบ้าน เปิดเข้ามาเองได้

ตระกูลเนี่ยอบรมสั่งสอนกันอย่างเข้มงวด เขาไม่มีทางใช้วิธีเคาะประตูแบบนี้

ผู้เฒ่าเนี่ยรู้สึกแปลกใจมาก

จนกระทั่งเขาเปิดประตูออกแล้วเห็นคนที่นอนอยู่บนพื้น

พลังฝ่ามือของชายวัยกลางคนเดิมทีก็ทำให้เนี่ยเฉาอาการสาหัสอยู่แล้ว

คนหนุ่มสามคนนั้นหามเนี่ยเฉามาตลอดทางก็ไม่ได้มีการช่วยป้องกันอะไร อาการจึงยิ่งสาหัสกว่าเดิม

เพื่อให้แน่ใจว่าเนี่ยเฉาไม่มีทางตาย ชายวัยกลางคนยังได้ถ่ายทอดกำลังภายในให้เล็กน้อยเพื่อปกป้องชีพจรหัวใจ

เพียงแต่กำลังภายในที่ว่านี้สลายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันสลายไป อาการก็ทรุดยิ่งกว่าเดิม

ไม่ว่าอย่างไรเนี่ยเฉาก็เป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ตายในมือพวกเขา หากจะตายก็ต้องตายที่โรงพยาบาล

เนี่ยเฉานอนแน่นิ่งอยู่บนบันได ใบหน้าของเขาไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ทั้งยังมีเลือดไหลตรงมุมปาก

ผู้เฒ่าเนี่ยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน สมัยหนุ่มๆ ชอบออกไปฝึกฝนตัวเอง มีเหรอจะไม่เคยบาดเจ็บ บาดแผลบนตัวเขาจะเจ็บ แต่เขาทนไหว

แต่นี่ไม่เหมือนกัน

นี่คือหลานชายของเขา

น้ำตาไหลออกมาทันที

อันที่จริงเนี่ยเฉาไม่รู้ว่า บางครั้งผู้เฒ่าเนี่ยก็ลำเอียงรักเขามากกว่า เพราะตระกูลเนี่ยมีเนี่ยอี้แบกไว้อยู่ ขอแค่เนี่ยเฉาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว

ผู้เฒ่าเนี่ยนั่งลงตัวสั่น เขายื่นมือออกไป แต่กลับไม่กล้าแตะ “ไอ้หลานบ้า” เนี่ยเฉาไม่ตอบสนอง

ลมหายใจแผ่วเบา

“คุณท่าน!” พ่อบ้านเดินออกมาจากข้างสวนหย่อม เขาเพิ่งสั่งงานคนสวนเสร็จ

พอเสร็จงานก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาตื่นตระหนกราวกับมีฟ้าผ่ากลางหัว

“คุณท่าน คุณชายรอง…”

เนี่ยเฉาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย คนที่คิดเล่นงานเขามีอยู่ไม่น้อย

จ้างนักฆ่าหรือนักแม่นปืนมาแอบลอบฆ่าเขา แต่ก็ส่วนใหญ่ก็เป็นชั้นปลายแถวทั้งนั้น ตระกูลเนี่ยรับมือได้ แต่ตอนนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเนี่ยเฉา พวกเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียง

พ่อบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ในตี้ตูมีคนกล้าลงมือกับผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ยจริงๆ เหรอ

ทว่าผู้เฒ่าเนี่ยเดาไม่ออก คนที่ทำได้ถึงขั้นที่เงียบเชียบไร้เสียง มีแค่จอมยุทธ อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธที่ฝึกมาอย่างน้อยยี่สิบปี

พ่อบ้านร้อนรนรีบโทรเรียกรถฉุกเฉิน มือก็สั่นไม่หยุด

พวกเขาปฐมพยาบาลไม่เป็น ตอนนี้เนี่ยเฉาสลบไม่ได้สติ แทบไม่มีลมหายใจ ยิ่งไม่กล้าแตะต้องเข้าไปใหญ่

พ่อบ้านโทรหนึ่งสองศูนย์เรียกรถฉุกเฉินเสร็จก็โทรหาเนี่ยอี้ทั้งที่มือยังสั่นอยู่ เขาพูดเสียงสะอื้น

“คุณชายใหญ่ครับ รีบกลับมาเถอะครับ เกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายรองแล้ว…”

ในเวลาเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง

ฟู่อวิ๋นเซินเพิ่งรับอิ๋งจื่อจินกลับมาจากค่ายติวไอเอสซี

ค่ายติวไอเอสซีครั้งที่สองจบลงแล้ว

พอพ้นตรุษจีน รอบคัดเลือกรอบที่สองของไอเอสซีก็จะจบลง เดือนพฤษภาคมจะเป็นการเริ่มรอบตัดสินระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการ สุดท้ายจะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยคนจากทั่วโลกไปยืนอยู่ในสนามแข่งขันรอบตัดสินระดับนานาชาติ เพื่อประลองหาผู้ชนะ

หลังจากอิ๋งจื่อจินอ่านข้อมูลที่จั่วหลีส่งมาให้เสร็จ เธอหันไปก็เห็นฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาดอกท้อที่ลุ่มลึกกำลังมองเธออยู่

ราวกับมีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

อิ๋งจื่อจินชะงัก “ทำอะไร”

“เปล่า” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ เก็บอาการ “กำลังคิดว่าทำไมพี่ชายไม่เด็กกว่านี้สักสองสามปี”

เขาเพิ่งอ่านวรรณกรรมที่เข้ากับชีวิต

เขียนถึงการแอบรักในรั้วโรงเรียน ส่วนเขาเป็นนักเรียนมอปลาย

เขียนใช้ได้เลยทีเดียว ชวนให้เข้าถึงความรู้สึก

อิ๋งจื่อจินตอบแบบขอไปที “ช่วงนี้ฉันไม่ได้บอกว่าคุณแก่”

“อืม แน่ล่ะว่าแก่ไม่ได้” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้วเล็กน้อย

“พอแก่ตัวเอวกับขาจะไม่ดี ต่อไปถ้าเธอหลับจะอุ้มยังไง”

บางครั้งคำพูดของบางคนก็สะกิดใจให้หวั่นไหวได้

ก็ไม่รู้ว่าพอพูดจนชินแล้วจะมีใจหรือไม่ตั้งใจ

อิ๋งจื่อจินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “งั้นคุณก็แก่ไปเถอะ”

“เดี๋ยวนะเด็กน้อย…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ใจดำขนาดนี้เลยเหรอ”

อิ๋งจื่อจินหยิบหมอนบนเตียงปาออกไป

โดนเขาอย่างแม่นยำ

“เอาล่ะ ไม่แกล้งแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินเลือกที่จะยอมแพ้ เขารับหมอนไว้

“พี่ชายน่ะ ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยว ขาดคู่เต้นรำในงานเลี้ยงตรุษจีนของตระกูลเนี่ย เยาเยา?”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา ค่อยๆ พูดขึ้น “ขอโทษจริงๆ ฉันเต้นรำไม่เป็น”

เมื่อก่อนช่วงที่เธอพักอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์ใหญ่ๆ ในยุโรป ดูพวกเจ้าชายเจ้าหญิงเต้นรำกันในพระราชวังจนเบื่อแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงโซฟา สีหน้าเรื่อยเปื่อย

“ไม่เป็นไร อะไรที่เธอไม่เป็น พี่ชายสอนให้ได้ทั้งนั้น”

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้นในเวลานี้ ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ

ฟู่อวิ๋นเซินมองเบอร์ที่โทรเข้ามา แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากดรับ “ว่าไง”

เขาฟังเสียงที่ลอดออกมา รอยยิ้มในดวงตาดอกท้อหายไปทีละนิด จนกระทั่งเย็นชาสนิท

ความเย็นชาแผ่ซ่านรอบตัวเขาในชั่วพริบตา จนถึงขีดจำกัด

ทว่าน้ำเสียงของเขากลับยังคงใจเย็น ถึงขั้นที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

แต่กลับยิ่งทวีความน่ากลัว น้ำนิ่งไหลลึก

สุดท้ายฟู่อวิ๋นเซินพูดว่า “เข้าใจแล้ว”

อิ๋งจื่อจินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ”

“เกิดเรื่องขึ้นกับเนี่ยเฉาแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินยังคงสุขุม เขาสวมเสื้อโค้ท

“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลตี้ตู บอดี้การ์ดของเขาก็ยังไม่ได้สติ”

“ในร่างกายของเขามีกำลังภายในหลงเหลืออยู่ เพื่อปกป้องไม่ให้เขาตายในเวลาอันสั้น”

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก

ยาที่เธอให้เนี่ยเฉาถูกพวกจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณเห็นเข้าเหรอ

ถ้าเป็นจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณ แค่ได้กลิ่นก็สามารถรู้สึกได้ถึงความพิเศษของยาเม็ดนั้น

เธอใช้หลิงจือหิมะกับสมุนไพรหายากบางอย่างปรุงออกมาจนได้ยาชนิดนี้ สามารถทำให้คนธรรมดามีพรสวรรค์ที่จะฝึกเป็นจอมยุทธ สามารถทำให้จอมยุทธที่อยู่ในจุดอิ่มตัวทะลุผ่านจุดนั้นได้ ช่วยบำรุงถึงแก่นแท้ของร่างกายแพทย์แผนโบราณ

เพียงแต่สูตรปรุงยาชนิดนี้เป็นแค่ของเธอเท่านั้น ครั้งก่อนที่เธอมาโลกมนุษย์ก็ไม่เคยเปิดเผยสูตรยานี้ออกไปทั้งหมด เผยแค่นิดเดียว

ตอนนั้นเมิ่งจิ่งอวี้ต้องการหลิงจือหิมะต้นนี้ก็เป็นเพราะหลิงจือหิมะสามารถช่วยให้จอมยุทธพ้นจุดอิ่มตัวได้

เพียงแต่ถ้าทำตามสูตรของแพทย์แผนโบราณจะไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์

เธอถึงได้บอกเนี่ยเฉาว่ายาเม็ดนี้สำคัญมาก ห้ามเปิดให้คนนอกเห็น

สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลงเล็กน้อย

ผิดแผนแล้ว

เธอควรจะให้เนี่ยเฉากินทันทีที่เธอเอาให้

แต่ติดตรงที่ผลข้างเคียงเพียงอย่างเดียวของยาชนิดนี้คือ จะทำให้คนหลับยาวสิบห้าชั่วโมง

“เยาเยา ไม่ใช่ความผิดของเธอ” ฟู่อวิ๋นเซินจับมือเธอ แววตาขรึมลง

“พี่ชายไม่เคยเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าเก่งมากจะมีภัย”

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้สะบัดมือเขาออก แต่กลับจับไว้พลางพูด “ไปด้วย”

ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เหตุเกิดเพราะเธอ

เธอไม่มีทางปล่อยให้เนี่ยเฉาเป็นอะไรไป

ณ โรงพยาบาลตี้ตู

ภายในห้องไอซียู

แพทย์เจ้าของไข้ ผู้ช่วย พยาบาล ต่างกำลังยุ่งหัวหมุน เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

พวกเขาไม่เคยเห็นอาการบาดเจ็บที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน

มองจากภายนอกไม่มีร่องรอยอะไร แต่กระดูกและอวัยวะที่อยู่ภายในกลับแตกเละเทะ และที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ คนป่วยก็ยังมีลมหายใจอยู่ พยาบาลมองคลื่นหัวใจ พูดด้วยความร้อนรน

“หมอคะ สัญญาณชีพผู้ป่วยอ่อนแอมาก หัวใจหยุดเต้นค่ะ”

หมอเจ้าของไข้รีบสั่งทันที “รีบเอาเครื่องกระตุ้นหัวใจมา”

แต่พวกเขาก็ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจลำบาก

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ที่หน้าห้องไอซียู ผู้เฒ่าเนี่ยรอด้วยความกระวนกระวายใจ เดินไปเดินมาไม่หยุด

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงไฟของห้องผ่าตัดถึงดับลง

ประตูเปิดออก มีหมอเดินออกมาหนึ่งคน

ผู้เฒ่าเนี่ยรีบเข้าไปหา “เป็นไงบ้างครับ”

“กระดูกและอวัยวะภายในของผู้ป่วยบาดเจ็บสาหัส ขอให้ญาติ…” หมอหยุดเล็กน้อย จากนั้นถึงพูดต่อด้วยความยากลำบาก

“ทำใจไว้หน่อยนะครับ”

ผู้เฒ่าเนี่ยได้ยินแบบนี้ก็เป็นลมทันที

พ่อบ้านตกใจหน้าถอดสี “คุณท่าน!”

เวลานี้มีเสียงเย็นชาพูดขึ้น “ขอห้องพักผู้ป่วยอีกห้องครับ”

พ่อบ้านเงยหน้าทันที เห็นเนี่ยอี้ที่สีหน้าสุขุมเย็นชาเดินเข้ามา เขาถึงโล่งอกขึ้นมาบ้าง “คุณชายใหญ่”

เนี่ยอี้ให้ผู้เฒ่าเนี่ยกินยาหนึ่งเม็ดก่อน จากนั้นถึงให้หมอพาไปส่งห้องพักผู้ป่วย

แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผู้เฒ่าเนี่ยก็ฟื้น รีบร้อนลงจากเตียง

“อี้เอ๋อร์ ปู่จะไปเชิญหมอแผนโบราณที่ตระกูลเมิ่งให้มารักษาน้องชายของแก ปกป้องชีพจรหัวใจของเขาไว้ก่อน”

เนี่ยอี้เงียบไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ พูดขึ้น

“เกรงว่าตระกูลเมิ่งคงไม่มีทางออกหน้าครับ”

ร่างกายของผู้เฒ่าเนี่ยหดเกร็ง สีหน้าก็ซีดลง

ถูกต้อง

จะจอมยุทธหรือแพทย์แผนโบราณต่างเหมือนกัน ความขัดแย้งภายในมีมาก แต่เมื่อเผชิญกับโลกภายนอกกลับสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว

เนี่ยเฉาถูกจอมยุทธทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ตระกูลเมิ่งมีเหรอจะยอมเป็นศัตรูกับตระกูลจอมยุทธเพื่อช่วยเขา

ร่างกายของผู้เฒ่าเนี่ยโงนเงน

หรือว่าจะต้อง…

มีเสียงพูดดังขึ้น เย็นชาดุจหิมะ “เนี่ยเฉาอยู่ที่ไหน”

เนี่ยอี้ชะงัก หันไปมอง

อิ๋งจื่อจินอยู่ในชุดปลอดเชื้อ สวมถุงมือเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของเธอเย็นชาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ความเย็นชาแบบนี้ทำให้เนี่ยอี้รู้สึกหนาวสุดขั้ว

แววตาของเนี่ยอี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณอิ๋ง?”

เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟู่อวิ๋นเซินฟัง

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันจะเข้าไป เขาไม่มีทางเป็นอะไร”

บรรดาหมอเจ้าของไข้ของโรงพยาบาลตี้ตูต่างรู้จักอิ๋งจื่อจิน

ตอนนี้เห็นเธอมาแล้วต่างรู้สึกโล่งอกแบบไม่ได้นัดหมาย

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกและปิดลงอีกครั้ง

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเข้าไป ไม่กี่นาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ขึ้นมา

เขาพูดเข้าประเด็น “ตระกูลไหน”

แววตาของเนี่ยอี้เย็นชา “ร่องรอยถูกลบไปหมดแล้ว”

ตรงทางเข้าสวนแห่งนั้นมีกล้องวงจรปิด แต่ด้านในไม่มี

ตอนนี้เป็นหน้าหนาว สองทุ่มฟ้าก็มืดจนมองไม่เห็นแล้ว

จอมยุทธแค่ใช้กำลังภายในก็จัดการร่องรอยได้ทั้งหมด ถึงขั้นที่แม้แต่ใบไม้ร่วงก็สามารถเอากลับที่เดิมได้ ต่อให้พนักงานสอบสวนไปดูด้วยตัวเองก็สืบไม่พบอะไร

นี่ก็คือจุดแข็งของจอมยุทธ

ด้วยเหตุนี้วงการจอมยุทธถึงได้มีกฎตายตัวที่ว่า จอมยุทธห้ามข้องเกี่ยวเรื่องของปุถุชนเด็ดขาด

มิฉะนั้นโลกจะเกิดความโกลาหล

เนี่ยอี้สันนิษฐานว่า จอมยุทธที่ทำร้ายเนี่ยเฉาเป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธ์มามากกว่ายี่สิบปี ฝีมือระดับนี้หากเป็นในตระกูลหลิงอย่างมากก็แค่ระดับกลางๆ

ถ้าสำหรับตระกูลหลินยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่

แต่ถ้าเป็นในตระกูลเล็กๆ ถือว่าอยู่ในระดับทีมคุ้มกันได้แล้ว

หากคิดจะควานหาตัวไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร

“ถูกลบเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม เขาพูด “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร “ไปสืบดู เมื่อวานมีตระกูลไหนออกจากโลกจอมยุทธบ้าง ขอรายชื่อ ห้ามตกหล่นแม้แต่คนเดียว เอามาภายในห้านาที”

ผู้เฒ่าเนี่ยนั่งนิ่ง เอาแต่จ้องประตูห้องผ่าตัด ไม่ได้ยินว่าคนรอบตัวพูดอะไร

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกอีกครั้ง

อิ๋งจื่อจินเดินออกมา หน้าซีดเล็กน้อย

ฟู่อวิ๋นเซินรีบเข้าไปประคองเธอไว้ “เยาเยา?”

อิ๋งจื่อจินผ่อนลมหายใจ “ฉันไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย”

“วางใจได้ พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่เป็นอะไร” อิ๋งจื่อจินเช็ดเหงื่อบนศีรษะ

“แต่ยังไม่ฟื้น น่าจะอีกหลายวัน”

โชคดีที่เนี่ยเฉากินยาที่เธอให้ลงไปแล้ว

ในเวลาหนึ่งวันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเกิดกำลังภายในขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ไม่อย่างนั้นจะทิ้งอาการเรื้อรังที่สาหัสมากเอาไว้

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยที่อกสั่นขวัญแขวนก็โล่งอก เขาพึมพำ

“งั้นก็ดี…งั้นก็ดี”

อิ๋งจื่อจินถอดชุดผ่าตัด เงยหน้าขึ้น “ตระกูลไหน”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ตระกูลอวี๋”

“งั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกอะไร น้ำเสียงไร้ความอ่อนโยน “จัดการให้สิ้นซาก”

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยก็อดตกใจไม่ได้ “ไม่ได้เด็ดขาดครับคุณอิ๋ง”

เนี่ยเฉาปลอดภัย เขาก็ตัดสินใจถอยแล้ว

จะลากคนอื่นเข้ามาพัวพันไม่ได้

“ปู่เนี่ยวางใจได้ครับ” มือของฟู่อวิ๋นเซินจับบ่าอิ๋งจื่อจิน

“ถ้าเยาเยาบอกว่าให้จัดการ งั้นตระกูลอวี๋ก็จะไม่เหลือซากครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+